ครั้นคุณตาอู๋ได้ยินเสียง ใช้มือนวดตาที่พร่ามัวก่อนจะเพ่งมองให้ชัด พบว่าไม่ไกลคือหลานสาวที่กำลังวิ่งมา เขารีบเดินไปต้อนรับด้วยความยินดี
“ทำไมถึงเพิ่งจะกลับมาป่านนี้ แล้วของพวกนี้คือ?”
เซี่ยโม่ทราบดีว่าคุณตาเป็คนซื่อตรง ของที่มีที่มาไม่ชัดเจนไม่มีทางรับไว้แน่นอน
เธอตอบออกไปว่า “คุณตา หนูมีแต้มการทำงานที่สะสมไว้ั้แ่เมื่อต้นปี คุณปู่ผู้ใหญ่บ้านใจดีให้คนคำนวณให้ หนูเลยเอาไปแลกข้าวสารแล้วก็ถั่วเหลือง ในกระเป๋าหนูพอมีเศษเงินอยู่นิดหน่อย เลยเอามันไปซื้อลูกอมกับขนมจากร้านสหกรณ์ในตัวตำบลค่ะ”
คุณตาได้ฟังก็ต่อว่าอย่างไม่จริงจังนัก “เรานี่ ใช้เงินมั่วซั่วได้ยังไง ผู้ใหญ่บ้านดีเหลือเกิน หลานได้ขอบคุณเขาหรือยัง”
เธอพยักหน้า “ขอบคุณแล้วค่ะ”
คุณตาถามต่อ “แล้วนี่คืออะไร”
เธอตอบด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “วันนี้ตอนไปที่ตัวตำบล หนูบังเอิญได้เจอคุณปู่จ้าว เขาเป็หมอยา ก่อนหน้านี้หนูเคยช่วยเหลือเขา พอเขาได้ยินว่าหนูกับน้องต้องออกจากบ้านโดยไม่ได้อะไรติดตัวมา แล้วเพิ่งย้ายมาอยู่ที่บ้านคุณตา เลยให้ผ้าห่มผืนนี้กับหนูค่ะ”
“เป็คนดีจริงๆ พวกเรากลับไปคุยกันที่บ้านเถอะ“
“ค่ะ”
คุณตาอู๋รับกระสอบสองใบที่เธอพาดไว้บนบ่าไป ก่อนจะหันหลังเดินกลับบ้าน
เธอถือถุงผ้าห่มเดินตามหลังไป มองคุณตาที่เดินด้วยฝีเท้ามั่นคง เซี่ยโม่แอบเลื่อมใสอยู่ในใจ คุณตาอายุมากแล้วแต่ยังแข็งแรงอยู่เลย
ไม่ได้การแล้ว พรุ่งนี้เช้าเธอต้องตื่นขึ้นมาออกกำลังกาย
คุณตาคุณยายอายุมากแล้ว ส่วนเฉินเฟิงยังเล็กอยู่ เธอต้องทำร่างกายให้แข็งแรงจะได้ปกป้องทุกคนในบ้านได้
ทันทีที่เข้าไปในบ้าน เฉินเฟิงตัวน้อยวิ่งเข้ามาหาอย่างดีอกดีใจ “คุณตาพาพี่สาวกลับมาแล้วเหรอครับ”
คุณตายิ้มพลางเอ่ย “ตาเก่งไหมล่ะ”
เด็กชายยิ้มพร้อมกับชูนิ้วโป้ง “เก่งที่สุดเลย!”
