องครักษ์เงาตรวจสอบขนมกล่องนั้นอย่างละเอียด จากนั้นจึงคุกเข่าลงและรายงานว่า “นายท่าน เป็พิษเชียนจีกู่ขอรับ”
อาเหยียนนั่งอยู่ในอ้อมแขนของเป่ยเหลียนโม่อย่างเชื่อฟัง เขาเงยหน้าขึ้นถามว่า "พิษเชียนจีกู่คืออะไรหรือขอรับ?”
พิษเชียนจีกู่ ยามออกฤทธิ์จะทำให้รู้สึกเ็ปอย่างรุนแรงราวกับว่ามีเข็มเล็กๆ นับพันเล่มไหลเวียนอยู่ในร่างกาย สามารถทำให้รู้สึกเ็ปไปทั่วทุกส่วน และจะดูดซึมสารอาหารที่อยู่ในร่างกาย หากมีพิษกู่มากเกินไปจะค่อยๆ ดูดซับอาหารที่อยู่ในร่างกายจนเสียชีวิตได้
ของที่มีพิษร้ายแรงเช่นนี้แฝงอยู่ข้างในขนมเหล่านี้ หากเหยาเชียนเชียนกินเข้าไปเพียงคำเดียว หนอนกู่นั้นก็จะสามารถเข้าสู่ร่างกายของนางได้พร้อมกับขนม และหนอนกู่ชนิดนี้ไม่สามารถรักษาได้
“ต้องขอบใจอาเหยียนแล้ว” เป่ยเหลียนโม่ลูบศีรษะเล็กของเขาอย่างอ่อนโยน “อาเหยียนได้ช่วยชีวิตท่านแม่ไว้ พ่อต้องขอบใจเ้าด้วย”
อาเหยียนน้อยส่ายหน้า นี่เป็เื่เล็กน้อยมาก ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถทำร้ายท่านแม่ได้
“ท่านพ่อ เหตุใดท่านตาถึงต้องวางยาพิษท่านแม่ เขาไม่ชอบท่านแม่หรือ?”
แปลกเหลือเกิน คนเป็พ่อทุกคนในโลกใบนี้ไม่รักลูกเหมือนกับท่านพ่อของเขาหรอกหรือ อาเหยียนน้อยได้รับความรักดุจแก้วตาดวงใจมาั้แ่เด็ก เขาไม่เข้าใจวิธีการของเหยาซื่อเฟิงเลย
ั์ตาดำของเป่ยเหลียนโม่คู่นั้นราวกับถูกย้อมด้วยหมึก เขาโอบอาเหยียนไว้ในอ้อมแขน ทว่าดวงตากลับทอดมองไปยังขนมกล่องนั้น
เมื่อครั้งที่ตรวจพบว่าในร่างกายของเหยาเชียนเชียนมีพิษจื่อหมู่กู่ในยามแรก เขาก็เคยสงสัยเหยาซื่อเฟิงเช่นกัน ทว่าไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดมาโดยตลอด ยิ่งไปกว่านั้นคือคนผู้นั้นเป็บิดาของเหยาเชียนเชียน การกระทำเื่เช่นนี้นับว่าไร้มโนธรรมมากเกินไปแล้ว
ต่อมาเขาได้ตรวจสอบตัวยาเ่าั้ของเหยาซื่อเฟิง ประกอบกับขนมเหล่านี้ในวันนี้ ดูท่าว่าพิษจื่อหมู่กู่ก่อนหน้านี้จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหยาซื่อเฟิงอย่างแน่นอน
ไม่แปลกใจที่อาเหยียนจะไม่เข้าใจเื่พวกนี้ นี่ไม่ใช่เื่ที่จิตใจของคนทั่วไปจะสามารถกระทำลงไปได้ เหยาซื่อเฟิงติดตามเป่ยเซวียนเฉิง จิตใจของเขาดำมืดมานานแล้ว อีกทั้งหวังเฟยของเขาก็ไม่ใช่บุตรสาวที่เหยาซื่อเฟิงรักที่สุด แน่นอนว่าเขาย่อมสามารถลงมือทำได้ทุกเื่
“เื่นี้ไม่ต้องแจ้งแก่แม่ของเ้า พ่อเกรงว่านางจะเสียใจ เข้าใจหรือไม่?”
อาเหยียนพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว แต่ท่านพ่อก็ต้องเตือนท่านแม่ด้วยนะขอรับ วันหน้าอย่าได้ทานของที่ท่านตามอบให้จะดีที่สุด”
เป่ยเหลียนโม่พ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ใช่แล้ว ยามนี้เมื่อนึกถึงอาหารที่จวนสกุลเหยาในวันนี้ ในใจของเขาก็ยังคงรู้สึกกลัวอยู่ไม่น้อย มิน่าเล่าก่อนออกเดินทางอาเหยียนถึงได้รู้สึกไม่สบายใจ เพราะจุดประสงค์ที่แท้จริงของเหยาซื่อเฟิงไม่ใช่การย้ายสุสาน แต่เป็การวางยาพิษเหยาเชียนเชียนอีกครั้งต่างหาก
“ท่านพ่อ อาเหยียนจะช่วยท่านพ่อปกป้องท่านแม่เองขอรับ”
เมื่อได้ยินบิดาถอนหายใจเด็กน้อยจึงรู้สึกไม่สบายใจ และอดไม่ได้ที่จะกอดคอของบิดาไว้
เขาคิดไม่ถึงว่าจะมีคนไม่ดีมากมายถึงเพียงนี้ แม้แต่ท่านตาก็หมายจะกลั่นแกล้งท่านแม่ เช่นนั้นเขากับท่านพ่อจะต้องช่วยกันดูแลท่านแม่ให้ดี
“อาเหยียนเด็กดี ที่ห้องเครื่องยังมีปีกไก่เหลืออยู่ วันนี้ให้อาเหยียนกินได้หนึ่งจาน” เป่ยเหลียนโม่เอ่ยกำชับ “แต่ต้องกินในห้องของตัวเองเท่านั้น”
เพื่อเป็การป้องกันไว้หากเขาเปลี่ยนร่างกะทันหันและไม่สามารถควบคุมได้
เป่ยเหลียนโม่สั่งให้คนนำขนมเหล่านี้ไปฝังดินไว้ และหมายจะไปคุยกับเหยาเชียนเชียนสักเล็กน้อย ทว่าพ่อบ้านกลับเข้ามาในเวลานั้นพอดี กล่าวว่าทางวังหลวงแจ้งข่าวว่าวันนี้อวี๋ผินเป็ลมในสวนดอกไม้ และหมอหลวงบอกว่านางตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว
“อวี๋ผินเหนียงเหนี่ยงตั้งครรภ์ ดังนั้นฮ่องเต้จึงออกราชโองการคืนยศเฟยให้แก่อวี๋ผินเหนียงเหนี่ยง และยังพระราชทานสิ่งของอีกมากมาย”
พ่อบ้านกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ฝ่าาเชิญพระองค์เข้าไปพบ่บ่ายวันนี้พ่ะย่ะค่ะ”
ในยามนั้นอวี๋เฟยกล่าวถึงอดีตฮองเฮาเพราะเหยาเชียนเชียน ดังนั้นจึงทำให้ฮ่องเต้กริ้วมาก และสั่งลดชั้นยศอวี๋เฟยทันที ทว่ายามนี้นางถูกตรวจพบว่าตั้งครรภ์แล้ว มารดาย่อมอาศัยบารมีบุตรเป็เื่ธรรมดา
ฮ่องเต้คงเกรงว่าเขาจะไม่พอใจ ดังนั้นจึงเรียกเขาเข้าวังเพื่อหยั่งเชิงความคิด
“เข้าใจแล้ว อีกครู่เปิ่นหวังจะไป”
อวี๋เฟยได้รับยศคืน เป่ยเซวียนเฉิงก็ย่อมได้รับความสนใจจากฮ่องเต้ไปด้วย เหตุผลที่กลุ่มขุนนางโลเลระหว่างพวกเขาทั้งสองคนอยู่ตลอดใน่หลายปีที่ผ่านมาล้วนเป็เพราะเป่ยเหลียนโม่ไม่มีมารดาคอยสนับสนุนอยู่เื้ั
ซึ่งแตกต่างจากอวี๋เฟย นางสามารถเป่าลมข้างหมอน [1] ต่อพระพักตร์ฮ่องเต้ได้ตลอดเวลา และเป็ไปได้ว่าในสักวันหนึ่งจะมีคนได้นั่งบัลลังก์ฮองเฮานี้แล้ว
