กว่าจะจัดการทุกอย่างเสร็จก็เป็เวลาเที่ยงคืนแล้ว จิ่วหานยังคงอยู่ที่บ่อนพนันว่านก้วน
ทว่าเซี่ยถิงเดินตามหลังไป๋เซี่ยเหอโดยไม่พูดไม่จา
“นายท่าน”
“เ้าเรียกข้าว่าคุณหนูใหญ่เหมือนฝูเอ๋อร์เถิด”
“ขอรับ คุณหนูใหญ่ ดูเหมือนจะมีคนอยู่เบื้องหน้า”
ไป๋เซี่ยเหอเงยหน้ามองตามแสงจันทร์ นางเห็นเงาสองร่างที่ดูคุ้นเคยยืนต้านลมอยู่
คนหนึ่งสูงส่ง คนหนึ่งหยิ่งยโส
แม้ว่าจะมีความมืดมิดอันเข้มข้นของราตรีเป็อุปสรรค ทว่าไป๋เซี่ยมองเห็นความเฉยเมยในแววตาสีหมึกคู่นั้นของเขาได้อย่างชัดเจน
ไป๋เซี่ยเหอสวมชุดบุรุษสีดำรัดรูปที่บดบังความงามของเด็กสาว หลงเหลือเพียงความเยือกเย็นและความหล่อเหลาเท่านั้น ความสง่างามและความเย่อหยิ่งที่แผ่ออกมาจากร่างนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะมี
“คุณหนูใหญ่สกุลไป๋ช่างน่าสนใจนัก!”
เขาไม่ได้ปกปิดความประชดประชันในแววตาแม้แต่น้อย
เด็กสาวนางหนึ่งเดินเตร็ดเตร่บนถนนยามดึกดื่น คู่หมั้นคนนี้ของเขาช่างกล้าหาญจริงๆ!
“เซี่ยถิง?”
อิ๋งเฟิงที่ติดตามอยู่ด้านหลังของฮั่วเยี่ยนไหวรู้จักเซี่ยถิง
“เขาคือผู้ใด?”
น้ำเสียงของฮั่วเยี่ยนไหวฟังดูเฉยเมย หลังได้ฟังคำอธิบายจากอิ๋งเฟิง คิ้วก็ขมวดมุ่น
ไป๋เซี่ยเหอเชิดคางขึ้นก่อนจะบอกให้เซี่ยถิงไปรออยู่ด้านข้าง
เมื่อเซี่ยถิงจากไป เสียงตั้งคำถามของบุรุษก็ดังขึ้น “เหตุใดเ้าถึงช่วยคนของจวนสกุลฉิน?”
“คนของจวนสกุลฉินไม่ได้เป็คนเลวทั้งหมด” สายลมอันหนาวเหน็บพัดผ่านอาภรณ์สีดำของนาง ทว่าไม่ได้ทำให้นางรู้สึกหนาว
“เ้ารู้จักหรือไม่รู้จักจิ้งจอกน้อยกันแน่?”
เมื่อเป็คำถามนี้ น้ำเสียงของฮั่วเยี่ยนไหวกลับฟังดูมืดมน ทว่าทรงพลังอย่างยิ่ง
“ข้าไม่...”
“เ้าคิดให้ดีก่อนตอบจะดีกว่า”
เขาขัดจังหวะคำปฏิเสธของไป๋เซี่ยเหอ แววตาฉาบด้วยไอเย็น “จวนสกุลฉินเคยทำร้ายสัตว์เลี้ยงของข้าจนแทบเอาชีวิตไม่รอด”
เมื่อคำว่า ‘สัตว์เลี้ยง’ ถูกเอ่ยออกมา ใบหน้าของไป๋เซี่ยเหอก็ร้อนรุ่มราวกับไฟลุกก็ไม่ปาน
ถูกคนกล่าวเช่นนี้ต่อหน้าช่างน่าอึดอัดใจจริงๆ
แม้ว่าตอนนี้นางจะเป็มนุษย์ ไม่ใช่จิ้งจอกก็ตาม
“ดังนั้นข้าจึงไม่คิดจะปล่อยคนของจวนสกุลฉินไป”
เจตนาข่มขู่อันเข้มข้นแฝงอยู่ในน้ำเสียงมืดมน และนั่นก็ทำให้ไป๋เซี่ยเหอไม่รู้จะโต้แย้งอย่างไร
ในเมื่อเขาออกหน้าแทนนาง แล้วนางจะโต้แย้งอะไรได้เล่า?
