กลุ่มเยาวชนเทียนคงก่อตั้งขึ้นโดยอาณาจักรชาง ผู้ที่สามารถเข้าร่วมกลุ่มนี้ได้จะต้องเป็วัยรุ่น และที่นี่ยังเป็สถานที่ฝึกองครักษ์ขององค์ชายและองค์หญิงแห่งอาณาจักรชางอีกด้วย คนสนิทหลายคนขององค์ชายและองค์หญิงก็ได้รับการฝึกฝนจากที่นี่
ใครก็ตามที่สามารถเข้าร่วมกลุ่มนี้ได้แสดงว่าไม่มีปัญหาในด้านของความภักดี
นอกจากความภักดีแล้ว ในด้านพลังวรยุทธ์ก็มีความโดดเด่นเป็อย่างมาก
เด็กทุกคนที่ก้าวเข้าสู่กลุ่มเยาวชนเทียนคงได้จะต้องมีความสามารถและศักยภาพที่แข็งแกร่ง หลังจากได้รับการคัดเลือกจากผู้มีอำนาจในราชวงศ์ชางตามลักษณะนิสัยและลักษณะทางกายภาพแล้ว พวกเขาจะจัดการฝึกฝนที่สอดคล้องกันให้กับคนเ่าั้ นอกจากนี้ยังจัดให้มีการฝึกแบบเอาเป็เอาตาย จนอาจกล่าวได้ว่าทุกคนเป็ผู้ล่า
ในขณะเดียวกันในกลุ่มของเยาวชนเทียนคงที่ลอยตัวอยู่บนหุบเขาสุสานัก็มีหมีขนสีทองอยู่ในนั้นด้วย
เยาวชนทุกคนยืนอยู่บนสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ที่สูงมากกว่าหนึ่งจั้ง มันมีขนสีทอง มีรูปร่างคล้ายกับหมีตัวใหญ่ ทุกคนถือหอกสีทอง และปลายหอกก็ถูกเคลือบด้วยน้ำสีทองหลายครั้ง พวกเขาสวมเสื้อเกราะสีทองและผ้าคลุมสีทอง ผมสีดำสนิทถูกรวบขึ้นแล้วประดับด้วยกวานสีทอง ตรงกลางระหว่างหัวคิ้วถูกแต้มด้วยลวดลายสีทอง ทำให้ดูสง่างามและมีอำนาจเหนือใคร
ไอพลังที่ปล่อยออกมาจากส่วนผสมที่ลงตัวของมนุษย์และสัตว์ประหลาดนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าพลังของัปีศาจ
"ตอนนี้เ้าคงเชื่อแล้วว่าหลัวเลี่ยจะไม่สามารถรอดพ้นฝ่ามือของข้าไปได้" ชางจื่อเฟิงเอามือไพล่หลัง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจและความพึงพอใจ
ต้วนเหยียนเจี๋ยหัวเราะและกล่าวว่า "เมื่อหมีขนทองและกลุ่มเยาวชนเทียนคงปรากฏตัวขึ้นแล้ว แม้ว่าหลัวเลี่ยจะมีอาชาเดือนดารัญอยู่ แต่เขาก็คงจะหนีไปไหนไม่ได้อีกแล้ว ฮ่าๆ มีข่าวลือว่าหมีขนทองมีวิธีการปิดผนึกยับยั้งการใช้วิชายุทธ์รูปแบบขนาดใหญ่ และสามารถยับยั้งการใช้วิชามหาสรรพฟ้าดินได้ ข้าจะรอดูว่าหลัวเลี่ยจะหนีไปได้อย่างไร"
มุมปากของชางจื่อเฟิงยกโค้งขึ้น เขาเอ่ยเบาๆ ว่า “หลัวเลี่ย ข้ารอให้เ้าปรากฏตัวออกมาแทบจะไม่ไหวแล้ว”
สัญชาตญาณการต่อสู้ทำให้หลัวเลี่ยลืมเื่เวลาและสถานที่
เขาเริ่มรู้สึกตัวหลังจากที่ผ่านไปได้สามเดือน
การจลาจลของัไม่ได้รุนแรงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้สถานการณ์เริ่มเบาลงอย่างเห็นได้ชัด นี่คือสถานการณ์ที่ค่อยๆ ใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของการจลาจลแล้ว และมันก็เป็เวลาที่ใกล้เคียงกับตอนที่ผู้มีประสบการณ์ได้คาดเดาเอาไว้
การจลาจลที่อ่อนกำลังลงทำให้หลัวเลี่ยหยุดฝึกฝนสัญชาตญาณการต่อสู้ของเขา
