นายท่านห้าเฉิงเหม่อลอยเล็กน้อย
เขาย่อมรู้ดีว่าทำไมเฉิงชิงจึงไม่กลับบ้าน ทั้งทางตรอกหยางหลิ่วและนางหลี่ต่างก็นึกว่าเฉิงชิงอยู่ที่สถานศึกษา ความจริงแล้วตัวคนถูกเมิ่งไหวจิ่นเรียกไปแล้ว ทั้งยังลาเรียนกับสถานศึกษาแล้วหลายวัน... ่นี้ร่องรอยของเมิ่งไหวจิ่นลึกลับ นายท่านห้าเฉิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“เ้าเองก็ต้องจัดการเื่การแต่งงานของหรงเหนียงแล้ว”
หรงเหนียงคือบุตรสาวที่เกิดมายามนางหลี่และนายท่านห้าเฉิงชราแล้ว หากแบ่งรุ่นแล้วอยู่สูงกว่าเฉิงชิง แต่วัยกลับเท่ากับบุตรสาวคนโต ปีนี้อายุสิบเจ็ดแล้ว
บุตรสาวตระกูลเฉิงไม่จำเป็ต้องกังวลเื่ออกเรือน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงครอบครัวของผู้นำตระกูล หรงเหนียงควรหารือเื่แต่งงานั้แ่เมื่อสองปีก่อน นางหลี่หาบ้านว่าที่สามีที่ดีให้บุตรสาวแล้ว นั่นก็คือเมิ่งไหวจิ่นผู้มีอนาคตไร้ที่สิ้นสุด!
ปีนั้น เมิ่งไหวจิ่นที่ยังอายุไม่เต็มยี่สิบเพียงกระบวนท่าเดียวก็สามารถเอาชนะได้ตำแหน่งเจี้ยหยวนของมณฑลมาครอง ผู้ที่มีอนาคตรุ่งโรจน์เช่นนี้แม้จะถือกำเนิดมาจากครอบครัวยากจนก็ยังคู่ควรเป็บุตรเขยตระกูลเฉิง!
ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลเฉิงเห็นเมิ่งไหวจิ่นเป็ม้าดีพันลี้ แค่ให้เงินช่วยเหลืออีกฝ่ายย่อมไม่เพียงพอ จะมีวิธีใดที่มั่นคงยิ่งไปกว่าการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กันเล่า
ในทำนองเดียวกัน เฉิงหรงอายุสิบห้าปี เมิ่งไหวจิ่นอายุสิบแปดปี เมิ่งไหวจิ่นแม้จะมีอนาคตไกลแต่ก็ไร้ชาติกำเนิด เฉิงหรงคือบุตรสาวที่บ้านห้าทุ่มเทอบรมเลี้ยงดู การแต่งงานครั้งนี้ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ล้วนเหมาะสม
แต่บิดาของเมิ่งไหวจิ่นที่ป่วยหนัก พอได้ยินข่าวดีว่าเมิ่งไหวจิ่นสอบผ่านเป็บัณฑิตจวี่เหริน อารมณ์ถูกกระตุ้นด้วยความดีใจ สุดท้ายก็ทนไม่ไหวจากไปในที่สุด
ตระกูลเมิ่งยินดีก่อนโศกเศร้าทีหลัง เมิ่งไหวจิ่นที่ต้องไว้ทุกข์จึงพลาดการสอบระดับเมืองหลวงไป เื่หารือการแต่งงานจึงถูกพับเก็บไว้ชั่วคราว
คนภายนอกรู้เพียงว่านายท่านห้าเฉิงให้ความสำคัญกับเมิ่งไหวจิ่นเป็พิเศษเพราะมีอนาคตไร้ที่สิ้นสุด แต่กลับไม่รู้ว่าเมิ่งไหวจิ่นเป็ผู้ที่นายท่านห้าเฉิง้าให้มาเป็บุตรเขยในอนาคต——
เมื่อเอ่ยถึงเื่แต่งงานของบุตรสาว นางหลี่ก็ไม่ได้สนใจเฉิงชิงต่อ นางทำหน้าสงสัยข้อเสนอแนะของนายท่านห้า
“แม้พวกเรากับตระกูลเมิ่งจะไม่ได้ประกาศข่าวการแต่งงานแก่ภายนอก แต่ทั้งสองตระกูลก็ได้ทำสัญญากันไว้นานแล้ว เดิมยังกล่าวว่าหลังจากเมิ่งไหวจิ่นได้มีชื่ออยู่บนทะเบียนทอง[1]แล้วถึงค่อยมาหารือเื่แต่งงาน หารือเื่แต่งงานในยามนี้จะไม่ทำให้เมิ่งไหวจิ่นว่อกแว่กหรือ?”