“เซี่ยถิงเคยช่วยจิ้งจอกน้อย” นางให้เหตุผล
ฮั่วเยี่ยนไหวหรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาตรึงอยู่บนพวงแก้มขาวผ่องงดงามของไป๋เซี่ยเหอราวกับเป็อินทรีก็ไม่ปาน
“เ้ารู้ได้อย่างไร?”
“ข้าเห็นกับตา มิฉะนั้นเหตุใดข้าถึงต้องเสี่ยงที่จะทำให้จวนสกุลฉินขุ่นเคืองด้วยเล่า?”
ฮั่วเยี่ยนไหวเชื่อถ้อยคำนี้เพียงครึ่งหนึ่ง เขารู้นานแล้วว่าไป๋เซี่ยเหอมีความสัมพันธ์บางอย่างกับจิ้งจอกน้อย วันนี้เขาก็แค่ได้ยินนางยอมรับเื่นี้กับหูเท่านั้น
“จิ้งจอกน้อยเล่า?”
ใบหูสีชมพูที่ดูอ่อนนุ่มขึ้นสีแดงและสั่นระริกเล็กน้อย ไป๋เซี่ยเหอเกาจมูกก่อนจะตอบว่า “ไม่ได้พบนานแล้ว ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ฮั่วเยี่ยนไหวเม้มปากไม่พูดไม่จา
เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะจากไป ไป๋เซี่ยเหอก็ยื่นมือไปคว้าแขนเสื้อของเขา “เอ่อ ท่านช่วยเหลือข้าได้หรือไม่?”
“พูดมา”
ฮั่วเยี่ยนไหวดึงแขนเสื้อของตนเองออกจากมือนางโดยไม่หันหน้าไปมอง
“จัดแจงให้เซี่ยถิงติดตามอยู่ข้างกายข้า”
หากนางพากลับไปเองก็ยากที่จะเลี่ยงคำครหา แม้ว่านางจะไม่เกรงกลัวความยุ่งยาก ทว่าหากมีหนทางทำให้ไม่เกิดความยุ่งยากได้ก็จะทำ
“เพราะเหตุใด?”
เพราะเหตุใดเขาถึงต้องช่วยนาง?
สำหรับฮั่วเยี่ยนไหวแล้ว แม้ว่าเขากับนางจะได้รับสมรสพระราชทาน ทว่าไป๋เซี่ยเหอก็เป็เพียงสตรีนางหนึ่งเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา
หากจะบอกว่านางมีอะไรแตกต่างจากสตรีคนอื่น เช่นนั้นคงเป็จิ้งจอกน้อยที่เชื่อมอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขาเท่านั้น
“เพื่อจิ้งจอกน้อย”
ไป๋เซี่ยเหอลูบจมูก รู้สึกปวดใจเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ถูก
นางรู้สึกว่าต้องใช้ประโยชน์จากการมีอยู่ของจิ้งจอกน้อย
“หากจวนสกุลไป๋ของเ้าปกป้องสัตว์เลี้ยงของข้าไม่ได้ก็อย่าให้มันไปหาเ้า”
ฮั่วเยี่ยนไหวแค่นเสียงอย่างดูแคลนทีหนึ่ง
“ท่านคิดว่าข้าอยากให้มันมาหรือ? หากท่านมีความสามารถก็อย่าให้มันมาสิ”
เมื่อเผชิญหน้ากับบุรุษที่วางตัวสูงส่งตลอดเวลา ไป๋เซี่ยเหอก็เกิดโทสะแล้วเหมือนกัน นางขอร้องผู้คนเป็ครั้งแรกในชีวิต ทว่ากลับถูกเหยียดหยามเสียนี่
ยิ่งไปกว่านั้น นางยังได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกันยามที่นางอยู่ในร่างจิ้งจอกและมนุษย์
ชวนให้อึดอัดใจเสียจริง!
