"คุณหนูแน่ใจหรือเ้าคะว่าจะใส่ชุดนี้"
ความจริงแล้วฟ่างเซียนเซียบชอบเสื้อผ้าสีนี้มาก หากแต่มันคือสีโปรดของฮูหยินรองเจินซู่ ทุกครั้งที่นางสวมใส่ชุดสีแดงลงบนเรือนร่างมักจะถูกกลั่นแกล้งจากแม่เลี้ยงใจร้ายทำให้พักหลัง ๆ ฟ่างเซียนเซียนหวาดกลัวจะโดนทำร้ายจึงไม่เคยสวมใส่อาภรณ์หรือเครื่องประดับที่มีสีนี้อีกเลย
"ไม่เหมาะกับข้ารึ"
เฟิงซูเหยาที่มีดวงตามั่นใจเต็มเปี่ยมมองสาวใช้ผ่านกระจกสำริดตรงหน้า ทำเอาอาถังถึงกับหลบสายตาคู่นั้นอย่างไม่รู้ตัว
"เหมาะเ้าค่ะ คุณหนูสวมชุดสีนี้แล้วงดงามยิ่งนัก"
แม้ในใจจะรู้สึกว่าการกลับมาครั้งนี้ของฟ่างเซียนเซียนมีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปราวคนละคน ทว่าอาถังกลับรู้สึกว่าแบบนี้เหมาะกับคุณหนูนางมากที่สุด
เคยโอนอ่อนยอมสองแม่ลูกนั้นข่มเหงมานักต่อนัก ครั้งนี้หากคุณหนูนางฮึดสู้ขึ้นมาบ้างอาถังผู้นี้จะยอมสู้ตายเคียงข้างนางเอง
"ไปกันเถอะ ข้าพร้อมแล้ว"
"เ้าค่ะ" อาถังนำหน้าคุณหนูนางเพื่อพาไปยังเรือนใหญ่ที่ใช้จัดงานในค่ำคืนนี้
ท่าทางเชิดราวพญาหงส์ของเฟิงซูเหยาช่างแปลกตาต่อสายตาเหล่าข้ารับใช้เป็อย่างยิ่ง ทุกท่วงท่าการเดินที่ดูสง่างามดึงดูดสายตาแเื่ในงานจนไม่มีใครละสายตาจากนางได้
"เซียนเอ๋อร์มาแล้ว"
ฟ่างเสวียนสวี่เรียกบุตรสาวอย่างดีอกดีใจ การกระทำออกนอกหน้านี้สร้างความขุ่นเคืองให้กับสองแม่ลูกที่ถูกลดตำแหน่งลงไปนั่งต่ำกว่าหัวหน้าตระกูลหนึ่งขั้นเกือบเทียบเท่าแเื่คนอื่น ๆ
"เซียนเอ๋อร์ขออภัยที่มาสาย"
เฟิงซูเหยาย่อตัวเล็กน้อยด้วยกริยางดงามอ้อนช้อยต่อหน้าผู้นำตระกูลและแขกคนอื่น ๆ สร้างความเอ็นดูต่อคนในงานจนเกินหน้าเกินตาบุตรสาวอีกคน
"ท่านแม่ข้าทนไม่ไหวแล้วนะเ้าคะ!"
เจินเม่ยกำมือแน่นอย่างหมั่นไส้น้องสาวต่างมารดาที่ทำตัวโดดเด่นกว่านาง
"ใจเย็น ๆ นี่งานฉลองของน้องสาวเ้า ท่องเอาไว้"
ใช่ว่าเจินซู่จะชอบสักเท่าไรที่ลูกศัตรูหัวใจแย่งความรักจากเสวียนสวี่ไปเพียงคนเดียว แต่วันนี้ต้องยอมรับว่าเป็วันของนาง เจินซู่จะยอมถอยหนึ่งก้าว ค่อยคิดรวบบัญชีวันหลังก็ยังมิสาย
"จอกนี้ข้าขอดื่มให้กับ์ที่ส่งเซียนเอ๋อร์กลับมาอยู่ข้างกายข้า"
เสียงกังวาลของแม่ทัพใหญ่ฟ่างดังขึ้นพร้อมจอกสุราหมักเลิศรส
"ท่านพ่อ เซียนเอ๋อร์ขอดื่มด้วยคน"
เสวียนสวี่ใที่ได้ยินบุตรสาวเอ่ยขอดื่มสุราทั้ง ๆ ที่นางมิเคยดื่มสักครั้ง
"ข้าหมายถึงชาเ้าค่ะ"
คนฉลาดไหวพริบดีอย่างเฟิงซูเหยาแก้สถานการณ์ได้อย่างไร้คนสงสัย
"ยกน้ำชาให้คุณหนูสาม"
ซูเหยารับถ้วยน้ำชาทำจากหยกเนื้อดีขึ้นมาถือไว้ สองพ่อลูกไหว้ขอบคุณฟ้าดินก่อนดื่มของเหลวในมือจนหมดจอก
"คนดี์ย่อมคุ้มครอง ข้าขอดื่มให้คุณหนูสามอายุมั่นขวัญยืนอยู่เป็ขวัญกำลังใจแก่ท่านแม่ทัพใหญ่ไปจนผมเปลี่ยนสี"
