จนปัญญา หลิวเต้าเซียงเลี้ยงไก่ในบ้านของป้าหลี่ซานเสิ่น กลางคืนยังต้องให้ป้าหลี่ซานเสิ่นช่วยดูแล ในเมื่อไม่มีปัญญาจ่ายค่าเช่าแล้วยังมีคนช่วยดูแลให้ นางย่อมต้องแสดงความขยันหมั่นเพียรแทน
หลังจากที่ไปดูไก่ พบว่าแต่ละตัวล้วนมีชีวิตชีวา ป้าหลี่ซานเสิ่นเอาใจใส่โดยใช้หญ้าฟางแห้งมาทำรังให้พวกมัน ้ายังครอบไว้ด้วยบุ้งกี๋อีกหนึ่งชั้น เพื่อให้รังด้านในมีความอบอุ่นใน่กลางคืน ไม่ทำให้ลูกไก่ไม่สบาย
่บ่ายหลิวเต้าเซียงได้ให้อาหารอีกหนึ่งรอบ ตอนนี้ไก่ยังไม่สามารถกินอาหารประเภทรำข้าวได้ ด้วยเหตุนี้นางจึงยังไม่เอาจากอาหารหมูที่จางกุ้ยฮัวต้มออกมา
“แม่ วันนี้ข้าขึ้นหลังเขาไปเก็บผักป่ามา แล้วแลกกับข้าวร่วนมาได้เล็กน้อย อีกเดี๋ยวให้พี่ใหญ่มาแอบต้มไว้ กลางคืนเราจะได้กินกัน”
ตอนนี้เป็่ผลัดเปลี่ยนฤดู ในสวนผักเพิ่งจะหว่านเมล็ดลงไป หรือมีบ้างที่กำลังงอกเป็ต้นกล้า จึงยังไม่ค่อยมีผักให้กินได้
“ในบ้านเรามีแป้งอยู่ไม่ใช่หรือ เหตุใดเ้าจึงไม่เอาผักป่ากลับมาต้มกินเองเล่า?” จางกุ้ยฮัวจิตใจดีตามเคย
หลิวเต้าเซียงเบ้ปาก “ข้ายินดีเอาข้าวร่วนมาต้มกินเป็โจ๊กดีกว่า ย่าชอบเห็นว่าพวกเราตาบอด ทุกคืนก็แอบทำกับข้าวให้อาเล็ก กลิ่นหมูตากแห้งนั้นหอมโชยมาไกล แล้วยังมีไข่ดาวอีก”
หัวใจของจางกุ้ยฮัวเจ็บแปลบ คำพูดของหลิวเต้าเซียงทำให้นางนิ่งเงียบ
นางจำสิ่งที่หลิวซานกุ้ยเคยบอกในคืนก่อนได้ ว่าตัวเขาเองนั้นโง่เขลา ในใจคิดถึงแต่เพียงความกตัญญู หวังว่าพ่อแม่จะสังเกตเห็นเข้าสักวัน แต่นับั้แ่ให้กำเนิดชิวเซียงมาเก้าปี หากเป็หินก็คงอุ่นไปนานแล้ว หลายปีมานี้ท่าทีที่หลิวฉีซื่อปฏิบัติต่อครอบครัวของเขายังคงเป็เช่นเดิมมิเคยเปลี่ยน
ต่อมาเขายังบอกอีกว่า ตนเองลำบากไม่เป็ไร แต่ไม่สามารถทำให้ลูกๆ ลำบากได้ ต่อไปเื่งานบ้านจะให้จางกุ้ยฮัวสั่งบุตรสาวให้ทำน้อยลงหน่อย
จางกุ้ยฮัวไม่เข้าใจสักนิด นี่จะไม่ทำให้บุตรสาวกลายเป็คนคร้านหรือ? เพียงแต่หลิวซานกุ้ยคือสามีของนาง ในเมื่อเขาพูดมาก็ต้องทำตามประสงค์ของเขา
ขณะนั้นหลิวเต้าเซียงกำลังช่วยจางกุ้ยฮัวปอกกระเทียมไว้ใช้สำหรับผักถั่ว
หลิวฉีซื่อปรากฏตัวขึ้นที่ประตูตรงลานบ้าน หลิวเต้าเซียงรู้สึกว่าตรงประตูมีเงาคนมาจึงเงยหน้าขึ้นดูพบว่าเป็ย่า จึงเอ่ยเรียกอย่างสนิทสนม “ย่า กลับมาเสียที ปู่บอกว่าคืนนี้ให้ทำผัดไข่กินกัน”
หลิวต้าฟู่ไม่ได้พูด ทว่าหลิวเต้าเซียงไม่อยากเห็นนางอยู่อย่างสบายใจ