ฮั่วเยี่ยนไหว เ้าจำเอาไว้เลยนะ!
“เซี่ยถิง พวกเราไปกัน”
นางถลึงตามองฮั่วเยี่ยนไหวด้วยท่าทีสง่างามและสูงส่ง จากนั้นก็เดินเฉียดร่างเขาไปทันที
ราตรีเย็นเยียบราวกับสายน้ำ แสงดาราเริงระบำ
สายลมหนาวเย็นะเื เงาไม้ร่ายรำ
ซ่อนไว้ด้วยจิตสังหารที่โหมกระหน่ำภายใต้คลื่นลมสงบ
“ช่วยด้วย มีโจร!”
เสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวของสตรีดังแหวกอากาศขึ้นมา
จวนสกุลไป๋ที่มืดมิดทยอยจุดเทียนจนมีแสงสว่างขึ้นมา
“เสียงดังมาจากเรือนสุ่ยฉิง”
หลังจากระบุทิศทางของเสียงได้แล้ว คนทั้งจวนก็กรูกันไปที่เรือนสุ่ยฉิงทันที
“เกิดอะไรขึ้น?”
ไป๋เหล่าฮูหยินใช้ไม้เท้าเดินกะโผลกกะเผลกเข้าไปในเรือน จิตใจของนางไม่สงบนัก
เหตุใดคนในเรือนสุ่ยฉิงถึงใช้ชีวิตได้ไม่สงบปานนี้?
ฝูเอ๋อร์นั่งอยู่กับพื้น ใบหน้าเล็กของนางดูซีดเซียว รูม่านตาขยายใหญ่ ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา เห็นได้ชัดว่าใจนไม่ได้สติ
“เ้านายของเ้าเล่า?”
ไป๋เหล่าฮูหยินมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นเงาร่างของไป๋เซี่ยเหอ ความวิตกกังวลพุ่งสูงขึ้นทันที
ตอนนี้ไป๋เซี่ยเหอคือของล้ำค่า ไม่ต้องพูดถึงเื่ที่นางได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้และฮองเฮาเลย ตอนนี้นางยังเป็ถึงชายาเซ่อเจิ้งอ๋องในอนาคตอีกด้วย
แม้ว่าเซ่อเจิ้งอ๋องจะโเี้อำมหิต ทั้งยังไร้เมตตาอย่างยิ่ง
ทว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ไม่ใช่หรือ?
ฝูเอ๋อร์ตัวสั่นด้วยความใ “คุณหนูไปเดินเล่นที่สวนด้านหลัง หลังจากคุณหนูออกไปไม่นาน ข้าก็พบว่ามีคนลอบเข้ามาในเรือน...”
ในเรือนที่อลหม่านก็เงียบลงทันที
“อา!”
ทุกคนรู้สึกหนาวเหน็บที่แผ่นหลัง จากนั้นก็มองซ้ายขวาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ราวกับว่ามีดวงตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่ในมุมมืดอย่างไรอย่างนั้น
“หุบปาก ทำให้คนใน้อยๆ หน่อย ในเมื่อเซี่ยเหอไม่เป็ไร เช่นนั้นก็...”
“เช่นนั้นก็รอให้เกิดเื่ขึ้นแล้วค่อยว่ากันอย่างนั้นหรือ?”
น้ำเสียงไพเราะนั้นเย็นเยียบและสงบนิ่งราวกับทะเลสาบในวสันตฤดูก็ไม่ปาน
เมื่อถ้อยคำนี้ถูกเอ่ยออกมา รอบด้านก็เงียบสงัด
“เฮ้อ เหลวไหล จะมีเื่เกิดขึ้นได้อย่างไร?”
