ถ้าเปลี่ยนเป็เมื่อก่อน นางต้องวิ่งพรวดเข้ามาโดยตรงแน่ๆ
แต่ตอนนี้เพียงกล้ายืนทักทายที่นอกประตูเท่านั้น ท้ายที่สุดยังถูกซูเฟยซื่อสยบไว้แล้ว
“คุณหนู นางมาที่นี่ได้อย่างไร?”ซางจื่อกระซิบถาม
ซูเฟยซื่อส่ายหน้า “ไป ออกไปดูข้างนอก”
เมื่อนางเดินออกประตูไป เพียงเห็นซูจิ้งเถียนกำลังถูกนางแซ่หลี่พยุงอยู่ในลานทั่วหน้ายิ้มอายๆ “เถียนเอ๋อร์น้อมคารวะพี่สาม ไม่ได้รบกวนพี่สามนะเ้าคะ?"
เผชิญหน้ากับซูจิ้งเถียนที่ได้รับาเ็รอบหนึ่งจนอารมณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงแล้วซูเฟยซื่อเพียงรู้สึกทั่วร่างไม่ค่อยสบายนัก
มักรู้สึกว่าปลอมมากเกินไป!
แต่นางยังฉีกมุมปากยิ้ม “เฟยซื่อน้อมพบแม่ใหญ่เท้าที่ได้รับาเ็ของน้องสี่หายดีหรือยังเ้าคะ?วันนี้จะไปเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองที่พระราชวังด้วยกันหรือเ้าคะ?”
สีสันบนใบหน้าของซูจิ้งเถียนสลดลง เปลี่ยนเป็ยามปกติถูกซูเฟยซื่อแทงใจดำแบบนี้นางต้องะเิแน่ๆ แต่ตอนนี้กลับได้แต่ยิ้มแห้งๆ สั่นศีรษะ “ยังไม่หายดีทั้งหมดเ้าค่ะแต่ท่านแม่บอกว่าวันนี้พี่รองจะเข้าวังด้วย นานแล้วไม่พบพี่ใหญ่กับพี่รองคิดถึงพวกเขายิ่งนัก อีกทั้งเข้าวังต้องนั่งรถม้า พอถึงวังแล้วต้องนั่งในงานเลี้ยงฉลองอีกได้แต่ขอให้ท่านแม่พาข้าไปด้วยแล้วเ้าค่ะ”
าเ็ครั้งนี้ ดีกว่าซูจิ้งเถียนใช้ชีวิตมาหลายปียังได้เรียนรู้ที่จะอดทน
แต่คนที่เข้าใจอดทน จึงเป็คนที่น่ากลัวที่สุด
ประกายแสงในดวงตาซูเฟยซื่อกะพริบทันที “ในเมื่อเป็เช่นนี้น้องสี่ต้องระวังตัวแล้ว”
นางแซ่หลี่มองไปที่เสื้อผ้าบนร่างของซูเฟยซื่อแล้วคราหนึ่งพลันดวงตาทั้งคู่ก็หรี่กลายเป็พระจันทร์เสี้ยวแล้ว“ข้าก็ว่าเ้าสวมใส่เสื้อผ้าชุดนี้ต้องดูดีแน่ๆ งดงามราวกับนางฟ้าลงมาจุติ”
“แม่ใหญ่ชมเกินไปแล้วจริงๆ ร่างบอบบางดั่งหลิวบางของข้านี้ไหนเลยจะเทียบกับพี่ใหญ่ได้เ้าคะ”กล่าวจบ ซูเฟยซื่อมองซูจิ้งเถียนอีกครั้ง “ยังมีน้องสี่ ข้ารออาการาเ็ที่เท้าของน้องสี่หายแล้วร่ายรำคราหนึ่งก็สะท้านเมืองหลวงแล้วเ้าค่ะ”
ได้ยินคำพูดนี้ หน้าของซูจิ้งเถียนแข็งทื่อทันทีอย่างช่วยไม่ได้กัดริมฝีปากล่างไว้แน่น ราวกับทั่วร่างกำลังสั่นเทิ้มขึ้นมาแล้ว
อาการาเ็ที่เท้าของนางไม่ดีแล้วนางไม่สามารถร่ายรำได้อีกต่อไปแล้ว...