เซี่ยโม่รู้ดีว่ากระสอบใส่ข้าวสารกับถั่วเหลืองที่คุณตาแบกอยู่นั้นหนักมาก จึงรีบพูดกับน้องชายว่า “หลบหน่อยเร็ว ให้คุณตาวางของก่อน”
เฉินเฟิงหลีกทางให้ จังหวะที่เธอทำท่าจะเข้าไปช่วยรับกระสอบ
คุณตากลับเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน “หลานก็หลบไป ตัวผอมอย่างกับอะไรดี จะยกไหวได้ยังไง”
เอ่ยจบคุณตาก็แบกกระสอบทั้งสองใบเข้าไปในห้องครัว โดยมีเธอเดินตามหลัง
เธอวางถุงผ้าห่มลง หยิบลูกอมแล้วยื่นให้เฉินเฟิง
“พี่สาว คือลูกอมรสนมเหรอ” เด็กชายมองขนมตรงหน้าด้วยแววตาเป็ประกาย
“ใช่แล้ว รีบกินสิ”
เฉินเฟิงรับลูกอมไปแกะพร้อมกับพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ “พี่สาว ผมไม่เคยกินลูกอมรสนมมาก่อนเลย ก่อนนี้ตอนเห็นเพื่อนในหมู่บ้านกินลูกอม ผมได้แต่แอบกลืนน้ำลาย พวกนั้นยังแอบหัวเราะผมด้วย…”
เธอรู้สึกปวดใจที่น้องชายอายุห้าขวบของเธอไม่เคยได้กินลูกอมนม ในขณะที่เด็กในวัยเดียวกันล้วนเคยกินกันหมด
เธอจำได้ว่าบนหัวเตียงของพี่สาวต่างมารดามีห่อลูกอม ไม่ว่ารสอะไรก็มีหมด
ชาติที่แล้วเธอโง่มาก คิดว่าแม่เลี้ยงดีต่อเธอมากกว่าลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง เธอเลยสำนึกในบุญคุณของแม่ดอกบัวขาวอยู่เสมอ
เวลานี้เองที่คุณยายเอ่ยถามด้วยความสงสัย ดึงความคิดเธอให้กลับมาสู่ปัจจุบัน “โม่โม่ นี่คืออะไร”
“ผ้าห่มที่คนให้มาค่ะ พรุ่งนี้หนูค่อยเอาไปซัก เื่นี้พูดแล้วเื่มันยาว ไว้หนูค่อยเล่าให้ฟังนะคะ”
เธอมองคุณยายที่นั่งอยู่บนเตียงอุ่น กำลังเย็บอะไรบางอย่างอยู่
เธอแกะห่อลูกอม เดินไปจ่อที่ปากของคุณยาย
คุณยายปฏิเสธเป็พัลวัน “โม่โม่ ยายแก่แล้ว จะกินลูกอมได้ยังไง เก็บไว้ให้เฉินเฟิงเถอะ”
“คุณยายคะ คุณยายหัวใจไม่แข็งแรง ลูกอมมันช่วยบำรุงหัวใจนะคะ”
“พูดอะไรของหลาน หัวใจไม่ดีเกี่ยวอะไรกับลูกอมด้วย เราหลอกยายชัดๆ”
เื่นี้เป็ความรู้พื้นฐานที่เธอเองก็ทราบดี กินลูกอมแต่น้อย ไม่เพียงช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในร่างกาย ยังช่วยทำให้มีแรงอีกด้วย ไม่ส่งผลเสียต่อหัวใจแต่อย่างใด
แต่หากกินเยอะไปจะทำให้เป็โรคหัวใจได้
ปกติคุณยายไม่ค่อยได้กินลูกอม นานๆ กินทีย่อมไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย
“หนูอ่านเจอในหนังสือ คุณยายรีบกินเถอะค่ะ”
“ได้ ยายกินก็ได้” คุณยายยิ้มพลางมองเธอด้วยความรักความเอ็นดู
