“หนูช่วยเธอได้...คุณปู่ฉินหนูช่วยเป่าเจียได้ ให้หนูลองเถอะนะคะ คุณต้องให้หนูลองดู”
หลินลั่วหรานใช้มือปาดเอาหยาดน้ำตาออกไปจากใบหน้า มือของเธอจับลงที่ชายแขนเสื้อของผู้บังคับบัญชาฉินก่อนจะพูดคำพูดที่น่าใออกมา
แววตาของลู่ซานชุนปรากฏประกายความหวังขึ้นมาหลิ่วเจิงเองก็ดันตัวขึ้นมาจากกำแพงและใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความหวังจ้องมองไปยังหลินลั่วหราน ราวกับในเวลาจมน้ำเมื่อได้พบกับกิ่งไม้ ก็อยากจะจับมันเอาไว้แน่นไม่ปล่อยไปไหน
ดวงตาของผู้บังคับบัญชาฉินเต็มไปด้วยความชื้นเขาคิดว่าหลินหลั่วหรานเสียใจมากจึงได้พูดอะไรแบบนี้ออกมา เขาตบลงที่มือของเธอเบาๆก่อนจะพยักหน้า “เด็กดี ความตั้งใจของหนูเป่าเจียจะต้องรู้ได้แน่ พวกเรารีบเข้าไปดูเธอเถอะ”
หัวหน้าแพทย์จ้องมองมายังหลินลั่วหรานผู้หญิงคนนี้ไม่ได้รู้เื่อะไรเอาเสียเลย เธอจะมาช่วยคนไข้ได้อย่างไรถ้าเป็แบบนั้น พวกเขาที่ยืนล้อมเตียงผ่าตัดมากว่าครึ่งวัน จะทำไปเพื่ออะไรกัน?
หลินลั่วหรานร้อนใจ เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ผู้คนเชื่อเธอเห็นได้ชัดว่าผู้บังคับบัญชาฉินไม่เชื่อคำพูดของเธอเธอควรจะทำอย่างไรดี...ทำอย่างไรจึงจะช่วยเป่าเจียได้?
ในหัวของหลินลั่วหรานเหลือเพียงความ้าจะช่วยเป่าเจียเธอไม่ได้คิดไปถึงเื่ปกปิดพลังของตัวเองเลยแม้แต่น้อย เมื่อคิดว่าผู้บังคับบัญชาฉินก็เป็คนระดับสูงคนหนึ่งอย่างไรเขาก็น่าจะเคยได้ยินเื่ที่คนธรรมดาทั่วไปไม่มีทางจะรู้มาบ้าง อย่างเช่นเื่ของผู้ฝึกศาสตร์
“คุณปู่ฉิน หนูช่วยเป่าเจียได้ เชื่อหนูสักครั้งเถอะค่ะหนูเป็คนของลัทธิเต๋า!”
ลัทธิเต๋า!
ดวงตาของผู้บังคับบัญชาฉินเปล่งประกายขึ้นมาทันที เด็กสาวตระกูลหลินเป็พวกคนที่มีพลังลึกลับอะไรแบบนั้นจริงหรือ? ถ้าเป็แบบนั้นเป่าเจียของเขา สายเืเพียงคนเดียวของเขา ก็อาจจะมีหนทางรอดอย่างนั้นเหรอ?
แต่ว่า เธอเด็กเกินไป ต่อให้เกิดมาเป็คนในลัทธิเต๋าจริง เธอจะมีความสามารถพอจะช่วยเป่าเจียได้อย่างนั้นเหรอ?
ภายในเวลานี้จิตใจของผู้บังคับบัญชาฉินขึ้นลงไม่สงบนิ่งแต่กลับพยักหน้าลงโดยไม่ทันได้รู้ตัว
หลินลั่วหรานดีใจขึ้นมาเธอรู้สึกว่าทั่วร่างของเธอกำลังปลดปล่อยพลังมากมายออกมาเธอไม่สามารถทำตัวสุภาพได้อีกต่อไปเธอจัดการผลักหัวหน้าแพทย์ที่ยืนอยู่หน้าประตูออกก่อนจะรีบร้อนพุ่งตัวเข้าไปในห้องผ่าตัด
เสียงร้องใของเหล่าหมอและพยาบาลดังขึ้นมาจากด้านในก่อนจะพากันเดินออกมา ความจริงคือหลินลั่วหรานไล่พวกเขาออกมาก่อนที่จะปิดประตูดังปัง
เหล่าหมอและพยาบาลต่างก็พากันรุมล้อมผู้บังคับบัญชาฉินเพื่อฟังคำอธิบายผู้บังคับบัญชาฉินจับมือแน่น
“ทุกท่าน อย่างไรหลานสาวของฉันก็ถูกพวกคุณแจ้งว่าไม่มีทางช่วยเหลือแล้วดังนั้นให้เธอได้ลองดูสักหน่อยก็ได้...แม้ว่าจะล้มเหลวก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทุกท่าน ขอบคุณความช่วยเหลือที่มีต่อตระกูลฉินในวันนี้”
คำพูดของผู้บังคับบัญชาฉินมีเหตุผลเมื่อได้ยินว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบของตัวเองเหล่าหมอก็ไม่ได้โวยวายอีกต่อไป แล้วสงบนิ่งอยู่ที่โถงทางเดิน คนที่พวกเขาแจ้งว่าไม่มีทางช่วยแล้ว หญิงสาวที่งดงามจนน่าเหลือเชื่อคนนั้นจะสามารถใช้ความสามารถของเธอช่วยกลับมาได้จริงเหรอ?
