โจวเป่าเฉิงไม่คาดคิดว่าสวี่จือจือจะกล้าแกร่งขนาดนี้ ท่าทางของเขาแบบนี้หล่อที่สุดแล้ว และพวกภรรยาตัวน้อยเ่าั้ก็ชอบฟังเขาพูดแบบนี้ที่สุด
ดังนั้นเขาจึงสรุปได้ว่าสวี่จือจือเป็ตัวประหลาด!
“เธอบ้าไปแล้ว” โจวเป่าเฉิงะโพรวดไปถึงลานบ้าน ดวงตาเล็กๆ จ้องเขม็งไปที่สวี่จือจือ “ตีฉันทำไม?”
สวี่จือจือสะบัดไม้เขี่ยไฟ “ถ้ายังมองไม่เลิก ฉันจะควักลูกตานายออกมา”
โจวเป่าเฉิงใ ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แล้วพูดตะกุกตะกัก “ยัยผู้หญิงคนนี้...เธอช่างไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเสียจริง อะไรกันนักหนา แค่มอง? ฉันมองอะไร?”
“เกิดอะไรขึ้น?” เหอเสวี่ยฉินถูกลู่หลิงซานประคองออกมา มือหนึ่งจับขอบประตู อีกข้างถูกลู่หลิงซานพยุงไว้
ทั้งสองจ้องสวี่จือจือด้วยความโกรธเคืองเช่นกัน
“แม่” โจวเป่าเฉิงเห็นเหอเสวี่ยฉินก็วิ่งเข้าไปฟ้องด้วยความน้อยใจ “เธอตีผม”
โตป่านนี้แล้วยังฟ้องอีก ไม่อายบ้างเลยหรือไง?
“แกมันตายไปแล้วหรือไง!” เหอเสวี่ยฉินพูดด้วยความขุ่นเคือง “แกเป็ผู้ชาย ยังจะถูกผู้หญิงตีอีก ไม่รู้จักสู้กลับ!”
“แล้วเธอก็อยู่เฉยๆ บ้างไม่ได้หรือไง?” เหอเสวี่ยฉินชี้หน้าด่าสวี่จือจือ “ทำตัวเหมือนพวกอันธพาล บ้านตระกูลสวี่สั่งสอนลูกหลานมาแบบนี้เหรอ? กล้าดียังไงมาตีแม้แต่น้องชายสามี?”
สวี่จือจือเบ้ปาก เธอพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมโจวเป่าเฉิงถึงได้เหิมเกริมในหมู่บ้านผานสือ ที่แท้ก็มีแม่ที่ไม่รู้จักถูกผิดคอยหนุนหลังอยู่นี่เอง
“ครั้งหน้า” สวี่จือจือใช้ไม้เขี่ยไฟชี้ไปที่โจวเป่าเฉิง “ถ้าเขายังกล้ามองหนูด้วยสายตาแบบนั้นอีก...” พูดถึงตรงนี้ เธอก็เคาะไม้เขี่ยไฟลงบนพื้นอย่างไม่ไว้หน้า “หนูจะซัดให้ฟันร่วงทั้งปาก!”
“เธอ!” ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึงกับท่าทีของสวี่จือจือ
เหอเสวี่ยฉินยิ่งโกรธจนตัวสั่นเทา
“แก ไปตีคืน” เธอชี้ไปที่โจวเป่าเฉิง “ฉันอยากรู้ว่าหล่อนจะทำให้แกกินข้าวไม่ได้ได้ไหม!”
โมโหจนแทบตายแล้ว!
“แม่” โจวเป่าเฉิงมองเหอเสวี่ยฉินด้วยท่าทีอ่อนแรง และออกจะขี้ขลาด
ตีสวี่จือจือก็ไม่เท่าไหร่ แต่ปัญหาคือตอนนี้ผู้หญิงคนนี้เป็ภรรยาของลู่จิ่งซาน ลู่จิ่งซานไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายๆ ถ้าเขาทำให้ลู่จิ่งซานโมโหขึ้นมาจริงๆ เขาก็อาจจะโดนฆ่าตายได้เลย!
โจวเป่าเฉิงไม่กล้าบอกเหอเสวี่ยฉินว่า ครั้งหนึ่งเขาเพียงแค่แอบมองลู่ซืออวี่ที่กำลังยืนอยู่บนม้านั่งเพื่อหยิบของ เขาก็เกือบโดนลู่จิ่งซานซ้อมจนแทบตาย
“ตีใคร?” เสียงของคุณนายลู่ดังขึ้น คุณนายลู่นั่งอยู่บนรถเข็น มองเหอเสวี่ยฉินด้วยท่าทีรังเกียจ “เสียแรงที่เป็ครูสอนคน เธอสอนลูกแบบนี้เหรอ?” ให้ผู้ชายตัวโตไปทำร้ายพี่สะใภ้ของตัวเองเนี่ยนะ?
