เมื่อเผชิญหน้ากับความสิ้นหวังของซูไท่อี กูเฟยเยี่ยนจึงไม่พูดไม่จาแล้วหันหลังเดินเข้าไปในห้อง
ภายในห้อง เฉิงอี้เฟยล้มตัวนอนลงบนเตียงแล้ว เสื้อไหมพรมสีขาวบริสุทธิ์ของเขาทำให้มีความรู้สึกว่าความเเข็งกร้าวลดน้อยลงกว่าปกติ สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือความสูงศักดิ์ราวกับพี่ชายข้างบ้านที่เงียบสงบ สีหน้าของเขาไม่ได้ขาวซีดเหมือนเมื่อสักครู่นี้แล้ว คนที่ไม่รับรู้เื่ราวจะไม่มีทางมองออกว่าเขาประสบอะไรมาบ้างและกำลังจะประสบอะไร คนเ่าั้จะคิดเพียงแค่ว่าเขานอนหลับไป
หลินฟูเหรินผู้เฒ่าดูเหมือนว่าจะชราขึ้นในชั่วพริบตา นางลูบไปบนขาทั้งสองข้างของบุตรชายด้วยความเ็ปราวโดนมีดกรีดและสะอื้นไม่หยุด “ลูก…ลูก…ลูกของข้า! เ้าจะให้แม่อธิบายกับพ่อเ้าว่าอย่างไร จะให้แม่อธิบายกับเหล่าบรรพบุรุษตระกูลเฉิงได้อย่างไร! ลูกของข้า..ฮึก ฮึก…”
เดิมทีกูเฟยเยี่ยนยังคงสงบสติอารมณ์เอาไว้อยู่ แต่ทันทีที่สายตาตกไปอยู่ที่ขาเรียวงามทั้งสองข้างของเฉิงอี้เฟย หัวใจของนางก็เหมือนกับถูกบางสิ่งบางอย่างกัดเข้าอย่างรุนแรง เ็ปเหลือเกิน
ในขณะนี้เองจู่ๆ จวินฮั่นหยิ่นที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยออกมา “ฟูเหรินผู้เฒ่า เื่นี้เป็ความผิดของข้า! หากข้ารู้เร็วกว่านี้ว่าอวิ้นกุ้ยเฟยจะเชิญแพทย์หญิงกูมา ข้าจะไม่ให้เฉิงอี้เฟยเข้ามาในพระราชวังอย่างแน่นอน! เฮ้อ! ”
คำพูดของจวินฮั่นหยิ่นไม่เพียงแค่หนีเื่ราวเท่านั้น แต่ยังแฝงความหมายโดยนัยไว้อีกด้วย เขากำลังบอกหลินฟูเหรินผู้เฒ่าเป็นัยว่าเพื่อที่จะต่อกรกับกูเฟยเยี่ยน อวิ้นกุ้ยเฟยจึงได้ดึงเฉิงอี้เฟยเข้ามาอยู่ในแผนการด้วย
กูเฟยเยี่ยนชำเลืองตามองเขาโดยไม่โต้แย้งกลับ
นางไม่ยอมรับว่าเื่นี้เป็ความผิดของตัวนางเองทั้งหมด แต่นางก็ทราบว่าเื่นี้ตนเองก็มีความผิดไม่น้อย ในขณะเดียวกันนางก็คิดว่าจวินฮั่นหยิ่นที่เป็เ้าภาพก็มีความรับผิดชอบที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ในความเห็นของนางคือจวินฮั่นหยิ่นจงใจดื่มจนเมาและละทิ้งไม่สนใจเฉิงอี้เฟย เขาไม่ได้แตกต่างจากอวิ้นกุ้ยเฟยเลย
