“เ้าหนู ตอนนี้หนีกลับบ้านทำไม?”
ตอนแรกฉินหลางคิดว่าเขาจะได้สิทธิ์เหมือนโจวหลิงหลิง ใครจะไปรู้ว่าตอนพ่อแม่เห็นเขา กลับมีปฏิกิริยาตรงกันข้ามเลย ฉินหนาน พ่อของเขาจ้องหน้าเขา ก่อนจะพูดด้วยความเป็ห่วง “ลูกแหกคุกมาเหรอ?”
“ขอร้องนะ! ผมโทรบอกพ่อกับแม่แล้วไม่ใช่เหรอว่าผมประกันตัวออกมาเพื่อรับการรักษา!” ฉินหลางพูดในใจ ‘พ่อเป็ถึงนักทดลองในห้องปฏิบัติการ แต่ทำไมความจำถึงได้แย่ขนาดนี้’
“เอ่อ จริงด้วย ความจำพ่อนี่... หลายวันมานี้ พวกเราก็ไหว้วานผู้คนที่รู้จักอยู่ไม่น้อย แต่คิดไม่ถึงว่าล้วนช่วยอะไรไม่ได้เลย พ่อมันไม่เอาไหนเอง” ฉินหนานถอนหายใจยาวๆ ดูไปแล้วหลายวันมานี้เขาคงยุ่งมากจนเบลอไปแล้วจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ขี้หลงขี้ลืมขนาดนี้หรอก
“ลูกไม่เป็อะไรแล้วใช่ไหม?” เซียหญิงเลี๋ยน รีบดึงฉินหลางเข้ามาในบ้าน จากนั้นพูดขึ้นเบาๆ “ประกันตัวออกมารักษาตัว ถ้าหายแล้วต้องกลับเข้าไปรึเปล่า? ไม่อย่างนั้นแม่ว่าเราแอบส่งลูกไปมณฑลหยุ๋นไฮ่ ไปอยู่บ้านยายลูกระยะหนึ่งก่อน...”
“ได้โปรดเถอะ แม่กับพ่อคิดอะไรกันอยู่เนี่ย” ฉินหลางหัวเราะ “ไม่เป็ไรแล้ว ผมบอกพ่อกับแม่ก็ได้ ความจริงแล้วเด็กผู้หญิงคนที่ฆ่าตัวตายยังมีชีวิตอยู่ และเธอก็เพิ่งกลับบ้านแล้วด้วย”
สองสามวันมานี้ฉินหนานกับเซียหญิงเลี๋ยนกระวนกระวายเพราะเป็ห่วงลูกชายตัวเอง แม้จะรู้ว่า ‘ประกันตัวออกมารักษา’ แล้ว สองสามีภรรยาก็ยังเป็กังวลจนกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่ดี ดังนั้นสองสามวันนี้พวกเขาถึงได้ขี้หลงขี้ลืมเป็พิเศษ ตอนนี้มาได้ยินว่าเด็กผู้หญิงที่ะโตึกฆ่าตัวตายยังมีชีวิตอยู่ ทั้งคู่ต่างก็คาดไม่ถึง รีบถามต้นสายปลายเหตุทั้งหมดทันที
“ความจริงแล้ว...เธอไม่ได้ตายั้แ่แรกแล้ว แต่ที่ตำรวจจงใจปล่อยข่าวว่าเธอตาย เพราะพวกเขาอยากล่อคนชั่วที่อยู่เื้ัเื่นี้ออกมาติดกับ” ฉินหลางยกความดีความชอบทั้งหมดให้เ้าหน้าที่ตำรวจที่ฉลาดปราดเปรื่อง
ฉินหนานกับเซียหญิงเลี๋ยนไม่ได้สงสัยอะไร พูดด้วยความดีใจ “หมายความว่าลูกไม่เป็อะไรแล้วใช่ไหม?”
“แน่นอนสิครับ!” ฉินหลางพยักหน้า
“ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ยังไม่รีบไปเรียนอีก?” น้ำเสียงของเซียหญิงเลี๋ยนเปลี่ยนอย่างกะทันหัน “ลูกไม่รู้เหรอ พวกเราลำบากแค่ไหนกว่าลูกจะย้ายไปเรียนที่ชีจงได้”
“นั่นสิ ั้แ่เกิดมาพ่อไม่เคยขออะไรใครมาก่อน แต่ครั้งนี้เพื่อลูก พ่อต้องหน้าด้านไปขอร้องเพื่อนสมัยเรียน” ฉินหนานถอนหายใจอีกครั้ง “ลูกหัดเอาไหนกับเขาหน่อย! ลูกเข้ามหาลัยเมื่อไหร่ พวกเราจะได้ขายบ้านเก่าในเมืองเซี่ยหยาง”
“ไม่ต้องพูดเว่อร์ขนาดนั้นครับ ผมแค่เรียนมหาลัยมีความจำเป็จะต้องขายบ้านซะที่ไหนล่ะ?” ฉินหลางตะลึงอย่างอดไม่ได้
“เรียนมหาลัยแล้ว ลูกก็ต้องหางานทำได้แล้ว จากนั้นลูกก็จะต้องแต่งงานต่อเลย สมัยนี้จะแต่งงาน ยังต้องซื้อบ้านใหม่อีกสักหลังนี่นา ไม่อย่างนั้นแม่ยายลูกจะรังเกียจเอาได้...” เซียหญิงเลี๋ยนเริ่มเทศนาอีกแล้ว
ฉินหลางอึ้งกิมกี่ พูดในใจ ่ความคิดของแม่ไกลเกินไปรึเปล่า อดที่จะถามไม่ได้ “แม่เป็นักวิจัยไม่ใช่เหรอครับ?”
