“แม้ว่าบิดาของพวกเ้าจะมีใจผูกพันต่อภรรยาตนเพียงใด แต่ดูจวนของพวกเ้ายามนี้สิ มีแต่เื่จนบ้านจะไม่เป็บ้านอยู่แล้ว หากปล่อยให้เป็เช่นนี้ต่อไปชื่อเสียงธิดาสกุลโม่ทุกคนคงป่นปี้ แม่หนูิ่... เ้าอย่ารอฟางอี๋เหนียงอีกเลย สตรีจิตใจโเี้ปานนั้น แม้ว่าบิดาของเ้าจะเห็นด้วย แต่ข้าไม่ยอมแน่ วางแผนคิดร้ายต่อธิดาที่เกิดจากภรรยาเอก ทั้งยังทำลายบุตรในครรภ์ของตนเอง ไม่ถูกจับใส่กรงถ่วงน้ำก็ถือว่าเมตตามากแล้ว” เมื่อได้ยินโม่เสวี่ยิ่ทักท้วง สีหน้าของเหล่าไท่ไท่พลันนิ่งขรึม
วาจาของนางตรงเกินไปจนโม่เสวี่ยิ่รับไม่ได้ ความเกลียดชังทอวาบในดวงตาที่แสร้งทำสงบเสงี่ยม นางบดกรามเข้าหากันอย่างเข่นเขี้ยว ก้มหน้าซ่อนแววร้ายใต้ก้นบึ้งดวงตาอยู่นาน ก่อนเงยศีรษะขึ้นอีกครั้ง เอ่ยรับคำเสียงอ่อนโยน “ิ่เอ๋อร์น้อมรับคำสั่งท่านย่าเ้าค่ะ”
ยามนี้สถานการณ์บังคับ ถึงอย่างไรนางก็ไม่มีโอกาสออกความเห็นอะไรได้อยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้นจะยอมรับหรือไม่ล้วนขึ้นอยู่กับบิดาเป็ผู้ตัดสิน ต่อให้นางตอบตกลงแล้วอย่างไร ไม่มีบุตรสาวคนไหนสามารถออกหน้าจัดการเื่แต่งงานใหม่ให้บิดาได้ อีกอย่าง หลังจากปีใหม่ผ่านไปเหล่าไท่ไท่ก็กลับแล้ว ถึงเวลาหากบิดาไม่เห็นด้วยนางจะทำอะไรได้
“ถงเอ๋อร์คิดว่าอย่างไรเล่า” เมื่อเหล่าไท่ไท่เห็นโม่เสวี่ยิ่ไม่คิดต่อต้านอีก สีหน้าก็ผ่อนคลายลง ทำท่าบอกเป็นัยให้โม่เสวี่ยถงนั่งข้างกาย แล้วจับมือนางถามด้วยรอยยิ้ม “ถงเอ๋อร์ยังจำอาซินหยูได้หรือไม่ ตอนเ้าเล็กๆ นางยังเคยมาเล่นเป็เพื่อน ตอนที่มารดาเ้ายังอยู่ก็สนิทสนมกันยิ่ง มาดูสิ นี่คือของขวัญที่นางฝากย่ามาให้เ้า”
หญิงรับใช้าุโประจำตัวของเหล่าไท่ไท่หยิบกล่องไม้แกะสลักงามวิจิตรใบหนึ่งมาวางหน้าโม่เสวี่ยถง แม้ยังไม่เปิดดูก็รู้ได้ว่าเป็ของล้ำค่า
“ท่านอาซินหยูช่างลำเอียงนัก ทำไมไม่เห็นให้ข้าบ้างเลย ดูสิมีแต่ของดีๆ ทั้งนั้น” โม่เสวี่ยเยี่ยนยื่นมือแทรกมาหยิบกล่องไปเปิดดูโดยไม่เกรงใจโม่เสวี่ยถงแม้แต่น้อย
ด้านในเป็เครื่องประดับหินตาแมวล้อมมุก ั้แ่ปิ่นปักผมจนถึงตุ้มหูไม่มีชิ้นไหนที่ไม่ประณีตงดงาม
“สวยจังเลยเ้าค่ะท่านย่า เยี่ยนเอ๋อร์อยากได้บ้าง เครื่องประดับที่งดงามแบบนี้เยี่ยนเอ๋อร์ยังไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” โม่เสวี่ยเยี่ยนดึงชายแขนเสื้อของเหล่าไท่ไท่ไปมา มุ่ยปากยื่น สีหน้าเต็มไปด้วยความอิจฉา
“นี่เป็ของที่ท่านอาซินหยูเลือกมาให้น้องสาวของเ้าโดยเฉพาะ ไหนเลยจะมีอีกเล่า เอาไว้ย่าจะช่วยถามให้ แต่ไม่รู้ว่าจะมีหินอัญมณีมากพอจะทำให้เ้าได้หรือเปล่าน่ะสิ” เหล่าไท่ไท่ลูบศีรษะโม่เสวี่ยเยี่ยนอย่างพึงพอใจ ของล้ำค่าขนาดนี้จะมีมากมายได้อย่างไร แล้วหันมาหาโม่เสวี่ยถงด้วยสีหน้าพึงพอใจอย่างปิดไม่มิด
หลันซินหยู? เป็นางนี่เอง มิน่าเล่าวันนี้เหล่าไท่ไท่จึงมีท่าทางแปลกๆ ที่แท้ก็ทำเพื่อนาง
ั์ตาของโม่เสวี่ยถงฉายแววยิ้มเยาะ เหตุการณ์ในชาตินี้ช่างคึกคักเสียจริง เจอแต่คนคุ้นเคยทั้งนั้น นางจะไม่รู้จักสตรีที่ชื่อหลันซินหยูได้อย่างไร เมื่อชาติที่แล้วนางก็มิได้เป็สตรีของบิดา แต่กลับกลายมาเป็บ้านเล็กข้างนอกของซือหม่าหลิงอวิ๋น แอบได้เสียเลี้ยงดูกันมาั้แ่นางยังไม่ได้แต่งเข้าจวนเจิ้นกั๋วโหวเสียด้วยซ้ำ
นางรู้เื่นี้เมื่อไรน่ะหรือ? หลังจากแท้งบุตรคนแรกได้ไม่นานก็มี 'ผู้หวังดี' ตั้งใจเผยเบาะแสให้ตนเองรับรู้ มิเช่นนั้นด้วยฐานะของนางในจวนเจิ้นกั๋วโหวไหนเลยจะมีหูมีตารู้เื่อะไรที่ไหน
ยามนั้นนางพาโม่อวี้และโม่เหอบุกไปหาถึงที่ คิดไม่ถึงว่าหลันซินหยูจะไร้ยางอาย ไม่เพียงแต่ตะเพิดพวกนางออกมานอกบ้าน ยังสาดน้ำไล่อีกหลายถัง กลางฤดูเหมันต์อากาศหนาวจัด ทุกคนต่างตัวเปียกมะลอกมะแลก หลังจากกลับมาแล้วตนเองก็ป่วยหนัก
ซือหม่าหลิงอวิ๋นอยู่เฝ้าไข้ตนเองทั้งคืน ทำทีเหมือนห่วงใยอย่างยิ่ง แต่ที่จริงแล้วก็เพื่อมาเกลี้ยกล่อมมิให้แพร่งพรายเื่นี้ออกไป อ้างว่ากลัวบิดาของนางเสียหน้า เพราะทางหนึ่งก็เป็ญาติผู้น้อง อีกคนก็บุตรเขย ไม่ว่าจะตำหนิว่าเป็ความผิดของผู้ใดก็ล้วนทำให้บิดาของนางต้องเสียหน้าทั้งสิ้น
ด้วยเหตุนี้ซือหม่าหลิงอวิ๋นจึงสัญญากับตนเองว่าจะไม่ไปที่นั่นอีก และจะจัดการตัดขาดความสัมพันธ์กับสตรีผู้นั้นให้เรียบร้อย
ตอนนั้นนางก็เชื่อเขา ทั้งยังซาบซึ้งอีกว่าเขาใคร่ครวญเพื่อนางกับบิดา ไหนเลยจะคิดว่าเป็การหลอกลวงทั้งสิ้น แท้ที่จริงเขากลัวตนเองจะเดือดร้อนต่างหากเล่า
ยามที่ถูกบังคับกรอกยาพิษ นางเห็นหลันซินหยูปรากฏตัวด้านนอก พลันนึกขึ้นได้ว่าบ้านของนางเคยเปิดร้านขายยา ได้ยินมานานแล้วว่านางมีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรต่างๆ ดูท่ายาพิษที่นางได้รับมาโดยตลอดจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตล้วนเป็ยาที่สตรีผู้นั้นเป็คนจัดหามาทั้งสิ้น เมื่อเชื่อมโยงไปถึงวันที่ตนเองไปบ้านของหลันซินหยูก็รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเห็นเงาร่างของโม่เสวี่ยิ่อยู่ที่นั่น ผู้ที่อยู่เื้ัการสาดน้ำใส่ตนเองจนเปียกปอนในวันนั้นคงไม่พ้นเป็นางแน่นอน ยามนี้เมื่อตรองดูอย่างถี่ถ้วน ที่แท้สตรีที่น่ารังเกียจสองคนนี้สมคบกันมานานแล้วนี่เอง