จริงตามคาด หลิวฉีซื่อที่เดิมทีหัวใจอัดอั้นอยู่แล้วก็ยิ่งอาการหนัก เมื่อมองมาทางห้องทิศตะวันตกก็ก่นเสียงด่าเบาๆ
หลิวเต้าเซียงเห็นว่าปากของนางกําลังเคลื่อนไหว แต่ไม่รู้ว่านางพูดอะไรบ้าง เมื่อเห็นกระเทียมในชามปอกได้พอสมควร จึงยกเข้าไปในห้องครัว
“แม่ ย่ากลับมาแล้ว ดูแล้วสีหน้าไม่ดีเท่าใด”
“อืม เ้ารีบกลับไปช่วยดูชุนเซียงหน่อย” จางกุ้ยฮัวชำเลืองมองหลิวฉีซื่อที่เดินขึ้นบันไดด้วยสีหน้ายับยู่ยี่
หลิวเต้าเซียงพยักหน้า แม่ของนางหมายถึงให้นางกลับไปบอกหลิวชิวเซียงให้ต้มโจ๊กขาว
ตุบ! เสียงของบางสิ่งบางอย่างถูกโยนลงพื้น จนหลิวเต้าเซียงชะงักฝีเท้าที่กำลังจะก้าวออกไป
สายตาของนางฉายแววสงสัย วันนี้หลิวฉีซื่อไปโมโหอะไรมาจากข้างนอกกันนะ?
นางหันไป เดินไปทางประตูฝั่งทิศตะวันออกข้างๆ และเงี่ยหูฟัง พบว่าหลิวเสี่ยวหลันก็อยู่ในห้องนั้นด้วย ได้ยินเสียงนางเอ่ย “แม่ เต้าเซียงก็ช่างไม่รู้เื่จริงๆ ทว่า คุณชายน้อยที่พักอยู่ห้องตะวันตกร่างกายก็ดีขึ้นไม่น้อย เดินออกไปตากแดดข้างนอกที่ระเบียงเองได้แล้ว”
จะไม่ดีขึ้นได้อย่างไร?
พักฟื้นอยู่ที่บ้านนางมาตั้งกี่วันแล้ว! วันๆ ถ้าไม่ใช่ต้มน้ำแกงกระดูก ก็ต้มไก่ ยังไม่พอ ยังมีน้ำแกงที่ต้มจากปลาที่หลิวซานกุ้ยจับมาให้ลูกสาวด้วย
หลิวฉีซื่อสูดหายใจลึกๆ มองไปทางห้องครัวด้วยสายตาโกรธแค้น เสียงที่ดังมาจากในครัวในขณะนี้คือเสียงที่จางกุ้ยฮัวกำลังใส่วัตถุดิบลงในหม้อ
“ฮึ มารดามันเถอะ ถึงว่าเหตุใดอยู่ดีๆ ก็ดูมีเรี่ยวแรงขึ้นมา ที่แท้ก็แอบซ่อนเงินส่วนตัวนี่เอง”
“เงินส่วนตัว? แม่ เป็ไปได้อย่างไร ในมือของพี่สะใภ้สามไม่เคยมีแม้แต่แดงเดียว” หลิวเสี่ยวหลันตกตะลึงเช่นเดียวกัน หลายปีมานี้แม่ของตนนั้นกดขี่ผู้หญิงคนนั้นจนอยู่หมัด ซึ่งเื่นี้ทำให้นางรู้สึกได้ใจยิ่งนัก รู้สึกว่าแม่ของตนเป็ผู้ที่ร้ายกาจที่สุดในใต้หล้า
หลิวเต้าเซียงได้ยินดังนั้นก็กังวลใจ แย่แล้ว จากที่หลิวฉีซื่อกล่าวมา เห็นทีคงต้องไปพลิกหาที่บ้านของนางอย่างแน่นอน
นางไม่ได้แอบฟังสองคนนั้นต่อ แต่รีบย่องออกจากห้องครัว จากนั้นก้มตัวต่ำใต้หน้าต่างทิศตะวันออกแล้วคลานออกไป เวลานี้อย่าเพิ่งปะทะกับอารมณ์โมโหของหลิวฉีซื่อจะดีกว่า
หลิวเต้าเซียงกลับไปยังห้องทิศตะวันตก มองดูหลิวชิวเซียงกำลังเปลี่ยนผ้าอ้อมให้หลิวชุนเซียง จึงรีบดึงนางมาแล้วเอ่ยเสียงค่อย “เร็วเข้า แป้ง น้ำตาลแดง พุทราจีนต่างๆ ที่เราซื้อมาก่อนหน้านี้ ต้องรีบเอาไปซ่อน ไม่รู้ว่าย่ากำลังจะะเิโมโหเมื่อใด”