ถึงอย่างไรหรงเหนียงก็อายุสิบเจ็ดปีแล้ว นางหลี่จะไม่กังวลเื่การแต่งงานของบุตรสาวได้อย่างไร!
แต่กว่าครึ่งชีวิตของสตรีล้วนขึ้นอยู่กับ ‘สามีมีบารมี ภรรยาได้รับการเคารพตาม’ อนาคตของว่าที่บุตรเขยไม่ควรถูกแทรกแซงจนเกิดข้อผิดพลาด
นายท่านห้าเฉิงลูบเคราแพะ “งานแต่งสามารถรอถึงปีหน้าได้ แต่ควรจัดการเื่การแต่งงานก่อน การแลกเปลี่ยนเทียบดวงชะตาก็คงไม่รบกวนพลังงานในการสอบเข้ารับราชการของเมิ่งไหวจิ่นหรอก”
กล่าวเช่นนี้ก็ดูมีเหตุผล
เทียบดวงชะตาก็คือทะเบียนสมรส บนนั้นเขียนข้อมูลเช่น่เวลาตกฟากซึ่งประกอบด้วยวัน เดือน ปีและเวลาเกิดกับบ้านเกิดเป็ต้น ฝ่ายชายต้องนำเทียบดวงชะตาของตนส่งไปให้ครอบครัวฝ่ายหญิงก่อน หากฝ่ายหญิงเห็นด้วยกับการแต่งงานก็จะเก็บเทียบดวงชะตาของฝ่ายชายไว้และนำเทียบดวงชะตาของตนส่งกลับไป แลกเปลี่ยนกันเช่นนี้ ที่เหลือก็คือหาฤกษ์แต่งงาน
ก่อนหน้าการแลกเปลี่ยนเทียบดวงชะตาย่อมต้องดูความสมพงศ์ของเวลาตกฟาก หากเวลาตกฟากไม่สมพงศ์กัน ขั้นตอนการหารือเื่งานแต่งกว่าครึ่งก็จะหยุดไประหว่างทาง หากสามารถผ่านขั้นตอนการแลกเปลี่ยนเทียบดวงชะตาไปได้ การแต่งงานก็ลุล่วงไปแล้วกว่าเก้าส่วน ทั้งสองฝ่ายสามารถประกาศการหมั้นหมายกับภายนอกได้
นางหลี่พึงพอใจที่สามีกล่าวเพียงดำเนินการถึงขั้นตอนการแลกเปลี่ยนเทียบดวงชะตา
บุตรเขยที่ดีงามเช่นเมิ่งไหวจิ่นเป็ที่้ามาก หากการแต่งงานนี้ไม่ตกลงกันเสียเนิ่นๆ ปีหน้าเมิ่งไหวจิ่นเข้าเมืองหลวง ได้มีชื่ออยู่บนทะเบียนทอง ครอบครัวชนชั้นสูงที่มีอำนาจในเมืองหลวงต่างก็มีบุตรสาวที่รอออกเรือน ด้านล่างทะเบียนก็คงแย่งชิงเมิ่งไหวจิ่นไปเป็บุตรเขยก่อนแน่ นางหลี่ก็ไม่อาจกล่าวอะไรได้!
ที่พึ่งพาได้มากที่สุดที่จริงแล้วหาใช่การแลกเปลี่ยนเทียบดวงชะตา แต่เป็การแต่งงานก่อนเมิ่งไหวจิ่นเข้าเมืองหลวง
เพียงแต่เช่นนั้นก็จะเป็การแสดงว่าหรงเหนียงรีบร้อน ฝ่ายหญิงรวบรัดเกินงาม นางหลี่กลัวว่าบุตรสาวจะถูกบ้านสามีดูถูกเอา
การหารือเื่การแต่งงานไม่อาจให้บ้านห้าออกปาก นางหลี่ต้องหาคนกลางไปบอกใบ้ตระกูลเมิ่ง หากตระกูลเมิ่งสนใจก็จะเป็ฝ่ายมาสู่ขอหรงเหนียงถึงที่เอง เดิมนี่ควรเป็ขั้นตอนที่แล้วเสร็จไปั้แ่เมื่อสองปีก่อน แต่บัดนี้ต้องมาทำต่อใหม่อีกครั้ง
เมิ่งไหวจิ่นจะปฏิเสธการแต่งงานหรือไม่?