“เื่นี้ คนส่งสาส์นยังกล่าวอีกว่าให้พาหวังเฟยไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เป่ยเหลียนโม่ขมวดคิ้ว เขาไม่้าให้เหยาเชียนเชียนพัวพันกับเื่เหล่านี้อีกแล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งของฮ่องเต้ได้
ครั้งที่แล้วใช้อาการป่วยเป็ข้ออ้างไปแล้ว ครั้งนี้จึงไม่สามารถใช้ข้ออ้างนี้ได้อีก
“เปิ่นหวังจะไปแจ้งแก่หวังเฟยด้วยตัวเอง เ้าออกไปเตรียมรถม้าเถิด”
เหยาเชียนเชียนกำลังดูหมอจ่ายยาให้เป่าหวา เศษเครื่องลายครามที่แตกหักบางส่วนได้ฝังเข้าไปในเนื้อของหญิงสาว ยามนี้ต้องหยิบมันออกมาอย่างระมัดระวัง ไม่เช่นนั้นอาจมีอาการเจ็บเมื่อิัได้รับการฟื้นฟูในอนาคต
“ขอบพระทัยหวังเฟยเหนียงเหนี่ยงเพคะ” เป่าหวาอดทนต่อความเ็ป การได้ออกจากจวนสกุลเหยานับเป็เื่ดีอย่างใหญ่หลวงสำหรับนาง และยิ่งไปกว่านั้นคือเ้านายคนปัจจุบันของนางเป็ถึงหวังเฟย นับจากนี้ฐานะทางสังคมของนางก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
“ไม่ต้องขอบคุณแล้ว” เหยาเชียนเชียนกล่าว “หากไม่ใช่เพราะข้า เ้าก็คงไม่ถูกกลั่นแกล้งเช่นนี้”
เห็นได้ชัดว่าเหยาอวี้เอ๋อร์หมายจะอาศัยการลงโทษเป่าหวามาให้นางขายหน้า แต่โชคดีที่การตบครั้งนั้นนางได้ตบอย่างสาแก่ใจ ไม่เช่นนั้นนางคงไม่อาจกล้ำกลืนความคับแค้นใจนี้ลงไปได้
“ท่านอ๋องเสด็จมาเพคะ” สาวใช้กล่าวและประคองเป่าหวาย้ายไปคุกเข่าอยู่ด้านข้าง
เหยาเชียนเชียนรู้สึกแปลกใจที่เป่ยเหลียนโม่กลับมาอีกรอบ ทันทีที่จะถวายความเคารพนางก็ถูกเขาประคองขึ้นมา
“เสด็จพ่อเรียกตัวเราทั้งสองเข้าวัง” เขาหยุดพูดไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าวต่อว่า “อวี๋เฟยตั้งครรภ์แล้ว”
อวี๋เฟย?
เหยาเชียนเชียนชะงักไปครู่หนึ่งกว่าจะตอบสนองกลับมาได้ สตรีผู้นั้นได้เป็อวี๋เฟยอีกครั้งเพราะเหตุนี้หรือ? การให้กำเนิดทายาทเป็อาวุธที่ทรงพลังที่สุดของสตรีในวังหลวงโดยแท้ และมันก็เป็เช่นนั้นไม่เคยเปลี่ยน
“เช่นนั้นสั่งให้คนเตรียมของขวัญไว้สักหน่อย หม่อมฉันกับท่านอ๋องจะเข้าวังประเดี๋ยวนี้เลย”
เป่ยเหลียนโม่ส่ายหน้าน้อยๆ ไปน่ะต้องไปอยู่แล้ว แต่ของขวัญนั้นไม่จำเป็ เขามองเข้าไปในดวงตาของเหยาเชียนเชียน และไม่รู้ด้วยเหตุใดจึงนึกไปถึงท่าทางอันน่าสงสารของนางที่อยากได้ปะการังหยกโลหิตในยามนั้น
“ไม่แน่ว่าเสด็จพ่ออาจจะพระราชทานของขวัญให้อวี๋เฟยแล้ว พวกเราไม่ต้องนำไปหรอก”
อวี๋เฟยมีครรภ์ เหตุใดพวกเขาต้องให้ของขวัญด้วยเล่า?