ซูเฟยซื่อจงใจกระตุ้นซูจิ้งเถียน คิดอยากเห็นปฏิกิริยาที่แท้จริงของนางว่าเป็อย่างไรตอนนี้ได้เห็นแล้ว ในใจอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเ็า
หลี่ชิ่งเหยียนร้ายกาจจริงๆในเวลาอันสั้นสามารถฝึกซูจิ้งเถียนกลายเป็แบบนี้ได้
สันดอนขุดได้ สันดานขุดไม่ได้ ซูจิ้งเถียนก็เป็ซูจิ้งเถียนได้พบการกระตุ้นก็จะเผยออกมา
นางแซ่หลี่รีบขัดจังหวะการสนทนาของพวกนางเมื่อนางเห็นซูจิ้งเถียนเกือบจะแบกรับไม่ไหวแล้ว“รถม้าได้รออยู่นอกประตูแล้ว เรารีบไปเถิด อย่าได้เสียเวลาเลย”
ขบวนรถม้ามาถึงประตูวังอย่างรวดเร็ว
ซางจื่อเปิดม่านรถออก พยุงซูเฟยซื่อลงมา
เพียงเห็นหน้าประตูวังมีรถม้าที่หรูหราหลากสีสันจอดเต็มไปหมดเห็นได้ชัดว่าต่างมาเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองวันสมภพของพระสนมหวิน
การต่อสู้คราวนี้ เกือบสามารถให้ซูจิ้งโหยวโกรธตายได้
นอกจากนี้ญาติฝ่ายหญิงของแต่ละตระกูลยากที่จะมีโอกาสเข้าวังไหนเลยจะไม่กุมโอกาสดีๆ ไว้อีกเล่า
ตามองไปข้างหน้า หญิงสาวที่มาต่างผ่านการแต่งตัวอย่างพิถีพิถันบ้างมีเสน่ห์เย้ายวน บ้างบริสุทธิ์ บ้างสูงส่งเรียบง่าย
ในใจซูเฟยซื่ออดหัวเราะอย่างเ็าไม่ได้ ท้ายที่สุดในพระราชวังนี้ดีกว่าหอนางโลมที่ไหนกัน
หอนางโลมอาจจะยังสะอาดกว่า อย่างน้อยมือก็ไม่ต้องเปื้อนเื
พระสนมหวินก็ช่างมั่นใจในตนเองเหลือเกินจริงๆ ชวนนกไนติงเกลและนกนางแอ่นมามากมายขนาดนั้นกลัวก็แต่ว่าในตอนสุดท้ายคนที่เกิดความเสียใจในภายหลังจะเป็นางเอง
คิดจบ กำลังจะถอนสายตาคืน จู่ๆกวาดไปเห็นฉากที่น่าสนใจมากแล้วฉากหนึ่ง
เพียงเห็นซูจิ้งเถียนกำลังส่งสายตากับผู้หญิงอีกคนผู้หญิงคนนี้ซูเฟยซื่อจำได้ลางๆ น่าจะเป็หลี่ิ่เอ๋อร์คุณหนูครอบครัวทางมารดาของนางแซ่หลี่
วันนั้นนางแซ่หลี่จัดงานเลี้ยงฉลองให้หลี่ฉีหลี่ิ่เอ๋อร์ก็ตามคนของตระกูลหลี่มาด้วย
ตามเหตุผล หลี่ิ่เอ๋อร์เป็ญาติพี่สาวของซูจิ้งเถียนไม่ควรฟังคำสั่งของซูจิ้งเถียน
