เพียงไม่นานหลินเยว่ก็เบนสายตาไปยังทางด้านขวาของตนและมองกองดินเกาลินที่วางเรียงรายยาวเหยียดในใจของเขาคิดว่า หรือว่า... เขาจะลองไปดูความแตกต่างของดินเกาลินต่อ?
แต่แล้วเขาก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ให้กับตนเองเพราะสภาพของเขาในเวลานี้อ่อนล้าเกินไป เขาไม่สามารถใช้พลังพิเศษตาทิพย์หรือเข้าสู่สภาวะจิตสงบนิ่งได้อีกแล้วในวันนี้ถึงเขาอยากจะทำแต่พลังกายพลังจิตของเขามันไม่อำนวยเลย
คงต้องปล่อยไปก่อน หากต่อไปมีเวลาค่อยว่ากันใหม่
เขาต้องจำความแตกต่างของหินพอร์ซเลนให้แม่นเสียก่อน
หลินเยว่หลับตาทั้งสองข้างลงอีกครั้ง และค่อยๆฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจของตนเอง ในขณะเดียวกันเขาก็ทบทวนระดับความหนืดของหินพอร์ซเลนในความทรงจำอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรหลินเยว่รู้สึกว่าเขาฟื้นฟูพลังได้มากพอสมควร ดังนั้น เขาจึงค่อยๆจับผนังแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
และเวลานี้เองพลันมีเสียงที่ไร้อารมณ์ความรู้สึกดังขึ้นมา
“คุณคือลูกศิษย์ของเฮ่อฉางเหอ?”
เมื่อหลินเยว่ได้ยินประโยคนี้จึงนิ่งงันไปชั่วครู่แล้วจึงเงยศีรษะขึ้นมาดู เขาพบว่าเป็ชายชรารูปร่างผอมที่สวมชุดที่ตัดเย็บอย่างพิถีพิถันคนหนึ่งถึงแม้ว่าจะดูผอมบาง แต่กลับทำให้เขาดูเฉลียวฉลาดมากยิ่งขึ้น
ชายชราผู้นี้กำลังกวาดตาสำรวจหลินเยว่อยู่
ข้างกายของเขามีเด็กหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับหลินเยว่ติดตามเขาอยู่อีกคนเด็กหนุ่มผู้นี้มีหน้าตาดีทีเดียว แต่สายตากลับดูเย่อหยิ่งเ็า
เมื่อเห็นเด็กหนุ่มคนนี้หลินเยว่จึงคิดถึงเฮ่อโย่วจ้าง เพียงแต่ว่าเด็กหนุ่มคนนี้กลับทำตัวยิ่งผยองยิ่งกว่าเฮ่อโย่วจ้างเสียอีกอีกทั้งสายตาของเขายังมีความดูถูกคนอื่นแฝงอยู่ ทำให้คนที่เห็นรู้สึกไม่ชอบใจ
“ใช่ครับ ท่านเฮ่อฉางเหอเป็อาจารย์ของผมขอสอบถามว่าคุณคือ?”
หลินเยว่ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนไม่รู้ว่าเป็เพราะเหตุใดเขาถึงรู้สึกว่าคนเบื้องหน้าทั้งสองคนนี้มีเจตนาไม่ค่อยดี
“คุณยังไม่คู่ควรที่จะรู้จักชื่อของฉัน”
เมื่อได้ยินหลินเยว่ยอมรับผู้าุโกว่าพลันมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นทันที สายตาของเขาเต็มไปด้วยความประสงค์ร้ายน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์ความรู้สึกในตอนแรกกลับเพิ่มความดุร้ายขึ้นมาบางส่วน
เด็กหนุ่มคนนี้ก็กวาดตามองหลินเยว่เช่นกันสายตาของเขาก็มีประกายความดูถูกมากยิ่งขึ้น
เมื่อหลินเยว่ได้ยินประโยคนี้เขาจึงขมวดคิ้วทันที และมองบุคคลทั้งสองที่อยู่เบื้องหน้าเขาด้วยสายตาเ็า
“ดูท่า...หลายปีมานี้เฮ่อฉางเหอคงนับวันยิ่งแย่ลง เพราะเขากลับรับคนอย่างคุณเป็ลูกศิษย์ ดูจากสถานการณ์นี้...การทดสอบการพิสูจน์เครื่องเคลือบในครั้งนี้ เขาต้องเป็คนขายขี้หน้าจริงๆฮ่าๆ......”