รังสีความเกลียดชังแผ่กำจายมาจากก้นบึ้งดวงตา ชาตินี้หลันซินหยูคิดจะมานั่งตำแหน่งฮูหยินของบิดา ส่วนโม่เสวี่ยิ่ก็้าให้ฟางอี๋เหนียงขึ้นมาเป็ภรรยาเอก ไม่รู้ว่าทั้งสองคนยังจะคบคิดทำเื่ชั่วร้ายร่วมกันได้อีกหรือไม่
อายุอานามของหลันซินหยูก็ไม่น้อยแล้ว น่าจะยี่สิบปีแล้วกระมัง ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของนางกับซือหม่าหลิงอวิ๋นไปถึงขั้นไหนแล้ว หากเหล่าไท่ไท่รู้ความจริงว่าหลานสาวของตนเองลักลอบมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับชายอื่น ไม่รู้ว่าจะบังคับให้ท่านพ่อแต่งงานกับนางอีกหรือไม่
“ถงเอ๋อร์ขอบพระคุณท่านย่าเ้าค่ะ และฝากคำขอบคุณไปถึงท่านอาซินหยูด้วย ไม่ทราบว่ายามนี้นางพักอยู่ที่ไหนหรือเ้าคะ” โม่เสวี่ยถงแสร้งรับกล่องของขวัญมาด้วยความยินดี กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน พลางเบนศีรษะไปด้านข้าง ปรายตามองไปยังสีหน้าอึมครึมของโม่เสวี่ยิ่เล็กน้อย ริมฝีปากคลี่ยิ้มหวานหยาดเยิ้ม ทำให้ทุกคนรู้สึกดี
เหล่าไท่ไท่เห็นแล้วก็ยิ้มอย่างพอใจ ก็แค่เด็กสาวที่มารดาสิ้นไปแล้วคนหนึ่ง จะมาขัดขวางไม่ให้บิดาแต่งงานภรรยาใหม่ได้อย่างไร แค่ส่งของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้ ก็ควบคุมนางให้เชื่อฟังได้แล้ว
“เดิมทีก็ว่าจะมาพร้อมกับพวกเรา แต่บังเอิญทางบ้านมีธุระเลยล่าช้าไปเล็กน้อย อีกสองวันก็มาถึงแล้วล่ะ เมื่อน้องหญิงสามชอบท่านอามากขนาดนี้ ถึงเวลาก็ให้นางไปพักที่เรือนชิงเวยของเ้าสิ” โม่เสวี่ยเยี่ยนสอดปากอย่างรวดเร็ว
มาพักเรือนของนางหรือ หึ! เหล่าไท่ไท่ช่างวางแผนไว้ดีนัก
หากหลันซินหยูเข้ามาพักเรือนชิงเวยของตนเองได้ ยังไม่ทันแต่งเข้ามาก็ทำให้ทุกคนรู้สึกแล้วว่าสกุลโม่ให้ความสำคัญกับสตรีผู้นี้ แม้กระทั่งเรือนของธิดาภรรยาเอกยังเปิดต้อนรับให้เข้ามาอยู่ได้ ความหมายย่อมไม่ธรรมดา หากนางอาศัยอยู่เรือนตนแล้วท่านพ่อเกิดมาหา ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายวางแผนล่อลวงบิดาได้ง่ายขึ้น
นี่ต่างหากสาเหตุแท้จริงที่เหล่าไท่ไท่มาพูดดีกับนาง และมอบเครื่องประดับเหล่านี้ให้ ปากก็บอกว่าเป็ของหลันซินหยู แต่สถานการณ์ทางบ้านของอีกฝ่ายเป็อย่างไรเมื่อชาติก่อนนางตรวจสอบจนรู้แจ้งหมดแล้ว สกุลหลันตกอับเพียงนั้น จะมีเงินทองซื้อของมีค่ามากำนัลแก่นางได้อย่างไร
หรือหากจะมอบให้จริง ไฉนเหล่าไท่ไท่จึงไม่มอบให้ั้แ่วันแรกที่มาถึงเล่า ไยต้องรอให้จวนโม่เกิดเื่แบบนี้ก่อนจึงคิดมอบของเหล่านี้ให้ นี่คงเห็นว่านางหัวอ่อนยอมคนง่ายล่ะสิ ด้วยนิสัยของตนเองเมื่อชาติก่อน จะต้องยอมรับหลันซินหยูเข้ามาอยู่ด้วยแน่นอน ทั้งยังต้อนรับขับสู้อีกฝ่ายเป็อย่างดี
แต่ชาตินี้ ไม่ว่าเหล่าไท่ไท่จะมาแผนไหน ก็ฝันไปเถอะ!