ร่างเล็กของหลิวชิวเซียงถึงกับสั่น ความหวาดกลัวที่นางมีต่อหลิวฉีซื่อไม่ใช่เื่ที่เพิ่งเป็ หลายวันมานี้แม้จะมีสิ่งมากมายเปลี่ยนแปลงไป แต่ความน่ากลัวของหลิวฉีซื่อก็ยังคงอยู่ เมื่อได้ยินว่านางกำลังจะะเิอารมณ์ ความหวาดกลัวของนางก็เหมือนปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
“เต้าเซียง หากอีกเดี๋ยวเ้าเห็นย่าหยิบก้านเหล็ก เ้าต้องรีบซ่อนตัวนะ เกิดย่าะเิอารมณ์ขึ้นมา คงต้องตีให้ตายเป็แน่”
หญิงชราผู้นี้ร้ายกาจพอสมควร หลิวเต้าเซียงเห็นใบหน้าเล็กๆ ของหลิวชิวเซียงใจนซีดขาว จึงรีบเอ่ย “พี่ พี่กลัวอะไร ข้าจะรีบเอาของกินไปซ่อน เ้ารีบพาหลิวชุนเซียงไปเล่นที่บ้านป้าหลี่ซานเสิ่นเร็วเข้า หากว่าย่าโมโห เดี๋ยวน้องจะใ”
“ใช่ๆ ข้ากับเ้าก็ต้องรีบเก็บข้าวของให้ดี อย่าไว้ในห้อง ย่าชอบค้นข้าวของของพวกเรามาก” หลิวชิวเซียงรีบอุ้มหลิวชุนเซียงที่เปลี่ยนผ้าอ้อมเรียบร้อย จากนั้นกำชับหลิวเต้าเซียงอีก
หลิวเต้าเซียงโบกมือปฏิเสธแล้วเร่งนางอย่างร้อนใจ “พี่รีบไปเถิด ขืนอยู่รอให้ย่าเห็น เดี๋ยวจะออกไปไม่ได้ อีกเดี๋ยวข้าจะไปเรียกให้กลับมากินข้าวเย็น”
หลิวชิวเซียงไม่กล้าอยู่ต่อ นางรู้ว่าความโกรธที่แท้จริงของหลิวฉีซื่อนั้นน่ากลัวขนาดไหน หลังจากกำชับหลิวเต้าเซียงให้ระวังตัวอีกครั้ง ก็แอบวิ่งเลียบกำแพงลานบ้านออกจากประตูไป โชคดีที่ห้องปีกทิศตะวันตกอยู่ไม่ห่างจากประตูนัก เพียงแค่สิบกว่าก้าว หลิวชิวเซียงก็อุ้มหลิวชุนเซียงออกไปได้อย่างราบรื่น
นางรีบพาหลิวชุนเซียงไปยังบ้านป้าหลี่ซานเสิ่นโดยไม่หันกลับมามอง
ฟากของหลิวเต้าเซียง จัดการเก็บข้าวของที่ซื้อและข้าวร่วนเข้าไปในคลังเก็บของในห้วงมิติ ตอนนี้คลังเก็บของนั้นได้จ่ายค่าเช่าไปแล้ว ตามที่กล่าว ยิ่งขนาดของคลังเก็บของใหญ่เท่าใด ค่าเช่าก็จะยิ่งแพง
หลังจากหลิวเต้าเซียงทำเื่ราวเหล่านี้เสร็จสิ้น พบว่าหลิวฉีซื่อไม่ได้อาละวาด นางรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยจึงแอบย่องไปทางห้องครัวแต่ไม่ได้เข้าไปข้างใน เพียงแค่แอบหลบอยู่ด้านล่างหน้าต่างแล้วสอดส่องดู
“ยังไม่รีบบอกมาอีก?” เสียงที่โมโหของหลิวฉีซื่อแหลมปรี๊ด ใบหน้าของจางกุ้ยฮัวนั้นนิ่งเงียบและไม่ส่งเสียง หลิวฉีซื่อโมโหจนควันออกหู เดินเข้าไปถีบน่องของจางกุ้ยฮัวอย่างแรงหนึ่งที