“คุณแม่” เหอเสวี่ยฉินร้องไห้ “ฉันรู้ว่าคุณแม่เข้าข้างจิ่งซาน ไม่เคยเห็นหัวพวกเราสองแม่ลูก แต่ก็ไม่ควรที่จะมาข่มเหงกันแบบนี้นะคะ”
“นี่มันเป็ความแค้นอะไรกันนักหนา ถึงขั้นใช้ไม้เขี่ยไฟตีน้องชายสามีของตัวเอง!” เหอเสวี่ยฉินกล่าว “ฉันอยากจะถามว่าบ้านตระกูลสวี่สั่งสอนลูกสาวกันมาแบบไหน”
“พ่อแม่หนูถึงแม้จะเป็ชาวไร่ชาวนา แต่ก็รู้ว่าอะไรควรไม่ควร” สวี่จือจือกล่าวอย่างเฉยเมย “น้าเหอควรไปดูแลลูกชายของน้าให้ดีๆ เถอะค่ะ”
เห็นพี่สะใภ้อยู่ในครัวคนเดียวก็ไม่รู้จักหลบเลี่ยงยังจะเข้าไปหาเื่? ไม่หาเื่ก็ไม่รู้จะทำอะไรใช่ไหม?
“ลูกชายฉันไม่จำเป็ต้องให้เธอมายุ่ง” เหอเสวี่ยฉินกล่าว “ถึงเขาจะไม่ดี แต่ก็ยังมีฉันที่เป็แม่คอยสอนอยู่”
เธอเองยังไม่อยากจะแตะต้องเลยสักนิด สวี่จือจือมีสิทธิ์อะไร?
“ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนน้าเหอดูแลลูกชายของน้าให้ดีๆ นะคะ อย่าให้เขาไปสอดส่องสายตาไปทั่ว” สวี่จือจือกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า “ไม่อย่างนั้นครั้งหน้าดวงตาคู่นี้คงต้องกลายเป็แค่ของประดับ”
“ไม่รู้จักเกรงกลัวเลยสักนิด!” ถ้าไม่ติดว่าปวดเอว เธอคงจะพุ่งเข้าไปตบหน้าสวี่จือจือให้หายแค้นไปแล้ว
“คุณย่า หนูเข็นคุณย่าเข้าไปเองค่ะ” สวี่จือจือเหลือบมองโจวเป่าเฉิงอย่างไม่ใส่ใจ การพูดคุยกับคนแบบนี้มันก็เสียเวลาเปล่า
“จือจือ เธอได้รับความอยุติธรรมแล้ว” คุณนายลู่ตบมือของอีกฝ่ายเบาๆ
เธอแก่แล้วก็อยากให้บ้านสงบสุข แต่ดูๆ แล้วก็...เฮ้อ!
“คุณย่า หนูไม่เป็ไรค่ะ” สวี่จือจือยิ้ม “เดี๋ยวหนูทำบะหมี่เย็นให้กินดีไหมคะ?”
คุณนายลู่ยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
สวี่จือจือราวกับไม่รู้ถึงความคิดในใจของอีกฝ่าย หันหลังกลับไปทำอาหารต่อ
“สวี่จือจือ” ลู่หลิงซานยืนอยู่ตรงประตู “เมื่อกี้ที่เธอทำมะเขือเทศน่ะ ทำเพิ่มให้ฉันหน่อยสิ เดี๋ยวฉันจะไปพูดดีๆ กับแม่ให้”
สวี่จือจือหัวเราะ “อยากกินเหรอ? ไปทำเองสิ” คิดจะให้เธอทำให้เหอเสวี่ยฉินกินเหรอ? เพ้อฝัน!
“เธอ!” ลู่หลิงซานกระทืบเท้า “คอยดูเถอะ”
“มีอะไรอีกไหม?” ได้ยินเสียงฝีเท้า สวี่จือจือพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“พี่สะใภ้...” ลู่ซืออวี่ยืนอยู่ตรงประตู พูดด้วยเสียงแ่เบา “ฉันช่วยพี่ก่อไฟนะ!”
เื่ที่เกิดขึ้นในลานบ้านนั้น เธอไม่อยากจะนอนอยู่บนเตียงเฉยๆ เลย อยากจะลงมาช่วยพี่สะใภ้ทำอะไรบ้าง
“ถ้าอย่างนั้นเธอช่วยฉันก่อไฟหน่อยนะ” สวี่จือจือกล่าว “ตอนนี้เธอไม่เป็อะไรแล้วใช่ไหม ผ้าอนามัยได้ใส่หรือยัง?”