ไป๋เหล่าฮูหยินพยายามกลบเกลื่อนเื่ราวด้วยรอยยิ้มที่ดูมีเมตตาและอ่อนโยน
ทว่า
ไป๋เซี่ยเหอจะทำให้นางสมปรารถนาได้อย่างไร?
“เหตุใดจะไม่ได้เล่า? หญิงสาวที่อ่อนแออย่างข้าน่ะ ไม่แน่ว่าอาจกลายเป็ศพอยู่ในเรือนของจวนตนเองวันไหนก็ได้”
ฝูเอ๋อร์ะโขึ้นมากอดไป๋เซี่ยเหอด้วยความใ “ไม่ได้เด็ดขาดนะเ้าคะ คุณหนู ท่านจะเป็อะไรไปไม่ได้เด็ดขาด พระวรกายของฮองเฮายังต้องพึ่งพาการดูแลของท่านนะเ้าคะ”
“นอกจากนี้ ท่านยังได้รับสมรสพระราชทานกับเซ่อเจิ้งอ๋อง เป็ชายาเซ่อเจิ้งอ๋องในอนาคต หากท่านตายอย่างกะทันหัน จะให้คำอธิบายกับเซ่อเจิ้งอ๋องและฝ่าาอย่างไรเ้าคะ?”
ทุกประโยคที่ฝูเอ๋อร์เอ่ยออกมา ทำให้สีหน้าของไป๋เหล่าฮูหยินซีดลงเรื่อยๆ
ไม่ได้!
ไป๋เซี่ยเหอจะตายไม่ได้!
“เหลวไหล บุตรีจากสกุลไป๋ของข้าจะได้รับาเ็ในจวนของตนเองได้อย่างไร? ใครก็ได้มานี่ ไปสอบถามสิว่าไล่ตามโจรผู้นั้นทันหรือไม่?”
การคุ้มกันของจวนแม่ทัพเคร่งครัดมากมาโดยตลอด ทันทีที่ฝูเอ๋อร์กรีดร้องออกมา ก็มีคนไล่ตามไปทุกทิศทางแล้ว
คนเหล่านี้ล้วนเป็ผู้ที่ไป๋เสียนอันคัดเลือกมาด้วยตนเอง พวกเขามีวรยุทธ์แข็งแกร่ง โจรธรรมดาไม่อาจหนีรอดเงื้อมมือของพวกเขาได้
“หาจนทั่วแล้ว ไม่พบเ้าค่ะ”
ไป๋เหล่าฮูหยินขมวดคิ้วมุ่น “เหลาเหยี่ยเล่า?”
“เหลาเหยี่ยไม่อยู่ในจวนเ้าค่ะ”
ดึกดื่นเที่ยงคืน ทว่าบุรุษผู้หนึ่งกลับไม่อยู่ในเรือนของตนเอง อีกทั้งตอนนี้ก็ไม่มีอี๋เหนียงอยู่ในจวน เขาไปที่ใด ทุกคนย่อมรู้อยู่แก่ใจ
แม้ว่าไป๋เหล่าฮูหยินจะขุ่นเคืองเล็กน้อย ทว่าไม่ได้พูดอะไรออกมา
“เซี่ยเหอ ตามความเห็นของเ้า ควรทำอย่างไรดี?”
สิ่งที่ไป๋เซี่ยเหอรอคอยก็คือประโยคนี้ แววตาของนางเป็ประกาย จากนั้นก็ส่ายศีรษะอย่างผิดหวัง ทำให้ไป๋เหล่าฮูหยินว้าวุ่นใจ
“เ้าอยากพูดอะไรก็พูดเถิด ขอเพียงไม่ผิดกฎ ข้าจะรับปากเ้าทั้งหมด”
ถึงอย่างไรการกลบเกลื่อนเื่ราวที่เกิดขึ้นโดยเร็วย่อมมีความสำคัญยิ่งกว่า!
มิฉะนั้นหากเื่นี้แพร่งพรายออกไป จะนำใบหน้าของจวนแม่ทัพไปไว้ที่ใด?
นึกไม่ถึงว่าจวนแม่ทัพที่มีเกียรติจะจับโจรผู้หนึ่งไม่ได้
------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้