เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น คือเพื่อนนักเรียนชายและแฟนของเธอในชาติก่อนที่ถูกแม่เลี้ยงกับพี่สาวต่างมารดาแย่งไป ทั้งพอเกิดเื่ยังเหยียบเธอซ้ำ เซี่ยวฉางเซิงนั่นเอง
ในสมองปรากฏภาพครั้งสุดท้ายที่เธอได้เจอเซี่ยวฉางเซิง อีกฝ่ายอ้วนท้วมสมบูรณ์เช่นคนมีอันจะกิน
เธอเห็นเขา เขาก็เห็นเธอเช่นกัน
เธอไม่ได้เจออีกฝ่ายตอนเป็เด็กหนุ่มเช่นนี้มาหลายสิบปีแล้ว
แต่สำหรับเซี่ยวฉางเซิง ทั้งสองคนเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน ได้เจอกันทุกวัน ไม่ได้เจอหน้ากันแค่่ปิดเทอมเท่านั้น
เซี่ยวฉางเซิงอาศัยอยู่ในตัวตำบล บิดาเป็หัวหน้าสักแผนกของฝ่ายบริหารของตำบล ส่วนมารดาเป็พยาบาลอยู่ในโรงพยาบาล
ยังได้ยินอีกว่าป้าของเขาแต่งงานไปอยู่ที่เมืองหลวง มักจะส่งเสื้อผ้าและของกินมาให้บ่อยๆ
เรียกได้ว่าฐานะทางบ้านค่อนข้างดี
สำหรับชาวบ้านฐานะยากจนที่หาเช้ากินค่ำ อีกฝ่ายคือเด็กหนุ่มผู้สูงส่งที่อยู่ไกลเกินเอื้อม
ก่อนจะได้กลับมาเกิดอีกครั้ง เธอเพิ่งรู้ว่าที่ที่บ้านส่งเสียให้เธอกับพี่สาวต่างมารดาไปเรียนก็เพราะกลัวจะเสียหน้าเสียชื่อ และเหตุผลสำคัญอีกอย่างคือ เซี่ยอวิ๋นหลงรักเด็กหนุ่มคนนี้
ส่วนเธอคือตัวล่อที่ดึงดูดให้อีกฝ่ายเข้ามาหา ให้เซี่ยอวิ๋นได้มีโอกาสใกล้ชิด
แต่เซี่ยอวิ๋นกลับต้องผิดหวัง แม้เซี่ยวฉางเซิงจะเ้าชู้ แต่เด็กหนุ่มไม่เคยสนใจเธอเลย
กระนั้นเซี่ยอวิ๋นรู้สึกไม่ยินยอม
ตอนที่หวางลี่ลี่ปรึกษาเซี่ยอวิ๋นว่าจะไม่ให้เธอเรียนต่อมัธยมปลาย เซี่ยอวิ๋นเอ่ยคัดค้าน เพราะหากไม่มีเธอเป็ตัวล่อ พี่สาวต่างมารดาก็จะไม่ได้ใกล้ชิดเซี่ยวฉางเซิงอีก
หลังมหาวิทยาลัยประกาศผลสอบ ผลคือเซี่ยอวิ๋นสอบไม่ติด ส่วนเธอกับเซี่ยวฉางเซิงสอบติดมหาวิทยาลัยในเมืองเอกประจำมณฑล
พี่สาวต่างมารดาร้องไห้ด้วยความเสียใจอย่างหนัก ไม่ใช่เพราะสอบไม่ติด แต่เพราะต้องเสียเซี่ยวฉางเซิงไปตลอดกาลด้วย
ต่อมาอีกฝ่ายไปขอร้องหวางลี่ลี่ให้ช่วย
หวางลี่ลี่หลอกว่าป่วย ไม่เพียงแค่นั้นยังใช้ให้บิดาเธอเล่นละครด้วย
เธอรู้สึกสงสารแม่เลี้ยง และไม่อยากให้บิดาต้องทุกข์ใจ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ เธอมอบหนังสือรับรองการสอบติดมหาวิทยาลัยให้แก่พี่สาวต่างมารดา ตัดหนทางการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของตัวเอง
เซี่ยอวิ๋นเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแทนเธอ เนื่องจากกลัวว่าเซี่ยวฉางเซิงจะไม่ยอมตัดใจจากเธอ เลยวางแผนกับหวางลี่ลี่ จัดฉากให้เธอโดนลักพาตัวและทำให้กลายเป็เื่ใหญ่ จนคนรู้กันไปทั่ว
แม้เธอจะฉวยโอกาสหลบหนีออกจากเงื้อมมือโจรมาได้ หากก็ตกเป็ขี้ปากชาวบ้าน ชื่อเสียงถูกทำลายอยู่ดี
เซี่ยวฉางเซิงจึงเปลี่ยนไปเลือกเซี่ยอวิ๋นโดยไม่ลังเล ต่อมาไม่นานทั้งคู่ก็แต่งงานเป็สามีภรรยากัน
นึกถึงเื่นี้ เธอรู้สึกรังเกียจเซี่ยวฉางเซิงนัก
ชาตินี้เธอไม่มีวันตกลงเป็แฟนกับอีกฝ่ายเด็ดขาด
ครั้นเซี่ยวฉางเซิงได้เจอเซี่ยโม่ ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้ม พูดอย่างกระตือรือร้นว่า “โม่โม่ มาที่ตำบลทำไมไม่บอกฉัน ฉันเพิ่งกลับจากบ้านคุณป้า โชคดีจังที่บังเอิญได้เจอเธอ”
เธอจำได้อย่างแม่นยำว่า ั้แ่มัธยมต้นจนถึงมัธยมปลาย อีกฝ่ายตามติดหนึบเธอเช่นนี้เสมอ มัธยมปลายปีสองเธอถึงได้ตอบตกลงเป็แฟนเขา
ก่อนเกิดเื่เธอนึกว่าอีกฝ่ายชอบเธอจริงๆ ถึงได้ตามตื๊ออยู่นานหลายปี
แต่หลังจากเกิดเื่ถึงค่อยเข้าใจ อีกฝ่ายเป็คนเ้าชู้ หลายปีระหว่างตามตื๊อเขาก็ไม่ได้มีแค่เธอคนเดียว เดี๋ยวอยู่กับผู้หญิงคนนั้นคนนี้มากหน้าหลายตา เพียงแต่เธอไม่รู้เท่านั้นเอง
อีกฝ่ายเห็นเธอเป็แค่เครื่องมือ เป็แค่คนที่คอยติวเื่เรียนให้
ตอนมัธยมปลายปีหนึ่ง หลังจากกลับมามีการจัดสอบเข้ามหาวิทยาลัย เซี่ยวฉางเซิงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เรียนต่อในมหาวิทยาลัย เ้าตัวผลการเรียนไม่ได้ดีมากแต่ก็ไม่ได้แย่ พอรู้ว่าเธอเป็นักเรียนที่มีผลการเรียนดีอันดับต้นๆ ของโรงเรียน สามารถช่วยให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แน่ๆ อีกฝ่ายจึงจำเป็ต้องให้เธอคอยสอนและชี้แนะเื่เรียนให้
ทว่าชาตินี้พอเธอรู้เช่นนี้ เธอไม่อยากสนใจอีกฝ่ายอีก
เซี่ยโม่ทำหน้านิ่ง คิดจะเดินผ่านไป แต่อีกฝ่ายกลับมายืนขวางหน้า
“โม่โม่ เธอเป็อะไรไป ใครทำให้เธอโมโหงั้นเหรอ บอกฉันมา ฉันจะช่วยจัดการมันให้เอง”
เด็กหนุ่มคนนี้ช่างน่ารำคาญนัก เธอตอบออกไปอย่างไม่เกรงใจ “ฉันไม่อนุญาตให้นายเรียกฉันว่าโม่โม่ จากนี้ห้ามมาพูดคุยกับฉันอีก ฉันเกลียดนาย!”
เซี่ยวฉางเซิงทำหน้างง วันนี้คนตรงหน้าเป็อะไรไป?