นางเลือกภรรยาใหม่ให้ท่านพ่อเรียบร้อยแล้ว ท่านน้าสวี่เยียนผู้งดงามอ่อนโยน สกุลฝ่ายมารดาของท่านยายคือผู้ที่เหมาะสมที่สุด หลันซินหยูชอบเป็ภรรยาลับนอกบ้านของผู้อื่นนักมิใช่หรือ ชาตินี้ก็ให้นางเป็บ้านเล็กของซือหม่าหลิงอวิ๋นไปสิ ตนเองจะจับนางกับโม่เสวี่ยิ่ห่อรวมกันส่งไปให้ซือหม่าหลิงอวิ๋นทั้งคู่ สตรีในเรือนหลังของเขาแต่ละคนล้วนเป็สตรีสารพัดพิษ ร้ายต่อร้ายมาเจอกัน ดูซิว่าใครจะร้ายกาจที่สุด
“ท่านย่า หากท่านอาซินหยูยอมมาพักที่เรือนของถงเอ๋อร์ก็ดีสิเ้าคะ แต่ท่านพ่อเคยสั่งไว้ เรือนชิงเวยของถงเอ๋อร์แม้จะไม่มีผู้ใดอยู่ก็ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามาพักเด็ดขาด เพราะเป็เื่ที่ท่านพ่อรับปากกับท่านแม่ไว้ ในจวนนี้ต่างทราบกันทุกคน จริงไหมเ้าคะพี่หญิงใหญ่...” โม่เสวี่ยถงมองเหล่าไท่ไท่ด้วยสีหน้าลำบากใจ แสร้งมองเครื่องประดับหินตาแมวเ่าั้อย่างเสียดายแล้วเลื่อนส่งคืนให้เหล่าไท่ไท่ ทำท่าประหนึ่งว่าเมื่อไม่อาจช่วยคนให้สมหวังก็ละอายที่จะรับของขวัญ
“จริงเ้าค่ะท่านย่า เมื่อหนึ่งปีก่อนตอนที่น้องสามอยู่ที่เมืองอวิ๋นเฉิง เรือนชิงเวยก็ว่างตลอดมา เมื่อก่อนน้องสี่คิดหาวิธีจะเข้าไปอยู่ที่นั่นให้ได้ จึงถูกท่านพ่อตีไปยกหนึ่ง ภายหลังถึงล้มเลิกความคิดไป ยามนั้นท่านพ่อประกาศต่อหน้าคนทั้งจวน ว่าเรือนชิงเวยเป็ที่พักของธิดาภรรยาเอก ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถเข้าไปพักได้” ดวงตาของโม่เสวี่ยิ่เผยแววเยาะหยัน แต่หลังจากนั้นก็หันไปกล่าวกับเหล่าไท่ไท่อย่างนอบน้อม
แม้แต่บุตรสาวของบ้านตนยังเข้าไปอยู่ในเรือนชิงเวยไม่ได้ แล้วสตรีต่างแซ่ที่เป็เพียงคนนอกจะถือสิทธิอันใดเข้าไปพักที่นั่น โม่เสวี่ยิ่ย่อมไม่้าให้หลันซินหยูเข้ามาเป็บ้านเอกของสกุลโม่อยู่แล้ว ครานี้จึงตัดสินใจยืนอยู่ข้างโม่เสวี่ยถงโดยไม่ลังเล
นี่คือการแสดงให้เห็นว่าไม่ตกลง!
