ณ ป่ารกร้างแห่งหนึ่ง ดวงจันทร์เด่นสง่า ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น
มีเงาร่างสองร่างแอบมารวมตัวกัน ก่อนจะยื่นศีรษะออกมาจากด้านหลังเนินเขา เหม่อมองท้องฟ้าอันห่างไกล
“ลุงเยี่ยน สถานการณ์เป็อย่างไรบ้าง?”
“นายน้อย ข้าไปตรวจสอบมาหมดแล้ว ด้านหน้าก็คือท่าเรือหลงหยา นั่งเรือจากตรงนั้นสามารถเข้าไปทะเลล่วนซิงได้ แต่…พวกเราจะไปทะเลล่วนซิงจริงหรือ?“
รอยย่นบนใบหน้าของลุงเยี่ยนขมวดกันจนเป็ก้อน ในใจรู้สึกลังเล
‘ทะเลล่วนซิง‘ ฟังแค่ชื่อก็รู้แล้วว่าไม่ใช่สถานที่ดีอะไรนัก และความจริงก็เป็เช่นนั้น
แผ่นดินเซียนฉยงมีเก้าทวีปสามเกาะ ระหว่างทวีปขวางกั้นด้วยมหาสมุทรไร้สิ้นสุด หากไม่มีคนนำทาง อาจจะหลงทางในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ และทะเลล่วนซิงคือหนึ่งในสถานที่ค่อนข้างอันตรายในมหาสมุทรไร้สิ้นสุดแห่งนี้
ถึงแม้ทะเลล่วนซิงจะอันตรายมาก แต่ที่นั่นก็ผลิตสมบัติล้ำค่าและทรัพยากรต่างๆ มากมาย ทั้งยังใกล้ทวีปไท่เซวียน จึงมีผู้บำเพ็ญเซียนไม่น้อยเข้าไปเสี่ยงโชค ไขว่คว้าเกียรติยศและความร่ำรวย
ทวีปไท่เซวียนในปัจจุบัน มีผู้แข็งแกร่งชื่อเสียงโด่งดังไม่น้อยที่เคยไปทะเลล่วนซิง บางคนไปบำเพ็ญฝึกฝน บางคนร่ำรวยภายในคืนเดียว
สาเหตุที่ลุงเยี่ยนกังวล เป็เพราะคนธรรมดาในทะเลล่วนซิงนั้นต่ำต้อยมาก…ต่ำต้อยเพียงใดหรือ? หากมีคนธรรมดาหนึ่งหมื่นคนเข้าไปทะเลล่วนซิง ทั้งหมดนั้นอาจจะไม่รอดกลับมาแม้แต่คนเดียว
”ลุงเยี่ยน ข้าขอโทษด้วย หากเป็ไปได้ ข้าเองก็ไม่อยากจากบ้านเกิดเมืองนอน!“
จั๋วอวิ๋นเซียนเผยความรู้สึกซับซ้อน กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ”ต้าถังอันยิ่งใหญ่ บัดนี้ไม่มีที่ให้พวกเราอยู่แล้ว และเขตชายแดนถูกราชสำนักปิดล้อมไว้หมดแล้ว เกรงว่าหากพวกเรายังไม่ออกจากเขตชายแดนต้าถัง อาจจะถูกพวกเขาพบตัวได้ เทียบกับนั่งรอความตายแล้ว มิสู้ทุ่มสุดตัวดีกว่า“
ถึงแม้ทะเลล่วนซิงจะวุ่นวาย แต่จั๋วอวิ๋นเซียนมั่นใจว่าจะมีชีวิตรอดและพาลุงเยี่ยนมีชีวิตต่อไป เพราะ่นี้ตราประทับของเขาเริ่มควบรวมได้แล้ว เพลิงิญญาเริ่มลุกโชนอีกครั้ง…ถูกทำลายและสร้างขึ้นใหม่ ขอบเขตจิตของเขากว้างใหญ่ยิ่งขึ้น สามารถหลีกเลี่ยงอันตรายล่วงหน้าได้ นี่ก็คือสิ่งที่ทำให้เขากล้าเข้าสู่ทะเลล่วนซิง
อีกทั้งทะเลล่วนซิงยังเป็สถานที่ที่ค่อนข้างอิสระ มิได้อยู่ในการควบคุมของต้าถัง ทั้งยังไม่โดนกฎวิถีเซียนผูกมัด ตระกูลซีโหลวกับขั้วอำนาจเื้ัยากจะเคลื่อนไหวตามใจชอบเมื่ออยู่ในทะเลล่วนซิง
ยิ่งไปกว่านั้นพวกซีโหลวเหวินอวี่คงคิดไม่ถึงว่า คนธรรมดาอย่างจั๋วอวิ๋นเซียนกับลุงเยี่ยน จะรนหาที่ตายเข้าไปในทะเลล่วนซิง นี่เรียกว่าสถานที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด!