แต่หลังจากนางแซ่หลี่ได้สมรสเข้าจวนอัครมหาเสนาบดีก็ได้ขยับฐานะของนางในครอบครัวทางฝ่ายมารดานางสูงขึ้น ซูจิ้งเถียนเป็ลูกสาวแท้ๆ ของนางตำแหน่งย่อมสูงกว่าคุณหนูของตระกูลหลี่หลายส่วน
บวกกับหลี่ชิ่งเหยียนเพื่อนางแซ่หลี่กับซูจิ้งโหยวยอมเสียสละแม้แต่หลานแท้ๆของตัวเอง หลี่ิ่เอ๋อร์เป็เพียงหลานสาวแท้ๆ ของนาง ไหนจะกล้าไม่เชื่อฟังซูจิ้งเถียนอีก
ซูเฟยซื่อเห็นแบบนี้รีบขมวดคิ้วทันทีดูไปแล้วบทเรียนของซูจิ้งเถียนยังไม่ลึกซึ้งพอ ิัคันอีกแล้ว
หลี่ิ่เอ๋อร์ได้รับคำสั่งจากซูจิ้งเถียนแล้วรีบเดินไปหาผู้หญิงอีกคนที่ดูเหมือนอวดดีมาก ยังแกล้งกล่าวชื่นชมด้วยความประหลาดใจว่า“ว้าว กระโปรงชุดนี้ของคุณหนูหลัวช่างน่าดูจริงๆ เป็ชุดที่ทำมาจากไหนเ้าคะ?”
คุณหนูหลัว? หรือว่าเป็หลัวฉีลี่ลูกสาวของมหาเสนาหลัว!
ซูเฟยซื่อมองไปอย่างสงสัย มองคราวนี้อดไม่ได้ที่จะตะลึงลานไปแล้ว มุมปากยกยิ้มอย่างเยาะเย้ย
ที่แท้เป็เช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจที่ซูจิ้งเถียนให้หลี่ิ่เอ๋อร์ไปชมชุดกระโปรงของหลัวฉีลี่ว่าดูดีเป็พิเศษเพราะชุดกระโปรงที่หลัวฉีลี่สวมใส่เป็แบบเดียวกันกับนางราวกับพิมพ์เดียวกัน
แม้ว่าตำแหน่งมหาเสนาไม่มีอำนาจทางขุนนางที่แท้จริงแต่ยังเป็ขุนนางชั้นหนึ่งที่ต้องกราบไหว้
ลูกสาวของขุนนางใหญ่ชั้นหนึ่งย่อมยะโสกว่าคุณหนูตระกูลขุนนางทั่วไปเป็ปกติ ไหนเลยจะยอมทนให้คนอื่นใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกันกับนางทั้งยังอยู่ในงานเลี้ยงฉลองแบบนี้
ตลอดที่ผ่านมาหลัวฉีลี่พาลเกเรถึงเวลาต้องมาหาเื่ฟื้นฝอยหาตะเข็บ ซูจิ้งเถียนยังหาศัตรูให้นางได้จริงๆ
เพียงแต่ ซูจิ้งเถียนจัดการแสดงคราวนี้แน่ใจได้อย่างไรว่าหลัวฉีลี่ต้องใส่ชุดกระโปรงแบบเดียวกันกับนาง?
ลำพังอาศัยนางแซ่หลี่ส่งชุดกระโปรงให้นางยังสามารถมั่นใจเพียงฝ่ายเดียวว่านางต้องใส่ด้วย
แล้วหลัวฉีลี่ล่ะ? หรือว่าแม้แต่เสื้อกระโปรงของหลัวฉีลี่ก็เป็นางแซ่หลี่ส่งให้ด้วย?
