เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงถานอี้ะโขึ้นหลังคาไล่ตามคนที่ยิงธนูเย็นดอกนี้ไป เขาะโจากหลังคาเรือนนี้ไปยังหลังคาของเรือนอีกหลัง
“ใครกัน ถึงกับกล้ายิงธนูเย็นใส่ท่านอ๋อง? ” เยว่เฟิงเกอที่ใบหน้าก่อนนี้ยังเก่อร้อนเอียงอาย ยามนี้กลับมาเป็ปกติแล้ว
คาดว่าคนผู้นั้นคงจะซุ่มอยู่ที่นี่นานแล้ว ไม่เช่นนั้นเขาจะรู้ได้อย่างไรว่ายามนี้ม่อหลิงหานอยู่ในห้องหนังสือ
และจากระดับวรยุทธ์ของถานอี้ เป็ไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่รู้สึกตัว แสดงว่าวรยุทธ์ของคนผู้นั้นจะต้องไม่ธรรมดา
คิดถึงตรงนี้ สายตาของเยว่เฟิงเกอก็ส่องประกายวาบน่าหวาดหวั่น
ม่อหลิงหานพึมพำเสียงเบา “ดูท่าเขาคงจะทนรอไม่ไหวแล้ว”
“เป็ใคร? ” เยว่เฟิงเกอแปลกใจมาก คำพูดของม่อหลิงหานฟังดูเหมือนจะรู้แล้วว่าคือใคร
มุมปากม่อหลิงหานฉีกรอยยิ้มเยาะหยัน “เสนาบดีฝ่ายซ้าย ฉินเกา”
เมื่อได้ยินชื่อฉินเกาจากปากม่อหลิงหาน เยว่เฟิงเกอก็นึกถึงฉินหว่านและฉินซงพี่ชายตัวอวบอ้วนของอีกฝ่าย
นางรู้ว่าฉินเกาเป็บิดาแท้ๆ ของสองคนนี้ เป็เสนาบดีฝ่ายซ้ายคนปัจจุบัน
ฉินหว่านและฉินซงต่างถือตนว่ามีบิดาเป็ผู้มีอำนาจจึงใช้อำนาจบาตรใหญ่รังแกคนที่อ่อนแอกว่า หาญกล้าหาเื่ผู้อื่นไปทั่ว
ฉินหว่านตอนนี้ถูกม่อหลิงหานส่งไปอยู่ตำหนักเย็น ยังไม่ถูกปล่อยตัวออกมา
ส่วนฉินซงถูกนางเตะเข้าจุดยุทธศาสตร์ ลูกเตะนางไม่มีแ่ คาดว่าเขาคงต้องเ็ปไม่น้อย
ดูท่าที่ฉินเกาบังอาจมาท้าทายม่อหลิงหาน คงจะเกี่ยวข้องกับสองเื่นี้อย่างแน่นอน
เพียงแต่จากตำแหน่งอันสูงส่งของฉินเกา หากคนคิดจะทำร้ายม่อหลิงหานก็ควรกระทำอย่างลับๆ มากกว่า ไม่น่าจะทำอะไรโจ่งแจ้งเช่นนี้
อย่างไรเสีย ม่อหลิงหานก็เป็จั้นอ๋อง เป็องค์ชายพระองค์รองของฮ่องเต้ ต่อให้ฉินเกาจะบังอาจแค่ไหน ก็คงไม่ท้าทายอย่างออกนอกหน้าเช่นนี้แน่
ดูท่าเื่นี้คงจะไม่ง่ายดายเช่นนั้น
เยว่เฟิงเกอลูบคาง นางวิเคราะห์ให้ม่อหลิงหานฟัง “ท่านอ๋อง หม่อมฉันคิดว่าไม่น่าจะเป็ฉินเกา”
“เพราะเหตุใดจึงไม่คิดว่าเป็ฉินเกา? ” ม่อหลิงหานเลิกคิ้ว มองเยว่เฟิงเกอตาไม่กะพริบ
เมื่อเยว่เฟิงเกอเล่าความคิดของนางให้เขาฟังทั้งหมด ม่อหลิงหานก็พยักหน้าน้อยๆ คิดว่าที่นางพูดมานั้นมีเหตุผลยิ่ง