ไม่ใช่ว่านางไม่เข้าใจประโยคนี้และนางก็ไม่ใช่ลูกพลับสุกนิ่มที่สามารถรังแกได้ง่ายด้วย เพียงแต่นางแค่ไม่อยากสืบหาความจริงว่าใครผิดใครถูกกับความรับผิดชอบของใครมากกว่าน้อยกว่าใน่เวลานี้ และต่อหน้าหลินฟูเหรินผู้เฒ่าที่เ็ปใจจนไม่สามารถปลอบใจได้
ไม่รู้ว่าหลินฟูเหรินผู้เฒ่าได้ยินคำพูดของจวินฮั่นหยิ่นหรือไม่ เพราะนางยังคงร้องไห้และพูดพึมพำกับตนเอง
หลังจากที่รอมาครู่หนึ่งและแน่ใจแล้วว่าหลินฟูเหรินผู้เฒ่าไม่สนใจไยดีจวินฮั่นหยิ่น กูเฟยเยี่ยนจึงอยากจะพูดถึงเื่แพทย์รักษาที่ซ่อนเร้น
แต่ใครจะไปทราบว่าจวินฮั่นหยิ่นจะยังไม่ตายใจ เขาทำเป็โกรธแค้นพลางเอ่ยถามน้ำเสียงเ็าตรงๆ “แพทย์หญิงกู ทั้งๆ ที่เ้าก็รู้ว่าอวิ้นกุ้ยเฟยเป็ประธานในงานเลี้ยงเฉลิมฉลองแล้วเหตุใดเ้าถึงต้องไป? หากเ้าไม่ไปมันก็จะไม่มีเื่ราวในวันนี้! ”
ในที่สุดกูเฟยเยี่ยนก็เกิดโทสะ นางกำลังจะปริปากพูด แต่ทันใดนั้นหลินฟูเหรินผู้เฒ่าก็หันมามองนาง วินาทีนั้นคำพูดของนางก็แข็งทื่ออยู่ที่ริมฝีปาก นางหันหน้าไปทางอื่น ไม่ใช่เพราะไม่กล้ามองหลินฟูเหรินผู้เฒ่า แต่เป็เพราะไม่้าให้หลินฟูเหรินผู้เฒ่าโกรธเคืองนาง
“แพทย์หญิงกู เื่นี้…”
ทันทีที่หลินฟูเหรินผู้เฒ่าเอ่ยพูด กูเฟยเยี่ยนก็หันกลับมาอีกครั้งแล้วขัดจังหวะอย่างเด็ดขาด “ฟูเหรินผู้เฒ่า ข้ายอมรับว่าเื่นี้…”
ทว่านางยังพูดไม่จบหลินฟูเหรินผู้เฒ่าก็ขัดจังหวะนาง “ในเมื่อองค์หญิงหวายหนิงแต่งงานกับฉีอวี้แล้ว ไม่ช้าก็เร็วพวกเราตระกูลเฉิงก็ต้องประสบภัยพิบัติของอวิ้นกุ้ยเฟย นังหนู เ้าไม่จำเป็ต้องรู้สึกผิดต่อเื่นี้ เื่ดื่มสุราเมื่อค่ำคืนวานนี้อี้เฟยได้พูดออกมาแล้ว ข้าต้องขอบคุณเ้าแทนแม่ทัพผู้เฒ่าด้วย”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้จวินฮั่นหยิ่นก็แปลกใจมาก เขาเอื้อมมือไปถูที่จมูกด้วยความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างไม่รู้ตัว
แต่อย่างไรก็ตามไม่มีคนสนใจเขาเลย ใต้เท้าหนานกงกับเหมยกงกงก็ค่อยๆ พูดปลอบโยนกูเฟยเยี่ยน
ซูไท่อีกล่าวว่า “คำเชิญภายในพระราชวังจะปฏิเสธอย่างง่ายดายได้เสียที่ไหนกัน แพทย์หญิงกู เมื่อคืนนี้เ้าทำเต็มที่แล้ว เ้าไม่จำเป็ต้องโทษตัวเอง”
ใต้เท้าหนานกงกล่าวว่า “แพทย์หญิงกู ฟูเหรินผู้เฒ่าไม่โทษเ้า ท่านแม่ทัพเฉิงยิ่งไม่โทษเ้า หากท่านแม่ทัพเฉิงฟื้นขึ้นมายังต้องให้เ้าช่วยฟูเหรินผู้เฒ่าเกลี้ยกล่อมอีกด้วย! ”