ไม่ เป็ไปไม่ได้ ถ้าเป็เช่นนั้น หลัวฉีลี่พบว่ามีคนใส่เสื้อผ้าชุดแบบเดียวกันกับนางคนนี้ยังเป็คุณหนูของจวนอัครมหาเสนาบดี ต้องคิดว่านางแซ่หลี่จงใจหลอกนางแน่ๆ
เมื่อเวลามาถึงคนที่ต้องถูกกล่าวโทษก็เป็นางแซ่หลี่แล้ว
นางแซ่หลี่ต้องไม่ทำเื่ยกก้อนหินขึ้นทุ่มเท้าตนเองแบบนี้เด็ดขาด
แต่ทำไม? หรือว่าทุกอย่างต่างเป็เื่บังเอิญหรือ?
ไม่รอให้ซูเฟยซื่อได้คิดมากหลัวฉีลี่หัวเราะอย่างภาคภูมิใจขึ้นมาแล้ว“ไม่คิดว่าลูกสาวของขุนนางระดับขั้นสามอย่างเ้านี้ ตายังพอมีแววบ้างนี่เป็ผลิตภัณฑ์ที่มาจากร้านจิ่งซิ้ว ทั่วทั้งเมืองหลวงมีเพียงชุดนี้ชุดเดียวเ้าดูได้ แต่อย่าแตะต้องให้สกปรก”
คำพูดแสบคม น้ำเสียงยิ่งเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
หลี่ิ่เอ๋อร์ถูกถากถางให้ได้อายท่ามกลางฝูงชนแบบนี้อดไม่ได้ที่จะโกรธจนหน้าซีดขาวไปหมดแล้ว แต่กัดริมฝีปากล่างไว้ไม่กล้าโต้แย้ง
ทั้งนี้หลัวฉีลี่กล่าวได้ถูกต้องแม้ว่าเ้าบ้านตระกูลหลี่เป็อดีตอัครมหาเสนาบดีแต่หลี่หยงพ่อของนางเพียงคลุกคลีจนได้เป็ซื่อจงขุนนางขั้นสามคนหนึ่งเท่านั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้นางอับอายจริงๆ
ซูจิ้งเถียนเห็นแบบนี้รีบก้าวไปข้างหน้า เท้าของนางยังไม่หายดีแม้ว่านางพยายามที่จะควบคุมตัวเองอยากให้ดูเหมือนคนปกติทั่วไปแต่ดูอย่างถี่ถ้วนยังแปลกๆ อยู่บ้าง
นางแกล้งทำเป็มองดูหลัวฉีลี่ขึ้นๆ ลงๆอย่างชื่นชมแล้วรอบหนึ่ง นี่จึงจุ๊ปาก “ชุดกระโปรงชุดนี้ของคุณหนูหลัวสวยสดใสมากจริงๆกระทั่งข้าดูแล้วยังใจเต้นไปหมด”
หลัวฉีลี่มองดูซูจิ้งเถียนอย่างดูถูกแล้วคราหนึ่ง
เื่ของซูจิ้งเถียนแพร่ไปทั่วเมืองหลวงอย่างดุเดือดทุกวันต่างได้ยินเสียงคนด่านาง
เหล่าญาติฝ่ายหญิงสาวของขุนนางยิ่งเอานางเป็กับแกล้มขบขันหลังอาหาร
ถ้าเป็ไปได้หลัวฉีลี่ไม่คิดสูญเสียภาพลักษณ์ของตนเองพูดคุยกับคนชนิดนี้จริงๆ
แต่ซูจิ้งเถียนแตกต่างจากหลี่ิ่เอ๋อร์นางเป็ลูกสาวของขุนนางใหญ่ระดับขั้นหนึ่ง
กล่าวอย่างเคร่งครัด ซูเต๋อเหยียนอัครมหาเสนาบดีคนนี้ยังมีอำนาจที่แท้จริงมากกว่ามหาเสนาหลัว
เปรียบเทียบครานี้ หลัวฉีลี่ต้องเก็บงำความภาคภูมิใจด้วยแล้ว“ที่แท้เป็คุณหนูสี่ของจวนอัครมหาเสนาบดี ถ้าเ้าชอบ รอข้ากลับบ้านก็ให้คนส่งชุดกระโปรงชุดนี้ไปให้"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้