ลู่ซานชุนสงสัย เขาอยากจะถามผู้บังคับบัญชาฉินว่า “ลัทธิเต๋า” คืออะไรทำไมพอผู้บังคับบัญชาฉินได้ยินสองคำนี้ ก็ยินยอมให้เธอเข้าไปช่วยเป่าเจียแต่เมื่อเห็นท่าทางเงียบสงบของผู้บังคับบัญชาฉิน ลู่ซานชุนก็ไม่กล้าที่จะรบกวนแล้ว
แต่ผู้บังคับบัญชาฉินกลับหันหน้ากลับมา ก่อนจะพูดออกมาด้วยความเข้มงวด “ไม่ว่าสุดท้ายแล้ว ผลจะออกมาเป็อย่างไร เื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ฉันไม่หวังว่ามันจะถูกเผยแพร่ออกไปสู่ภายนอก!”
เหล่านายทหาร รวมทั้งลู่ซานชุนเก็บขายืนอย่างเป็ระเบียบก่อนจะทำความเคารพ
“รับทราบ!”
เหล่าคุณหมอที่ยืดคอออกมา ต่างก็พากันให้คำสัญญา
ผู้บังคับบัญชาฉินหันไปทางหลิ่วเจิง เขายิ้มขึ้นมาเจื่อนๆ “ผมรับประกันว่าจะไม่ให้ใครนอกจากผมรู้เื่นี้เด็ดขาด”
ผู้บังคับบัญชาฉินไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกแล้วทอดสายตากลับไปยังประตูใหญ่ที่ปิดแน่นของห้องผ่าตัดสายตาของเขาแสดงความสับสนออกมาก่อนจะคิดไปถึง่าที่เต็มไปด้วยควันปืนเมื่อครึ่งศตวรรษก่อน
ลัทธิเต๋าเหรอ...เขาในตอนนั้น ยังเป็เพียงนายทหารน้อยๆ ที่ใส่เสื้อผ้าที่ขาดวิ่นอยู่เลย
ไม่ว่าผู้บังคับบัญชาฉินจะคิดอะไรอยู่หลังจากได้ยินคำว่า “ลัทธิเต๋า”จากปากของเธอ ในตอนนี้หลินลั่วหรานก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับความคิดของคนอื่นแล้ว
เธอรีบพุ่งตัวเข้ามา ท่ามกลางคำด่าทอของเหล่าหมอและพยาบาลในตอนนั้นหลินลั่วหรานไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เธอกวาดสายตามองก่อนจะพบเป่าเจียที่นอนปิดตาสนิทอยู่บนเตียงผ่าตัด
บริเวณศีรษะของเธอถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าพันแผลหนาเส้นผมสวยงามในวันวานตอนนี้ไม่เหลือเลยแม้แต่เส้นเดียวบนผ้าพันแผลยังคงมีร่องรอยของเืสีแดงเข้มติดอยู่ดูเหมือนว่าจะผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกไปเรียบร้อยแล้ว
“ออกไป ออกไปให้หมด!” หลินลั่วหรานไม่สนใจที่จะสุภาพอีกต่อไปแล้วเธอจัดการไล่หมอและพยาบาลที่ด่าทอเธออยู่ออกไปจากห้องผ่าตัดก่อนจะปิดประตูเสียงดังปัง แล้วจึงกลับมาดูเป่าเจีย
เส้นชีพจรของเธอเริ่มจะไร้เรี่ยวแรงขึ้นทุกที รอยเืเป็จุดๆอยู่บนใบหน้าขาวซีดของเป่าเจียมันซีดเซียวไม่เหมือนกับนางเอกในละครที่ซีดเซียวแต่ดูสวยงามแบบนั้นแต่มันกลับซีดเซียวเหลือเกิน
ในสายตาของหลินลั่วหราน เหล่ากลุ่มหมอกสีเทาที่ไหลเวียนอยู่บนโลกใบนี้และก็ราวกับว่าผู้หญิงคนนี้จะเดินทางมาจนถึงจุดสุดท้ายของชีวิตของเธอแล้วพวกมันต่างพากันพยายามเอาเปรียบเป่าเจียที่นอนอยู่บนเตียงผ่าตัดมันเคลื่อนตัวผ่านร่างของเธอไปมา