“คุณยายกำลังทำอะไรอยู่เหรอคะ” เธอเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“ยายกำลังเอาเสื้อเก่าของตามาแก้ จะทำเป็เสื้อให้เฉินเฟิง เสื้อที่เฉินเฟิงใส่อยู่ตอนนี้ขาดจนจะใส่ไม่ได้อยู่แล้ว”
เธอหันไปมองน้องชาย แล้วก็พบว่าเสื้อที่น้องชายใส่อยู่ ก่อนหน้ามีรอยขาดแค่สองแห่ง มาวันนี้กลับมีเพิ่มอีกสามสี่แห่ง
“แม่เลี้ยงเรานี่ก็ใจร้ายใจดำ ใช้เสื้อเก่าขาดๆ มาทำเป็เสื้อให้เฉินเฟิง เสื้อแบบนี้ใส่แค่ไม่กี่วันก็ใส่ไม่ได้แล้ว” คุณยายต่อว่าหวางลี่ลี่
ทำให้เธอนึกถึงรองเท้าที่น้องชายใส่ก่อนหน้านี้ขึ้นมา แม่เลี้ยงใช้กระดาษมาทำรองเท้าให้เฉินเฟิง จะใช้เสื้อผ้าเก่าๆ ขาดๆ มาเป็ชุดให้น้องชายเธออีกก็ไม่แปลก
“คุณยายคะ อย่าไปโมโหเขาเลยค่ะ โมโหไปผู้หญิงคนนั้นก็ไม่เปลี่ยนนิสัยอยู่ดี ไว้รอให้หนูเก็บสมุนไพรไปขายได้เงินมาเมื่อไร หนูจะเอาไปซื้อผ้ามาทำเสื้อให้น้องชายนะคะ”
“เด็กโง่ ถึงมีเงินแต่เรามีคูปองสำหรับซื้อผ้าเหรอ ยายมีคูปองสำหรับซื้อผ้าสี่ห้านิ้วอยู่ ไว้เรามีเงินเมื่อไรค่อยมาเอาคูปองจากยาย ตอนนี้คงต้องเอาเสื้อผ้าเก่าๆ ที่ไม่ใช้แล้วของตาแก่มาทำเป็เสื้อให้เฉินเฟิงไปก่อน”
เธอรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ คูปองสำหรับซื้อผ้าที่คุณยายเก็บเอาไว้ ทำใจใช้ไม่ลงมานาน ตอนนี้กลับจะเอาไปใช้แลกผ้าเพื่อมาทำเสื้อให้หลานโดยไม่ลังเล
ความรักเช่นนี้ทำให้เธอรู้สึกซาบซึ้งเหลือเกิน
คุณยายเอ่ยต่ออีกว่า “ก่อนหน้านี้ยายไม่มีอะไรทำเลยทำอาหารเอาไว้ รอหลานกับตาแก่กลับมากิน ทำไมหลานถึงกลับมาช้านัก”
คุณตาเดินเข้ามา นั่งลงบนเตียงอุ่น ฟังสองยายหลานพูดคุยกัน
เซี่ยโม่เล่าเื่ที่เกิดขึ้นอย่างคร่าวๆ ให้ฟัง
เธอเล่าว่าวันนี้เธอไปที่ร้านยา เธออยากนำสมุนไพรไปขายและอยากขอความรู้เื่สมุนไพรที่ร้านยา แต่พอไปถึงที่ร้านยาหุยชุนถัง ทางร้านให้ราคาต่ำมาก เธอเลยไปอีกร้าน แต่ว่าร้านนั้นถูกปิดไปเสียแล้ว เธอจึงตามหาคุณปู่จ้าวซึ่งเคยเป็เ้าของร้านยาร้านนี้
ก่อนจะเล่าเื่ราวหลังจากนั้นให้ฟัง ซึ่งเป็ความจริงต่างกับตอนต้นเื่ที่ถูกบิดเนื้อหา เธอหยิบหนังสือซึ่งรวบรวมสมุนไพรหลากหลายชนิดออกมา
“คุณปู่จ้าวไม่เพียงให้ผ้าห่ม ยังให้หนูยืมหนังสือด้วยค่ะ ในนั้นมีคำอธิบายของสมุนไพรเยอะเลย พรุ่งนี้หนูจะขึ้นเขา จะเอารูปสมุนไพรในหนังสือไปเทียบกับสมุนไพรบนูเา ่ปิดเทอมนี้หนูจะเก็บสมุนไพรไปขาย”