เหยาเชียนเชียนเดินตามไปขึ้นรถม้าพลางลอบพินิจมองเป่ยเหลียนโม่ นางรู้สึกว่าเขาอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก เมื่อเทียบกับเป่ยเซวียนเฉิงแล้ว ร่างกายอันแข็งแรงและความสามารถอันล้ำเลิศของเขาล้วนเป็ที่ประจักษ์
ทว่าอดีตฮองเฮาสิ้นพระชนม์ั้แ่เขาอายุยังน้อย แม้เขาจะเป็บุตรชายของฮ่องเต้ ทว่าเมื่อไร้ซึ่งความรักจากมารดาข้างกาย ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังน่าสงสารมากกว่าเป่ยเซวียนเฉิงอยู่ดี
“โม่เอ๋อร์มาแล้ว” ฮ่องเต้เงยหน้าขึ้นมองพวกเขาเล็กน้อยและชี้ไม้ชี้มืออย่างสบายๆ “ไม่ต้องมากพิธี นั่งลงเถิด”
เหยาเชียนเชียนแสร้งทำเป็มองไปทางฮ่องเต้อย่างไม่ใส่ใจนัก แม้ว่าสีหน้าของเขาจะไม่ได้ดูมีความสุขมากเป็พิเศษ แต่อย่างน้อยก็ดูดีอกดีใจ ดูท่าว่าการที่อวี๋เฟยตั้งครรภ์จะทำให้เขาปลื้มปีติได้จริงๆ
“โม่เอ๋อร์ เจิ้นอยากไปสักการะสุสานหลวง เ้าน่าจะทราบแล้วว่าอวี๋เฟยตั้งครรภ์ ภายในวังหลวงมีเื่มงคลเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งเื่ บุตรชายคนเล็กของเจิ้นหรือน้องชายลำดับที่สิบเจ็ดของเ้า ขณะนี้มีอายุครบเก้าสัปดาห์แล้ว ครรภ์นี้ของอวี๋เฟยมาได้ในเวลาดีทีเดียว”
ในวังหลวงไม่ได้ให้กำเนิดเด็กมานานเกินไปแล้ว คราวนี้อวี๋เฟยรู้พระทัยฮ่องเต้ มิน่าเล่าฮ่องเต้ถึงอยากไปสักการะสุสานหลวงเพื่อขอบคุณต่อเหล่าบรรพบุรุษ
เป่ยเหลียนโม่มีสีหน้าเรียบเฉยมาั้แ่ต้น ก่อนหน้านี้เขายังไม่ได้กล่าวแสดงความดีใจ ทว่าก็ไม่ได้กล่าวคำอื่นใดเช่นกัน
“ลูกขอแสดงความยินดีกับเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ และดีใจเหลือเกินที่มีน้องชายเพิ่มมาอีกหนึ่งคน”
ถึงอย่างไรเหตุการณ์ในยามนั้นก็เป็ความผิดของอวี๋เฟย แต่ฮ่องเต้กลับเห็นแก่บุตรชายผู้นี้จึงไม่กล่าวตำหนิมากนัก ช่างโอนอ่อนผ่อนตามเหลือเกิน ทว่าในใจของโอรส์กลับอดรู้สึกละอายไม่ได้