ขณะที่ชายชราพูด เขาก็หัวเราะขึ้นมาเสียงหัวเราะไม่ได้ก้องกังวานแต่กลับมีความเกรี้ยวกราดทำให้ผู้ที่ฟังรู้สึกขนลุกขนพอง
เมื่อหลินเยว่ได้ยิน เขาก็มีสีหน้าเคร่งขรึมไปชั่วขณะแล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น “ท่านผู้าุโครับ คุณจะว่าอะไรผมก็ได้ทั้งนั้นแต่คุณอย่ามาดูถูกอาจารย์ของผม”
“อาจารย์ของคุณ? ดูท่าตาแก่เฮ่อฉางเหอยังหาลูกศิษย์ที่ดีได้อยู่แต่ว่าก็ยังเป็พวกสมองทื่อๆ อยู่เหมือนเดิม”
ชายชรามองหลินเยว่ด้วยสายตาเรียบเย็น ในขณะเดียวกันสายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความดูถูก
หลินเยว่พลันก้าวเท้าไปยังด้านหน้าหนึ่งก้าวทันทีแล้วสบตาตรงๆ กับชายชราผู้นี้ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเ็ายิ่งขึ้น“ท่านผู้าุโ ผมเคารพคุณเพราะคุณเป็ผู้าุโ แต่ขอความกรุณาอย่าพูดจาดูถูกอาจารย์ของผมอีกหากคุณยังพูดแบบนี้ไม่เลิก ผมก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ ถึงตอนนั้นก็อย่ามาโทษกัน”
“ไม่เกรงใจ? หรือว่าคุณจะใช้กำลัง?คุณก็เหมือนกับไอ้แก่คนนั้นตอนเด็กๆ จริงๆ ด้วย”
ชายชราไม่ได้สนใจกับคำพูดที่หลินเยว่พูดเตือนแต่กลับใช้น้ำเสียงดูถูกหลินเยว่ยิ่งกว่าเดิม
“คุณ......”
หลินเยว่สาวเท้าไปด้านหน้าขึ้นอีกก้าวชายชราผู้นี้ได้ทำตัวเกินขีดจำกัดที่หลินเยว่จะรับได้การเคารพผู้าุโก็จำเป็จะต้องดูว่าอีกฝ่ายเป็อย่างไรเหมือนกัน ส่วนคนที่ไม่น่าเคารพอย่างบุคคลตรงหน้าเขาก็ไม่จำเป็ต้องเคารพหรอก
ชายชราผู้นี้ได้ทำตัวยั่วโมโหจนถึงขีดจำกัดที่เขารับได้อยู่หลายครั้งถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าอาจารย์ของตนเองกับชายชราเบื้องหน้านี้มีความขัดแย้งอะไรกันแต่ทว่าชายชราผู้นี้กลับดูถูกอาจารย์ของเขาแบบนี้หลายครั้ง ไม่ว่าอย่างไรหลินเยว่ก็ไม่มีทางวางเฉยได้แน่ๆ
“พวกกักขฬะ ไร้มารยาท!”
และเวลานี้เอง เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆก็สบถในลำคออย่างหยิ่งยโส แล้วมองหลินเยว่ด้วยสายตาดูถูก สายตาเช่นนี้คล้ายกับสายตาของคนเมืองที่ดูถูกคนบ้านนอกว่าไม่เคยเปิดโลกทัศน์ทีเดียว
หลินเยว่กำหมัดตนเองไว้แน่น เขาพยายามพูดเตือนสติตนเองว่าให้อดทนไว้ที่นี่ไม่ใช่คุนิ อีกทั้งหากเขาลงมือแล้วอาจจะส่งผลร้ายกับอาจารย์ของเขาอีกด้วย แต่ทว่าหากเขาไม่ลงมือ เขาก็รู้สึกว่าเขาได้ทำผิดต่ออาจารย์ของเขามากยิ่งกว่า
มีคนกล้าดูถูกอาจารย์ของเขา เหตุการณ์เช่นนี้จะให้เขาอดทนได้อย่างไร!!!
“คุณว่าอะไรนะ?”
หลินเยว่จ้องตรงๆไปยังเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันคนนั้น
“พวกกักขฬะ......”
เด็กหนุ่มจ้องหลินเยว่อยู่ชั่วครู่ก่อนหลังจากนั้นจึงหลุดคำนี้ออกมาอย่างช้าๆ
“ผลัวะ......”
หลินเยว่ซัดตรงปลายคางของอีกฝ่ายทันที
“อ๊ากกกก......”
เด็กหนุ่มร้องโอดโอยอย่างเ็ปและล้มลงไปกองอยู่กับพื้น
“บ้าเอ๊ย บอกให้พูด คุณยังกล้าพูดจริงๆ อีก!”
หลินเยว่ก็ไม่ได้หยุดลงมือแต่อย่างใด เขาเดินตรงเข้าไปหาอีกฝ่ายแล้วยกเท้าเตะเด็กหนุ่มแรงๆ อีกหลายที
“คุณ......คุณ......”
ชายชราโกรธจัดจนพูดอะไรไม่ออก ร่างกายสั่นสะท้าน เขาทำได้เพียงชี้หน้าหลินเยว่ที่กำลังโกรธจัดเช่นกัน
“คุณ......ต่อยคนอื่นได้ยังไง!”
“ต่อยคนอื่น?”
หลินเยว่ยิ้มเยาะแล้วพูดประชดอีกฝ่ายออกมา “มาถามผมว่าทำไมถึงต่อยคนอื่นเนี่ยนะตอนที่คุณดูถูกอาจารย์ของผม คุณก็ควรจะรู้ตัวได้แล้ว ผมเคารพคุณเพราะเห็นว่าคุณเป็ผู้าุโก็เลยไม่ได้ทำอะไรคุณ แต่ว่าไอ้หนุ่มนี่เอาแต่งึมๆ งำๆ ผมได้ยินก็รู้สึกรำคาญ อ้อ แล้วผมไม่ได้แค่ต่อยเท่านั้นผมยังเตะอีกด้วย!”