ที่จริงแล้วตอนที่เขาพูดชื่อฉินเกาออกมา ในใจก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน
ฉินเกาผู้นี้เป็จิ้งจอกเฒ่า ไม่ว่าจะทำอะไรล้วนรอบคอบไร้ช่องโหว่ เขามักแอบอยู่ในที่ลับ หาโอกาสทำร้ายผู้อื่นลับหลัง จึงไม่เคยท้าทายใครอย่างเปิดเผยเช่นนี้มาก่อน
แต่หากไม่ใช่ฉินเกา เช่นนั้นจะเป็ใครกันที่กล้ามายิงธนูเย็นในจวนอ๋องเช่นนี้
ชั่วขณะนั้นคนทั้งสองต่างได้แต่นิ่งเงียบไป เห็นทีคงมีแต่ต้องรอให้ถานอี้จับคนคนนั้นมาให้ได้ก่อนแล้วค่อยสอบสวน
ถานอี้กลับมาอย่างรวดเร็วและไม่ได้ทำให้พวกเขาทั้งสองต้องผิดหวัง เขาจับตัวคนที่ยิงธนูคนนั้นกลับมาได้
ชายคนนั้นสวมอาภรณ์สีดำ บนหน้ามีหนวดเครารุงรัง ในมือยังถือธนูไว้ด้วย
เมื่อเยว่เฟิงเกอเห็นคนคนนี้ก็อดตกตะลึงไม่ได้ “เหตุใดจึงเป็เ้าอีกแล้ว? ”
ถึงแม้รูปลักษณ์ของคนผู้นี้จะไม่คุ้นหน้าคุ้นตา แต่ดวงตาดอกท้อแสนเ้าเล่ห์คู่นั้นกลับทำให้เยว่เฟิงเกอจำได้ทันทีว่า คนคนนี้ก็คือซ่างกวานม่อินั่นเอง
ซ่างกวานม่อิคิดไม่ถึงว่า แม้เขาจะแปลงโฉมแล้ว ก็ยังถูกเยว่เฟิงเกอจับได้
เขาถลึงตามองเยว่เฟิงเกอแล้วผินหน้าไปอีกทาง ไม่ยอมมองนางอีก
เนื่องจากวันนี้ซ่างกวานม่อิปลอมตัวมา ม่อหลิงหานจึงดูไม่ออกว่าอีกฝ่ายคือใคร
เมื่อเขาเห็นว่าเยว่เฟิงเกอรู้จักคนผู้นี้ ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
“ชายารักรู้จักเขา? ” ม่อหลิงหานถามเสียงขรึม
เขาไม่อยากให้ข้างกายเยว่เฟิงเกอมีชายอื่นใดนอกจากเขามาปรากฏตัว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็ผู้ไล่ตามร้องขอความรักจากนาง หรือไล่ล่าสังหารนางก็ตาม
เยว่เฟิงเกอเห็นว่าโรคหวาดระแวงของม่อหลิงหานใกล้จะกำเริบอีกแล้ว ท่าทางที่เอะอะนิดหน่อยก็พร้อมจะกินน้ำส้มสายชูของเขานี้ ทำให้เยว่เฟิงเกอรู้สึกเหลือรับจริงๆ
ดังนั้น เพื่อไม่ให้ม่อหลิงหานเข้าใจนางผิดอีก นางจึงรีบตบโต๊ะแล้วตะคอกเสียงใส่ซ่างกวานม่อิ “ซ่างกวานม่อิ สมองเ้ายังปกติดีอยู่หรือไม่? ”
“เ้าจ้องเอาแต่จะหาเื่ข้าครั้งแล้วครั้งเล่าก็ช่างเถอะ ข้าล้วนไม่ถือสาเอาความ มิคาดเ้าจะยังกล้ายิงธนูเย็นใส่ท่านอ๋องของข้าอีก”
“เ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ? ”