เหล่าไท่ไท่สีหน้าทะมึนโดยฉับพลัน
โม่หลันค่อยๆ ขยับตัวออกไปข้างนอกอย่างไร้สุ้มเสียง แล้วกวักมือเรียกโม่เยี่ย พลางกระซิบกับนางเบาๆ สองสามประโยค แล้วกลับเข้ามาดังเดิม
“พี่หญิงใหญ่กล่าวเช่นนี้ก็ไม่ถูก ท่านอาซินหยูเป็คนนอกเสียที่ไหน นางเป็ท่านอาของพวกเ้านะ เข้ามาพักในเรือนชิงเวยก็ไม่นับว่าผิดธรรมเนียมกระมัง ท่านย่าก็ยังอยู่ที่นี่ ท่านลุงคงไม่ว่าอันใดหรอก” โม่เสวี่ยเยี่ยนกลอกตา พูดแทรกขึ้นมาทันที
วันนี้นางมาเพื่อช่วยท่านย่า หากมีบางเื่ที่ท่านไม่สะดวกจะกล่าว นางย่อมเป็ฝ่ายพูดขึ้นมาเอง ท่านอาซินหยูรับปากเอาไว้ว่า หากได้แต่งเข้ามาเป็นายหญิงของจวนโม่จะเลือกเครื่องประดับจากคลังสมบัติในจวนให้เป็รางวัลสองสามชุด และหากตนเองออกเรือนไป นางก็จะมอบสินเดิมให้อีกสิบหาบ เมื่อคิดถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับ โม่เสวี่ยเยี่ยนย่อมหาถ้อยคำมาบีบบังคับลูกพี่ลูกน้อง นางไม่เชื่อว่าคุณหนูสกุลโม่สองพี่น้องจะกล้าคัดค้านต่อหน้าท่านย่า
แม้ว่าโม่เสวี่ยิ่จะมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด แต่ก็เป็แค่บุตรอนุภรรยา มิหนำซ้ำยังเพิ่งทำความผิดมาใหญ่โต
ส่วนโม่เสวี่ยถงแม้จะมีฐานะเป็ธิดาภรรยาเอก แต่เป็คนหัวอ่อนใจเสาะ ความคิดอ่านตื้นเขิน ไหนเลยจะสู้ตนเองได้
โม่เสวี่ยเยี่ยนมั่นใจว่าเครื่องประดับสองสามชุดของจวนโม่ และสินเดิมอีกสิบหาบจะต้องเป็ของนางแน่นอน
ดังนั้นยามนี้จึงวางท่าข่มโม่เสวี่ยถงกับโม่เสวี่ยิ่ ราวกับว่าหากไม่ยินยอมก็เท่ากับไม่มีความกตัญญู โม่เสวี่ยิ่นึกแค้นใจขบกรามกรอด ฟางอี๋เหนียงสูญสิ้นอำนาจไปแค่สองวัน โม่เสวี่ยเยี่ยนที่มาอาศัยกินข้าวนิ่มอยู่บ้านผู้อื่น ถึงกับกล้าชูคอชี้หน้าด่าคุณหนูที่เป็เ้าของบ้านแล้วหรือ
“คุณหนู... คุณหนู... คุณหนูสามเ้าคะ” เสียงเรียกของสาวใช้ลอยมาจากด้านนอก
“มีอะไร” โม่เสวี่ยถงฟังรู้ว่าเป็เสียงของโม่เยี่ย ใบหน้าทอยิ้มบางๆ ไม่นำพาต่อคำถามของโม่เสวี่ยเยี่ยนอีก
“เหล่าไท่จวินจวนฝู่กั๋วกงถ่ายทอดคำสั่งมาเ้าค่ะ กล่าวว่าฮูหยินเซียนหยางโหวท่านน้าของคุณหนูยามนี้อยู่ที่จวนฝู่กั๋วกงพอดี ได้ยินว่าคุณหนูเข้ามาอยู่เมืองหลวงแล้ว จึงให้บ่าวมาเชิญคุณหนูไปที่นั่นเ้าค่ะ”
เพียงได้ยินคำพูดนี้ ทั่วทั้งห้องพลันเงียบกริบ เหล่าไท่ไท่อ้าปากค้าง ใบหน้าโม่เสวี่ยเยี่ยนพลันแดงเห่อราวกับถูกคนตบ โม่เสวี่ยิ่ที่อยู่ด้านข้างยกมุมปากยิ้มเยาะ
นี่ต่างหากเล่า 'ท่านน้า' ตัวจริงของชาวบ้านเขา มีทั้งอำนาจบารมีพร้อมมูล หากเทียบกับผู้ที่มาจากจวนฝู่กั๋วกง หลานสาวของเหล่าไท่ไท่นับว่าเป็อะไรได้ ก็แค่ญาติห่างๆ จากตระกูลที่ตกอับแล้วคนหนึ่ง ที่เรียกท่านอาให้ฟังดูไพเราะ แท้จริงแล้วก็เพียงเพื่อให้เกียรติเท่านั้น นึกว่าตนเองมีฐานะสำคัญจริงๆ หรืออย่างไร