……
ลุงเยี่ยนเข้าใจความตั้งใจของจั๋วอวิ๋นเซียน ถึงแม้จะกังวลใจไม่น้อย แต่ก็ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายชาญฉลาดมากจริงๆ เขาเป็คนใจเย็นมากกว่าที่คิด ใจเย็นจนไม่เหมือนกับเด็กหนุ่มธรรมดาๆ คนหนึ่ง
ลุงเยี่ยนเลิกคิดเื่ไร้สาระก่อนพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ก็ได้ เช่นนั้นพวกเราไปทะเลล่วนซิงกัน อย่างมากข้าก็คงทิ้งกระดูกแก่ๆ เอาไว้ที่นั่น”
“ลุงเยี่ยนอย่ามองโลกในแง่ร้ายเกินไปนัก พวกเราต้องมีชีวิตที่ดีได้แน่”
เมื่อพูดจบจั๋วอวิ๋นเซียนดีดนิ้วเบาๆ เปลวเพลิงสีชาดปรากฏที่ปลายนิ้วของเขา ถึงแม้จะดูอ่อนแอมาก แต่กลับมั่นคงไม่มีวันดับสูญ
“นายน้อย! นี่ท่าน…”
ลุงเยี่ยนตื่นเต้นจนพูดไม่ออก เพราะเขาเหมือนนึกอะไรขึ้นได้
เพียงแต่ลุงเยี่ยนมีชีวิตมานานขนาดนี้ ผ่านเหตุการณ์ใหญ่โตมานับไม่ถ้วน เขาจึงควบคุมอารมณ์ตัวเองได้อย่างรวดเร็วและไม่ได้ถามต่อ
“นายน้อย พวกเราไปกันเถอะ ออกเดินทางทันที”
ตอนนี้ลุงเยี่ยนอยากจะออกจากที่นี่เต็มทนแล้ว ขอเพียงออกจากที่นี่ จั๋วอวิ๋นเซียนถึงจะได้โบยบินบนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ยิ่งขึ้น
“ลุงเยี่ยนท่านไปก่อนเลย ข้ายังต้องรอก่อน”
“รอหรือ? ด้านหน้าก็คือท่าเรือหลงหยาแล้ว ท่านยังรออะไรอีก?”
“เพราะข้าจะรอข่าวอยู่ที่นี่ พร้อมทั้งชำระผลกรรมไปด้วย”
“ข่าวหรือ? ผลกรรมหรือ?”
ลุงเยี่ยนส่ายศีรษะอย่างขมขื่น เขาฟังไม่เข้าใจว่าจั๋วอวิ๋นเซียนกำลังพูดอะไรและไม่เข้าใจด้วยว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
กล่าวตามตรง เดิมทีลุงเยี่ยนคิดว่าตัวเองเฝ้าดูจั๋วอวิ๋นเซียนเติบโตจึงค่อนข้างรู้จักอีกฝ่ายดี ทว่าหลายวันมานี้เขาพาจั๋วอวิ๋นเซียนหลบหนีไปทั่วทุกสารทิศ เขาถึงพบว่าเด็กหนุ่มที่เขาเฝ้าดูั้แ่เด็กจนโต ยิ่งโตยิ่งเหมือนคนแปลกหน้าไปแล้ว
เมื่อก่อนถึงแม้จั๋วอวิ๋นเซียนจะมีนิสัยเก็บตัวโดดเดี่ยว แต่ก็เป็คนจิตใจดีและอบอุ่น ทว่าหลังจากที่บิดาเกิดเื่ นิสัยของเขาก็ยิ่งเ็าขึ้นเรื่อยๆ และไม่เคยยิ้มอีกเลย กลายเป็คนเงียบขรึมยิ่งกว่าเก่า
ลุงเยี่ยนค่อนข้างกังวล มิใช่กังวลว่าจั๋วอวิ๋นเซียนจะเดินผิดทาง แต่กังวลว่านิสัยของอีกฝ่ายจะดื้อรั้นเกินไป อาจจะเดินไปบนเส้นทางสุดโต่งอย่างการสังหารหรือการทำลายล้าง
ท้ายที่สุดลุงเยี่ยนจึงเดินทางจากไปก่อน เขาตัดสินใจไปเตรียมเรือมุ่งหน้าสู่ทะเลล่วนซิง
จั๋วอวิ๋นเซียนมองท้องฟ้ายามราตรีอย่างสงบนิ่ง ในใจไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ
……
ผ่านไปไม่นานก็มีสายฟ้าพุ่งผ่านอากาศ ก่อนจะมีล้อเหินเวหาหลายสิบอันบินเข้ามา
จั๋วอวิ๋นเซียนหันหน้าเข้าหากองไฟ เหมือนกลัวว่าคนอื่นจะมองไม่เห็นเขา
จากนั้นผู้บำเพ็ญเซียนหลายสิบคนบินลงมาจากฟ้า ล้อมจั๋วอวิ๋นเซียนเอาไว้ โดยมีผู้นำเป็แม่บ้านแห่งตระกูลซีโหลว ป้าเหลยหลิง
“เ้าหนู ไม่หนีแล้วหรือ? หรือว่าเ้ารู้แล้วว่าตัวเองหนีไม่พ้น จึงยอมแพ้เสียก่อน? หากเป็เช่นนั้นก็นับว่าเ้ารู้จักประมาณตนดี!”