ปกติแม้คนตรงหน้าจะไม่เคยสนใจเขา แต่ก็ไม่เคยพูดจาเ็าแบบนี้ เขารู้สึกเหมือนอีกฝ่ายไปกินดินปืนมาอย่างไรอย่างนั้น
เห็นอีกฝ่ายยืนนิ่ง เซี่ยโม่เลยเดินผ่านอีกฝ่ายไปก่อนจะออกวิ่ง
เซี่ยวฉางเซิงที่เพิ่งได้สติกลับคืนมาวิ่งตามไป พร้อมทั้งะโว่า “โม่โม่ รอฉันด้วย”
รอบ้านนายสิ!
เซี่ยโม่เร่งฝีเท้าให้เร็วกว่าเดิม
เห็นว่าอย่างไรก็ตามไม่ทัน เซี่ยวฉางเซิงเลยหยุดวิ่งตาม
เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เปิดเรียนเมื่อไรเขาต้องคุยกับอีกฝ่ายให้รู้เื่
หมู่นี้ไม่รู้เป็อะไร จู่ๆ บิดาก็หันมาให้สนใจผลการเรียนของเขาไม่ว่าจะพยายามหรือขยันสักเท่าใดก็ไม่เป็ผล
ั้แ่ที่ได้เห็นสมุดจดของเซี่ยโม่ เขาจึงให้อีกฝ่ายช่วยแนะนำและสอนวิชาเรียน ประหนึ่งเหมือนถูกเปิดเส้นลมปราณก็ไม่ปาน จากนั้นเซี่ยวฉางเซิงเรียนอะไรก็รู้สึกว่าง่ายไปหมด
ก่อนปิดเทอม เขานำใบผลการเรียนซึ่งติดหนึ่งในสามสิบอันดับแรกของชั้นไปให้บิดาดู
บิดาพึงพอใจมาก ถึงกับให้เงินค่าขนมเป็รางวัลแก่เขาห้าสิบหยวน
ทั้งยังพูดอีกว่า “ฉางเซิง หากเทอมต่อไปแกติดหนึ่งในสิบอันดับแรกของชั้น พ่อจะให้เงินค่าขนมแกหนึ่งร้อยหยวน”
เพื่อเงิน อย่างไรเขาก็ต้องคุยกับอีกฝ่ายให้รู้เื่ให้ได้!
อีกฝั่งหนึ่ง เซี่ยโม่นึกเซ็งอยู่ในใจ ทำไมถึงบังเอิญไปเจอหมอนั่นได้นะ
เธอตัดสินใจแล้วว่า หลังจากเปิดเทอมเธอจะสอบข้ามชั้น
ความจริงปีนี้เธอควรต้องเรียนชั้นมัธยมต้นปีสอง แปลว่าเธอจะต้องเรียนจบในปี 1978 ซึ่งตรงกับปีที่สองที่กลับมามีการจัดสอบเข้ามหาวิทยาลัย
หากเธอสอบข้ามชั้นผ่าน ไม่เพียงสลัดเซี่ยวฉางเซิงให้หลุดออกจากตัว แต่ยังสามารถสลัดพี่สาวต่างมารดาและแม่ดอกบัวขาวได้ด้วย เธอจะได้เรียนจบและเข้าร่วมการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปี 1977
มีแต่ข้อดีทั้งนั้น เช่นนั้นก็เอาตามนี้
เธอไม่กังวลเื่การสอบข้ามระดับชั้นเลยสักนิด
ชาติที่แล้วเธอเป็เด็กเรียน ชาตินี้เธอสมองไว เมื่อนำมารวมกันต้องสอบข้ามระดับชั้นได้อย่างไม่มีปัญหาแน่นอน
เหตุผลสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่จะทำให้เธอได้ข้ามชั้น นั่นคือตอนนี้โรงเรียนยังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการศึกษา หากเธออ้างเหตุผลว่า ที่บ้านฐานะไม่ค่อยดี ้าเรียนจบให้เร็วกว่าเดิมเพื่อออกไปทำงานตอบแทนคุณแผ่นดิน โรงเรียนมีหรือจะไม่ยอม
