“ชิงเอ๋อร์...”
เว่ยซูหานไม่รู้ว่าควรจะบรรยายความรู้สึกในยามนี้อย่างไรดี ในใจมีเพียงคำว่า เ้าว่าอย่างไรนะ? คนที่อยู่หลังประตูจึงพูดต่อช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
“เซิ่งหยวนปีที่ห้าสิบสอง เซียนหวง[1] ทรงสิ้นพระชนม์ จากนั้นฮ่องเต้พระองค์ใหม่จึงเสด็จขึ้นครองราชย์ ผลัดเปลี่ยนเป็ยุคสมัยเทียนเฉิง”
“เทียนเฉิงปีที่สาม ตระกูลเหยียนและตระกูลเว่ยจัดงานแต่งตามพระประสงค์ของเซียนหวง แต่เนื่องจากคุณชายใหญ่แห่งตระกูลเหยียนหลบหนีพิธีแต่งงาน ทายาทของแม่ทัพเว่ยที่สิ้นชีพไปจึงต้องแต่งให้กับเหยียนิฮ่วนคุณชายจากตระกูลสายรองแห่งตระกูลเหยียน...”
“เทียนเฉิงปีที่หก เหยียนชิงทายาทสายตรงของตระกูลเหยียนอายุครบยี่สิบปี ในเวลาต่อมาเขาได้เป็จวงหยวน... และได้รับความโปรดปรานจากตี้จวิน จนได้หนึ่งในสามของตราประทับฮ่องเต้...”
“เทียนเฉิงปีที่สิบ เหยียนิฮ่วนได้ขึ้นเป็นายท่านแห่งตระกูลเหยียน และภายใต้แรงกดดันจากแม่ทัพของชายแดนเหนือการสมรสระหว่างตระกูลเว่ยจึงถูกยุติลง การหย่าร้างส่งผลให้เว่ยซูหานได้กลับสู่เส้นทางของข้าราชการชั้นสูง”
“เทียนเฉิงปีที่สิบห้า การสมรู้ร่วมคิดระหว่างตระกูลเหยียนกับต่างแคว้นถูกเปิดโปง... ตี้จวินทรงสั่งให้มีการสอบสวนอย่างละเอียด...”
“เทียนเฉิงปีที่สิบหก... มีหลักฐานที่แข็งแกร่งมากซึ่งแสดงว่าตระกูลเหยียนสมรู้ร่วมคิดกับต่างแคว้นเพื่อใส่ร้ายตระกูลเว่ย...”
“เทียนเฉิงปีที่สิบเจ็ด ตระกูลเว่ยได้รับการทวงคืนความอยุติธรรม ตระกูลเหยียนถูกสั่งปะาเก้าชั่วโคตรสำหรับความผิดฐานก่อฏที่ทรยศและสังหารจงเหลียง... ศพถูกฝั่งบนเนินเขารกร้างนอกเมืองฝูซัง...”
“เทียนเฉิงปีที่ยี่สิบ...”
เหยียนชิงกำขอบอ่างไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง แต่กลับไม่สามารถพูดอะไรได้อีก เพราะเขาตายแล้ว ภายภาคหน้าเป็อย่างไรเขาไม่มีทางรู้...
รอบข้างเงียบไปเป็เวลานาน คนที่อยู่อีกฝั่งของประตูพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“เทียนเฉิงปีที่ยี่สิบ ตี้จวินแห่งแคว้นเทียนซูสิ้นพระชนม์ลงในวัดหลวงของพระราชสำนัก ด้วยทรงงานหนักมาตลอดสามสิบสี่ปี... เป็โศกนาฏกรรมของฮ่องเต้พระองค์หนึ่ง”
พูดจบจึงถอนหายใจออกมาแรง ๆ ครั้งหนึ่ง แล้วยกมือขึ้นเคาะประตู
“ชิงเอ๋อร์ เปิดประตู...”
