ฮองเฮาอวี่เหวินในยามนี้ฉวยเื่นี้มาทำให้ได้เปรียบอย่างสมบูรณ์ แม้แต่พลังที่แผ่ซ่านยังเปี่ยมล้นอย่างยิ่ง
ระหว่างที่กล่าว นางเหลือบมองฉางไทเฮา สีหน้าไม่น่ามองของฝ่ายตรงข้ามทำให้ภายในใจของนางกวาดอารมณ์ย่ำแย่ยามที่อยู่ในตำหนักฉางเล่อก่อนหน้านี้ออกไปได้ และยังทำให้รู้สึกดีใจอย่างยิ่ง
หึ ฉางหนิง นางสตรีชั้นต่ำ เมื่อครู่นี้อยู่ในตำหนักฉางเล่อ นางช่างอวดดียิ่งนัก ถึงแม้ฝ่าาจะรู้เื่ตัวตนของจ้าวเยี่ยนแล้วอย่างไรเล่า สุดท้ายตำแหน่งแม่ทัพหลวง นางก็ล้มเหลวมิใช่หรือ?
และยามนี้...
ข้าอยากจะเห็นนักว่านางจะอวดดีต่อไปอย่างไร!
แสงสว่างเบาบางวาววับในดวงตา สายตาของฮองเฮาอวี่เหวินมองผ่านไทเฮา จับจ้องฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง ในยามนี้ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงกำลังถือไม้เท้า พลางจ้องมองพื้น มิรู้ว่ากำลังคิดสิ่งใด
“ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง ท่านว่าอย่างไรเล่า นี่เป็ความผิดที่ไร้เหตุผล เป่ยฉีของข้าจำต้องรับผิดหรือ?” ฮองเฮาอวี่เหวินตรัสขึ้นอย่างกะทันหัน เรียกฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงเพื่อเอ่ยถาม
การเอ่ยเรียกชื่อเช่นนี้ ทำให้คนหลายคนชะงักงัน ทั้งจิตใจของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงยังตึงเครียดยิ่งขึ้น นางรู้ว่า ฮองเฮาอวี่เหวินจงใจ...จงใจให้นางมาที่นี่เพื่อดูงิ้วฉากนี้ จงใจถามเช่นนี้ ทั้งยังต่อหน้าฉางไทเฮา
คำถามนี้ดูเหมือนเป็การสอบถาม ทว่าเห็นได้ชัดว่า ฮองเฮาอวี่เหวินมีคำตอบให้นางเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ชั่วครู่หนึ่ง สายตาของทุกคนจับจ้องมองฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง เหนียนยวี่เองก็จ้องมองใบหน้าสงบนิ่งของนาง แม้ใบหน้านั้นจะสงบนิ่ง แต่เหนียนยวี่รู้ว่า ในใจของนางคงจะยุ่งเหยิงมานานแล้ว!
"ทูลฮองเฮาเพคะ นี่มิใช่เื่เล็กน้อย ย่อมแบกรับไม่ไหวหรอกเพคะ" หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในที่สุดฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงจึงเอ่ยปาก
เหนียนยวี่ที่ได้ยิน คำตอบนี้อยู่ในความคาดหมาย
ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงกับฉางไทเฮาสนิทสนมกัน ทว่าในยามนี้ต้องเผชิญหน้ากับเื่สำคัญของบ้านเมือง การตอบอย่างไม่ระมัดระวังเพียงเล็กน้อยของนาง ก็เพียงพอที่จะนำหายนะมาสู่ตระกูลหนานกงทั้งหมด
ดังนั้นนางจึงเลือกได้เพียงคำตอบเดียวเท่านั้น ทว่าเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าฉางไทเฮาเช่นนี้ก็กลับกลายเป็รสชาติอื่นไปแล้ว
อย่างที่คิด ในสายตาของฉางไทเฮาพาดผ่านประกายดุดัน ผู้ใดล้วนมองออกทั้งสิ้นว่า ความดุดันนั้น เป็สายตาตำหนิท่าทีของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงในยามนี้
“ในเมื่อฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงกล่าวเยี่ยงนี้ เช่นนั้นความผิดนี้คงจะยอมรับไม่ได้จริงๆ” มุมพระโอษฐ์ของฮองเฮาอวี่เหวินค่อยๆ ผุดรอยยิ้มเสี้ยวหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าพึงพอใจกับคำตอบของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงมาก
นางแค่้าสร้างความแตกแยกระหว่างสองคนนี้เท่านั้น!
ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงรู้สึกถึงประกายตำหนิจากฉางไทเฮา ในใจกระตุกไปครู่หนึ่ง แม้แต่คนมากประสบการณ์เช่นนางก็ยังไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี ทำได้เพียงลอบถอนหายใจภายในใจ พลางไตร่ตรองเื่สัญญาระหว่างพวกนาง ในยามนี้สุดท้ายแล้วยังมีความจำเป็ต้องทำต่อไปหรือ
ฮองเฮาอวี่เหวินชื่นชมสีพระพักตร์บูดบึ้งของฉางไทเฮา ภายในใจลอบหัวเราะเล็กน้อย ฉางไทเฮา นางมิใช่ว่าเป็คนสงบนิ่ง ไม่ปรารถนา้าสิ่งใด ไร้ความชอบ ไร้โทสะมาโดยตลอดหรอกหรือไร?
ในยามนี้สุดท้ายแล้วนางยังจะควบคุมนิสัยเ่าั้ได้อีกหรือไม่?
หึ การเสแสร้งของนางก็มาได้เพียงเท่านี้!
บรรยากาศแปลกประหลาดตลบอบอวลไปทั้งห้อง ราวกับว่าเข็มเล่มเดียวก็สามารถแทงทะลุความตึงเครียดนั้นได้ เมื่อครู่นี้ฮองเฮาอวี่เหวินตรัสออกไปเช่นนั้น แม้แต่อูเสียนอ๋องเองก็ไร้ถ้อยคำตอบโต้ เขาเหลือบมองฉางหงเยียนที่มีใบหน้าตื่นตระหนกบนเตียง ด้วยดวงตาเต็มไปด้วยการตำหนิ ทว่ายามที่เบนสายตามองบุรุษที่แต่งกายเป็องครักษ์ด้านข้าง สายตากลับฉายแววขี้ขลาดเล็กน้อย
ยามนี้ ควรจะทำอย่างไรดี?
หากอยู่ในแคว้นหนานเยวี่ย ฝ่าาทรง้าสตรีนางนั้นก็แค่กล่าวออกมาประโยคเดียวเท่านั้น ทว่าในยามนี้อยู่ในเป่ยฉี ฐานะของฉางหงเยียนน่าอึดอัดนัก ประกอบกับมิอาจเปิดเผยสถานะที่แท้จริงของฝ่าาได้ สถานการณ์ในยามนี้ทำได้เพียงยอมเล่นไปตามคนของเป่ยฉีเท่านั้น
ทว่าการที่ยอมทำตามผู้อื่น หากฝ่าาถูกคุกคาม...
ครั้นคิดเช่นนี้ ดวงตาของอูเสียนอ๋องตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย เขารู้เื่ภารกิจอันหนักอึ้งในการมาเป่ยฉีขอฉางหงเยียน และมันได้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงแล้ว เช่นนั้นสตรีนางนี้จะมีประโยชน์อันใดอีก?
ในสายตาของอูเสียนอ๋องฉายแววโเี้ สถานการณ์อันซับซ้อนวุ่นวายยามนี้ หากสามารถละทิ้งฉางหงเยียนเพื่อปกป้องฝ่าาไว้ได้ก็คงจะดียิ่ง
มิใช่แค่เขาผู้เดียวที่มีความคิดเช่นนั้น
“หงเยียน เ้าทำเื่เช่นนี้ออกมาได้อย่างไร?” ครู่ใหญ่ต่อมา เสียงของฉางไทเฮาดังขึ้น ยากจะปกปิดการตำหนิและอารมณ์กริ้วโกรธ
ครั้นเอ่ยจบ ผู้คนรอบข้างต่างตกตะลึง มิใช่ว่าฉางไทเฮาควรปกป้องฉางหงเยียนหรอกหรือ?
นางในยามนี้กำลังร้องเล่นงิ้วอันใดออกมาอีก?
ฮองเฮาอวี่เหวินระวังตัวขึ้นทันที มีเพียงเหนียนยวี่ที่เข้าใจแจ่มแจ้ง ในยามนี้ที่ฉางไทเฮาทำเช่นนี้... เพราะ้าสละสิ่งสำคัญเพื่อสิ่งที่สำคัญกว่างั้นหรือ?
เหนียนยวี่หันมองฉางหงเยียน เห็นเพียงฉางหงเยียนที่มีใบหน้าประหลาดใจ หลังจากประหลาดใจ ความตื่นตระหนกอย่างยิ่งยวดพลันตามมาทันใด “หม่อมฉัน...หม่อมฉัน...”
ฉางหงเยียนไม่รู้ว่าควรจะรับมืออย่างไร ฉางไทเฮาเอ่ยถามนางเยี่ยงนี้ หมายความว่าอย่างไร?
นางมิใช่คนโง่จึงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ทว่านางทำได้เพียงกล่าวออกมาคำเดียว ฉางไทเฮากลับกล่าวขัดบทนาง “อูเสียนอ๋อง การทำหน้าที่ราชทูตที่เป่ยฉีเป็เื่สำคัญเพียงใด แล้วพวกเ้าเลือกคนกันอย่างไร สตรีนางนี้ เห็นได้ชัดว่าทำให้หนานเยวี่ยต้องขายหน้า บอกมาเสียว่า นาง...พวกเ้าจะจัดการนางอย่างไร?”
