“อะไรนะ… นี่รินน์พูดจริงใช่ไหม”
แทนไทใกับการตัดสินใจของภรรยา
“ค่ะ… พี่แทนจะได้ไปเรียนต่อให้สบายใจ… ”
ระรินน์พูดจริง…
ทุกวันนี้หล่อนทำอาชีพอิสระ ไม่ได้ทำงานเป็มนุษย์เงินเดือนจึงไม่ต้องยึดติดอยู่กับวันเวลา ตลอดระยะเวลาสองปีภายหลังลาออกจากอาชีพพยาบาลที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อมาทำงานเป็นักเขียนนิยายที่ตัวเองรัก ระรินน์มีรายได้ทุกเดือนไม่ต่ำกว่าแสน
และครอบครัวที่ญี่ปุ่นของหล่อนก็มีฐานะร่ำรวยมาก ระรินน์จึงไม่เดือดร้อนเื่เงินทองแต่อย่างใด
“รินน์แน่ใจนะ… ”
ที่แทนไทต้องถามย้ำอีกครั้ง…
ก็เพราะเขารู้ว่าถ้าระรินน์ตัดสินใจเช่นนี้ หล่อนจะต้องย้ายจากบ้านที่กรุงเทพฯ มาอยู่เชียงใหม่ อยู่ร่วมบ้านหลังเดียวกับพ่อสามี
“ค่ะ… แน่ใจสิคะ… รินน์อยากช่วยดูแลคุณพ่อ… รินน์สงสารพ่อสันต์ค่ะ แล้วอีกอย่างก็คือระหว่างนี้รินน์จะได้เปลี่ยนบรรยากาศในการทำงาน…”
ระรินน์ให้เหตุผลกับสามี…
ทุกวันนี้หล่อนรู้สึกเบื่อหน่ายกรุงเทพเต็มที ที่เชียงใหม่อากาศดีมาก และนี่เป็โอกาสดีที่หล่อนจะได้รื้อฟื้นประสบการณ์ด้านพยาบาลที่เรียนมาแต่แทบไม่เคยได้ใช้
“แต่อาการป่วยของพ่อพี่… เอ่อ… มันไม่เหมือนคนอื่นๆ นะ สองอาทิตย์ที่ผ่านมาพ่อแทบไม่พูดกับใครเลย… แล้วพ่อก็เอาแต่ใจตัวเอง… ”
แทนไทรู้เื่นี้จากปากของ ‘ป้าชื่น’ หญิงวัยหกสิบซึ่งเป็คนงานเก่าแก่ ป้าชื่นทำงานในไร่แห่งนี้มาั้แ่ก่อนหน้าที่สันต์จะมาซื้อต่อจากเ้าของเดิม
ทุกวันนี้ป้าชื่นมาทำความสะอาดให้บ้านหลังนี้รวมทั้งหาข้าวปลาอาหารให้กับสันต์เป็ประจำ
ตอนแรกที่รู้เื่นี้แทนไทก็ใมาก สัปดาห์ต่อมาเมื่อถึงวันหยุดก็รีบลางานแล้วเดินทางมาดูอาการของบิดา
“ไม่เป็ไรค่ะ… รินน์คิดว่าปัญหานี้ไม่ใช่เื่ใหญ่ คุณพ่อเหมือนคนที่ถูกทิ้งไว้นาน เท่าที่เห็นร่างกายของท่านยังแข็งแรงมากไม่ซูบผอม รินน์เชื่อว่าอาการของคุณพ่อจะดีขึ้นถ้ารินน์มาอยู่เป็เพื่อน… ”
ระรินน์ยังคงยืนยันว่าอยากมาอยู่ดูแลพ่อสามี
“ไม่เปลี่ยนใจแน่นะ… ”
แทนไทถามย้ำอีกที กลัวว่าระรินน์จะรับมือไม่ไหว
“ไม่เปลี่ยนใจค่ะ… ”
น้ำเสียงหนักแน่นของภรรยาที่ได้ยิน ทำให้แทนไทรู้สึกซาบซึ้งจนต้องกุมมือหล่อนขึ้นมาบีบ
“พี่ขอบใจรินน์มาก… ขอบใจที่สุด”
แทนไทโอบกอดเมียรัก…
รู้สึกตื้นตันอยู่ในอกจนพูดไม่ถูก เขามองคนไม่ผิดจริงๆ
ตลอดสามปีที่ใช้ชีวิตร่วมกันมา ผู้หญิงคนนี้ทำตัวเป็ภรรยาที่ดีเสมอมา และวันนี้หล่อนก็ยังอาสาที่จะดูแลบิดาของเขา
อีกสองสัปดาห์ต่อมา
ที่ไร่องุ่นของสันต์ในจังหวัดเชียงใหม่ ระรินน์มาอยู่ดูแลสันต์ได้สองอาทิตย์กว่าๆ
่แรกๆ ที่ต้องมาอยู่บ้านของพ่อสามี หล่อนยอมรับว่ารู้สึกหนักใจอยู่บ้าง
เพราะว่าเกือบสัปดาห์ที่หล่อนมาอยู่ร่วมชายคาบ้านกับสันต์ เขายังคงพูดน้อย วันๆ แทบไม่พูดไม่จากับใครรวมทั้งหล่อน
อันที่จริง…
งานดูแลพ่อสามีก็ไม่ได้หนักอะไรมาก แม้ว่าเขาจะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงบ้างในบางวันแต่สันต์ก็ยังเดินเองได้ แม้อาจจะช้าหน่อยแต่เขาก็เข้าห้องน้ำและอาบน้ำเองได้ปกติ ไม่ใช่ผู้ป่วยติดเตียงอาการหนัก
และเท่าที่ระรินน์ประเมินอาการป่วยของสันต์ด้วยสายตา หล่อนเชื่อว่าเขาไม่ได้ป่วย
แต่อาการที่แสดงออกมาน่าจะเป็ผลมาจากจิตใจมากกว่าสภาพร่างกายที่ยังดูแข็งแรงมาก
“พ่อสันต์คะ… ได้เวลากินยาแล้วนะคะ… ”
ระรินน์เดินมาพร้อมกับยาในมือและแก้วน้ำเหมือนเช่นหลายๆ วันที่ผ่านมา
หล่อนเอายาใส่มือของสันต์ ทว่าครั้งนี้เขาไม่กินเหมือนครั้งก่อนๆ แต่ขว้างยาทิ้งไปในสนามหญ้าอย่างไม่ไยดี
“อุ๊ย… พ่อสันต์มีแรงขว้างยาทิ้ง แสดงว่าอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงดีขึ้นมากนะคะนี่… ”
แทนที่จะโกรธ…
แต่ระรินน์มองบวก หล่อนไม่ได้แสดงอารมณ์กับความดื้อดึงของสันต์ สมกับที่เคยเรียนพยาบาลและมีจิตวิทยา เมตตาและอดทนเป็สิ่งสำคัญในการดูแลคนป่วยประเภทนี้
ระรินน์รู้ว่าผู้ชายดื้อแบบนี้หล่อนควรจะเข้าหาเขายังไง