เมื่อได้ยินเยว่เฟิงเกอพูดว่าคนมาหาเื่นางบ่อยๆ ม่อหลิงหานก็ขมวดคิ้วมุ่นทันที
สีหน้าเขาเ็า ตั้งท่าเตรียมซัดฝ่ามือเข้าใส่ซ่างกวานม่อิ
คนที่กล้ามารังควานชายารักของเขาล้วนสมควรตาย
ซ่างกวานม่อิเห็นฝ่ามือทรงพลังที่กำลังจะซัดมาใส่ ก็รีบดิ้นรนสลัดให้หลุดจากการเกาะกุมของถานอี้ เพื่อวิ่งหนีไปทางประตู
โชคดีที่เขาว่องไวพอ หลบการโจมตีนั้นได้อย่างฉิวเฉียด ไม่เช่นนั้นตอนนี้เขาคงได้ไปพบยมบาลแล้ว
แต่แม้เขาจะหลบฝ่ามือนี้ไปได้ก็ยังไม่อาจหนีออกไปจากห้องนี้ได้
ตอนที่ซ่างกวานม่อิกำลังจะวิ่งหนีออกไปจากประตู ประตูใหญ่ก็ปิดดัง “ปัง” ใส่หน้าเขา
เยว่เฟิงเกอเห็นว่าม่อหลิงหานคิดจะเล่นซ่างกวานม่อิถึงตาย นางก็รีบคว้ามือของเขาไว้
“ท่านอ๋อง จัดการกับคนเช่นนี้ไม่ต้องให้ถึงมือพระองค์ ให้หม่อมฉันจัดการเองเถิดเพคะ”
เยว่เฟิงเกอพูดจบก็ยืนขึ้น เดินก้าวยาวๆ ไปหาซ่างกวานม่อิ
ซ่างกวานม่อิรู้ซึ้งถึงความร้ายกาจของเยว่เฟิงเกอดี เขาคิดว่าในเมื่อสู้เยว่เฟิงเกอไม่ได้ เช่นนั้นเขาจะส่งหนังสือท้าดวลกับจั้นอ๋องผู้นี้แทน
มิคาดลูกน้องของจั้นอ๋องเองก็ร้ายกาจไม่เบา
เดิมทีเขาคิดว่าวิชาตัวเบาของตนไม่เลว แต่สุดท้ายก็ยังถูกองครักษ์ผู้นี้จับตัวได้
คนทั้งสองประมือกันบนหลังคาไม่กี่กระบวน สุดท้ายเป็ซ่างกวานม่อิที่ถูกลูกเตะของถานอี้ทำให้ร่วงหล่นตกจากหลังคา
ซ่างกวานม่อิไม่ทันได้หนีก็ถูกถานอี้จับตัวได้
ตอนนี้เขาไร้ทางหนีแล้วจึงทำได้เพียงหันกลับไปเผชิญหน้ากับเยว่เฟิงเกอ
ซ่างกวานม่อิถลึงตามองเยว่เฟิงเกออย่างดุร้าย เมื่อครู่นางทำอะไรกับม่อหลิงหานบ้าง แน่นอนว่าเขาเห็นกับตาทั้งหมด
ซ่างกวานม่อิกัดฟันกล่าวว่า “เยว่เฟิงเกอ วันนี้ข้าถูกเ้าจับได้ ข้าขอยอมตาย แต่ว่า ฟ้ามีตา ทุกอย่างที่เ้าทำไว้กับมู่เหยียนเฉิน สักวันจักคืนสนองแก่ตัวเ้า”
“ข้าเพียงอยากถามว่า เ้าไล่มู่เหยียนเฉินไปยังสถานที่เช่นเมืองหิมะลุ่มหลงนั่น จนถึงตอนนี้ยังไม่อาจออกมาได้ ส่วนตนกลับมารักใคร่อยู่กับจั้นอ๋องที่นี่ คุณธรรมในจิตใจของเ้าไม่สั่นคลอนบ้างเลยหรือ? ”
เยว่เฟิงเกอได้ยินเช่นนี้ก็อดกลอกตามองบนไม่ได้ นางเดินไปถึงข้างกายซ่างกวานม่อิ ยิ้มเ็า “ซ่างกวานม่อิ ในเมื่อเ้าหาเื่ข้าไม่เลิก เช่นนั้นวันนี้เราก็มาทำให้มันจบๆ กันไปเลยเถอะ”
