"นี่เ้ากำลังจะบอกว่าข้าทำให้เ้า เสียเวลางั้นรึ" เทรเลอร์ถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ นี่เขาลงทุนมาหาถึงที่นี่แต่กลับพูดถึงคนอื่นได้อย่างไรกัน มันจะหยามกันเกินไปแล้ว
"คราวที่แล้วก็มาลักพาตัวข้า วันนี้ยังจะบุกมาหาถึงที่ ใครเขาอยากจะไปคุยด้วย" เสียงทุ้มนุ่มตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉย เพราะในบรรดาที่รู้จักมานั้นมีคุณชายสวิต เทรเลอร์ที่นิสัยเสียที่สุดแล้ว ทำอะไรตามใจตัวเองตลอดเวลา ไม่สมกับเป็เชื้อพระวงศ์เลยสักนิดเดียว
"อย่างที่ไวท์พูดมา เ้ากลับไปได้แล้ว อย่ามาวุ่นวายที่นี่อีก" เสียงทุ่มต่ำบอกพลางมองด้วยสายตารำคาญ พวกเขาอยู่อย่างสงบสุขแล้วทำไมต้องมาทำอะไรให้มันวุ่นวายแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้
"ก็แค่กระจกแตก ไม่เห็นจะมีอะไรมากมาย ลองมาสู้กันหน่อยไหมพะยะค่ะ รัชทายาท"
"เห็นว่าไม่ค่อยมีเวลาได้ซ้อมเท่าไหร่ เพราะงานราชการล้นมือ เลยมาซ้อมตอนนี้หน่อยเป็ไง"
ก่อนที่ร่างของทั้งคู่จะเข้าปะทะกันก็มีมือคู่หนึ่งยื่นปากกากับไม้บรรทัดห้ามทัพไว้เสียก่อน ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็ไวท์นั่นเองที่รีบวิ่งเข้าไปขวางเอาไว้ นั่นหมายความว่าพลังของักับเทพเริ่มตื่นขึ้นมาทีละนิดแล้ว สังเกตได้จากความเร็วในการเคลื่อนไหวที่ไวผิดมนุษย์เช่นนี้ แวมไพร์ชั้นแนวหน้าทั้งสองคนต่างมองไปยังร่างสูงโปร่งที่เข้ามาห้ามด้วยความสงสัยว่าพลังที่พิเศษกว่าใครนั้นอาจจะค่อยๆ แทรกซึมมาทีละนิดแล้วก็ได้ แถมยังไม่มีใครเอาอุปกรณ์การเรียนมาห้ามแบบนี้หรอก ถ้าจะมีก็คงเป็คุณชายไวท์บุตรบุญธรรมแห่งตระกูลริคเท่านั้น
ถึงเขาจะดึงดันมาที่นี่ด้วยความเอาแต่ใจ แต่การได้มองใบหน้าหวานทำหน้าตาไม่พอใจกับทำให้รู้สึกชอบใจไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว ไม่เจอกันหลายวันไม่คิดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมากถึงขนาดนี้ ตอนที่เจอครั้งแรกเป็มนุษย์ที่ไม่เกรงกลัวแวมไพร์ หลังจากนั้นความจริงคือลูกักับเทพ แต่ยังโชว์ความสามารถแปลกประหลาดที่ไม่มีผู้ชายคนไหนในจักรวรรดิทำมาก่อน ยิ่งรู้จักยิ่งดึงดูดเข้าไปทุกที
สายตาของเทรเลอร์ที่มองไวท์กำลังเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ตอนแรกเหมือนจะรำคาญจนไม่อยากเข้าใกล้ แต่ในวันงานมีท่าทีเปลี่ยนไปทันทีเพราะความสามารถที่ได้เห็นในวันงาน ไหนจะความรีบร้อนอยากเจอวันนี้อีก มันช่างขัดกับความเ้าระเบียบของเ้าตัวมากทีเดียว ไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะทำให้แวมไพร์หลายคนเปลี่ยนไปมากถึงขนาดนี้
"ก่อนอื่นมาทำเื่ค่ากระจกกันก่อนดีกว่าต้องเสียเงินเท่าไหร่ คัสซัสช่วยพาคุณชายสวิตไปจัดการเื่นี้ที ข้าจะทำการบ้านต่อ"