หลินลั่วหรานวางมือขวาของตัวเองลงบนร่างของเป่าเจียด้วยความลังเลเมื่อหมอกสีเทาเ่าั้ได้พบกับแสงสลัวๆ ของไข่มุก ก็กระจายหายไป และค่อยๆ ออกมาจากร่างของเป่าเจีย
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเืของเป่าเจีย ทำให้เธอรู้สึกโมโหขึ้นมา
หรือว่าหมอกสีเทาเหล่านี้ จะสามารถส่งผลต่อชีวิตของคนได้? เมื่อมันเกี่ยวกับความเป็ความตายของเพื่อนรักหลินลั่วหรานก็ไม่ได้มีเวลาไปทำความเข้าใจกับมันมากนัก ความคิดนี้จึงผ่านเข้ามาก่อนจะผ่านออกไป
เธอพูดจามั่นใจไปต่อหน้าผู้บังคับบัญชาฉินความจริงเพียงแค่้าโอกาสให้ตัวเองสักนิดเท่านั้น และก็เพื่อโอกาสรอดเล็กๆของเป่าเจีย ในใจของเธอเต็มไปด้วยความเชื่อ ก่อนจะพุ่งเข้ามาในห้องผ่าตัด
ความเร่งรีบในตอนแรกค่อยๆ หายไป ในเวลาที่้าความมั่นคงแบบนี้หลินลั่วหรานก็พยายามสงบใจกลับมา
ใจเย็น เราจะต้องใจเย็นๆ จะทำอะไรมั่วๆไม่ได้...หลินลั่วหรานยื่นมือขวาที่สั่นสะท้านของตัวเองออกไปก่อนจะััลงบนใบหน้าเย็นเฉียบของเป่าเจีย ตอนนี้เวลาชีวิตของเป่าเจียกำลังไหลผ่านไปเธอจะต้องทำอย่างไรจึงจะช่วยเป่าเจียได้?
โสม? น้ำแร่?
ไม่ใช่ ไม่ใช่ทั้งนั้น อาการของเป่าเจียคือาแภายในเืของเธอไหลคลั่งออกมามาก
ต้องหยุดเื! ต้องป้องกันรักษาสมองของเป่าเจียเอาไว้!
เมื่อคิดได้ดังนี้ เธอก็นำมือซ้ายวางลงบริเวณหน้าอกของเป่าเจียมือขวาวางลงบนหน้าผากที่เย็นเฉียบของเธอ เพื่อเคลื่อนย้ายพลังจากในกาย แล้วค่อยๆเข้าไปตรวจในร่างกายของเป่าเจีย
จิตรับรู้ของหลินลั่วหราน ทำให้ร่างของเป่าเจียเป็เหมือนกับหินแร่พวกนั้นแม้ว่าการมองเห็นภายในจะทำให้เธอสามารถมองเห็นสถานการณ์ภายในของตัวเองได้แต่ก็ไม่มีเหตุที่จะต้องมองเข้าไปในตัวของเป่าเจีย ใจเย็นก่อน ใจเย็นลงอีก...
เสียงของเส้นชีพจรของเป่าเจียไม่สามารถที่จะรบกวนหลินลั่วหรานได้อีกต่อไปเธอวางมือลงบนร่างของเป่าเจีย ก่อนจะพยายามเข้าสู่สถานะการณ์มองภายใน
ตอนแรกก็สามารถมองเห็นเพียงสถานการณ์ของร่างกายตัวเองหลินลั่วหรานพยายามที่จะถ่ายทอดจิตรับรู้ของเธอไปยังร่างของเป่าเจียในตอนแรกเธอสามารถเห็นเพียงพลังเืของเป่าเจียนั้นอ่อนแอมากหากว่ายังพบการไหลออกมาของเื ก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมปริมาณเืของเป่าเจียจึงต่ำมาก
หลินลั่วหรานรวบรวมพลัง ส่งไปยังดวงตาทั้งสองของตัวเองดวงตาของเธอได้รับพลัง และจิตรับรู้รวมเข้าด้วยกัน ร่างของเป่าเจียก็ค่อยๆโปร่งใสขึ้น...
ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ว่าร่างกายของเป่าเจียโปร่งใสขึ้นมาแต่เป็หลินลั่วหรานที่กำลังมองทะลุลงไปจากร่างกาย จนเห็นอวัยวะภายในต่างหาก!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้