หลิ่วจิ้งยังคงรู้สึกหวาดกลัวเขาอยู่จนกระทั้งเขาปิดประตูแล้วออกไปนางจึงค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้า
หั่วอี้เลิกคิ้ว ลูบใบหน้าตน พึมพำกับตัวเอง "ดูไปแล้วข้าน่ากลัวขนาดนั้นเชียวรึ? เหตุใดจึงทำให้นางใถึงเพียงนั้นได้?” เมื่อคิดถึงเมื่อครู่นี้ที่เขาบอกว่าจะกระทำการปลาน้ำแนบชิดกับนางหลิ่วจิ้งถึงกับใจนสองขาสั่น หั่วอี้ก็รู้สึกว่าน่าขันนัก
ปรากฏว่าเขาบังเอิญพบกับอาเหมิ่งต๋าที่กลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายใดขึ้นจึงเดินตามเขามาตลอดทางแม่ทัพหนุ่มถามว่า “เ้ามาได้อย่างไร?”
อาเหมิ่งต๋าก้าวเข้ามาหา “พี่ใหญ่ท่านจะแต่งงานกับองค์หญิงแห่งต้าเว่ยผู้นี้จริงๆ หรือ?”
หั่วอี้ดึงตัวเขาเดินมาที่ห้องโถงใหญ่ “ทำไมหรือ? เ้ามีเื่กังวลใจใด?”
“ขอข้าพูดตรงๆ นะ องค์หญิงแห่งต้าเว่ยผู้นี้แม้จะงดงามแต่อย่างไรข้าก็ยังรู้สึกว่าเื่นี้ไม่มีทางไม่ซับซ้อนดังที่เห็นเป็แน่ท่านดูสิ เมื่อครู่นี้ผู้สำเร็จราชการทั้งหาเื่และลบหลู่นางแต่นางกลับยืนอยู่ที่นั่นไม่พูดจาสักคำ ลำพังแค่ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของนางก็มิใช่ว่าสตรีทั่วไปจะเทียบได้แล้ว”อาเหมิ่งต๋าคิดสักพัก แต่ก็ยังเอ่ยออกไป“ข้าถึงรู้สึกว่าแผนการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ของแคว้นต้าเว่ยครานี้เกรงว่าไม่ใช่แค่้าจะปรองดองกับแคว้นชางอี้ของเราดังฉินจิ้นสานสัมพันธ์ชั่วฟ้า[1] เท่านั้น แต่เกรงว่าจะมีแผนชั่วอื่นซ่อนอยู่พี่ใหญ่ท่านต้องระวังสตรีผู้นี้เอาไว้ให้ดีๆ เชียว”
ไม่บ่อยเลยที่หั่วอี้จะได้เห็นอาเหมิ่งต๋ามีท่าทีละเอียดอ่อนเช่นนี้ในใจจึงรู้สึกปลื้มเปรมใจไม่น้อย ครั้นแล้วตบหลังเขากล่าวว่า“ข้าเล็งเห็นความเด็ดเดี่ยวที่แตกต่างจากผู้คนทั่วไปของนางดังว่าสตรีเช่นนี้หากปล่อยเอาไว้ให้คนโฉดเช่นทั่วป๋าเจิ้งปู้ยี่ปู้ยำ ก็มิใช่สิ้นเปลืองไร้ค่าไปเปล่าๆหรือ?”
“แต่ว่าพี่ใหญ่ ท่านเองก็ไม่จำเป็ต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงเลยนี่?” อาเหมิ่งต๋ายังคงกลัวว่าในใจของหลิ่วจิ้งจะมีแผนเพื่อหาทางเข้าใกล้หั่วอี้จึงยังเตือนย้ำเข้าไปอีก
อาหารบนโต๊ะกลมจัดวางเอาไว้เรียบร้อยแล้ว พ่อบ้านเห็นว่าทั้งหั่วอี้และอาเหมิ่งต๋าพากันเดินออกมาจึงรีบเชิญพวกเขาเข้ามานั่ง
“ท่านแม่ทัพ ยกสุรามาด้วยหรือไม่ขอรับ?”
ทุกครั้งที่อาเหมิ่งต๋ามาเป็แขกที่จวน ไม่มีแม้สักหนที่ไม่มีสุราแต่คราวนี้หั่วอี้กลับส่ายหน้า
พ่อบ้านชรารู้สึกประหลาดใจ แต่ถ้อยคำของผู้เป็นายไม่อาจไม่ฟังเขาจึงถอยออกไปรอรับใช้อยู่ข้างๆ อย่างเชื่อฟัง
หั่วอี้นั่งลง หันมองอาเหมิ่งต๋า ก่อนจะบอกว่า“เ้ามาได้จังหวะพอดี” ก่อนจะมองไปยังพ่อบ้าน“เื่ที่ข้าสั่งให้เ้าไปทำเป็อย่างไรบ้าง? เหตุใดยังไม่เห็นมีคนมา?”