น้ำเสียงของฉางไทเฮาฟังดูจริงจัง และแทนที่จะตำหนิอูเสียนอ๋อง กลับกล่าวให้จัดการฉางหงเยียน ทว่าความหมายที่แฝงอยู่ในบทสนทนานั้น ผู้คนรอบข้างที่ได้ยินกลับรู้สึกสนใจขึ้นมา
อูเสียนอ๋องจัดการ...
จุดประสงค์ในบทสนทนานี้ของนางก็เพื่อให้หนานเยวี่ยเป็ฝ่ายควบคุม!
ฮองเฮาอวี่เหวินขมวดคิ้วเล็กน้อย อูเสียนอ๋องตระหนักได้โดยพลัน จึงน้อมคารวะอย่างเร่งรีบ “ฉางไทเฮา ฮองเฮาอวี่เหวิน แท้ที่จริงมันไม่ใช่เพราะหนานเยวี่ยของข้า เปิ่นหวางเองแท้จริงแล้วก็มิได้รู้ใบหน้าที่แท้จริงของสตรีนางนี้ คิดว่านางเกิดมาสูงศักดิ์จะต้องใสซื่อบริสุทธิ์แน่แท้ กลับไม่นึกเลยว่า แท้ที่จริงนาง...จะมีความใคร่เยี่ยงนี้ ตามธรรมเนียมของหนานเยวี่ย องค์หญิงหงเยียนทำเื่ไร้ยางอายเช่นนี้ จะต้องนำตัวสตรีแพศยานางนี้ไปทิ้งในแม่น้ำเยวี่ยของแคว้นหนานเยวี่ยของเปิ่นหวาง...”
ทิ้งในแม่น้ำเยวี่ย?
ฉางหงเยียนจิตใจสั่นสะท้าน ดวงตาหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม แทบจะโพล่งปากออกไปทันใด “ไม่...ไม่ใช่เช่นนี้ อูเสียนอ๋อง หม่อมฉัน...”
คำว่า ‘ตาย’ ผุดเข้ามาในหัวของฉางหงเยียนอย่างชัดเจน ทำให้นางหวาดกลัวยากจะทนไหว นางเป็สตรีของฝ่าา...
นางเกือบจะโพล่งออกไป ทว่าอูเสียนอ๋องพลันตระหนักได้ถึงบางสิ่ง จึงรีบเข้าไปคว้าข้อมือของฉางหงเยียนในทันใด ด้วยแรงอันดุดันนั้น ทำให้หญิงสาวตกจากเตียงอย่างน่าอับอาย ถึงกระทั่งที่สิ่งที่ห่อคลุมร่างกายเพียงสิ่งเดียวก็ยังเปิดออก ร่างเปลือยเปล่าถูกเปิดเผย ผู้คนรอบข้างที่เฝ้ามองยังอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ในยามนี้ฉางหงเยียนไม่ทันได้สนใจสิ่งอื่นแต่อย่างใด นางกำลังครุ่นคิดถึงสถานการณ์ในยามนี้ ยังไม่ทันได้ตอบสนอง อูเสียนอ๋องพลันเข้ามาตบใบหน้าของฉางหงเยียน เสียง ‘เพียะ’ ดังขึ้นตามมา จากนั้นอูเสียนอ๋องพลันตวาดลั่นใส่ฉางหงเยียน “เ้าทำเื่เช่นนี้ออกมา เ้าก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่แล้ว!”
ยามที่เห็นคำเตือนในสายตาของอูเสียนอ๋อง จิตใจของฉางหงเยียนพลันเย็นเยียบอย่างสิ้นเชิง นางเพิ่งจะรู้สึกตัวขึ้นมาทันใดว่า นางไม่อาจดึงฝ่าาเข้ามาเกี่ยวข้องได้ ไม่เช่นนั้นผลที่ตามมา...
ฉางหงเยียนไม่กล้าหันไปมองฝ่าาที่ยืนอยู่ด้านข้าง ในยามนี้นางควรจะทำอย่างไร?
นางไม่อยากตาย นางไม่อยากถูกทอดทิ้ง!
ฉางหงเยียนรู้สึกตื่นตระหนกสับสน ทันใดนั้นในหัวพลันสั่นสะท้าน จ้องมองอูเสียนอ๋อง และรีบเข้าไปคว้าชายเสื้อของเขาทันทีด้วยสายตาวิงวอนขอร้อง “ท่านอ๋อง หงเยียนผิดไปแล้ว ต่อจากนี้หงเยียนไม่กล้าทำอีกแล้ว ท่านอภัยให้หงเยียน...”
“อภัยให้เ้า?”
ฉางหงเยียนยังไม่ทันเอ่ยจบพลันมีเสียงอันเย็นเยียบเสียงหนึ่งกล่าวขัดบทนาง