นางหลี่ไม่คิดเช่นนั้นเลย
ยามนี้เมิ่งไหวจิ่นยังไม่ได้เป็ขุนนาง หรงเหนียงไหนเลยจะไม่คู่ควรกับอีกฝ่าย?
นอกเสียจากเมิ่งไหวจิ่นมีความทะเยอทะยานสูงมาก ้าจะเตะตระกูลเฉิงทิ้ง หาตระกูลภรรยาที่มีอนาคตยิ่งกว่าให้แก่ตนเอง
นายท่านห้าเฉิงไม่ได้มองโลกในแง่ดีเฉกเช่นภรรยา
ในฐานะที่เป็งูเ้าถิ่นของอำเภอหนานอี๋ นายท่านห้ารู้มาว่า่นี้มีผู้สูงศักดิ์ผู้หนึ่งมาที่นี่ ฐานะของอีกฝ่ายเปราะบาง นายท่านห้าเฉิงไม่วางแผนที่จะเข้าใกล้ แต่เมิ่งไหวจิ่นกลับไปใกล้ชิดกับฝ่ายนั้น แตกต่างกับมาตรการการจัดการเื่ต่างๆ ที่ตระกูลเฉิงยึดถือตลอดมา
เมิ่งไหวจิ่นเป็ม้าดีพันลี้แน่นอน แต่หากไม่เป็น้ำหนึ่งใจเดียวกับตระกูลเฉิงแล้วจะมีประโยชน์อันใดเล่า?
ที่นายท่านห้ายกเื่หารือการแต่งงานในครั้งนี้ ไม่ได้้าเร่งรัดให้บุตรสาวออกเรือน แต่้าใช้เื่นี้มาลองใจเมิ่งไหวจิ่น!
เฉิงชิงโดดเด่นขึ้นมาในงานชุมนุมวรรณกรรม
การสอบประจำเดือนของเฉิงชิงก็มีพัฒนาการแล้ว
บุคคลใกล้ชิดย่อมดีใจกับเฉิงชิง แต่บ้านรองย่อมไม่คิดเช่นนั้น ั้แ่ข่าวเื่เฉิงชิงโด่งดังจากงานชุมนุมวรรณกรรมกลางสารทฤดูแพร่กลับมา กลิ่นยาภายในเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าจูก็แรงขึ้น นางหวงรู้ดีว่าจิตใจของแม่สามีไม่เบิกบาน จึงไปเยี่ยมคารวะทักทายอย่างกระตือรือร้นบ่อยครั้งขึ้น ด้วยเกรงว่าลมหายใจของฮูหยินผู้เฒ่าจูจะหายไปจากร่างกาย
นางหวงยังรำพึงรำพันกับคนข้างกายเป็การส่วนตัว
“งานชุมนุมวรรณกรรมมีผู้คนมากมายขนาดนั้น แม้เฉิงกุยจะไม่ใช่ผู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุด แล้วจะเรียกเฉิงชิงว่าอันดับหนึ่งได้อย่างไร?”
บัณฑิตกลุ่มนี้ไร้ประโยชน์เกินไปแล้ว เทิดทูนเฉิงชิงวัยสิบสามปีไว้บนหัว
เฉิงกุยประสบความราบรื่นมาั้แ่ยังเล็ก จู่ๆ ก็มีเฉิงชิงโผล่มา คนนอกย่อมเปรียบเทียบลูกพี่ลูกน้องคู่นี้เป็แน่ การสอบประจำเดือนครั้งนี้อันดับของเฉิงกุยตกลง เห็นได้ชัดเลยว่าได้รับผลกระทบที่ไม่ดีมา
นางหวงไม่ได้กังวลอนาคตแทนเฉิงกุย แม้เฉิงกุยมีอนาคตที่ดีและนางซึ่งเป็อาสะใภ้ถึงจะได้รับผลประโยชน์ไปด้วยแต่ก็มีข้อจำกัด
หากเฉิงกุยได้เป็ขุนนาง ราชสำนักก็จะแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้กับมารดาของเฉิงกุยและภรรยาในอนาคต ถึงอย่างไรบรรดาศักดิ์ก็มาไม่ถึงนาง หาก้ามีบรรดาศักดิ์เป็ฮูหยินผู้เฒ่าเช่นแม่สามีแล้ว นางหวงทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับลูกชายว่าจะมีอนาคตที่ดี!