พ่อบ้านตอบว่า “บ่าวนึกว่าท่านจะทานอาหารเสร็จก่อนจึงค่อยพบพวกเขาจึงให้พวกเขาไปรออยู่ที่ลานบ้านขอรับ”
“เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน...” เพิ่งจะสิ้นเสียงของหั่วอี้
อาเหมิ่งต๋าก็ร้อนใจขึ้นมาอีกแล้ว “พี่ใหญ่ ครานี้ท่านเอาจริง…”
หั่วอี้ขัดคำเขา “อาเหมิ่งต๋าไม่ต้องมากความอีกแล้วข้าตัดสินใจแล้ว ข้ากำลังเตรียมจะให้นางได้รู้จักกับคนในจวน เ้ามาได้จังหวะพอดีจะได้รู้จักนางไปพร้อมๆ กัน วันหน้าไม่รู้ว่าข้าจะต้องออกไปทำศึกอีกเมื่อใดจะได้ไม่กลายเป็ว่านางอยู่ในจวนแล้วไม่มีคนให้ใช้สอย”
ที่สุดครั้งนี้อาเหมิ่งต๋าก็หุบปากเสียทีเขายกถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมาดื่มจนหมด เมื่อเห็นว่าหั่วอี้ตัดสินใจไปแล้ว แม้แต่เื่ใหญ่น้อยในจวนก็ยังตระเตรียมมอบไว้ในมือนางเื่นี้ต่อให้แค่อยากเล่นละครตบตา ก็ไม่มีทางจะทำเสียสมจริงสมจังถึงเพียงนี้
เขาคิดไปด้วยความห่อเหี่ยวใจ แต่ก็ไม่เป็ไรต่อให้สตรีต้าเว่ยผู้นี้จะร้อยเล่ห์พันเหลี่ยมเชี่ยวชาญการหว่านเสน่ห์ให้คนลุ่มหลงเขาก็ไม่กลัวหากวันใดเขาพบว่าสตรีผู้นี้มีจุดประสงค์อื่น เขาจะเป็ผู้ที่เอาดาบฟันหัวนางให้ขาดแน่
เมื่อวางแผนไว้ดังนี้ เขาก็สบายใจขึ้นได้ในที่สุดยามมองอาหารเต็มโต๊ะจึงเกิดความอยากอาหารขึ้นมาสักหน่อยแล้ว
รอจนหลิ่วจิ้งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ถอดมงกุฎหงส์ปิ่นหยกไข่มุกบนหัวออกแล้วนางก็ม้วนผมยาวขึ้นมาไว้เหนือลำคออย่างง่ายๆ ใช้ปิ่นหยกขาวเรียบๆด้ามหนึ่งตรึงปักม้วนผมให้อยู่กับที่และเดินออกไป
นางเดินผ่านทางเดินรูปโค้ง มาถึงห้องโถงที่มีแสงโคมส่องสว่าง
เมื่อเห็นอาเหมิ่งต๋า หลิ่วจิ้งก็นึกถึงเขาขึ้นมาได้ในทันใด!
หากมิใช่เพราะคนผู้นี้ะโลั่นในงานเลี้ยง ตนเองก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพที่ถูกทั่วป๋าเจิ้งจ้องเขม็งเหมือนสุนัขหิวโซจะตะครุบเหยื่ออยู่เป็นาน
“มาแล้วก็มานั่งที่นี่เถิด คนกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจ”
ดูท่าว่าความสัมพันธ์ของหั่วอี้กับคนผู้นี้จะไม่ธรรมดาหลิ่วจิ้งมองเขาอย่างเรียบเฉยหนหนึ่ง ลงบัญชีเอาไว้ในใจ ภายภาคหน้าหากมีโอกาสจะต้องสะสางบัญชีกับคนผู้นี้ให้ได้
อาเหมิ่งต๋าเพิ่งจะคลายความขุ่นข้องใจที่มีต่อนางไปได้พอหันมองก็เห็นว่านางปรายตาเย็นเฉียบมาที่ตน จึงเอ่ยขึ้นมาว่า “พี่ใหญ่ อาหารวันนี้ข้าคงกินไม่ลงแล้วท่านค่อยๆ ทานไปเถิด ข้าจะกลับก่อนล่ะ!” เขาประสานฝ่ามือกำหมัดคารวะหั่วอี้สาวเท้ายาวเดินออกไปโดนไม่แม้จะมองหลิ่วจิ้งสักหน
หั่วอี้ส่ายหัวคิดในใจว่าเขาะเิอารมณ์จากไปอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน หากยังอยู่ต่อไม่แน่ว่าอาจทำให้อาหารมื้อนี้ยากจะกลืนลงคอก็เป็ได้
เขามองหลิ่วจิ้งที่เปลี่ยนมาสวมชุดยาวสีขาวเข้ากับชุดฉางซานยาวสีขาวของตนเป็อย่างดี จึงทำให้คนทั้งคู่ดูเหมาะสมกันอย่างยิ่ง
“ท่านเพิ่งมาถึงชางอี้หากวันหน้ามีเื่ใดไม่คุ้นเคยก็โปรดเรียกหาอาเหมิ่งต๋าให้เขาช่วยเหลือในชางอี้นี้เขาก็นับว่าเป็ชายที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง”
พอหลิ่วจิ้งได้ยินเขาพูด ในใจก็บังเกิดความไม่สงบสุขพลุ่งพล่านขึ้นมาเอ่ยถามเขาว่า “นี่หมายความว่าอย่างไร? เหตุใดเมื่อข้ามีปัญหาแล้วต้องไปขอให้ชายอื่นช่วยเหลือ แต่ไม่ใช่ว่าต้องมาหาท่านเล่า?”