“เจิ้นรู้ว่าเ้าคิดถึงเสด็จแม่ของเ้าเสมอในทุกๆ ่เวลา เจิ้นรับสั่งให้คนเตรียมสิ่งของไว้แล้วไม่น้อย ล้วนเป็สิ่งของที่เสด็จแม่ของเ้าโปรดปรานเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ และยังมีน้ำใจของเจิ้นอยู่ในนั้นด้วย เ้านำกลับไปด้วยเถิด และเมื่อถึงเวลาสักการะสุสานหลวงเ้าก็ไปเยี่ยมเสด็จแม่ของเ้าพร้อมกันกับเจิ้นเถิด”
เป่ยเหลียนโม่ยืนขึ้นพร้อมกล่าวขอบคุณ เหยาเชียนเชียนก็ลุกขึ้นถวายความเคารพตามเขาด้วย ฮ่องเต้แย้มยิ้มเมื่อเห็นภาพนั้น
“จะว่าไปพวกเ้าก็แต่งงานกันมาสักพักแล้ว เชียนเชียนเอ๋ย ข้างกายโม่เอ๋อร์มีเพียงอาเหยียนเป็บุตรชายคนเดียว เ้าต้องพยายามมากขึ้นสักหน่อยแล้ว จะได้มีน้องชายน้องสาวให้อาเหยียนเพิ่มสักสองสามคน”
เหยาเชียนเชียนก้มศีรษะลงพลางเหลือบมองไปทางเป่ยเหลียนโม่ แต่ก็บังเอิญสบกับแววตาหยอกล้อของเขาเข้าพอดี
หลังจากที่ได้คุ้นเคยกับชิงผิงอ๋องมา ที่แท้เขาก็มีมุมเช่นนี้ด้วยหรือ เหยาเชียนเชียนหน้าแดงและไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกเลยจนกระทั่งออกจากวังหลวง
“ยามที่ไปสักการะสุสานหลวง หวังเฟยไปกับเปิ่นหวังเถิด” เป่ยเหลียนโม่กล่าว “เมื่อครั้งก่อนยังไม่ได้ให้เสด็จแม่ได้ทำความรู้จักดีๆ เลย ครั้งนี้เปิ่นหวังจะต้องให้เสด็จแม่ได้ดูตัวเ้าดีๆ ให้ได้”
ไปเข้าพบอดีตฮองเฮาด้วยกันอย่างเป็ทางการหรือ เพียงแค่คิดเหยาเชียนเชียนก็รู้สึกประหม่า นางแอบเหลือบมองไปยังเป่ยเหลียนโม่ ครั้งก่อนนางได้อธิษฐานต่ออดีตฮองเฮาโดยหวังว่านางจะสามารถอยู่ร่วมกันกับชิงผิงอ๋องได้อย่างสงบสุข และผลคือยามนี้คำอธิษฐานนั้นเป็จริงแล้ว
ิญญาของอดีตฮองเฮาบน์รับรู้ เหยาเชียนเชียนกลืนน้ำลาย เช่นนั้นก็หวังว่าท่านผู้าุโจะสามารถทำให้คำอธิษฐานของนางได้ผลมากขึ้นอีกสักหน่อย โปรดช่วยปกปักรักษาชิงผิงอ๋องและอาเหยียนให้ปลอดภัย ซึ่งคนหนึ่งคือบุตรชาย และอีกคนหนึ่งเป็หลานชาย
นางดูจากสีหน้าของเป่ยเหลียนโม่เมื่อครู่ ฮ่องเต้ทรงดีใจถึงเพียงนั้น แต่ความดีใจนั้นกลับเป็เพราะบุตรชายของผู้อื่น ไม่ว่าเหยาเชียนเชียนจะคิดอย่างไรก็รู้สึกว่านี่มันเ็ปเกินไปสำหรับคนที่สูญเสียมารดาไปั้แ่ยังเด็ก
“ท่านอ๋อง ยามที่ไปสุสานหลวง เราสามารถพาอาเหยียนไปด้วยได้หรือไม่?”