“ข้าได้มาเกิดใหม่ในวันที่แต่งงานกับเ้า วันนั้นเดิมทีข้าอยู่กับพี่ใหญ่ที่สวนหลังจวนกำลังรอต้อนรับเ้า แต่เขากลับผลักข้าออกแล้ววิ่งหนีไป... นี่คือโอกาสของข้าที่ได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง บางทีนี้อาจเป็การจัดเตรียมของ์ ที่ให้ข้าได้กลับมาเกิดใหม่ก่อนที่ภัยพิบัติทั้งหมดจะเริ่มต้นขึ้น”
หลังจากที่เหยียนชิงพูดจบก็ยอมเปิดประตูจากด้านใน เดินมาด้านหน้าเว่ยซูหานด้วยสีหน้าลำบากใจ มองหน้ากันอยู่พักหนึ่ง ทั้งสองต่างรู้สึกเจ็บแสบที่ขอบตาอย่างห้ามไม่อยู่
เว่ยซูหานโค้งคำนับลงเล็กน้อยแล้วกอดอีกคนเอาไว้ จุมพิตหน้าผากเรียบเนียนของเขาพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ท่านราชครู...”
ในยามนี้ อารมณ์เสียใจจากความไม่สมหวังในชาติที่แล้วกำลังย้อนกลับมา
กลับกลายเป็ว่าสิ่งที่เขารู้สึกเสมอว่าเหยียนชิงดูมีความเป็ผู้ใหญ่มากเกินไปมันไม่ใช่ภาพหลอนที่ไม่สมเหตุสมผล โดยเฉพาะปฏิกิริยาและพฤติกรรมแปลก ๆ ของเหยียนชิงในยามที่ไปไหว้บรรพบุรุษบนเนินเขารกร้าง ทั้งยังมีการเตรียมการทำสิ่งต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด การวางกลยุทธ์อย่างชาญฉลาดราวกับคำนวณออกไปไกลหลายพันลี้ ในยามนี้แม้กระทั่งตี้จวินที่ฉลาดล้ำลึกยังถูกคำนวณไปด้วย
เขาก็เคยเกิดความสงสัยขึ้นมาชั่วครู่ แต่ก็ยังไม่กล้าลวงลึก ด้วยไม่ได้คาดหวังว่าในใต้หล้านี้สิ่งอัศจรรย์เช่นนี้สามารถเกิดขึ้นมาได้จริง ๆ
เหยียนชิงหลับตาลง กำชุดของเขาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง “...แม่ทัพเว่ย”
“ขอโทษ”
พูดออกมาเกือบจะพร้อม ๆ กัน
เหยียนชิง “ขอโทษ ที่ทำให้เ้าได้รับความเดือดร้อนมากมายจากตระกูลเหยียน...”
เว่ยซูหาน “ขอโทษ ที่ไม่สามารถปกป้องเ้าได้... ทั้งยังไม่พบผู้ร้ายตัวจริงที่ใส่ร้ายป้ายสีตระกูลเหยียน”
เหยียนชิงใช้มือโอบเอวของเขาเอาไว้ “ไม่เป็ไร เราจะเติมเต็มทุกอย่างในชาตินี้”
เขาจะพยายามแก้ไขมัน เพื่อเป็การตอบแทนพระคุณของ์
“ได้”
เว่ยซูหานถอนหายใจ นี่อาจเป็เหตุผลว่าเพราะเหตุใดเหยียนชิงจึงปฏิบัติต่อเขาเป็อย่างดีั้แ่ใน่แรก
แน่นอนว่ายังมีอีกหลายพันคำที่อยากบอกไป แต่กลับไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี เว่ยซูหานอุ้มคนที่เท้ายังคงเปลือยเปล่ากลับเข้าไปในห้อง หลังจากนำน้ำมาล้างเท้าให้แล้วจึงเริ่มเช็ดผมที่เปียกหมาด ๆ ของเขา
เหยียนชิงยอมรับการปรนนิบัติของเขาเงียบ ๆ รู้สึกถึงความซับซ้อนขึ้นมาในใจ... เหตุใดเว่ยซูหานถึงยังชอบเขาทั้งที่มีความทรงจำในอดีตชาติอยู่? เป็ไปได้ไหมว่าในชีวิตก่อนคนผู้นี้ก็ชอบเขาเช่นกัน?
เว่ยซูหานที่นั่งหวีผมให้เขาอยู่ทางด้านหลัง จู่ ๆ ก็ซบลงมาแล้วขบลงบนติ่งหูของเขา
“ชิงเอ๋อร์อยากถามสิ่งใดล้วนสามารถถามออกมาได้เลย ท่าทางที่ดูลังเลใจเช่นนี้มันทำให้ข้าอยากจูบเ้า”
เหยียนชิงเอียงหัวด้วยความหงุดหงิด “อย่าซุกซน...”
