องค์รัชทายาทก้มมองใบหน้าของหญิงสาวในอ้อมกอด พลางยกมือขึ้นจับไรผมด้วยความทะนุถนอม ขนตางอนงามและเนื้อตัวยังปกติไม่ได้รับาเ็แม้แต่น้อย เพียงเท่านั้นจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะใช้เวทอุ้มนางแล้วเตรียมหันตัวเดินออก
“หยุดก่อน! ท่านคิดว่าจะออกจากที่นี่ไปอย่างง่ายดาย โดยไม่เอาหยกนั่นมาแลกเช่นนั้นฤา” ชิงจูมิอาจปล่อยให้เหยื่อของนางออกไปอย่างง่ายดาย
“หยกเป็ของข้า แลนางก็เป็ของข้า เหตุใดต้องให้สองอย่างนี้แก่เ้า” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำคำราบเรียบเช่นเดิม
“แม้ท่านจะมีพลังเวทมากมายสักเพียงใด ใช่ว่าจะฝ่าค่ายกลนี้ออกไปได้” ชิงจูหันไปบิดกลไกที่อยู่ด้านข้าง ก่อนลูกธนูจำนวนมหาศาลจะพุ่งตรงเข้ามายังองค์รัชทายาท พลังเวทสีขาวพลันวูบขึ้นเป็เกราะกำบังเพียงพริบตา ธนูร้ายเ่าั้ก็กลายเป็ธุลีผงฟุ้งกระจายในบัดดล โดยไม่ทันทำอันตรายให้แก่องค์รัชทายาท
“นี่มันอะไรกัน” ชิงเถาเขย่าแขนเสื้อของศิษย์พี่ด้วยท่าทางหวาดหวั่นอย่างถึงที่สุด เขามองเศษธุลีที่ค่อย ๆ ร่วงลงพื้นอย่างไม่เชื่อสายตา ริมฝีปากอ้าค้างไว้ราวกับิญญากำลังหลุดออกจากร่าง
“พลังเวทมากมายมหาศาลเช่นนี้ ข้ามิเคยเห็น ศิษย์พี่แน่ใจแล้วฤา ว่านี่เป็แค่พลังเวทขั้นสามหรือสี่เท่านั้น”
“เ้าอย่าพูดมากให้ข้าหมดความมั่นใจ หุบปากของเ้าไปซะ”
“เราไม่ตายกันหมดใช่ฤาไม่”
“ข้าบอกให้เ้าหุบปาก” ทั้งสองตอบโต้กัน ด้วยท่าทางหวาดหวั่นมิใคร่มั่นใจนัก
โจวอี้เฟยมองดูทั้งสองพร้อมด้วยสายตาอันยากจะคาดเดา ก่อนตัดสินใจเบี่ยงตัวเดินออก หากแต่อีกฝ่ายไม่ยอมแพ้นางหันไปจับกลไกที่อยู่ด้านข้าง ปรากฏเป็ลูกไฟเหล็กจำนวนมหาศาลพุ่งเข้าใส่หมายเอาชีวิต ต่อให้เป็เพียงแมลงตัวเล็กก็มิอาจฝ่าฝูงลูกไฟเหล็กนี้ออกไปได้ ชิงจูกอดอกยิ้มย่องออกมาอย่างภูมิใจ ในขณะที่ลูกไฟเหล็กพุ่งออกไป หากแต่นางกลับเบิกตากว้าง เมื่อลูกไฟทั้งหมดถูกพลังเวทดูดรวมกันไว้ที่ฝ่ามือ รอการย้อนกลับ
“ศิษย์พี่เราตายกันแน่แท้แล้ว” ชิงเถาหันมาหาแล้วพูดด้วยเสียงสั่นเครือ หากแต่องค์รัชทายาทกลับผลักลูกไฟเหล็กเ่าั้ใส่กำแพงจนพังพินาศไปในพริบตา ทุกอย่างแตกสลายเป็ซากปรักหักพัง ยิ่งกว่านั้นความกลัวของชิงเถาเพิ่มมากขึ้นจนเหงื่อจำนวนมากไหลแซมออกมา
“ข้าคิดปล่อยพวกเ้าไปโดยมิเอาความ แต่ไม่นึกว่าจะคิดผิด คนอย่างพวกเ้ามิควรมีชีวิตเพื่อเป็ภัยต่อผู้อื่น” องค์รัชทายาท ตัดสินใจใช้พลังเวทอีกครั้งเพื่อปลิดชีพคนเหล่านี้ พลังเวทสีขาววูบขึ้นพร้อมกับสายตามุ่งมั่น
“ท่านยอดฝีมือหยุดก่อน” เสียงแหบพร่าของใครบางคนดังห้ามไว้ องค์รัชทายาทหันไปยังต้นเสียง ปรากฏเป็ผู้เฒ่าชราผมสีขาวหนวดยาว ค่อย ๆ เดินเข้ามาด้วยท่าทางไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่นัก มือหนาลดพลังเวทแล้วกระชับร่างของซูเจินไว้แน่น สายตาคมพินิจเพ่งตรงไปยังผู้เฒ่านิรนามไม่วางตา
“อาจารย์ ช่วยพวกเราด้วย” ทั้งสองที่ยืนตัวสั่นร้องเรียกด้วยความดีใจ ก่อนกรูกันเข้ามาเหนี่ยวรั้งกายของชายชรา เพื่อใช้เป็เกราะกำบัง ชายหนุ่มยืนมองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ
“ท่านยอดฝีมือ เกิดอันใดขึ้น เหตุใดจึงเข้ามาทำลายสำนักของข้า”
“ข้าแค่มาทวงคนของข้าคืน” น้ำคำราบเรียบยังคงวางตัวอยู่เหนือผู้อื่น ก่อนสายตาของชายชราจะสำรวจมองรอบ ๆ ค่ายกลถูกใช้จนหมด หากแต่ยังไม่สามารถทำอันตรายชายผู้นี้ได้ ถือว่าเขาไม่ธรรมดาทีเดียว
“ชิงเถาชิงจู มาขอโทษท่านยอดฝีมือ หาไม่แล้วข้าก็คงช่วยพวกเ้าไม่ได้” คำสั่งของอาจารย์ทำให้ทั้งสอง กล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะเข้าใกล้ชายหนุ่ม ต่างฝ่ายต่างสะกิดกันไปมาไม่ยอม
“ออกมาพร้อมกันทั้งสองคน มิต้องเกี่ยงกันให้เสียเวลา ตอนทำชั่วมิมีใครห้ามกัน มาตอนนี้ไยเกี่ยงกันให้ต้องอับอายผู้อื่น” น้ำเสียงที่ซ่อนความโกรธเคืองของชายชราทำให้ศิษย์ทั้งสอง ค่อย ๆ ก้าวเข้ามาแล้วคุกเข่าด้านหน้าชายหนุ่ม พร้อมสายตาละห้อย
“ข้าชิงจู”
“ข้าชิงเถา”
“พวกเราขอโทษที่ทำสิ่งไม่ดี ขอให้ท่านโปรดอภัยต่อพวกเราด้วย” สองเสียงผสานพร้อมกัน ด้วยความสำนึกผิด ชายหนุ่มก้มมองดูใบหน้าของหญิงสาวในอ้อมอก แล้วตัดสินใจหันตัวเดินออกจากสำนัก โดยไม่ติดใจเอาความ
“เดี๋ยวก่อนท่านยอดฝีมือ ข้าขอเวลาเพียงครู่เดียวเพื่อกล่าวขออภัยท่านเช่นกัน ที่สั่งสอนศิษย์ไม่ดีจึงได้ล่วงเกินท่านกับแม่นางผู้นี้” ชายชราเดินมาดักด้านหน้าแล้วค้อมตัวลงเล็กน้อย
“ข้าได้นางคืนแล้ว สิ่งอื่นไม่จำเป็”
“ข้าตรวจดูแล้ว นางโดนสมุนไพรชนิดพิเศษของทางสำนักเรา ทำให้หลับใหลเช่นนี้ โปรดให้ข้าถอนพิษนางก่อนได้ฤาไม่ เช่นนั้นแล้วนางจะไม่ได้สติแบบนี้ไปอีกเจ็ดวันเจ็ดคืน” องค์รัชทายาทได้ยินดังนั้นจึงชะงักหยุด ไม่ก้าวเดินต่อพลางก้มมองใบหน้าของซูเจินอีกครั้ง นึกหวั่นใจถึงการหลับใหลอันยาวนาน เกินร่างกายของนางอาจต้านได้
ชายชราพาองค์รัชทายาทเข้ามายังห้องรับรองที่ทำจากไม้เนื้อดีเช่นเดียวกัน เขามองรอบ ๆ อย่างสังเกตก่อนหันไปเห็นเตียงไม้ที่ถูกตระเตรียมไว้เรียบร้อยอย่างเร่งด่วน ด้วยฝีมือของชิงจูและชิงเถา หลังจากหมอนขนาดพอดี ถูกชิงจูนำมาวางไว้เป็อย่างสุดท้ายเสร็จสิ้นดีแล้ว
“ให้นางนอนตรงนี้ ศิษย์ของข้ารู้วิธีรักษานาง” ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า หากแต่เนื้อเสียงมีความเมตตาอยู่มาก องค์รัชทายาทยอมร่ายเวทวางนางลงบนเตียงช้า ๆ อย่างถนอม ภายใต้สายตาตะลึงงันของชิงจูและชิงเถา