เฉินเฟิงตัวน้อยอยากมีส่วนร่วม เดินเข้ามาดูหนังสือด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ทว่าคุณยายตัดบทเสียก่อน “เอาละๆ เลิกดูได้แล้ว นี่ก็เย็นมากแล้ว โม่โม่ออกไปข้างนอกทั้งวันคงจะหิวแล้วสินะ พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ”
“ค่ะ” เธอปิดหนังสือแล้วเอาไปเก็บ
ระหว่างเดินไปที่โต๊ะกินข้าว คุณตาเอ่ยว่า “โม่โม่ จากที่เราเล่า เหล่าจ้าวไม่ใช่คนอื่น ลำบากขนาดนั้นยังอุตส่าห์ให้ผ้าห่มมา หลานต้องจำบุญคุณครั้งนี้ของเขาเอาไว้ให้ดีละ”
“คุณตาไม่ต้องห่วงค่ะ หนูจะกตัญญูต่อเขาให้มากๆ เขาบอกหนูว่าอีกไม่กี่วันจะมาหาหนูที่นี่”
“เช่นนั้นก็เก็บข้าวกับเนื้อเอาไว้ ตอนเขามาจะได้มีของทำให้กิน” คุณตากำชับซ้ำ
“ค่ะ”
ใบหน้าเคร่งเครียดของคุณตาผ่อนคลายลง คำพูดบางอย่างมันก็พูดยาก คุณตาตักเตือนเพราะกลัวหลานสาวอยากจะรับแต่ของคนอื่นโดยไม่ตอบแทน
อาหารเย็นวันนี้คือโจ๊กข้าวฟ่างฝีมือคุณยาย
ส่วนกับข้าวเป็ฝีมือเซี่ยโม่ เธอใช้ต้นหอมสามสี่ต้น ผักกาดขาวและผักกาดหอมจากในสวนมาทำอาหาร ก่อนทำนำไปล้างน้ำให้สะอาด ใส่เอาไว้ในถ้วย แล้วเทซีอิ๊วลงไปประมาณครึ่งถ้วย
เป็ซีอิ๊วถั่วเหลืองที่หมักเอาไว้เมื่อตอนฤดูใบไม้ผลิปีนี้ กินคู่กับผักอร่อยอย่างยิ่ง
ทั้งสี่คนนั่งล้อมโต๊ะกินข้าว แม้อาหารที่รับประทานจะเป็อาหารง่ายๆ พื้นๆ แต่บรรยากาศกลับอบอุ่นเหลือเกิน
ชาติที่แล้วเธอถูกแม่เลี้ยงหลอก ไม่ว่าอีกฝ่ายพูดอะไรก็เชื่อหมดใจ ทุกวันเธอต้องใช้ชีวิตอยู่กับความรู้สึกผิดกับการหายตัวไปของน้องชาย
ไม่ได้รู้เลยว่า แท้จริงแล้วแม่เลี้ยงเป็คนใจดำอำมหิตแค่ไหน ไม่ยอมให้คุณตาคุณยายมาเจอ ต่อมายังทำให้เธอต้องแยกกับน้องชาย
หนังสือตอบรับเข้ามหาวิทยาลัยที่เธอได้มาอย่างยากลำบาก แม่เลี้ยงก็แย่งจากเธอไปให้บุตรสาวในอุทรของตัวเอง
แม้แต่ชื่อที่มารดาแท้ๆ ของเธอตั้งให้ เธอก็ยังรักษาเอาไว้ไม่ได้
โชคดีที่ได้กลับมาเกิดใหม่ ทำให้เธอได้มีโอกาสปกป้องครอบครัวของเธอ
ขณะที่เธอกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง คุณตาเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ก็เอ่ยถาม “ในกระสอบที่หลานเอามา นอกจากถั่วเหลืองแล้ว ยังมีข้าวสารอีกประมาณห้ากิโลใช่ไหม”
เธอพยักหน้า “หนูเห็นว่าที่บ้านไม่มีข้าวสารน่ะค่ะ ส่วนถั่วเหลือง ในหนังสือบอกว่าถั่วเหลืองมีประโยชน์มาก นำมาผัดกินก็ได้ จะปลูกก็ได้ หรือเอาไปทำเต้าหู้ก็ได้…”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้