แต่หูและคอของเขากลับค่อย ๆ กลายเป็สีแดง
เว่ยซูหานจุมพิตลงไปที่คอของเขาอีกครั้งหนึ่ง “พูดมาเถอะ เ้าคงมีคำถามที่อยากถามข้ามากมาย เ้าถามจบแล้วข้าจะได้ถามเ้าบ้าง”
เหยียนชิงกัดริมฝีปากของตนก่อนพูดออกมาเบา ๆ
“เกี่ยวกับตัวตนและความสัมพันธ์ระหว่างเ้ากับข้าในชาติที่แล้ว... เ้าไม่รู้สึกหรือว่าที่เป็เราเป็อยู่ในยามนี้มันแปลก ๆ หรือ?”
“ไม่รู้สึก” เว่ยซูหานตอบออกมาง่ายๆ
“ในชาติก่อนไม่สามารถสมปรารถนา เกิดใหม่แล้วจึงได้ในสิ่งที่้าย่อมต้องดูแลทะนุถนอมเป็อย่างดี เ้าอย่าตำหนิที่ข้าไม่สุภาพเลย ข้ารักเ้ามาั้แ่ชีวิตก่อนแล้ว…”
พูดแล้วจึงหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงถอนหายใจด้วยน้ำเสียงที่ดูอ้างว้าง
“ั้แ่เ้าจากไปข้าก็ไม่เคยแต่งงานอีกเลย หลังจากลาออกจากราชสำนักแล้วจึงมาอาศัยอยู่ที่เนินเขารกร้าง... เ้าไม่รู้หรอกว่าข้าเสียใจมากเพียงใดที่ไม่ได้บอกให้เ้าได้รับรู้ว่าข้าชอบเ้า ข้าถึงกับคิดว่า หากเ้ารู้ว่าข้าชอบเ้ามันจะเป็ไปได้ไหมที่เ้าจะอยู่ต่อไป...”
เขายังฉวยประโยชน์จากน้ำเมาด้วยการดื่มเหล้าอย่างหนักอ้างเื่ความเ็ปรวดร้าวชั่วชีวิตขอให้ตี้จวินออกราชโองการให้เขาได้แต่งงานกับคนตายโดยไม่คำนึงถึงหลักจริยธรรม และแน่นอนว่าเขาย่อมถูกปฏิเสธ ในภายหลัง ตี้จวินจึงยอมให้เขาลาออก...
“ขอโทษ ข้าไม่รู้...”
เหยียนชิงจับมือของเขาเอาไว้ เงียบเสียงลงไป จมูกรู้สึกได้ถึงรสเปรี้ยว[2] ในชาติที่แล้วเป็เขาที่เฉื่อยชาเกินไป เป็คนที่โง่มากจริง ๆ ไม่อย่างนั้นจะไม่สังเกตเห็นได้อย่างไร
“ไม่เป็ไร” เว่ยซูหานใช้มือข้างที่ว่างอยู่เอื้อมมาจับมือเขา
“ความเสียใจจากชาติที่แล้วข้าจะขอชดเชยทุกอย่างด้วยชาตินี้ ข้าได้กลับมาเกิดใหม่ใน่หกเดือนก่อนแต่งงาน และได้วางแผนที่จะฉีกหน้าเหยียนิฮ่วนเอาไว้แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนที่มารับข้าเข้าประตูไปจะเป็เ้า ในยามนั้นสิ่งที่ข้าคิดถึงมาตลอดกำลังเกิดขึ้นในความเป็จริง แม้จะผ่านมาแล้วถึงหนึ่งชาติภพแต่มันก็ยังไม่สายเกินไป และหลังจากที่ได้อยู่กับเ้าแล้ว มันทำให้ข้ามองเหตุการณ์ในชีวิตที่ผ่านมาได้กว้างขึ้นเป็อย่างมาก ดังนั้นในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับเหยียนิฮ่วนจึงยังอดทนที่จะไม่ฟันเขาลงไปในครั้งเดียวได้”
เหยียนชิงวางหัวลงบนไหล่แล้วขยี้ตา ก่อนถามอีกครั้งว่า
“…เ้าไม่มีคำพูดที่แค้นเคืองต่อตระกูลเหยียนหรือ? ...เ้าไม่เคยคิดที่จะใช้ประสบการณ์ชีวิตก่อนหน้านี้เพื่อล้างแค้นตระกูลเหยียนเลยหรือ?”
