กูเฟยเยี่ยนรู้สึกว่าตนเองไม่มีเหตุผลเช่นกัน ทว่านางไม่มีวิธีอื่นนี่นา!
ในเมื่อไม่มีเหตุผลไปแล้ว นางจึงตัดสินใจแบบไม่มีเหตุผลให้ถึงที่สุด นางจะใช้โอกาสนี้พูดคุยกับกู้อวิ๋นหย่วน!
ซึ่งแน่นอนว่าอาการป่วยของเฉิงอี้เฟยสำคัญยิ่งกว่า ดังนั้นนางจะต้องให้เขารักษาอาการป่วยของเฉิงอี้เฟยก่อนแล้วนางค่อยพูดคุยกับเขา!
กูเฟยเยี่ยนเลิกคิ้วมองกู้อวิ๋นหย่วนแวบหนึ่งโดยไม่ได้ตอบเขา จากนั้นสายตาจึงตกไปอยู่ที่ใบสั่งยาอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่หญิงสาวมองใบสั่งยา นางก็นั่งลงข้างโต๊ะน้ำชาพลางเตรียมใช้งานหวางเป่าติง
แม้ว่ายาสมุนไพรที่อยู่ในใบรายการจะไม่ใช่สมุนไพรล้ำค่าและมีชื่อเสียงเลื่องลือ ทว่าก็มีปริมาณที่ไม่น้อยเลย อีกทั้งต้องทำการเคี่ยวยาอย่างพิถีพิถันจนกล่าวได้ว่าเป็งานที่ต้องใช้เวลาและเรี่ยวแรงมากทีเดียว
กูเฟยเยี่ยนเปิดถ้วยน้ำชาบนโต๊ะพลางกล่าวกับกู้อวิ๋นหย่วนว่า “ท่านทำหน้าที่ของท่านไป ข้ารับรองว่าจะจัดเตรียมยาสมุนไพรเหล่านี้ให้ท่านก่อนยามอิ๋น! ”
กู้อวิ๋นหย่วนยังคงยืนห่างออกไป เขาไม่เพียงแค่ขี้ขลาดตาขาวแต่ยังเผยเเววตาสงสัยออกมา “เ้า เ้า…เ้าสามารถเคี่ยวยาสมุนไพรโดยมือเปล่าได้ด้วยหรือ? ”
หากเปลี่ยนเป็คนอื่นกูเฟยเยี่ยนจะไม่เปิดเผยอย่างง่ายดายเช่นนี้
ทว่านางไม่กลัวการเผชิญหน้ากับกู้อวิ๋นหย่วน ต่อให้ชายคนนี้ไม่ใช่ท่านอาจารย์อาภรณ์ขาว แต่เขาที่เป็ถึงแพทย์รักษาที่ซ่อนเร้นก็จะไม่มีทางพูดไร้สาระไปทั่วเพื่อสร้างปัญหาแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาไม่มีแผนร้ายใส่นาง
กูเฟยเยี่ยนยิ้มด้วยความขมขื่นเล็กน้อย “ข้าบอกความลับของข้าให้ท่านฟังดีไหม? ”
กู้อวิ๋นหย่วนไม่เพียงแค่ไม่อยากรู้อยากเห็นแล้ว ตรงกันข้ามกลับเกิดความระมัดระวัง เขาถอยหลังไปอีกสองก้าว สายตาจ้องมองนางโดยไม่พูดอะไร
กูเฟยเยี่ยนยิ้มแย้มราวกับล้อเล่น “ท่านเชื่อหรือไม่ว่าข้ามีท่านอาจารย์หนึ่งท่าน? ความสามารถทั้งหมดทั้งมวลของข้าล้วนมีท่านอาจารย์เป็ผู้สอน! ”
ไม่รู้ว่าภายในใจของกู้อวิ๋นหย่วนนั้นคิดอย่างไร เพราะในตอนนี้เขามองไปยังสายตาของกูเฟยเยี่ยนราวกับไม่ว่านางจะพูดอะไรเขาก็ไม่เชื่อทั้งนั้น
กูเฟยเยี่ยนไม่สิ้นเปลืองเวลาอีก นางรีบหลับตาลงรวบรวมสมาธิ นางเริ่มจากการตามหายาสมุนไพรในทุ่งสมุนไพร แล้วตามหาน้ำหิมะ จากนั้นจึงเรียกอัคคีเทพออกมาเริ่มเคี่ยวยา
ในขณะที่นางกำลังเคี่ยวยาสมุนไพรอยู่ กู้อวิ๋นหย่วนกำลังทำอะไรอยู่นะ? เขาคงจะมองนางอยู่ใช่หรือไม่?