จางกุ้ยฮัวเป็ลูกสะใภ้ นางไม่กล้าตอบโต้แม่สามีจึงได้แต่อดทน แต่ใบหน้าของนางเองก็เริ่มไม่ดีนัก จึงเอ่ยอย่างโมโห “แม่ ข้าบอกกี่หนแล้ว นั่นคือเงินที่เต้าเซียงเก็บได้บนถนน”
“ตอแหล สะใภ้สาม อย่าได้หน้าเกินไป คิดว่ามีเ้าสามคอยให้ท้ายเ้า แล้วกล้ามาขึ้นเสียงกับข้า ลำพังแค่สะใภ้อับจนคนหนึ่ง ยังคิดกล้ามาไร้เหตุผลกับผู้าุโ ไม่มีมารยาท”
“แม่ อย่าโกรธไปเลย ข้าว่าพี่สะใภ้สาม เ้าก็ไม่ละอายเสียเลย เต้าเซียงเป็หลานของย่า เมื่อได้ของดีก็ควรเอามาตอบแทนให้ย่าไม่ใช่หรือ? เด็กเสเพล ในกระเป๋ามีเงินหน่อยเดียวเป็ไม่ได้ ไปกลับรอบหนึ่งต้องใช้ตั้งสองเหรียญ นางช่างใจกว้างยิ่งนัก แน่นอน พี่สะใภ้เองก็ไม่มียางอาย สั่งสอนเต้าเซียง ชิวเซียงมา แต่ละคนอย่างกับถุงปัสสาวะหมู หน้าหนาไม่แพ้กันสักคน ไม่รู้จักละอายใจบ้าง” เมื่อไม่มีผู้ใดอยู่ หลิวเสี่ยวหลันเองก็เปิดเปลือกที่คล้ายกับหลิวฉีซื่ออย่างไรอย่างนั้น
“อาเล็ก!” ใบหน้าของจางกุ้ยฮัวแดงกว่าตับหมู
หลิวฉีซื่อทำร้ายจางกุ้ยฮัวไปหนึ่งที เห็นว่านางไม่ได้หลบ ในใจจึงรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย แล้วเอ่ยต่อ “ว่าอย่างไร ลูกสาวข้าพูดผิดหรือ? อย่าคิดว่าเ้าแซ่จาง แล้วยังเป็คนของบ้านจาง เมื่อเข้ามาในรั้วบ้านหลิว ก็กลายเป็สะใภ้ของบ้านหลิว ผู้ใหญ่สั่งสอนยังกล้ามาปากดี ฮึ! เกิดมาไม่มีพ่อแม่สั่นสอนก็เช่นนี้แล”
จากนั้นน้ำเสียงอ้อนแอ้นของหลิวเสี่ยวหลันก็ดังขึ้นอีก “ข้าว่าพี่สะใภ้สาม บ้านหลิวก็ดีกับเ้ามาก อย่างน้อยอยู่บ้านข้าก็มีกินมีใช้ มีห้องให้เ้าอยู่ เ้าก็น่าจะพอใจ ช่างดูไม่ออกจริงๆ ว่าเ้าเองก็เป็คนเ้าเล่ห์ ไปในตำบลระยะทางก็ไม่ได้ไกลเท่าใด ไม่รู้จักหัดประหยัดเงินสองเหรียญเอามาให้แม่ข้า มัวแต่คิดถึงความสบายของตนเอง แม่ ในสายตาของนางไม่เคยมีแม่อยู่เลย”
หลิวเสี่ยวหลันเป็คนที่ตีสองหน้าเก่งมาก ต่อหน้าหลิวต้าฟู่กับหลิวซานกุ้ยนั้นเป็อีกแบบหนึ่ง ต่อหน้าพี่ชายทั้งสามคนก็อีกแบบหนึ่ง
แต่ตอนนี้ที่อยู่ต่อหน้าหลิวฉีซื่อ ก็คือสันดานที่แท้จริงอย่างไม่ต้องสงสัย
คำพูดของนางเปรียบดั่งน้ำมันที่ราดลงบนกองพลิง ไฟโมโหของหลิวฉีซื่อปะทุจนดวงตาสองข้างแดงก่ำ ยื่นมือไปหยิกหลังมือของจางกุ้ยฮัวแล้วแผดเสียงต่ำ “คิดว่าข้าแกล้งทำเป็ไม่รู้แล้วเ้าจะปิดปากเงียบได้นะ? ฮึ นางเฒ่าจ้าวบอกมาหมดแล้ว สารภาพมาว่าเ้าขโมยไข่ข้าไปหรือไม่?”