เหยาเชียนเชียนเอ่ยถาม “พระองค์คิดดูสิเพคะ อาเหยียนจะต้องอยากพบเสด็จแม่ด้วยเป็แน่ เนิ่นนานเพียงนี้แล้ว เสด็จแม่ก็คงคิดถึงอาเหยียนเช่นเดียวกัน หากพวกเราสามคนไปพบเสด็จแม่ด้วยกัน เสด็จแม่จะต้องดีใจมากเป็แน่เพคะ”
แม้ว่าอวี๋เฟยจะตั้งครรภ์ แต่เหตุผลหลักในการเดินทางไปสุสานหลวงครั้งนี้ก็คือนาง เหยาเชียนเชียนไม่อยากให้เป่ยเหลียนโม่ถูกเมินเฉย เขาเองก็ยังมีญาติอยู่เช่นกัน อาเหยียนคือบุตรที่เชื่อฟังและรู้ความที่สุดในโลก และยามนี้เขาก็ยังมีนางเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่งด้วย
หวังเฟยผู้อ่อนโยนและงดงามซึ่งไม่อาจมีผู้ใดเทียบเคียงได้
“อาเหยียนไม่ได้ไปสักการะเสด็จแม่มาสักระยะแล้ว ดีเหมือนกัน” เป่ยเหลียนโม่พยักหน้า “เช่นนั้นก็ไปด้วยกัน”
เหยาเชียนเชียนพยักหน้าแรงๆ เมื่อนึกถึงสีหน้าของเป่ยเหลียนโม่ยามที่อยู่ในวังหลวงนางก็รู้สึกไม่สบายใจมาตลอด หลังจากกลับถึงจวนแล้ว ครั้งนี้นางไม่สนใจแม้แต่ของล้ำค่าที่ฮ่องเต้พระราชทานให้เป็ของขวัญด้วยซ้ำ นางพาตัวเองเข้าไปทำอะไรบางอย่างอยู่ในห้อง
“เสด็จปู่ทรงตำหนิท่านแม่หรือ?”
อาเหยียนฉงน เมื่อมองไปยังเหยาเชียนเชียนนางก็กำลังสับสนงงงวยอยู่เช่นกัน คู่พ่อลูกพยายามจะเข้าไปในห้องแต่กลับถูกเกลี้ยกล่อมด้วยความอ่อนโยนให้กลับออกมา เหยาเชียนเชียนให้คำมั่นกับพวกเขาอย่างซื่อสัตย์ว่าอีกสองสามวันจะมีเื่ให้ประหลาดใจอย่างแน่นอน
ตกกลางคืน แมวดำนั่งอยู่บนกำแพงในเรือนของเหยาเชียนเชียนพลางทอดสายตามองเข้าไปข้างใน
เื่ประหลาดใจอันใดถึงต้องปิดบังจริงจังถึงเพียงนี้ เปิ่นหวังขอดูก่อนจะเป็อะไรไป
ภายใต้แสงเทียน เหยาเชียนเชียนขมวดคิ้วพลางกลั้นหายใจวาดลายดอกไม้ลายหนึ่งขึ้นมาอย่างตั้งใจ นางไม่สามารถทำชุดนี้ด้วยตัวเองได้ รูปแบบที่อยากได้จึงต้องวาดออกมาอย่างสุดความสามารถ เช่นนี้จึงจะสามารถมอบหมายให้ผู้อื่นเอาไปทำได้
แมวดำะโขึ้นไปบนโต๊ะโดยไร้เสียง ทว่ายังไม่ทันจะมองได้ชัดเจนว่าสิ่งของบนภาพนั้นคืออะไรก็ถูกเหยาเชียนเชียนกอดเอาไว้อย่างน่าใ
“เสี่ยวไกวไกวเ้ามาหาข้าแล้ว จุ๊บๆ!”
นางจูบแมวดำแรงๆ สองครั้ง ส่งผลให้แมวดำกระดิกหูเล็กน้อยด้วยเพราะไม่ได้ััความกระตือรือร้นเช่นนี้ของนางมาระยะหนึ่งแล้ว โชคดีที่ในร่างนี้นางมองไม่เห็นว่าเขาหน้าแดง
“มานี่สิ” เหยาเชียนเชียนกดแมวดำไว้ และแสดงให้มันดูด้วยความดีใจ “นี่ของท่านอ๋อง พวกนี้ของอาเหยียน แล้วก็พวกนี้...”
นางหยิบภาพแบบร่างปึกหนึ่งออกมาแล้วกล่าวว่า “พวกนี้ของเ้า”
แมวดำหรี่ตามองไปยังกระดาษบางๆ ของตัวเอง จากนั้นก็มองอีกปึกหนึ่งที่อยู่ข้างกันและพลันรู้สึกโกรธขึ้นมา
เชิงอรรถ
[1] เป่าลมข้างหมอน เป็การอุปมาว่า ภรรยาคอยพูดเป่าหูอยู่สม่ำเสมอ