หลัวเลี่ยลอยอยู่ในอากาศ ปีก์เลี่ยหยางที่อยู่บนหลังของเขากระพือเบาๆ ทำให้เกิดเปลวไฟรอบๆ กายของเขา ัที่ดุร้ายเ่าั้ไม่กล้าก้าวเข้ามาแล้ว พวกมันกลัวหลัวเลี่ย ในระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมา แม้แต่จิตปีศาจก็ยังหวาดกลัวและไม่สามารถควบคุมเขาได้ ใครๆ ก็เห็นว่าสัญชาตญาณการต่อสู้ของหลัวเลี่ยนั้นน่ากลัวเพียงใดใน่สามเดือนที่ผ่านมา
ในขณะที่หลังจากสามเดือนของการต่อสู้ ความแข็งแกร่งของหลัวเลี่ยก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เขารู้สึกว่าเขาใกล้ถึงจุดสูงสุดของขั้นกลางในระดับหยินหยางแล้ว และอีกไม่นานเขาจะเข้าสู่ขั้นสุดท้ายของระดับหยินหยาง
เมื่อหลัวเลี่ยมองดูเกล็ดัปิงเหยียนที่เก็บรวบรวมไว้ในกระเป๋าเฉียนคุณ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
เดิมทีเขาอยากได้สามสิบหกเกล็ด แต่เมื่อดูจากจำนวนในตอนนี้แล้ว มันจะต้องมีมากกว่าสองถึงสามร้อยเกล็ดแน่ๆ
เคยมีการคาดเดาว่ามีัปิงเหยียนจำนวนประมาณนี้ในหุบเขาสุสานั
หลัวเลี่ยกลับไปทีู่เาัทมิฬ
ทันทีที่เขากลับมาหยางเสี้ยวเสีย หวงอวี้ และทุกคนก็เข้ามาต้อนรับเขา
ทุกคนไม่ว่าจะอายุเท่าไร ไม่ว่าจะเป็ผู้ชายหรือผู้หญิง ต่างก็ทำความเคารพหลัวเลี่ยโดยไม่จำเป็ต้องมีคนบอก
“ขอบคุณท่านอ๋องเซี่ยสำหรับคำแนะนำ!”
เมื่อเทียบกับอัจฉริยะที่อวดดีซึ่งปรากฏตัวในจัตุรัสเหยียนหลงในตอนนั้น โดยพื้นฐานแล้วผู้คนที่นี่กำลังดิ้นรนบนเส้นทางแห่งความเป็ความตายและมีความกตัญญูมากกว่า
หลัวเลี่ยไม่เสแสร้งและยอมรับการเคารพจากทุกคน
"ทุกท่านต่างมีวิธีการฝึกฝนเป็ของตนเอง และแต่ละคนก็มีความคิดเป็ของตนเอง เมื่อตอนที่ขับไล่จิตปีศาจ สิ่งที่ข้าท่องเป็ส่วนหนึ่งของแก่นแท้ของเคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์ ซึ่งพวกท่านก็สามารถศึกษามันได้มากเท่าที่พวกท่าน้า"
เขาไม่หวงวิชาเหมือนคนอื่นๆ
ฟังจากคำพูดของหลัวเลี่ยแล้ว เคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์อาจกล่าวได้ว่ามีเนื้อหาที่ครบถ้วน และไม่มีใครสามารถฝึกฝนได้ เช่นเดียวกับเคล็ดวิชาั์ มันอาจจุดประกายความหวังให้ใครหลายๆ คน แต่หากสามารถช่วยผู้คนมากมายและชนะใจผู้คนได้แล้ว เขาก็ไม่มีอะไรจะเสียอีก
ทุกคนขอบคุณเขาอีกครั้ง
หยางเสี้ยวเสียคิดในใจว่า หลัวเลี่ยผู้นี้มีศักยภาพที่จะเป็บรรพจารย์ของสรรพสิ่งจริงๆ เกรงว่าแม้จะเป็เทพหรือใครก็ตามบน์ก็ย่อมต้องถ่ายทอดวิชาให้คนที่เหมาะสม
หลังจากที่ทุกคนคำนับแล้ว พวกเขาก็ถอยกลับเพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนหลัวเลี่ย
เป็การปิดฉากการฝึกฝนสัญชาตญาณการต่อสู้
หลังจากนั้นหลัวเลี่ยก็นั่งขัดสมาธิอยู่บนหินอย่างเงียบๆ
ข้างๆ เขาคือเสวี่ยปิงหนิงที่คอยคุ้มกันเขาอยู่
ขั้นตอนการต่อสู้ก่อนหน้านี้ถูกฉายซ้ำขึ้นมาในห้วงความคิดของหลัวเลี่ยอีกครั้งเหมือนภาพยนตร์
ใน่หนึ่งชั่วยามที่ผ่านมา นอกจากความวุ่นวายจากการจลาจลข้างนอกแล้ว บริเวณูเาัทมิฬค่อนข้างเงียบ แต่จู่ๆ เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นทำลายห้วงความคิดของทุกคน
“ดูสิ ดูเร็ว เืั!”