"ขอรับ คุณชาย"
"เดี๋ยวก่อน! แล้วเมื่อไหร่ข้าจะได้เจอเ้าอีก" เทรเลอร์ยังไม่ยอมแพ้ที่จะเจอกับอีกฝ่ายถึงแม้จะถูกไล่ทางอ้อมก็ตามที
"ขอให้ทุกท่านไปพบท่านจักรพรรดิที่ห้องโถง ตอนนี้ด้วย" มีเทนบอกพลางนำทางไปยังพระราชวังหลวงและห้องที่ใช้สำหรับว่าราชการต่างๆ ไม่ว่าจะเื่อะไร จู่ๆ พระราชวังส่วนตัวของรัชทายาทก็ถูกบุกรุกแถมยังเป็ฝีมือของเชื้อพระวงศ์อีก ไม่มีอะไรจะไร้ซึ่งกฎระเบียบไปมากกว่านี้อีกแล้ว เละเทะกันไปหมดไม่ว่าจะนายหรือบ่าว
แอ๊ด!
"ถวายความเคารพ ท่านพ่อ"
"ถวายความเคารพ ท่านจักรพรรดิ" ทั้งสามประสานเสียงเรียกพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
"เมื่อกี้หนูไวท์เรียกผิดนะ! ไหนลองเรียกใหม่สิ ถวายความเคารพ ท่านพ่อ" จักรพรรดิบอกพลางทำปากให้อีกฝ่ายขยับคำพูดตามคำสั่งของตน สร้างความประหลาดใจให้กับบุตรชายคนโตของตระกูลสวิตมากนัก เพราะปกติแล้วจักรพรรดิเป็คนที่เข้มงวดมากแต่ทำไมถึงได้ใจดีกับเด็กคนนี้นัก
"พ... พะยะค่ะ ถวายความเคารพ ท่านพ่อ" เสียงทุ้มนุ่มพูดใหม่ด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ท่าทีเขินอายนั้นเป็ทีพอใจทั้งพ่อทั้งลูก สายตาที่ส่งผ่านกันทำให้รับรู้ได้ว่าต่างอยากให้เด็กคนนี้มาอยู่ในตระกูลของตนเอง
"ข้ามีเื่จะแจ้งกับทุกคน แต่รอให้มากันครบเสียก่อน ทุกคนนั่งที่ตามป้ายชื่อที่ข้าจัดเตรียมไว้ด้วย" แต่ละคนนั่งลงตามป้ายชื่อที่ได้วางกำกับเอาไว้ และบุคคลที่ถูกเชิญมาเพิ่มเติมนั้นได้แก่ เ้าชายฝาแฝดอย่างบีเลอ คลาสและบีเลอ ครอส บุตรชายคนโตจากตระกูลมาร์แชล บุตรชายคนโตจากตระกูลสวิต บุตรชายคนโตจากตระกูลฟรัง
"ถวายความเคารพ ท่านพ่อ"
"ถวายความเคารพ ท่านจักรพรรดิ"
"ไม่ต้องมากพิธี นั่งตามป้ายชื่อของพวกเ้าได้เลย"
"พะยะค่ะ ท่านพ่อ / พะยะค่ะ ท่านจักรพรรดิ"
"เนื่องจากพวกเ้าทั้งหมดมีความคุ้นเคยเกี่ยวกับเด็กคนนี้เป็อย่างดี ข้าเลยอยากจะให้ช่วยพาเด็กคนนี้ไปเปิดหูเปิดตาในดินแดนหรือสถานที่ของพวกเ้าที่ใช้ทำงานอยู่ในขณะนี้คนละหนึ่งสัปดาห์ หนูไวท์จะต้องบอกให้ได้ว่าแต่ละสถานที่ที่ไปพบเจอเป็ยังไง แต่ละคนทำงานอะไรกันบ้าง พอทำได้ไหม" น้ำเสียงอ่อนโยนที่ใช้ถามนั้นทำให้ทุกคนมองด้วยความสงสัย น้ำเสียงแบบนี้มันเหมือนจะให้ช่วยมากกว่าคำสั่งเสียอีก หมายความว่ายังไงกันแน่
"ได้พะยะค่ะ หม่อมฉันจะทำให้อย่างสุดความสามารถ" ไวท์ทำความเคารพในแบบจักรวรรดิอย่างตั้งใจเพื่อเป็สัญลักษณ์ให้รับรู้ว่าจะทำงานนี้อย่างดีที่สุด
"ไหนๆ ก็จะต้องเดินทางกันแล้ว รบกวนไปทำของหวานมาให้พ่อหน่อยได้ไหม"
"ได้พะยะค่ะ เดี๋ยวหม่อมฉันจะทำมาเผื่อทุกคนด้วย"
"ฝากด้วยนะ! หนูไวท์"
"พะยะค่ะ"
แกร๊ก!