นางหวงมองดูการแสดงออกของเฉิงชิงแล้วก็กังวลว่าอีกฝ่ายจะเอาคืนบ้านรองในอนาคต
ยามนางแต่งเข้ามาในตระกูลเฉิง เฉิงจือหย่วนก็แยกบ้านออกไปจากอำเภอหนานอี๋นานแล้ว นางหวงและท่านลุงใหญ่ผู้โชคร้ายไม่เคยมีโอกาสไปมาหาสู่กัน
ไม่ได้มีความแค้นกัน ถือดีอะไรมาทำให้พวกนางสองสามีภรรยาเป็คนเลว?
ไม่ต้องกล่าวถึงอย่างอื่น วันนั้นที่กันโลงศพของเฉิงจือหย่วนไม่ให้เข้าจวนก็คือสามีของนางหวง เฉิงจือซู่!
รอจนเฉิงจือซู่กลับมาแล้ว นางหวงยังจงใจกล่าวเตือนสติอีกหลายประโยค
“โบราณกล่าวไว้ว่าอย่าได้รังแก่เด็กหนุ่มยากจน หากในอนาคตเฉิงชิงได้เป็ใหญ่เป็โต พวกเราจะอยู่ดีได้อย่างไร?”
เฉิงจือซู่ไม่เห็นด้วย “เ้าถูกเ้าเดรัจฉานปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมตัวหนึ่งขู่จนกลัวไปแล้วหรือ เื่ที่เขาโด่งดังขนาดนั้นในงานชุมนุมวรรณกรรม ผ่านไปเดี๋ยวเดียวก็จางหายไปแล้ว คุณวุฒิก็ไม่มี จะเอาอะไรมามีอนาคตดี!”
นางหวงเม้มริมฝีปาก “เขาสามารถสอบเข้าสถานศึกษาได้ ลำดับที่ในการสอบประจำเดือนก็สูงขึ้นทุกครั้ง ว่ากันตามนี้แล้ว การมีคุณวุฒิก็เป็เื่ที่ช้าเร็วอย่างไรก็ต้องเกิด ข้าว่านะ บุญคุณความแค้นของคนรุ่นก่อนไหนเลยจะต้องพัวพันจนถึงตอนนี้ ท่านแม่ไม่ชอบครอบครัวของพี่ใหญ่ พวกเราก็อยู่ห่างๆ หน่อยไม่ดีหรือ ก่อนหน้านี้ท่านไม่ให้โลงศพของพี่ใหญ่เข้าประตู ภายในอำเภอวิจารณ์ท่านว่าเช่นไร... พวกเราทำเื่เช่นนี้ย่อมไม่เป็ผลดี!”
บนใบหน้าของเฉิงจือซู่บังเกิดรอยยิ้มแปลกประหลาด
“ผู้ที่เอ่ยตีตนไปก่อนไข้ก็คือเ้า หากเขาคิดจะสอบเอาคุณวุฒินั้นเป็ไปไม่ได้แน่ ความจริงก็ตามที่เ้าได้กล่าวมา คดียักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติเกี่ยวข้องกับเยี่ยอ๋อง ไม่ว่าพี่ใหญ่จะยักยอกหรือไม่ก็โชคร้ายที่ถูกลากมาพัวพันด้วย ไม่มีทางที่จะพลิกคดีได้แน่ ราชสำนักช้าเร็วอย่างไรก็ต้องตัดสินโทษ บุตรชายของขุนนางต้องโทษไม่อาจเข้าร่วมการสอบเข้ารับราชการ เ้าเดรัจฉานน้อยนั่นไม่มีทางที่จะเป็ใหญ่เป็โตได้ตลอดกาล!”
[1] ทะเบียนทอง คือป้ายประกาศรายชื่อผู้ที่สอบผ่านการสอบหน้าพระที่นั่งซึ่งเป็การสอบเข้ารับราชการระดับสูงสุด