พูดกล่อมกับทางโรงเรียน เตรียมตัวไปสอบ ส่วนเื่ไปเรียนยังไม่ต้องไปก็ได้
เธอหันไปมองด้านหลัง เมื่อไม่เห็นเงาของเด็กหนุ่มสารเลวคนนั้นแล้ว จึงค่อยผ่อนฝีเท้าเปลี่ยนเป็เดิน
เธอเดินไปด้วยนึกถึงสมุนไพรที่คุณปู่จ้าวสอนไปด้วย เธอจดจำมันในใจ พอเห็นว่ายังอีกไกลกว่าจะถึงบ้าน เธอเลยหยิบหนังสือสมุนไพรที่คุณปู่จ้าวให้มาเปิดดู พร้อมกับจดจำหน้าตาของพวกมันเอาไว้
ด้วยเหตุนี้เวลาเลยผ่านไปเร็ว เพียงพริบตาก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เธอจำสมุนไพรได้ถึงยี่สิบกว่าชนิดด้วยกัน
เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงหมู่บ้าน เธอหยิบถุงกระสอบเก่าๆ ออกมาจากในโกดังสินค้า
นำข้าวสารห้ากิโลกรัม พร้อมอมยิ้มและขนมใส่เข้าไป
จากนั้นนำไปผูกกับถุงกระสอบถั่วเหลืองที่ได้มาจากผู้ใหญ่บ้าน กะว่าจะแบกพาดเอาไว้บนไหล่
เวลานี้เองที่นึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อคืนคุณตาไม่มีผ้าห่มใช้ตอนนอน เธอจึงค้นผ้าห่มในโกดังสินค้า หาที่สภาพเก่าสักหน่อย เพราะไม่กล้าเอาผืนใหม่ออกมา
ในห้องพักของยามเฝ้าโกดังมีเตียงไม้เก่าๆ อยู่หลังหนึ่ง ซึ่งมีหมอนและผ้าห่มผืนบางกลางเก่ากลางใหม่
ตอนกลางคืนของฤดูนี้เหมาะกับการใช้ผ้าห่มผืนบางที่สุด
หากคนงานเมื่อชาติที่แล้วรู้ว่าเ้านายของพวกตน เห็นผ้าห่มผืนบางผืนนี้เป็สมบัติล้ำค่าจะต้องหัวเราะจนฟันร่วงอย่างแน่นอน
เธอยิ้มเยาะอยู่ในใจ พอถึงบ้านค่อยบอกคุณตาคุณยายว่าคุณปู่จ้าวให้มาก็แล้วกัน
เธอหยิบผ้าห่มออกมา ก่อนจะใช้ผ้าเก่าๆ ห่อเอาไว้
ตอนนี้เป็เวลาพลบค่ำ ทุกคนในหมู่บ้านกำลังรับประทานมื้อเย็นกันอยู่
เซี่ยโม่แบกถุงกระสอบเอาไว้บนไหล่ ส่วนห่อผ้าห่มเธอถือมันเอาไว้
ยิ่งเดินเธอก็ยิ่งรู้สึกว่ากระสอบบนไหล่ช่างหนักเหลือเกิน เธอคิดในใจว่าร่างกายตัวเองนี่ช่างอ่อนแอเสียจริง
เธอเพิ่งเริ่มวิ่งออกกำลังกายได้ไม่นาน ร่างกายยังไม่แข็งแรง เมื่อต้องแบกของหนักจึงกินแรงไม่น้อย
ขณะที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะใส่ไว้ในโกดังสินค้าหรือวางกับพื้นเพื่อพักเหนื่อยก่อนดี สายตาเลื่อนไปเห็นใครคนหนึ่งที่เธอคุ้นหน้าคุ้นตาเป็อย่างดีตรงใต้ต้นไม้หน้าทางเข้าหมู่บ้าน
เธอมีสีหน้าประหลาดใจ ขณะเดินเข้าไปหา “คุณตา หนูกลับมาแล้วค่ะ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้