เขายังคงแสดงสีหน้าสงสัยหรือว่าเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมากันนะ?
กูเฟยเยี่ยนไม่มีเวลาคิดมากนักเพราะเพียงแค่นางใจลอย นางก็จะปรุงยาออกมาไม่สำเร็จ
หลังจากระยะเวลาหนึ่งถ้วยชาผ่านไป ทันทีที่กูเฟยเยี่ยนลืมตาขึ้นมาถ้วยน้ำชาตรงหน้าก็กลายเป็น้ำแกงสมุนไพรร้อนๆ ไปแล้ว
กู้อวิ๋นหย่วนเดินเข้ามาหาสักพักแล้ว เขายืนจ้องมองน้ำแกงสมุนไพรในถ้วยน้ำชาอยู่ข้างโต๊ะด้วยใบหน้าที่คาดไม่ถึง
“เ้า เ้า…เ้าทำได้อย่างไร? ”
กูเฟยเยี่ยนกำลังจะพูด แต่กู้อวิ๋นหย่วนกลับกล่าวเสริมอีกว่า “อาจารย์ของเ้าเป็เทพศักดิ์สิทธิ์ที่มาจากที่ใดกัน? ท่านเ้าสำนักหุบเขาเสินหนงยัง…ยังไม่มีความสามารถเช่นนี้เลย”
กูเฟยเยี่ยนมองข้ามความผิดหวังในส่วนลึกของจิตใจ นางไม่มากความโดยเอ่ยเพียงแค่ “แพทย์กู้ คนป่วย…สำคัญกว่า! พวกเรายังมีเวลามาค่อยๆ พูดคุยกัน! หากท่านอยากรู้จักอาจารย์ของข้า ข้าก็ยินดี…ยินดีแนะนำเขาให้ท่านรู้จัก”
เบ้าตาของกูเฟยเยี่ยนเปียกชื้นเล็กน้อยทว่ากู้อวิ๋นหย่วนมองไม่ออก ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งจะได้สติกลับมาจากความใแล้วพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกัน “การรักษาโรคมีความสำคัญยิ่งกว่า การรักษาโรคมีความสำคัญยิ่งกว่า! ”
เขาหยิบเข็มทองชุดใหม่ออกมาจากหีบไม้ไผ่แล้วนำเข็มทองทั้งหมดแช่ลงไปในน้ำแกงสมุนไพร จากนั้นจึงกลับไปนั่งข้างกายเฉิงอี้เฟยพลางดึงเข็มทองบนร่างกายของเฉิงอี้เฟยออกตามลำดับขั้นอย่างระมัดระวัง กูเฟยเยี่ยนช่วยนำน้ำแกงสมุนไพรส่งไปให้โดยวางไว้ข้างกายเขา
กูเฟยเยี่ยนไม่เชี่ยวชาญทางด้านความรู้ทางการรักษา แต่นางก็มองออกว่ากู้อวิ๋นหย่วนวางแผนจะใช้เข็มชุบยาแล้วค่อยทำการฝังเข็ม
เพียงแต่นางไม่ค่อยจะเข้าใจถึงวิธีการที่ขัดแย้งกันของเขา
ในแพทย์แผนจีนมีคำกล่าวเอาไว้ว่า “จุดฝังเข็มยาตามร่างกายมีแหล่งกำเนิดเดียวกัน จุดฝังเข็มยาจึงให้ผลลัพธ์ที่ตรงกัน” ซึ่งหมายความว่าการรักษาโดยการใช้ยาสมุนไพรกับการรักษาโดยการฝังเข็มจะให้ผลลัพธ์ที่เหมือนกัน
ใบสั่งยาใช้รากฐานจากคุณสมบัติของยาสมุนไพร ในขณะที่การฝังเข็มใช้รากฐานจากจุดลมปราณ แพทย์โบราณเชื่อว่าจุดลมปราณบนร่างกายมนุษย์มีนับร้อยจุด ฉะนั้นจึงมียาสมุนไพรนับร้อยชนิดซ่อนไว้อยู่ ตราบใดที่ไปกระตุ้นจุดลมปราณเหล่านี้มันก็จะมีผลการรักษาเช่นเดียวกันกับการรับประทานยา