เหมยกงกงหัวเราะแล้วกล่าวว่า “แพทย์หญิงกู โชคดีที่เ้าคอแข็ง หากเ้าคออ่อนเหมือนองค์ชายแปดที่ล้มลงั้แ่แรกผลลัพธ์ก็จะอันตรายจนยากจะนึกถึง! ”
จวินฮั่นหยิ่นกลืนไม่เข้าคายไม่ออกมากกว่าเดิม เขามองเหมยกงกงด้วยความไม่พอใจมากทว่าเหมยกงกงไม่หวาดกลัว “แพทย์หญิงกู วันนี้ก่อนที่ฝ่าาจะทรงว่าราชกิจพระองค์ได้เสนอกับเหล่านู๋ว่าเื่เมื่อคืนวานนี้จะต้องให้รางวัลแก่เ้า”
จวินฮั่นหยิ่นคิดไม่ถึงว่าเหมยกงกงจะเป็ปรปักษ์กับเขาโดยตรงขนาดนี้ ในใจเขาเกิดความรู้สึกไม่สบาย ดังนั้นจึงไม่กล้าพูดอีก
กูเฟยเยี่ยนมองไปที่ทุกคนโดยที่ท้ายที่สุดสายตาก็หันกลับไปมองหลินฟูเหรินผู้เฒ่า นางประหลาดใจมากทีเดียวจนเกิดความรู้สึกตื่นตะลึงที่ได้รับความเมตตาอย่างคาดไม่ถึง ตอนแรกนางคิดว่าหลินฟูเหรินผู้เฒ่าจะแค้นเคืองนาง ดังนั้นนางจึงไม่กล้าเพ้อฝันถึงความเข้าอกเข้าใจ ทว่าสิ่งที่ได้รับไม่เพียงแต่จะเป็ความเข้าใจแล้ว แต่ยังเป็คำขอบคุณอีกด้วย นี่เรียกได้ว่าความปรารถนาดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่นางได้รับนับั้แ่ที่มาถึงดินแดนแห่งนี้!
นางคิดอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
แต่หลินฟูเหรินผู้เฒ่าที่ลังเลอยู่นานก็ได้เอ่ยถึงคำพูดที่เก็บซ่อนไว้อยู่ภายในใจออกมา “นังหนู วันนั้นที่ค่ายทหารเป็ข้าที่เสียมารยาท เ้าไม่มีสัญญาหมั้นหมายกับตระกูลฉีแล้ว ข้า…ข้าดีใจแทนเ้าจริงๆ ! ตอนแรกข้าคิดว่าอี้เฟย ครอบครัวของเราจะโชคดีกว่าเ้าเด็กฉีอวี้ แต่ปัจจุบันนี้…”
หลินฟูเหรินผู้เฒ่าพูดไปพูดมาก็สะอึกสะอื้นจนพูดไม่ออกแล้ว
กูเฟยเยี่ยนตกตะลึงเล็กน้อย
นางไม่รู้ว่าเื่ที่นางช่วยชีวิตทหารงานหุงหาอาหารในค่ายทหารตระกูลเฉิงในวันนั้นและได้รับคำสรรเสริญเยินยอจากเหล่าทหารทั้งค่ายจะทำให้หลินฟูเหรินผู้เฒ่าเปลี่ยนมุมมอง อีกทั้งนางไม่รู้ว่าเฉิงอี้เฟยมาพูดเื่ดีๆ ของนางกับหลินฟูเหรินผู้เฒ่าหลายต่อหลายครั้ง แม้แต่เมื่อคืนวานนี้ที่เขากลับมาจากพระราชวัง ทั้งๆ เขาอ่อนเพลียไม่ไหวแล้ว ทว่าก็ยังฝืนดึงหลินฟูเหรินผู้เฒ่ามาฟังคำบรรยายว่าท่าทางที่นางยกเหยือกสุรามาดื่มนั้นงดงามเพียงใด!