หั่วอี้คีบเนื้อวัวตุ๋นจนเปื่อยนุ่มชิ้นหนึ่งวางใส่ถ้วยของนางอธิบายอย่างใจเย็นว่า “เพราะข้าไม่รู้ว่ายามใดต้องไปออกศึก อาจไม่ได้มีเวลามากมายมาคอยดูแลอยู่ข้างกายท่าน”
ก็ใช่ เขาเป็ถึงแม่ทัพใหญ่แห่งชางอี้ย่อมไม่อาจเป็เช่นชายชาวบ้านทั่วไปที่จะอยู่ข้างกายนางได้ตลอดเวลา
อีกประการ หั่วอี้เองก็ไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยนละเอียดอ่อนเพียงนั้นบุรุษเช่นเขาย่อมต้องมุ่งมั่นอยู่ในวิถีแห่งการปกป้องบ้านเมืองมิใช่เอาแต่เสพสุขอยู่แต่ในบ้าน
นางพึมพำตอบไปเบาๆ “ข้าทราบแล้ว”
แม้หลิ่วจิ้งจะแต่งกับหั่วอี้แล้ว แต่นางก็ยังคงปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในเวลานี้ไม่ได้ ทว่าแม้จะเป็เช่นนี้ นางก็กลับทำได้เพียงเชื่อฟังคำบัญชาแห่งโชคชะตา
แผนการในชั่วยามนี้ ทำได้เพียงก้าวไปทีละก้าวเท่านั้น
หั่วอี้เห็นนางใจลอย เขาจึงไม่พูดอะไรอีกพวกเขาต่างคนก็ต่างทานอาหารของตนไปไม่พูดไม่จาอย่างผู้ได้รับการอบรมสอนสั่งมาเป็อย่างดีจนทานอาหารเสร็จ
ทานอาหารเสร็จแล้ว พ่อบ้านก็เข้ามาสั่งให้คนมาเก็บอาหารไป
หั่วอี้ดึงมือนางขึ้นมากล่าวว่า “ไปกันเถิดข้าจะพาท่านไปพบกับคนในจวนของข้า เื่น้อยใหญ่นานาในภายภาคหน้าต้องมอบให้ท่านดูแลแล้ว”
คล้ายว่าเขาจะพูดจาสุภาพเช่นนี้ตลอดเวลายามหลิ่วจิ้งได้ฟังก็รู้สึกว่าคนผู้นี้จงใจทำทีประชดประชันนาง
นางคิดพักหนึ่งก่อนจะถามว่า“แม้เวลานี้ข้ายังไม่อาจยอมรับตนเองในฐานะภรรยาเอกได้ในทันทีทันใดแต่ไม่ว่าอย่างไร ในเมื่อเราสองคนก็เป็สามีภรรยากันแล้วต่อไปข้าย่อมต้องดูแลเื่ต่างๆ ในจวนให้ท่านเป็อย่างดีจะไม่ให้ท่านต้องเป็กังวลยามไปทำศึก”
หั่วอี้หัวเราะเสียง ‘พู่’ออกมาหนหนึ่ง หันหน้ากลับมา“เหตุใดข้าถึงมักรู้สึกคล้ายว่านี่เป็เพียงฝันไม่ใช่ความจริง? มิเช่นนั้นท่านลองตีข้าสักหน ให้ข้าดูทีว่านี่เป็ความจริงหรือไม่?”เขาว่าพลางยื่นหน้าเข้ามาหา
คิ้วใบหลิวของหลิ่วจิ้งย่นเข้ามาน้อยๆคิดว่าคราวนี้เขากำลังทดสอบตนเอง จึงผลักเขาออกไปแล้วว่า“ข้ากลับอยากให้ทุกสิ่งไม่ใช่ความจริงมากกว่า”
พ่อบ้านเดินนำทางพวกเขาสองคนอยู่ข้างหน้า เอ่ยว่า “ท่านแม่ทัพ มาถึงแล้วขอรับ”
หั่วอี้สะบัดมือ พ่อบ้านจึงขยับถอยออกไป
____________________
เชิงอรรถ
[1] ฉินจิ้นสานสัมพันธ์ชั่วฟ้า คือ ฉินและจิ้นสองแคว้นแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กันมาในทุกยุคจึงมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันเสมอมา