ตอนที่ 122 ติดตาม
“ข้า... ข้าเป็คนของเฉิงเต๋ออ๋อง ครานั้นที่ช่วยท่านโหวรับดาบ เป็ท่านอ๋องที่สั่งการ ภรรยาและบุตรของข้าอยู่ในมือของท่านอ๋อง...”
เฉิงเต๋ออ๋อง ฉินหรง ย้อนกลับไปตอนนั้นเขายังไม่ได้เป็ถึงท่านอ๋อง หลังจากที่นายท่านพ่ายแพ้ าเ็สาหัส พี่ชายของเขาซึ่งเป็ท่านอ๋องไร้ทายาท บังเอิญล้มป่วยสิ้นชีพลง เขาจึงได้รับการสถาปนาเป็เฉิงเต๋ออ๋องโดยฮ่องเต้
“เหตุใดเขาถึงคิดร้ายต่อนายท่าน เื่นี้เกี่ยวข้องกับอู๋เยว่หรือไม่?”
“เื่นั้นข้าไม่ทราบ ข้าเป็เพียงผู้ทำตามคำสั่ง มิทราบถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขา อู๋เยว่เป็ผู้ช่วยเหลือข้าเท่านั้น ข้าไม่ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเฉิงเต๋ออ๋อง ท่านไฉ ข้าพูดทุกอย่างที่รู้แล้ว โปรดไว้ชีวิตข้าเถิด”
“ภรรยาและบุตรของเ้า? ครอบครัวของเ้ามิใช่ว่าได้รับการดูแลจากจวนโหวแล้วหรือ? เหตุใดจึงมีภรรยาผุดขึ้นมาอีก?”
“ที่ท่านโหวดูแลให้คือบิดามารดา ภรรยาและบุตรที่บ้านเกิด แต่หลังจากนั้นข้าแต่งงานใหม่ นางเป็น้องสาวต่างมารดาของท่านอ๋อง...”
แต่งงานกับน้องสาวต่างมารดาของท่านอ๋อง เพียงเพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่ กลับไม่ไยดีบิดามารดาและภรรยาที่บ้านเกิด
“ในเมื่อเ้าเป็คนของเฉิงเต๋ออ๋อง ก็ควรอยู่เคียงข้างท่านอ๋องเพื่อเสพสุข เหตุใดจึงต้องปกปิดชื่อแซ่มาเป็นายกองอยู่ที่อำเภอไคอันเช่นนี้?”
“เพื่อแผนที่สมบัติ มีข่าวลือว่าผู้ใดได้แผนที่สมบัติ ผู้นั้นจะได้ใต้หล้า! ท่านอ๋องไม่ทราบได้ยินมาจากที่ใดว่าแผนที่สมบัตินี้อาจอยู่ในอำเภอไคอัน...”
ความหวาดกลัวครอบงำจิตใจของอู๋อวี่จนพังทลาย เขาเปิดปากสารภาพทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งที่ควรพูดและไม่ควรพูด
“จุดพักม้าที่ด่านเหิงซาน เป็กับดักใช่หรือไม่?”
“ท่านไฉ ข้าถูกบังคับ ข้าไม่มีทางเลือก ท่าน...”
กร๊อบ... อวิ๋นโส่วจงใช้สองมือบิดศีรษะของอู๋อวี่หรือก็คือก่งซั่วอย่างแรง จนอีกฝ่ายสิ้นใจในทันที
อวิ๋นโส่วจงเดินออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ศีรษะของอู๋อวี่ห้อยอยู่ด้านข้างอย่างไร้เรี่ยวแรง ร่างกายเต็มไปด้วยาแน่าสยดสยอง
เมื่อลูกน้องของจางหลิงมาจัดการศพ เห็นาแบนร่างของอู๋อวี่ ทุกคนต่างขนลุกซู่ด้วยความหวาดผวา
หลังจากรีบกลับค่ายทหารก้าวเข้าไปในกระโจม ฟางซื่อก็รีบเข้ามาหา อวิ๋นโส่วจงส่งสายตาปลอบโยนให้นาง “เรียบร้อยแล้ว ก่งซั่วตายแล้ว”
น้ำเสียงของเขาแ่เบา มีเพียงคนสองคนยืนชิดกันเท่านั้นจึงจะได้ยิน ฟางซื่อจึงค่อยคลายใจลงบ้าง
“แต่ว่าข้าใช้เมล็ดพันธุ์ดอกไม้ที่ตั้งใจจะซื้อให้เจียวเอ๋อร์กับเข็มด้ายที่เ้าให้ข้าซื้อหมดเลย” ไข่หนอนกู่แคว้นเหมียวเจียงที่ว่านั้น แท้จริงแล้วคือเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ที่อวิ๋นโส่วจงตั้งใจจะซื้อให้อวิ๋นเจียวต่างหาก
“เื่ที่เกิดขึ้นกับนายท่านเป็ฝีมือของอู๋เยว่ เสนาบดีกรมกลาโหมกับเฉิงเต๋ออ๋อง” อารมณ์ของอวิ๋นโส่วจงสับสนปนเป ความคับแค้นใจแล่นริ้ว เขาปรารถนาที่จะล้างแค้น แต่ตอนนี้เขามีพันธะผูกพันแล้ว
ฟางซื่อย่อมล่วงรู้ความคิดของเขาจึงรีบเกลี้ยกล่อม “ไม่ได้นะ แม้ข้าเองก็อยากล้างแค้น แต่ตอนนี้เรามีเื่สำคัญกว่าต้องทำ นั่นก็คือการเลี้ยงดูลูกๆ ให้เติบโตเป็ผู้ใหญ่ เห็นพวกเขาแต่งงานมีครอบครัว มีชีวิตที่มั่นคง ท่านอย่าได้ทำเื่โง่เขลาที่ทำให้ลูกๆ ต้องมาเดือดร้อนเพราะเรา”
อวิ๋นโส่วจงก้มหน้าลงด้วยท่าทางหดหู่พลางกล่าว “อืม ข้ารู้ วางใจเถิด ข้าจะไม่ทำอะไรวู่วาม การฆ่าอู๋อวี่ก็ถือว่าเป็การล้างแค้นให้นายท่านแล้ว แต่ครั้งนี้ต้องขอบคุณเจิ้นหย่วนโหว จดหมายน่าจะถูกคนของเขาสกัดไว้ได้ และอู๋อวี่ก็ถูกคนของเขาจับตัวมา...”
ฟางซื่อใ “อะไรนะ? เขารู้เื่แล้วหรือ?”
อวิ๋นโส่วจงส่ายหน้า “ข้าลองถามดูแล้ว อู๋อวี่ไม่รู้ว่าใครเป็คนจับตัวเขามา เขาคิดว่าเป็ข้า ส่วนจดหมายฉบับนั้น ผนึกขี้ผึ้งยังไม่ถูกเปิดออก แสดงว่าฉู่อี้เพียงแต่รู้สึกว่าอู๋อวี่คิดไม่ซื่อกับข้า เขาจึงสกัดจดหมายไว้และจับตัวอู๋อวี่มาให้ข้า...”
ฟางซื่อค่อยคลายใจ “ครั้งนี้พวกเราติดหนี้บุญคุณเขามากจริงๆ”
อวิ๋นโส่วจงพยักหน้ากล่าว “อืม เด็กคนนี้ก็ไม่ง่ายนัก ต่อไปนี้เราทำดีกับเขาหน่อยก็แล้วกัน”
“อืม เดิมทีตั้งใจจะอยู่ห่างๆ เขาหน่อย คราวนี้คงทำไม่ได้แล้ว”
“ปล่อยให้เป็ไปตามธรรมชาติเถิด หากเราจงใจหลบเลี่ยงจะยิ่งผิดปกติ ดึงดูดความสนใจเปล่าๆ ยิ่งไปกว่านั้น วันนั้นที่เราช่วยเขาไว้ ก็ผูกพันกันไปแล้ว”
“เดิมทีคิดว่าเขาเป็เพียงคุณชายตระกูลร่ำรวย คิดไปไกลสุดก็คงเป็เพียงบุตรชายที่ไม่ได้รับความรักจากตระกูลขุนนาง ไม่คาดคิดว่าพริบตาเดียวจะกลายเป็ท่านโหวไปเสียแล้ว...”
แม้สองสามีภรรยาจะมีเื่ให้ครุ่นคิดมากมาย แต่เมื่อปรากฏตัวต่อหน้าคนอื่นก็ยังคงแสร้งทำเป็เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อวิ๋นโส่วจงไม่ได้ไปขอบคุณฉู่อี้ ฉู่อี้เองก็ไม่เคยเอ่ยถึงเื่นี้ เหมือนกับว่าเื่นี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่วนที่อยู่ของอู๋อวี่ก็กลายเป็ปริศนา ทุกคนเห็นกับตาว่าหลังจากที่ทหารคนสนิทมาหาเขา เขาก็ขี่ม้าออกไป
ห้าวันต่อมา โรคระบาดถูกควบคุมได้ มีเพียงผู้ป่วยห้าคนที่อายุมากและร่างกายอ่อนแอไม่อาจรอดชีวิตมาได้ ส่วนทุกคนหายจากโรคเป็ปลิดทิ้ง เมื่อสำรวจจำนวนคนในหมู่บ้านแล้ว พบว่าเหลือรอดชีวิตเพียงสี่สิบสามคนเท่านั้น ผู้รอดชีวิตต่างคุกเข่าลงกับพื้น ก้มกราบขอบคุณฉู่อี้
ภายใต้การแนะนำของเซี่ยโหว เปาชิงเองก็กล่าวขอบคุณฉู่อี้ไม่หยุด ฉู่อี้ได้รับเงินทองของเขาไปแล้ว จึงยกความดีความชอบทั้งหมดให้เขา
ในเมื่อโรคระบาดถูกควบคุมได้แล้ว ฉู่อี้และครอบครัวของอวิ๋นโส่วจงจึงออกเดินทาง ทิ้งเปาชิงให้จัดการเื่ต่างๆ คราวนี้ฉู่อี้ไม่กังวลว่าเปาชิงจะทำงานไม่เต็มที่ เพราะหากทำพลาด ความดีความชอบที่เขาได้รับก็จะหายวับไปด้วย
รถม้าของตระกูลอวิ๋นเดินทางตามฉู่อี้ไปไม่นานนัก ก็ถูกชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งขวางทางไว้ อวิ๋นเจียวเปิดม่านรถม้าออกดู ชายที่คุกเข่าอยู่กลางถนนก็คือชาวบ้านคนหนึ่งในหมู่บ้าน
เขาคุกเข่าคำนับอยู่กลางถนนพลางกล่าวว่า “ข้าน้อยชื่อเฉิงจิ่ว แต่เดิมชื่อเหยียนเซิ่ง ขอบคุณท่านโหวที่ช่วยชีวิต ขอติดตามรับใช้ท่านโหว ขอท่านโหวโปรดรับไว้ด้วยขอรับ”