มารดาที่รักบุตรชายอย่างแท้จริงจะต้องรักทุกสิ่งทุกอย่างของเขาและรักคนที่เขารัก หลินฟูเหรินผู้เฒ่าก็คือมารดาเช่นนี้
กูเฟยเยี่ยนมองหลินฟูเหรินผู้เฒ่าที่สะอึกสะอื้นไม่หยุด คำพูดที่นางอยากจะพูดออกมาถึงกับต้องเก็บกลับเข้าไป กูเฟยเยี่ยนเอ่ยด้วยความจริงจังว่า “ฟูเหรินผู้เฒ่า เื่นี้เกี่ยวข้องกับตัวข้ากูเฟยเยี่ยน ข้ากูเฟยเยี่ยนจะรับผิดชอบจนถึงที่สุด! หากเฉิงอี้เฟยฟื้นขึ้นมาโปรดบอกเขาว่าข้าไม่ได้ยอมแพ้และไม่อนุญาตให้เขายอมแพ้และดูถูกตนเองเช่นกัน! ”
เมื่อผู้อื่นมีเจตนาร้ายต่อนาง นางก็จะเอาคืนให้ถึงที่สุด เมื่อผู้อื่นดีต่อนาง นางก็จะตอบแทนด้วยความจริงใจ
นางพูดจบแล้วก็หันหลังเดินออกไป
ซูไท่อีรีบพูดขึ้นมา “แพทย์หญิงกู เหล่าฟูไม่ได้หลอกเ้า เหตุใดเ้าถึงต้องทำเช่นนี้? ”
“ซูไท่อี ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อท่าน เพียงแต่ข้าเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าบนโลกมนุษย์ใบนี้ตราบใดที่มีสิ่งเ่าั้อยู่มันก็จะหาพบอย่างแน่นอน! ”
กูเฟยเยี่ยนหันมามองแล้วยิ้มเล็กน้อย ภายในดวงตาประหนึ่งว่ามีดาวดวงน้อยระยิบระยับอยู่ “ข้ายังมีระยะเวลาหนึ่งเดือนไม่ใช่หรือ? ” นางพูดจบก็ก้าวเดินออกไป
นอกจากซูไท่อีกแล้ว คนภายในห้องล้วนไม่มีใครเข้าใจว่านางหมายความว่าอย่างไร แต่ก็ฟังออกว่าขาของเฉิงอี้เฟยมีความหวัง
หลินฟูเหรินผู้เฒ่าเกิดความร้อนรน “ซูไท่อี นังหนูคนนี้… นังหนูคนนี้พูดอะไรกัน? ”
ซูไท่อีจึงได้อธิบายถึงเื่ราวของแพทย์ยาที่ซ่อนเร้น
หลินฟูเหรินผู้เฒ่าไม่กล้าที่จะเชื่อแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเพ้อฝัน นางไม่รู้ว่าจะพูดอะไรจึงได้นั่งลงแล้วดึงมือของบุตรชายมาจับไว้แน่น
เดิมทีจวินฮั่นหยิ่นอึดอัดจนแทบจะอยู่ต่อไม่ไหวแล้ว แต่เมื่อได้ยินเช่นนี้เขาก็รีบหาทางลงให้กับตนเอง เขากล่าวอย่างจริงจังว่า “ฟูเหรินผู้เฒ่า หลายปีมานี้ข้าท่องเที่ยวอยู่ด้านนอก รู้เส้นทางมากมายและรู้จักเพื่อนฝูงจำนวนไม่น้อย ข้าจะไปสืบข่าวเดี๋ยวนี้ อี้เฟยเกิดเื่ในวันงานเลี้ยงเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดของข้า เื่นี้ข้ามีส่วนที่ต้องรับผิดชอบด้วยเช่นกัน! ”
หลินฟูเหรินผู้เฒ่าไม่พอใจต่อการแสดงออกของจวินฮั่นหยิ่นในงานเลี้ยงเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดมาตั้งนานแล้ว ทว่านางเก็บซ่อนไว้ในใจแล้วเอ่ยขอบคุณโดยที่ไม่พูดอะไรมากนัก
เฉิงอี้เฟยยังไม่ฟื้น ซูไท่อีกับใต้เท้าหนานกงจึงไม่กล้ากลับไป พวกเขาตัดสินใจเฝ้าดูแลอยู่ที่นี่ ทันทีที่จวินฮั่นหยิ่นจากไป เหมยกงกงก็ได้กล่าวลาเช่นกัน
ทางด้านของกูเฟยเยี่ยนนั้นทันทีที่ออกจากจวนตระกูลเฉิงก็กลับมาที่จิ้งหวางฝู่ทันที นางเชื่อคำพูดของซูไท่อีจึงไม่ได้ไปสอบถามจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย นางรีบกลับมาเพราะ้าเขียนจดหมายถึงหัวหน้าาุโแห่งหุบเขาเสินหนง…