ขณะที่พูด หลินเยว่ก็เตะเด็กหนุ่มที่นอนครางอยู่บนพื้นอย่างแรงอีกครั้ง
เมื่อลงมือต่อยคนอื่นไปแล้วหลินเยว่จึงไม่ได้รู้สึกกังวลว่าจะเป็การก่อเื่ให้กับอาจารย์ของตนอีกต่อไป เพราะถึงขั้นลงมือต่อยคนอื่นแบบนี้แล้วยังต้องสนใจอะไรอีกล่ะ
“ฉันจะแจ้งจำตรวจ ฉันจะหาคนมาลากตัวคุณเข้าคุก!”
ชายชราโกรธจัด เขาพยุงเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้นมาจากพื้นแล้วพูดตะคอกใส่หน้าหลินเยว่
“เชิญตามสบาย”
หลินเยว่ไม่ได้สนใจเลย ก็แค่ต่อยคนไม่ใช่หรอ?ชดใช้ด้วยเงินก็จบเื่แล้วล่ะ หากไม่ได้กลัวว่าถ้าทำให้อีกฝ่ายถึงกับพิการแล้วจะทำให้อาจารย์ของเขาต้องเสียชื่อเสียงไปด้วยเขาก็จะเล่นงานอีกฝ่ายให้าเ็หนักๆ สักที
บ้าเอ๊ย กล้าดูถูกอาจารย์ของเขา หาเื่ตายชัดๆ!
มุมปากของเด็กหนุ่มที่ถูกชายชราพยุงขึ้นมาก็มีรอยเือยู่และใบหน้าข้างหนึ่งก็เริ่มบวมขึ้น ความหล่อเหลาในตอนแรกก็ถูกทำลายไปจนหมดสิ้น
“แกกล้าต่อยฉัน!!!”
เด็กหนุ่มตะคอกใส่หน้าหลินเยว่สุดกำลังมือข้างหนึ่งกุมใบหน้าบวมๆ ของตนเอง ส่วนมืออีกข้างก็ชี้หน้าหลินเยว่
หลินเยว่พูดตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “นอกจากจะต่อยแล้วผมยังเตะคุณอีกหลายครั้งด้วยนะ”
“แก......”
เด็กหนุ่มตะคอกขึ้นมาอีกครั้ง แล้วดิ้นหลุดจากการพยุงของชายชราแล้วพุ่งตัวโผเข้าหาหลินเยว่
ท่าจับกุมหักข้อมือหงายกลับที่หลินเยว่ฝึกมาตอนอยู่ชั้นมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ฝึกมาเปล่าๆเพราะขณะที่เขาคว้าข้อมือของอีกฝ่ายไว้ ขาของเขาก็ขัดจนทำให้อีกฝ่ายเสียหลักหลังจากนั้นจึงจับอีกฝ่ายทุ่มอย่างแรงทันที
“โครม!......”
ร่างกายของเด็กหนุ่มจึงได้ัักับพื้นอย่างแนบชิดและทำให้ชั้น 2 เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นทันที
และครั้งนี้ก็เป็การทุ่มจนให้อีกฝ่ายมึนงงเขาล้มลงกับพื้นแล้วจึงได้แต่บิดตัวกลิ้งไปมา
เสียงครางดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ เสียงครางกลับดังกว่าครั้งแรกเสียอีก
“เฉียนโจว เฉียนโจว คุณเป็อย่างไรบ้าง?”
ชายชรารีบวิ่งไปหาเด็กหนุ่มที่ยังกองอยู่กับพื้นแล้วนั่งยองๆะโถามอีกฝ่าย
“เจ็บ......เจ็บ......”
เด็กหนุ่มยังนอนเจ็บอยู่บนพื้นเหมือนเดิม
เมื่อหลินเยว่ที่ยืนอยู่ด้านข้างได้ยินเสียงร้องครางของอีกฝ่ายจึงคิดสบประมาทอีกฝ่ายอยู่ในใจ โตขนาดนี้แล้ว าเ็แค่นี้ก็ยังสำออยหนักขนาดนี้อีกแล้วยังอ้อนผู้ใหญ่ด้วยนะ
ชายชราได้ยินเช่นนี้จึงรีบสำรวจร่างกายของเด็กหนุ่มอย่างร้อนใจแต่ทว่าเขาก็ไม่ได้เห็นว่ามีส่วนไหนได้รับาเ็
นี่คืออะไรกันแน่ ชายชรารีบเงยศีรษะขึ้นมาทันทีเขาใช้ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นจ้องมองหลินเยว่นิ่ง แล้วพูดอย่างเกรี้ยวกราด“ฉันไม่มีทางปล่อยคุณไปง่ายๆ หรอกนะ แล้วก็ไม่มีทางปล่อยอาจารย์ของคุณไปด้วยพวกคุณอาจารย์ลูกศิษย์ทั้งสองคอยดูละกัน!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้