“เป็นักวิจัยแล้วไง? ลูกคิดว่าเป็นักวิจัยไม่ต้องแต่งงาน ไม่ต้องมีลูกเหรอ” เซียหญิงเลี๋ยนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเทศนาอีกครั้ง “พ่อกับแม่ทำงานวิจัยมานานขนาดนี้ ชื่อเสียงและเงินทองต่างก็ได้มาหมดแล้ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราเพิ่งจะเข้าใจ”
“บอกหน่อยสิครับแม่ อย่ามาทำให้อยากแล้วจากไปสิครับ บอกหน่อยนะ” ฉินหลางพูดด้วยรอยยิ้ม
“สิ่งนั้นก็คือ ‘ปลูกข้าวเช้าได้เก็บเร็ว มีลูกเร็วก็ได้เสวยสุขเร็ว’ ดังนั้นแต่งงาน มีลูกต้องเร็วถึงจะดี” ตอนนี้เซียหญิงเลี๋ยนอารมณ์ดีมาก ถึงได้มีอารมณ์ล้อเล่นกับลูกชาย
“พ่อก็คิดแบบนี้เหรอ?” สายตาของฉินหลางหยุดอยู่ที่พ่อตัวเอง
ทว่าฉินหนานกลับพยักหน้าด้วยความหนักแน่น “แม่เขาพูดถูก พวกเราเป็ตัวอย่างผู้ที่โชคร้ายที่มีลูกช้า ดูสิ พวกเราอายุปูนนี้กันละ ยังจะต้องมาห่วงเื่ของลูกอีก รอ 2-3 ปี พวกเราแก่มากๆแล้ว ก็ยังต้องเป็ห่วงเื่เลี้ยงหลานอีก จะกลัวก็แต่ ถึงเวลาพวกเราจะอุ้มหลานไม่ไหวแล้ว”
ฉินหลางน้ำท่วมปากทันที
แต่มีหนึ่งอย่างที่ฉินหลางมั่นใจ พ่อแม่เขาอารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“เมื่อก่อนพ่อมักจะบอกเสมอว่า ขอแค่ผมสุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง มองโลกในแง่ดีก็พอ ไม่จำเป็ต้องสอบเข้ามหาลัยดังๆ ก็ได้ไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้พ่อถึงเปลี่ยนใจ ให้ผมย้ายไปเรียนที่ชีจงล่ะครับ?” สำหรับเื่นี้ ฉินหลางไม่เคยถามสาเหตุที่แท้จริงเลย
“พวกเราไม่ได้เปลี่ยนใจ เพียงแต่ถ้าลูกสอบเข้ามหาลัยดีๆ มันก็เป็เื่ดีไม่ใช่เหรอ” ฉินหนานถอนหายใจด้วยความเบาใจ “ลูกต้องเข้าใจว่าพ่อกับแม่ไม่ได้เป็เสนาธิการในองค์กร หรือสำนักงานใหญ่ๆ และก็ไม่ได้เป็มหาเศรษฐีด้วย เราสองคนไม่มีเส้นสายให้ลูกได้ ความจริงคือถ้าลูกเรียนจบ ลูกต้องหางานทำเอง พวกเราช่วยอะไรลูกไม่ได้เลย ลูกต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น! ถ้าลูกหางานดีๆ ทำไม่ได้ ถึงเวลาไม่มีใครยอมแต่งงานด้วยจะทำยังไง?”
“ผมล่ะมึน! พ่อก็เป็ไปกับเขาอีกคนแล้วเหรอ?” ฉินหลางพูดด้วยความหมองหม่น “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนเป็ตาลุงแก่ๆ ที่ไม่มีใครเอา ไม่มีใครสนใจไยดีเลยงั้นเหรอ?”
“อันนี้...” ฉินหนานส่งสายตาให้เซียหญิงเลี๋ยน เป็นัยๆ ให้เธอช่วยอธิบาย
“เื่มันเป็อย่างนี้ลูก” เซี่ยหญิงเลี๋ยนพูดขึ้น “่ก่อน พ่อเขาไปงานเลี้ยงรุ่นกับเพื่อน มีคนพูดถึงปัญหารักในวัยเรียนของนักเรียนมัธยม รู้ว่าลูกๆ ของเพื่อนๆ ส่วนมากต่างก็มีปัญหาเื่นี้กัน แล้วยังเปลี่ยนแฟนไปหลายคนแล้วด้วย ทุกคนมีความเห็นตรงกันว่า เด็กสมัยนี้ถ้าใครไม่มีปัญหารักในวัยเรียนต่างหากที่มีปัญหา จู่ๆ พวกเราก็นึกขึ้นได้ว่าเหมือนลูกยังไม่เคยมีความรัก? รู้สึกว่าไม่มีเด็กผู้หญิงคนไหนมาจีบลูก แล้วลูกเองก็ไม่เคยไปจีบใครด้วย เราไม่เคยเห็นจดหมายรักในห้องลูกแม้แต่ฉบับเดียว และก็ไม่มีของขวัญจากเด็กผู้หญิงด้วย...”
“เดี๋ยวก่อนนะ...พ่อกับแม่คงไม่ได้สงสัยว่าผมมีปัญหาทางจิตอยู่ใช่ไหม?” ในที่สุดฉินหลางก็เข้าใจแล้วว่าพ่อเขากำลังเป็ห่วงเื่อะไร
ฉินหลางพูดในใจนี่มันยุคอะไรเนี่ย รีบมีแฟน ทั้งครูและผู้ปกครองก็จะเป็ห่วง ไม่รีบมีแฟน ก็กลายเป็เด็กมีปัญหาทางใจอีก ไม่อยากเชื่อเลยพ่อกับแม่จะคิดว่าสภาพจิตใจฉันมีปัญหา
ฉินหลางคิดในใจ ‘โลกมันเป็อย่างงี้ไปได้ไงวะเนี่ย! มีความรักในวัยเรียน ทั้งครูและผู้ปกครองก็เป็ห่วง ไม่มีความรักในวัยก็ถูก มองว่ามีปัญหาทางจิตอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเขาจะคิดว่ามีปัญหาทางจิต’
ฉินหลางรู้ว่าไม่ว่าจะพูดยังไงก็ผิดอยู่ดี พูดด้วยความรู้สึกเหนื่อยหน่าย “อ๋อ ที่แท้เป็อย่างนี้นี่เอง งั้นพ่อกับแม่ก็หายห่วงได้เลย ความรักและหน้าที่การงาน ปีนี้ผมจะพยายามคว้ามาให้ได้ทั้งสองอย่าง ไม่เพียงสอบมหาลัยดีๆ เท่านั้น ยังจะพาแฟนสาวหน้าตาสวยๆ กลับมาเจอพ่อกับแม่ด้วย อย่างนี้พอใจรึยัง?”
“ถ้าเป็แบบนั้นจริงๆ พวกเราจะดีใจมากๆ เลยล่ะ!” เซียหญิงเลี๋ยนหัวเราะ พลางมองไปที่ฉินหนาน “จริงมั้ยคะที่รัก?”
“แน่นอนอยู่แล้วจ้า” ฉินหนานพยักหน้าพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม “แล้วพวกเราจะรอดูความสำเร็จทั้งการงานและความรักของลูกนะ”
ตอนแรกฉินหลางแค่พูดๆ ไปอย่างนั้นเอง ทว่าเขาคิดไม่ถึงว่า คำพูดเขาจะเหมาะเจาะขนาดนี้ ปีนี้เขาโชคดี ดูเหมือนว่าจะเป็ปีแห่งการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ของเขา และยังเก็บเกี่ยวได้เยอะมากเสียด้วยสิ ไม่ได้เป็เพียงหน้าที่การงานเท่านั้น ความรักก็เป็อย่างนั้นด้วยเช่นกัน เจอกับความโชคดีครั้งใหญ่ ที่เขาเองยังคิดไม่ถึงเลย
แต่สำหรับฉินหลางแล้ว ตอนนี้เขากำลังสำราญใจกับความรู้สึกอบอุ่นในครอบครัวแบบนี้ ถึงแม้วิธีการแสดงออกของพ่อแม่ฉินหลางจะไม่เหมือนพ่อแม่ของโจวหลิงหลิงก็ตาม อย่างน้อยฉินหลางก็รู้สึกถึงความรักของพ่อแม่ที่มีให้เขาไม่ได้น้อยกว่าของโจวหลิงหลิง ในสายตาฉินหลาง สิ่งนี้ต่างหากที่สำคัญมากที่สุด
แต่เช้าของวันที่สอง แม่ของฉินหลางก็ปลุกเขาตื่นั้แ่เช้าตรู่ หลังจากที่เธอกรอกไข่หวานเข้าไปในปากฉินหลางจนหมดถ้วยแล้ว เธอก็ไล่ฉินหลางกลับไปเรียนคลาสทบทวนบทเรียนที่โรงเรียน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้