“ส่วนท่านมากับข้าด้านนี้ ข้ามีบางอย่างอยากสนทนาด้วยสักครู่” ชายชราเตรียมเดินออกจากห้องรับรอง หากแต่สายพระเนตรขององค์รัชทายาท ยังคงจับจ้องไปยังหญิงสาวที่นอนหลับใหลไม่ได้สติ
“มิต้องห่วงนาง ข้ารับรองได้ว่านางจะฟื้นหลังจากรับการรักษาแล้ว” น้ำเสียงเมตตาของชายชรา ทำให้องค์รัชทายาทยอมเดินตามออกไป ก่อนจะหันกลับมาอีกครั้งแล้วพบว่า ชิงเถากำลังจ้องมองซูเจินด้วยสายตาพิสมัย
“อย่าแตะต้องตัวนาง ไม่เช่นนั้นข้าจักไม่ไว้ชีวิตเ้า” คำขู่ขององค์รัชทายาททำให้ชิงเถาหดตัวลง แล้วปล่อยให้ชิงจูทำหน้าที่แทน เพราะสายตาและคำพูดอันน่ากลัวราวกับหมาป่า ทำให้เขาไม่กล้าขยับกายเข้าใกล้ซูเจิน
สองเท้าก้าวเดินตามชายชราขึ้นไปยังจุดสูงสุด เขานี้สูงเทียมฟ้าเพราะเห็นเมฆหมอกจาง ๆ อยู่ตลอดเวลา อากาศต่างจากพื้นที่ราบด้านล่างอย่างสิ้นเชิง ด้วยมีสายลมเย็นพัดเข้ามาปะทะกายตลอดเวลาสายพระเนตรทอดมองออกไปยังทิวทัศน์ด้านหน้า นอกจากสถานที่แห่งนี้จะเงียบสงบปราศจากความวุ่นวายแล้ว จุดที่ยืนอยู่ยังเป็ผาสูงมองลงไปกลับรู้สึกเคว้งคว้างโดดเดี่ยวอย่างบอกไม่ถูก หากแต่น้ำตกจากผาของอีกฝั่งไกล ๆ ไหลรินเป็ทางยาวส่องกระทบแสงเป็ละอองสีขาวกระจายฟุ้งก็ดึงสายพระเนตรให้ทอดมองไม่วางตาได้เช่นกัน ชายชราปล่อยให้ชายหนุ่มยืนมองความงามในจุดสูงสุดของสำนักครู่หนึ่ง เพื่อให้จิตใจของเขาผ่อนคลายจากเื่ราวต่าง ๆ
“ข้ามีนามว่าหานลู่ ส่วนสำนักนี้าาองค์เก่าพระราชทานนามให้ว่า “สำนักฮุ่ยหวง” ซึ่งได้อนุญาตให้สำนักนี้ฝึกวิชาเวทได้เป็กรณีพิเศษ เพราะเคยทำคุณงามความดีบางอย่างไว้ในราชวงศ์ก่อน ในตอนนี้ข้ารู้สึกละอายใจนักที่สอนศิษย์ไม่ดี จึงทำความลำบากใจแก่ท่าน” เสียงของชายชรากล่าวออกมาอย่างแหบพร่า ก่อนร่างขององค์รัชทายาทจะละจากความงามด้านหน้าแล้วหันกลับมา
“เื่จบแล้ว ข้าไม่ถือความ” ชายชรามองใบหน้างดงามของชายหนุ่มอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะลอบถอนหายใจแล้วสอบถามความเป็มาบางอย่าง
“ท่านมาจากที่ใด”
“....” องค์รัชทายาทนิ่งเงียบไม่พร้อมเปิดเผยฐานันดร
“ท่านมิต้องกังวล สำนักนี้ซ่อนเร้นจากผู้คนมานาน นับจากาาองค์ก่อนสิ้น พวกเราก็มิเคยเผยตัวที่ใด ชื่อเสียงของสำนักในปัจจุบันนี้ก็มิได้ถูกบันทึกไว้ จึงมิมีใครสนใจพวกเรานัก ที่ข้าถามเผื่อมีสิ่งใด ที่อาจช่วยเหลือท่านยอดฝีมือได้ เพื่อเป็การไถ่โทษแทนวีรกรรมของศิษย์ข้า มิมีเจตนาอื่นใดแอบแฝง” เ้าสำนักกล่าวเจตนาของตนอย่างจริงใจ องค์รัชทายาททบทวนมองกิริยาวาจาของชายชราครู่หนึ่ง ก่อนหันสายพระเนตรทอดมองไปยังน้ำตกไกลลิบนั้นอีกครั้ง