นายกองทหารผู้หนึ่งกล่าวแสดงความยินดีจบ นายกองคนอื่น ๆ ก็พากันร่วมแสดงความยินดีกับปาฎิหาริย์ในครั้งนี้จนถ้วนหน้า กินเวลาไปเกือบครึ่งชั่วยามซูเหยาก็หาเื่ออกจากงานสังสรรคที่มีแต่คนแปลกหน้าเพื่อเก็บตัวเงียบ ๆ ในสวนดอกไม้คนเดียว
หลังจากผ่านงานเลี้ยงมาได้สามวัน แม่ทัพใหญ่ฟ่างก็จำต้องกลับไปยังค่ายทหารที่ชายแดนเมืองถังเหลียน
"เ้าแน่ใจว่าไม่ไปเที่ยวเล่นกับพ่อ"
เสวียนสวี่เอ่ยถามบุตรสาวหลังจากชวนนางไปอยู่ที่ค่ายทหารด้วย แม้จะบอกว่าที่นั่นคือค่ายทหาร ทว่าเป็ถึงค่ายของแม่ทัพใหญ่ทุกอย่างล้วนสะดวกสบายและไม่ขัดสน
"ข้าเพิ่งฟื้น อยากพักผ่อนให้ร่างกายแข็งแรงกว่านี้หน่อย"
เฟิงซูเหยาปฏิเสธเสียงเรียบ
หากให้ตามติดคนผู้นี้ นางย่อมไม่ได้เติมเต็มสิ่งที่อยู่ในแผนการให้สำเร็จเป็แน่
"ก็จริงของเ้า แม้ว่าที่ค่ายทหารจะไม่ลำบาก แต่การเดินทางนั้นรำเค็ญ พ่อช่างไม่รอบคอบเสียจริง"
"ท่านพ่ออย่าโทษตนเองเลยเ้าค่ะ หากข้าฟื้นร่างกายดีแล้วจะไปเยี่ยมท่านแน่นอน"
"เหตุใดครั้งนี้ลูกสาวข้าถึงได้ดูอาจหาญกล้าตอบโต้เสียงดังฟังชัดเช่นนี้"
เสวียนสวี่ตอบกลับอย่างหยอกล้อ เขารู้สึกชอบนิสัยบุตรสาวในเวลานี้มากกว่าเมื่อก่อน
"อาจเพราะการได้ตายมาแล้วครั้งหนึ่งทำให้ข้าเข้มแข็งขึ้น"
เฟิงซูเหยาเอ่ยเสียงแ่หากแต่แววตากลับดุดัน
"อาจจะใช่ ครั้งนี้สำหรับเ้าแล้วคงเรียกว่าผ่านความตายมาแล้ว"
เพราะที่ผ่านมาอาการนางกำเริบไม่เคยเกินเวลาจิบชา[1] ย่อมไม่นับว่าคือการผ่านความตาย
"สายแล้ว ท่านพ่อเร่งเดินทางเถิดเ้าค่ะ ไม่ต้องห่วงข้า"
เสวียนสวี่เอื้อมมือลูบผมบุตรสาวอย่างทะนุถนอม ในสายตาของเขาช่างอบอุ่นผิดจากเวลามองเจินเม่ยราวฟ้ากับเหว ทำให้คนที่หลบมุมมองสองพ่อลูกหยอกล้อกันอย่างอบอุ่นฝังความชิงชังไว้ในอก รอเวลาให้เ้าของจวนก้าวออกจากประตูไปค่อยระบายออกมา
"ฮูหยินรองกับเม่ยเอ๋อร์คงแต่งตัวยังไม่เสร็จ พ่อฝากเ้าบอกลาพวกนางแทนด้วยแล้วกัน"
"เ้าค่ะ เดินทางปลอดภัย"
เสวียนสวี่ส่งยิ้มให้บุตรสาวที่เป็ดั่งแก้วตาดวงใจ ตามมาด้วยการส่งสัญญาณให้เหล่าทหารเคลื่อนกำลังกลับยังค่ายทหารเพื่อทำหน้าที่รักษาชายแดนถังเหลียนต่อ
ครั้นตรงนี้ไม่มีคนอื่นอยู่แล้ว เฟิงซูเหยาจึงเตรียมกลับไปยังเรือนหลานฮวาของตนเอง สายตาเฉียบคมเห็นสิ่งผิดปกติรออยู่ตรงหน้าจึงแสร้งทำเป็ไม่เห็น อยากรู้นักว่าใครกันที่หลบมุมอยู่ตรงนั้นและคนผู้นั้น้าอะไร
นางจึงสาวเท้าเดินทำตัวปกติ เมื่อถึงมุมที่ต้องเลี้ยวเห็นปลายรองเท้าโผล่ออกมาเพื่อหวังให้นางสะดุดล้ม
เฟิงซูเหยาขำขันในใจกับการกลั่นแกล้งวิธีซ้ำซากทั่วไปของพวกนางร้ายขี้อิจฉาจึงแสร้งตามน้ำเดินสะดุดขาเจินเม่ยพร้อมกับ...
[1] ประมาณ 5 นาที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้