ทันใดนั้นก็มีทหารองครักษ์เข้าไปพยุงร่างเขาขึ้น พร้อมกับเกลี้ยกล่อมว่า “ท่านโหวมอบเงินสามสิบตำลึงให้ทุกครอบครัวแล้วมิใช่หรือ? เ้ากลับไปใช้ชีวิตดีๆ เถิด”
ชายผู้นั้นไม่ยอมลุกขึ้น ยังคงคุกเข่าคำนับ “ชีวิตของข้าน้อยเป็ของท่านโหว ข้าน้อยมิใช่คนหยาบกระด้าง มีวิชาความรู้ติดตัวที่ถ่ายทอดในตระกูล...”
“มอบเสื้อผ้าให้เขาหนึ่งชุดและม้าหนึ่งตัว ให้เขาติดตามเราไป ั้แ่นี้ไปเ้าก็ใช้ชื่อฉูจิ่วเถิด”
เมื่อชายผู้นั้นได้ยินดังนั้นก็ดีใจเป็อย่างมาก รีบคำนับ “ขอบพระคุณท่านโหวที่เมตตา!”
เมื่อไม่มีฉูจิ่วขวางทาง ขบวนรถม้าก็เคลื่อนต่อไปอย่างช้าๆ ฉู่อี้ที่นั่งอยู่ในรถม้าเผยรอยยิ้มมุมปาก อวิ๋นเจียวช่างเป็ดาวนำโชคของเขาโดยแท้
จางหลิงและเซี่ยโหวที่อยู่ในรถม้าด้วยกัน ต่างรีบกล่าวแสดงความยินดี “ขอแสดงความยินดีกับท่านโหวที่ได้คนมีฝีมือมาอยู่ด้วย!”
เหยียนเซิ่ง ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลเหยียนที่เชี่ยวชาญด้านอาวุธ ในอดีตตระกูลเหยียนถูกกวาดล้าง มีเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตมาได้ ซึ่งก็คือเหยียนเซิ่งที่ในตอนนั้นยังเด็ก
การที่ฉู่อี้มาที่อำเภอไคอันครั้งนี้ หนึ่งคือมีเบาะแสของเหยียนเซิ่งปรากฏขึ้นที่นี่ เพียงแต่ยังไม่ได้รับการยืนยัน อีกอย่างคือ... อวิ๋นเจียวและครอบครัวจะเดินทางผ่านที่นี่เพื่อไปยังจิ่วเจียง
เดิมทีเบาะแสยังไม่ชัดเจน เขาไม่จำเป็ต้องมาด้วยตัวเอง แต่เมื่อคิดว่าอย่างน้อยก็ได้พบกับนาง เขาจึงพาลูกน้องมาที่นี่ทันที
ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มสดใส ท่าทางง่วงเหงาหาวนอนในยามที่อ่อนล้า รวมไปถึงริมฝีปากที่เม้มแน่นเวลาโกรธของอวิ๋นเจียวผุดขึ้นมาในหัวใจของฉู่อี้ หัวใจของเขาราวกับจะละลาย
เซี่ยโหวเอ่ยขึ้น “แต่กระนั้นก็ยังต้องตรวจสอบภูมิหลังของเขาให้แน่ชัดเสียก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนแอบอ้าง”
จางหลิงกล่าวเสริม “ขอรับ ข้าจะรีบให้คนไปจัดการเื่นี้”
ฉู่อี้โบกมือ “ไม่จำเป็ เขาคือเหยียนเซิ่งแน่นอน!”
จางหลิงกับเซี่ยโหวสบตากัน เหตุใดท่านโหวจึงมั่นใจเช่นนี้?
“ทายาทตระกูลเหยียนที่รอดชีวิตจะมีนิ้วมือข้างซ้ายหกนิ้ว พวกเ้าลองสังเกตมือซ้ายของเขาดู ที่โคนนิ้วก้อยจะมีรอยแผลเป็ขนาดเท่าเมล็ดถั่ว ยิ่งไปกว่านั้น หาก้ารู้ว่าเขาเป็เหยียนเซิ่งตัวจริงหรือไม่ ก็ต้องดูว่าเขามีวิชาความรู้ของตระกูลเหยียนหรือไม่”