วิธีการกระตุ้นจุดลมปราณเหล่านี้คือทักษะแห่งการฝังเข็มและการอังความร้อน
การฝังเข็มคือการใช้เข็มกระตุ้นจุดลมปราณ การอังความร้อนคือการเผาหญ้าอ้าย ขิงดิบ และสมุนไพรอื่นๆ เพื่อกระตุ้นจุดลมปราณด้วยความร้อน
นี่เป็ครั้งแรกที่กูเฟยเยี่ยนเห็นถึงการใช้ตำรับยาน้ำแกงสมุนไพรที่ซับซ้อนมาชุบเข็มทอง นางจึงไม่ทราบเลยว่าวิธีการนี้นับได้ว่าเป็การฝังเข็มหรือไม่
ทว่าแม้จะอยากรู้อยากเห็นแต่กูเฟยเยี่ยนก็ไม่ได้เอ่ยถาม ผู้ที่ทำการรักษากับผู้ที่ปรุงยาสมุนไพรล้วนไม่ชอบการถูกรบกวน นางเองก็เป็แบบนี้เช่นกัน
นางยืนมองกู้อวิ๋นหย่วนอยู่ด้านข้างด้วยความเงียบ
เรี่ยวแรงในการดึงเข็มของกู้อวิ๋นหย่วนมีความพิถีพิถันมาก ทว่าลำดับขั้นนั้นพิถีพิถันยิ่งกว่า เข็มทองทุกอันไม่สามารถเกิดความผิดพลาดได้เลยแม้แต่น้อย เขาก้มศีรษะเล็กน้อย ขมวดคิ้วเเน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความจริงจังจดจ่อจนเหมือนจะลืมกูเฟยเยี่ยนไปเสียแล้ว ภายในสายตาของเขามีเพียงแค่เข็มเ่าั้
แม้ว่าั้แ่เยนอวิ๋นเจี้ยนจนมาถึงเมืองจิ้นหยางนั้นนางจะมองเขาไม่น้อยเลย แต่ในครั้งนี้นับได้ว่ากูเฟยเยี่ยนมองเขานานที่สุด เงียบที่สุด และละเอียดถี่ถ้วนที่สุด แม้แต่่เวลาที่อยู่ในแดน์ปิงไห่กว่าสิบปี นางยังไม่เคยมองใบหน้าของท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวอย่างจริงจังขนาดนี้มาก่อน
นางยิ่งมองยิ่งเกิดภาพลวงตาราวกับว่าคนตรงหน้าไม่ใช่กู้อวิ๋นหย่วนแต่เป็ท่านอาจารย์อาภรณ์ขาว นางรู้สึกเหมือนว่าไม่ได้อยู่ที่จวนตระกูลเฉิงแห่งดินแดนเสวียนคง แต่เป็หุบเขาสมุนไพรของแดน์ปิงไห่ อีกทั้งยังเหมือนกับ…เหมือนกับกลับไปใน่ทีู่เาหิมะละลาย นกขมิ้นโบยบิน ต้นไม้ใบหญ้าเติบใหญ่ นกนางแอ่นบินกลับรังใน่ฤดูใบไม้ผลิ ใน่เวลานั้นเป็วันเกิดปีที่สิบห้าของนางและเป็่เวลาที่เหมาะสมแก่การออกเรือน นางฝันถึงเื่ร้ายเฉกเช่นกับวันเกิดในปีก่อนๆ อีกครั้ง…
“อ้าก…ไม่นะ…”
“กู้หนานเฉิน…รีบไป! เร็ว…อ้าก…”
นางกรีดร้องพลันใตื่นจากฝันร้าย จากนั้นจึงพรวดพราดลุกขึ้นนั่งโดยที่น้ำตาเนืองนอง
ท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวนั่งมองนางอยู่บริเวณขอบเตียง เขายิ้มบางเบาด้วยความเอ็นดู
แม้ว่าเขาจะยิ้ม แต่เมื่อมองดูแล้วก็เหมือนกับว่าเขาไม่ได้จริงจังกับมันเลย ทว่ารอยยิ้มของเขากลับมีพลังในการปลอบโยนผู้คน เขาถามด้วยรอยยิ้มว่า “ฝันร้ายอีกแล้วหรือ? ”
นางตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะร้องไห้โผเข้าหาอ้อมอกของเขาอย่างเนืองแน่น “อาจารย์…ฮึกๆ เยี่ยนเอ๋อร์กลัว! ”
ท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวลูบท้ายทอยของนางเบาๆ แล้วเอ่ยถามขึ้น “กลัวอะไร? ”
ทว่านางพูดไม่ออกอยู่ชั่วขณะ สาวน้อยในความฝันไม่ใช่นางและนางไม่รู้จักผู้คนในความฝันเลยสักคน นางกลัวอะไรกัน? นางก็ไม่ทราบเช่นกัน
นางกอดท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวแน่นขึ้นกว่าเดิม ปราศจากคำพูดอยู่ครู่หนึ่ง ในขณะที่หวาดกลัวและไม่สบายใจ เพียงแค่กอดท่านอาจารย์อาภรณ์ขาว หลบอยู่ในอ้อมอกอันอบอุ่นของเขาชั่วขณะ จิตใจของนางก็จะสงบลง
นางไม่เพียงแค่กอดเอาไว้แน่นแต่ยังถูใบหน้าลงไปบนอ้อมอกแนบชิดหัวใจจนได้ยินเสียงเต้นแรงมีพลังของหัวใจเขาอีกด้วย
ทุกครั้งที่ร้องไห้ตื่นขึ้นมาจากความฝัน ท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวก็จะปล่อยให้นางกอดและปล่อยให้นางถูใบหน้าอยู่ในอ้อมอกได้ตามใจชอบ ทว่าในคราวนี้ท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวกลับดึงมือของนางออกเบาๆ พลางยิ้มแย้มอย่างนุ่มนวล “เยี่ยนเอ๋อร์ พอได้แล้ว”
นางกอดแน่นไม่ยอมปล่อยแต่ท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวดึงออกอีกครั้งหนึ่ง หญิงสาวจึงสูดจมูกราวกับเด็กน้อยที่ยังไม่โตและ้าจะร้องไห้ให้เขาดู
ทันใดนั้นท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวก็เริ่มเอาจริงเอาจัง เขาขมวดคิ้วเป็ปมแน่นแล้วมองดวงตาของนางโดยไร้ซึ่งรอยยิ้ม “เยี่ยนเอ๋อร์ เ้าโตจนอายุของเ้าถึงวัยในการออกเรือนแล้ว นับั้แ่วันนี้เป็ต้นไปห้ามมากอดอาจารย์อีก ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่อนุญาตให้เ้าแอบปีนขึ้นเตียงอาจารย์”
เขาหยิบปิ่นหยกออกมาหนึ่งอันแล้วปักลงบนเส้นผมของนาง จากนั้นจึงลุกขึ้นเดินออกไป…
นั่นเป็ครั้งแรกที่กูเฟยเยี่ยนเห็นท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวขมวดคิ้ว และเป็ครั้งแรกที่เห็นใบหน้าเอาจริงเอาจังของท่านอาจารย์ ซึ่งใบหน้านั้นเหมือนกันกับใบหน้าของกู้อวิ๋นหย่วนในตอนนี้ทุกประการ
กูเฟยเยี่ยนได้สติกลับมาจากความทรงจำ หยาดน้ำตาก็ค่อยๆ ไหลออกมาจากั์ตา
ในขณะนี้เองจู่ๆ กู้อวิ๋นหย่วนก็หันมามอง…