"เอาล่ะ! ทีนี้ก็ถึงตาของพวกเ้าบ้างล่ะนะ รู้ใช่ไหมว่าสิ่งที่เห็นเมื่อกี้ข้าทำเพื่อเด็กคนนั้นแค่คนเดียว" ทุกคนรีบขานรับทันทีว่าใช่เพราะจักรพรรดิไม่เคยใจดีกับใครหากอยู่ต่อหน้างานที่รักแม้แต่ครั้งเดียว หมายความว่าเด็กคนนี้ได้รับความโปรดปรานมากพอสมควร คราวนี้น่าจะเป็เื่งานที่จริงจังขึ้นมาแล้วล่ะ
"ข้าสืบมาว่าพวกเ้าทั้งหมดมีใจให้กับหนูไวท์ แต่ก็ยังไม่มีใครอยู่ในใจของเด็กคนนั้นเลยแม้แต่กับรัชทายาท ข้าเลยจะให้โอกาสพวกเ้าทุกคน"
"ว่าไงนะ! " ทุกคนร้องอุทานให้กับความคิดเห็นของจักรพรรดิ พระองค์กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ถึงได้ตัดสินใจเช่นนี้
"ท่านพ่อ! เืของกระรอกน้อยเป็ภัยกับแวมไพร์ทุกคนในจักรวรรดิ หากทำเช่นนี้อาจจะเกิดอันตรายกับเขาได้" รัชทายาทรีบแย้งด้วยความร้อนรน ถึงจะมีสร้อยปกปิดกลิ่นแล้วก็ตามที แต่ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดอันตรายขึ้นกับอีกฝ่าย กลิ่นเืที่หอมหวานเช่นนี้หากได้ลิ้มลองด้วยแวมไพร์ชั้นต่ำ...พวกมันจะต้องไม่ดื่มจนหยดสุดท้ายเพื่อเพิ่มพลังให้ตนเองสู้กับแวมไพร์ชั้นสูงอย่างแน่นอน
"ใช่พะยะค่ะ! ถึงหม่อมฉันจะเจอคุณชายไวท์ได้ไม่นาน แต่ระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันหากไม่ฝึกฝนอย่างดีก็อยากจะจู่โจมดื่มเืจากคอสวยๆ นั่นเหมือนกัน" มาร์แชลบอกในสิ่งที่ตนเองคิดออกไป ขนาดเขาที่รับการฝึกมาอย่างดียังมีความกระหายขนาดนี้ แล้วแวมไพร์ตนอื่นล่ะ! จะทนได้อย่างไร
"ข้าจะทำให้เด็กคนนั้นมาตกอยู่ในตระกูลข้าให้จงได้ ขอบพระทัยสำหรับน้ำใจที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์พะยะค่ะ" เทรเลอร์บอกพลางทำความเคารพด้วยความเต็มใจมากกว่าทุกครั้ง ในเมื่อมีข้อเสนอที่ดีมาถึงที่แล้ว ใครจะปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปล่ะ! ไม่มีทางซะหรอก