ลู่ซืออวี่ตอบด้วยเสียงแ่เบา
สวี่จือจือชอบกินบะหมี่เย็นที่ทำเส้นบางๆ แล้วหั่นให้เป็เส้นเล็กๆ หลังจากลวกด้วยน้ำเย็นและน้ำร้อนแล้ว ก็คลุกเคล้ากับแตงกวาซอย นำกระเทียมที่เพิ่งเก็บมาใหม่มาทุบให้ละเอียด แล้วโรยพริกป่นและงาลงไป
“พี่สะใภ้ น้ำมันร้อนหรือยังคะ?” ลู่ซืออวี่ถามด้วยความเป็ห่วง
เธอถือทัพพีในมือ ตักน้ำมันพืชใส่ลงในเตาไฟที่อยู่ใต้หม้อ คนชนบทใช้แบบนี้ในการทำอาหาร น้ำมันที่ร้อนจะราดลงบนกระเทียมและต้นหอมซอย
กลิ่นหอมของอาหารก็อบอวลไปทั่วห้อง
ลู่ซืออวี่อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
หอมก็จริง แต่ว่าน้ำมันที่ใช้เยอะไปหน่อยหรือเปล่า? เธออดเป็ห่วงสวี่จือจือไม่ได้
น้ำมันเยอะขนาดนี้ ถ้าป้าสะใภ้ใหญ่รู้คงต้องเสียดายแน่ๆ
ทัพพียังร้อนอยู่ สวี่จือจือก็ใส่น้ำส้มสายชูลงไปผัดในทัพพีเล็กน้อย เมื่อนำไปคลุกกับเส้นก็จะยิ่งอร่อย แล้วก็ทำไข่เจียวมะเขือเทศให้ลู่ซืออวี่ “ตอนนี้เธออยู่ใน่พิเศษ บะหมี่เย็นกับน้ำถั่วเขียวไม่ต้องกินนะ ตอนเที่ยงกินบะหมี่ไข่เจียวมะเขือเทศก็พอ”
แต่ว่าทำแบบนี้ดีแล้วเหรอ? กินคนเดียวแบบนี้?
ลู่ซืออวี่รู้สึกไม่อยากจะเชื่อก็ได้ยินเสียงของลู่จิ่งเหนียนดังขึ้น
“วันนี้ตอนเที่ยงกินอะไรกันเนี่ย? หอมจังเลย!” ลู่จิ่งเหนียนได้กลิ่นหอมมาแต่ไกล นึกว่าบ้านอื่นทำอะไรกิน แต่ไม่คิดว่าจะเป็บ้านตัวเอง
“บะหมี่เย็น” สวี่จือจือยิ้ม “พวกนายเลิกงานแล้วเหรอ? แล้วคุณลุงกลับมาหรือยัง?”
“บะหมี่เย็นทำไมหอมขนาดนี้?” ลู่จิ่งเหนียนไม่เชื่อ เพราะบะหมี่เย็นที่นี่ก็เป็อาหารที่เห็นได้บ่อย โดยเฉพาะหน้าร้อน กินบะหมี่น้ำมันร้อนเกินไป ทุกคนก็จะชอบทำบะหมี่เย็นกินกัน
“ไปล้างมือ” ลู่จิ่งซานเดินตามมาแล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ใส่น้ำมันผัดนิดหน่อยน่ะ” สวี่จือจือตอบ
“อะไรนะ?” จ้าวลี่เจวียนเพิ่งจะกลับมา ได้กลิ่นหอมจากในลานบ้านก็รู้สึกดีใจอยู่บ้าง อย่างน้อยก็มีข้าวกินโดยที่เธอไม่ต้องทำ จะไม่ดีใจได้อย่างไร?
แต่ว่าบะหมี่เย็นใช้ผัดน้ำมัน!
นี่...จ้าวลี่เจวียนก็รู้สึกเสียดายขึ้นมา ไม่ทันล้างมือก็เข้าไปในครัว
เหอเสวี่ยฉินตอนนี้ถูกลูกๆ พยุงออกมาแล้ว กำลังดูสวี่จือจือด้วยท่าทางที่รอชม
พี่สะใภ้ใหญ่ของเธอเป็คนตระหนี่ถี่เหนียวที่สุด ถ้าเกิดรู้ว่าสวี่จือจือเอาน้ำมันของเธอมาผลาญเล่น คงต้องทะเลาะกันบ้านแตกแน่ ๆ
ทะเลาะกันเลย ทะเลาะกันเลย เดี๋ยวเธอจะเติมฟืนให้ จะได้ไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปจากบ้าน!
“น้ำมันของฉัน!”
ในขณะนั้นเอง เสียงของจ้าวลี่เจวียนก็ดังขึ้นมาจากในครัว เหอเสวี่ยฉินยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
มาแล้ว!
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้