หนที่แล้วไข่ห้าใบที่หายไป ไม่ได้เงินกลับมาแม้แต่แดงเดียว หลิวซุนซื่อก็พาลูกหนีออกไป หลิวฉีซื่อที่ยังคงอัดอั้นอยู่ วันนี้ได้เวลาเหมาะเจาะจึงะเิอารมณ์ลงที่ตัวจางกุ้ยฮัว
ถูกตีโดยแม่สามี จางกุ้ยฮัวไม่อาจตอบโต้กลับได้ นางจึงได้แต่อดทน ไม่อย่างนั้นขืนทะเลาะกันขึ้นมา นางจะถูกหัวหน้าหมู่บ้านจับลงโทษที่คอกหมูก็คงไม่เพียงพอ
“แม่ ้าสิ่งใดกันแน่?” จางกุ้ยฮัวถูกตีไปสองครั้ง เริ่มมีน้ำโหบ้างแล้ว น้ำเสียงที่พูดก็เร่งเสียงดังขึ้น
หลิวฉีซื่อคิดไม่ถึงว่าจางกุ้ยฮัวที่อดทนมาตลอดจู่ๆ จะขึ้นเสียง เริ่มแรกคืออึ้งไปก่อน จากนั้นก็คิดอยากจะตบนางสักที แต่จางกุ้ยฮัวก็ยกมือขึ้นมาปัดและหลบพ้นไปได้
นางยืนถือตะหลิวอยู่ข้างเตาดิน มองดูหลิวฉีซื่อด้วยท่าทีเยือกเย็นแล้วเอ่ย “แม่ ข้าเคารพท่านจึงเรียกท่านว่าแม่ ก็แค่เงินสองเหรียญมิใช่หรือ? เต้าเซียงก็เป็หลานของแม่ นางเก็บเงินได้สองเหรียญแล้วมามอบให้ข้าผู้ซึ่งเป็แม่แล้วมีความผิดอันใด? ฮึ แม่เองก็แค่โกรธที่เต้าเซียงเก็บเงินได้แล้วไม่ได้เอามาให้แม่มิใช่หรือ? หากแม่้าหาเื่จริง ข้าก็ไม่เกี่ยงที่จะต้องไปขอการตัดสินจากหัวหน้าหมู่บ้าน ให้ทุกคนดูสิว่า บ้านตระกูลหลิวที่ร่ำรวยมีชื่อเสียงในหมู่บ้านสามสิบลี้นั้นปฏิบัติต่อหลานสาวเช่นไร เต้าเซียงปีนี้เพียงแค่เจ็ดขวบ แม่เองคงไม่ได้คาดหวังว่านางต้องหาเงินเลี้ยงตระกูลหรอกนะ?”
“นางสุนัขพันธุ์ทางหน้าไม่อาย ข้าว่าเ้าหนึ่งคำ เ้าสวนกลับมาสิบคำ ไม่เคยมีผู้ใหญ่อยู่ในสายตาเลยหรือ?” หลิวฉีซื่อพุ่งปรี๊ด มองดูจางกุ้ยฮัวยังคงทำกับข้าวต่อ จึงหยิบชามเปล่าบนเตาดินขึ้นมาแล้วขว้างไปทางจางกุ้ยฮัว
ชามเปล่ากระแทกเข้าที่ตัวสะใภ้สาม โชคดีที่นี่คือเดือนเมษายน อากาศยังคงหนาว นางจึงไม่ได้ถอดเสื้ออ๋าวออกมา เพียงแต่น้ำในชามก็ทำให้เสื้อตัวนอกเปียกเป็วง
จางกุ้ยฮัวรู้สึกว่าแขนขวาชาและแสบเล็กน้อย ความชิงชังที่มีต่อหลิวฉีซื่อยิ่งทวีคูณ จึงเอ่ยน้ำเสียงโมโห “แม่ ถ้าขืนยังรังแกกันมากกว่านี้ ข้าจะวางยาฆ่าแมลงลงในกับข้าวนี้ จะได้ตายๆ ไปให้หมดทั้งบ้าน!”
-----