เสียงนี้ทำให้หลายคนตื่นใ
หลัวเลี่ยก็ลืมตาขึ้นเช่นกัน
เขาเห็นเืของัที่ถูกฆ่าพุ่งเข้ามาทีู่เาัทมิฬจากทุกทิศทุกทาง ไม่ว่าจะเป็ัชนิดใด เืทั้งหลายของพวกมันก็ไหลจากท้องฟ้าสูงลงมาตรงูเาทมิฬทั้งหมด
"เกิดอะไรขึ้น"
หลัวเลี่ยยังคงสับสนเล็กน้อย
"ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจะมีเื่แบบนี้เกิดขึ้นในหุบเขาสุสานัด้วย" หยางเสี้ยวเสียกล่าว
หวงอวี้ที่อยู่ถัดจากเขารีบถามผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์บางคน และก็สรุปได้ว่าพวกเขาก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเช่นกัน
ในอดีตเมื่อัก่อการจลาจล ผู้คนจะหลบมาอยู่ในูเาัทมิฬและจากไปหลังจากการจลาจลจบลง ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าการรวบรวมเืัในูเาัทมิฬ
หลายคนตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้
หยางเสี้ยวเสียสงสัยว่า "สหายหลัว เื่นี้จะเกี่ยวข้องกับเ้าไหม"
"ข้า?" หลัวเลี่ยชี้ไปที่จมูกของตัวเอง
“ถูกต้อง เ้ามีสัญชาตญาณการต่อสู้ และตลอดสามเดือนที่ผ่านมาเ้าเข่นฆ่าพวกมันมากมาย ซึ่งอาจเป็สาเหตุได้ เพราะไม่เคยมีใครกล้าเผชิญกับจิตปีศาจแล้วทำลายพวกมันเลย” หยางเสี้ยวเสียกล่าว
หลัวเลี่ยคิดตามสักพักก็ดูเหมือนว่าหยางเสี้ยวเสียจะคิดถูก
ในขณะเดียวกัน หลัวเลี่ยก็รู้สึกถึงการสั่นะเืที่มาจากกระเป๋าเฉียนคุณอีกครั้ง เมื่อเขาเปิดออกเขาก็เห็นว่าเกล็ดัปิงเหยียนคล้ายจะปรากฏเงาของัขึ้น
เขาหยิบเกล็ดัปิงเหยียนออกมาทั้งหมด
“สามร้อยหกสิบเกล็ด” หลัวเลี่ยพบว่าจำนวนนี้ก็น่าสนใจเช่นกัน “จำนวนวัน!”
หยางเสี้ยวเสียกล่าวว่า “ูเาัทมิฬแห่งนี้ลึกลับมาก ไม่มีใครสามารถอธิบายได้ว่าทำไมัปีศาจทั้งหลายจึงหลีกเลี่ยงสถานที่นี้ได้ และมันจะต้องมีความลึกลับอยู่แน่ ตอนนี้เืของักำลังมารวมตัวกัน และจำนวนเกล็ดัปิงเหยียนก็อาจเกี่ยวข้องกับเื่นี้ เ้าอาจใช้โอกาสนี้ไขปริศนาของูเาัทมิฬได้”
หลัวเลี่ยจมอยู่ในความคิดเช่นกัน
เขารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง
นอกเหนือจากสิ่งอื่นใดแล้ว เหตุใดสังเวียนับรรพชนที่ตั้งอยู่บนูเาศักดิ์สิทธิ์จึงต้องใช้เกล็ดัปิงเหยียนจากหุบเขาสุสานศพัที่อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้เพื่อเปิดมันขึ้นมา
อาจหมายความว่าหุบเขาสุสานัมีความเกี่ยวข้องกับที่นั่น
และเกล็ดัปิงเหยียนก็เป็กุญแจที่อยู่ในหุบเขาสุสานัที่อาจไขความลับนี้ได้
ขณะที่เขาคิดเช่นนี้ จิตใจของเขาก็เงียบสงบเหมือนน้ำนิ่ง และความรู้สึกคล้ายกับสัญชาตญาณการต่อสู้ก็กลับมาอีกครั้ง
หลัวเลี่ยใช้หัวใจััทิศทางของเืั ััูเาัทมิฬ ััเกล็ดัปิงเหยียนทั้งสามร้อยหกสิบเกล็ด
เมื่อสิ่งที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องเหล่านี้เชื่อมโยงกับหลัวเลี่ยเหมือนเส้นด้าย ความรู้สึกแปลกๆ ก็เกิดขึ้นในใจของเขา ทันใดนั้นหลัวเลี่ยก็ยืนขึ้น เขาคว้าเกล็ดัปิงเหยียนด้วยมือทั้งสองข้างแล้วขว้างมันออกไปรุนแรง
พรึ่บๆ...
เกล็ดัปิงเหยียนทั้งสามร้อยหกสิบเกล็ดนั้นลอยไปตามทางของมัน ไปยังตำแหน่งทั้งสามร้อยหกสิบตำแหน่งของบริเวณูเาัทมิฬ
เมื่อูเาัทมิฬรับรู้ถึงเกล็ดัปิงเหยียน ูเาัทมิฬก็เปลี่ยนไปอย่างคาดไม่ถึง มีหลุมทั้งสามร้อยหกสิบหลุมปรากฏขึ้น
หลังจากที่เกล็ดัปิงเหยียนตกลงไป เืัที่รวมกันก็แบ่งออกเป็สามร้อยหกสิบเส้นแล้วไหลลงสู่หลุมนั้นทั้งหมด
คนที่อยู่ในูเาัทมิฬทั้งหมดต่างตกอยู่ในความวุ่นวาย