ป้าเหลยหลิงเกลียดจั๋วอวิ๋นเซียนเข้ากระดูก เพราะอีกฝ่ายตัดแขนของซีโหลวรั่วเมิ่งไปข้างหนึ่ง ทำให้นางได้รับโทษที่ปกป้องคุณหนูได้ไม่ดี หากมิใช่เพราะซีโหลวเหวินอวี่เห็นแก่ที่นางทำงานอย่างยากลำบาก เกรงว่าคงส่งนางไปพื้นที่รกร้างแล้ว
จั๋วอวิ๋นเซียนส่ายศีรษะกล่าวอย่างจริงจัง “ที่จริงแล้ว ข้ากำลังรอพวกเ้าอยู่”
เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนี้ ป้าเหลยหลิงรู้สึกขบขันมาก เด็กหนุ่มที่ถูกพวกเขาประกาศจับ ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ถึงกับบอกว่ากำลังรอพวกเขาอย่างมั่นใจ! ยังมีเื่ที่ไร้สาระกว่านี้อีกหรือ?
เพียงแต่เมื่อเห็นท่าทางสงบนิ่งของจั๋วอวิ๋นเซียนแล้ว เขาไม่เหมือนคนที่กำลังคุยโวโอ้อวด…ป้าเหลยหลิงจึงเริ่มรู้สึกร้อนใจขึ้นมา
“เ้าหนู ไอ้แก่เยี่ยนชางเป่ยเล่า? เขาอยู่ไหน? เรียกเขาออกมาเสีย!”
ป้าเหลยหลิงนึกอะไรขึ้นได้ จึงหันไปมองรอบด้าน ทว่ากลับไม่พบใครอื่นอีก
“ไม่ต้องมองแล้ว ลุงเยี่ยนไม่ได้อยู่ที่นี่ ข้าให้เขาจากไปก่อนแล้ว”
จั๋วอวิ๋นเซียนมองท้องฟ้าแล้วเปลี่ยนบทสนทนา “พวกเ้ามาช้ากว่าที่ข้าคาดเอาไว้ครึ่งวัน ดูท่าพี่สาวข้าคงไปถึงสำนักเซียนเทียนซูอย่างราบรื่นแล้ว”
“ทำไมเ้าถึง…”
เสียงพูดหยุดลง ป้าเหลยหลิงอับอายจนรู้สึกโมโห “ไอ้หนู เ้าคิดจะหลอกถามข้าหรือ?”
“เ้าคิดมากไปแล้ว”
จั๋วอวิ๋นเซียนกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ถึงแม้จะไม่มีกำไลสื่อิญญา แต่พวกเรามีศิลาสื่อใจ หากเกิดเื่กับพี่สาวของข้า ศิลาสื่อใจคงมีปฏิกิริยาไปแล้ว…แล้วก็ั้แ่เมื่อครู่จนถึงตอนนี้ เ้าไม่พูดถึงพี่สาวของข้าเลย และไม่ได้เอานางมาข่มขู่ข้าด้วย แสดงว่าพี่สาวของข้าไม่ได้อยู่ในมือพวกเ้า”
จั๋วอวิ๋นเซียนเว้นจังหวะครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่าดูจากปฏิกิริยาของเ้า ข้าน่าจะพูดถูกกระมัง”
เมื่อรู้ว่าจั๋วอวี้หวั่นปลอดภัยดี จั๋วอวิ๋นเซียนอดถอนหายใจโล่งอกมิได้ ข่าวนี้ถึงจะเป็ผลลัพธ์ที่เขา้ามากที่สุด
“หุบปากเสีย…”
ป้าเหลยหลิงเค้นเสียงเ็ากล่าว “ไอ้หนู เ้าอย่าได้ใจไปนัก หากจับเ้าได้ข้าจำเป็ต้องกลัวแม่หนูจั๋วอวี้หวั่นไม่กลับมาด้วยหรือ?”
ยังพูดไม่จบป้าเหลยหลิงชูไข่มุกสายฟ้า ปล่อยสายฟ้าสองสายไปทางจั๋วอวิ๋นเซียน!
น่าเสียดายที่จั๋วอวิ๋นเซียนเตรียมตัวอยู่ก่อนแล้ว ชั่วพริบตาที่ป้าเหลยหลิงลงมือ เขาก็โยนลูกปัดเพลิงอัสนีในมือไปทางอีกฝ่ายแล้ว ส่วนตัวเขานั้นพลิกกองเพลิงด้านหน้า ะโเข้าไปในหลุมทรายที่เตรียมเอาไว้