มืออีกข้างของเว่ยซูหานยังคงเคลื่อนไหวไม่หยุด ทั้งหวีผมให้เขาและมองเขาผ่านกระจกไปด้วย ไม่นานก็ยิ้มแล้วพูดว่า
“ชิงเอ๋อร์เ้ากำลังพูดถึงสิ่งใด? หากไม่มีตระกูลเหยียนข้าจะอยู่รอดมาได้อย่างไร? แล้วจะมีโอกาสเกิดใหม่ได้อย่างไร? ข้ารู้ถึงความแตกต่างที่ชัดเจน... ข้าไม่ได้เกลียดตระกูลเหยียน ข้าเกลียดเพียงเหยียนิฮ่วนเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็ในชาติที่แล้วหรือว่าชาตินี้ ผู้เดียวที่ข้าอยากแก้แค้นก็คือเหยียนิฮ่วน ข้าจะปลิดชีวิตเขาอย่างแน่นอน เขายังคงติดค้างต่อข้าและตระกูลเหยียนอยู่!”
โศกนาฏกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้นในชีวิตก่อนนั้นเป็เพราะเหยียนิฮ่วนที่ทั้งไร้สมองทั้งยังทะเยอทะยาน และยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าในชีวิตนี้เหยียนิฮ่วนก็ยังเป็เหมือนเดิม เพราะแม้ว่าเขาจะไม่สร้างปัญหาตนก็ไม่เคยคิดที่จะปล่อยเหยียนิฮ่วนไป
เมื่อพูดถึงเหยียนิฮ่วน ความขยะแขยงก็วาบเข้ามาในดวงตาของเหยียนชิงในทันที
“ข้าจะไม่หยุดยั้งเ้า นี้คือหนี้ที่เขาต้องจ่าย อย่างไรก็ตามในชีวิตนี้ข้าก็ไม่คิดที่จะให้เขาได้ฝั่งลงในหลุมศพของบรรพบุรุษตระกูลเหยียนหลังจากที่ตายไป ไม่ว่าเ้าอยากทำอะไร ข้าล้วนสนับสนุน”
เว่ยซูหานหมุนตัวคนในอ้อมแขนของตน
“สิ่งที่ข้าอยากทำในชีวิตนี้ก็คือการปกป้องเ้าและตระกูลเหยียน แก้ไขความอยุติธรรมที่ตระกูลเว่ยได้รับ เพื่อบอกต่อิญญาของคนในตระกูลบน์ และเมื่อทุกอย่างสงบลง ข้าอยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขร่วมกับเ้า... หากข้าจำเป็ต้องยุติสถานะสามีภรรยาชั่วคราว แล้วขอให้เ้าแต่งงานใหม่กับข้าอีกครั้งในภายหลัง ชิงเอ๋อร์ เ้าจะรอข้าไหม?”
เหยียนชิงพยักหน้าอย่างจริงจัง “ได้ เมื่อยามนั้นมาถึงข้าจะจัดงานแต่งงานและรับเ้าเข้าประตูมาอย่างสวยงาม ประกาศให้คนทั้งใต้หล้าได้รับรู้”
เช่นนี้จึงจะคุ้มค่ากับความผูกพันที่ลึกล้ำถึงสองชาติภพของพวกเขา
เชิงอรรถ
[1] เซียนหวง (先帝先皇) แปลว่าอดีตฮ่องเต้ โดยส่วนมากมักจะเป็การกล่าวถึงอดีตฮ่องเต้ที่ยังคงมีพระชนม์ชีพอยู่
[2] เปรี้ยว (酸) มีสองความหมาย หนึ่งคือมีรสชาติเปรี้ยว และสองเป็การบรรยายความรู้สึก ประมาณแสบๆ คันๆ จะหมายถึงอยากจะร้องไห้ ไม่สบายใจ หรือเจ็บขึ้นมาเล็กน้อย