“เอาเื่มู่เหยียนเฉินก่อน ข้าอยากถามเ้าว่า ข้าบังคับให้เขาไปที่เมืองหิมะลุ่มหลงเมื่อใด? เขาไปของเขาเองต่างหาก”
“อีกอย่าง ข้าช่วยมู่เหยียนเฉินและมู่เหยียนรั่วออกมาจากด่านกลไกไร้เทียมทานแล้ว ส่วนว่าหลังจากนี้พวกเขาจะออกมาจากเมืองหิมะลุ่มหลงได้หรือไม่อย่างไร ก็ต้องดูที่ความสามารถของพวกเขาแล้ว”
“ต่อไป ตัวเ้า เ้าแอบดูข้าและท่านอ๋องโดยไม่ได้รับอนุญาต ช่างไร้มารยาท สมควรถูกลงโทษ”
“แต่เ้าไม่เพียงไม่รู้สึกละอายใจกับสิ่งที่ตนทำ ยังกล้ายิงธนูเย็นมาท้าทายท่านอ๋องของข้า ซึ่งถือเป็การรบกวนและทำให้ท่านอ๋องต้องตกพระทัย สมควรถูกลงโทษยิ่งแล้ว”
“ไหนเ้าว่ามาสิ โทษหลายกระทงเช่นนี้ เ้าอยากจะตายด้วยวิธีใด? ”
ซ่างกวานม่อิถูกตะคอกใส่จนตกตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่าเยว่เฟิงเกอจะฝีปากคมเช่นนี้ นางถึงกับคาดโทษออกมาเสร็จสรรพ
เพียงแต่ตอนที่ได้ยินเยว่เฟิงเกอบอกว่านางได้ช่วยมู่เหยียนเฉินออกมาจากด่านกลไกไร้เทียมทานแล้ว ใจเขาก็ปฏิเสธคำพูดนี้ทันที
เขาคิดว่าเยว่เฟิงเกอกำลังพูดจาไร้สาระเพื่อตัวนางเองอยู่ ตัวนางนี้อยู่ที่เป่ยชวน แล้วจะไปช่วยมู่เหยียนเฉินและมู่เหยียนรั่วที่เมืองหิมะลุ่มหลงได้อย่างไร
หรือว่านางแบ่งร่างได้?
คิดถึงตรงนี้ซ่างกวานม่อิก็ยิ้มเย็น “เยว่เฟิงเกอ เ้าจะโกหกก็ให้มันสมเหตุสมผลหน่อย”
“เ้าอยู่ที่แคว้นเป่ยชวนตลอด จะไปช่วยมู่เหยียนเฉินมู่เหยียนรั่วที่เมืองหิมะลุ่มหลงได้อย่างไร? ”
“หรือเ้าสามารถแยกร่างได้ คนหนึ่งอยู่เป่ยชวน อีกคนกลับไปแคว้นเสวี่ยอวี้? ”
“หึหึ น่าขำสิ้นดี”
“ข้าว่าเ้ามันสตรีดอกหยางน้ำ [1] ไร้ยางอาย หลังจากหลอกให้มู่เหยียนเฉินหลงรักเ้าได้สำเร็จ ก็มาลวงหลอกเอาหัวใจจั้นอ๋องที่เป่ยชวน”
“แต่ก็ดีที่พวกเ้ามันคนประเภทเดียวกัน ปล่อยให้พวกเ้าหลอกลวงกันไปมา ทำร้ายซึ่งกันและกันเช่นนี้ ช่างน่าสนุกนัก”
ซ่างกวานม่อิพูดจบก็เงยหน้าหัวเราะฮ่าฮ่า
“ซ่างกวานม่อิ เ้าด่าใครสตรีดอกหยางน้ำไร้ยางอาย” เยว่เฟิงเกอโกรธมากจึงตวัดฝ่ามือออกไป
ชั่วขณะนั้นก็ได้ยินเสียง “เพี๊ยะ” ดังอื้ออึง ใบหน้าของซ่างกวานม่อิมีรอยนิ้วมือห้ารอยชัดเจน
หนวดที่ติดอยู่บนหน้าก็ถูกแรงตบนี้ทำเอาหลุดร่วงลงพื้น
ซ่างกวานม่อิถูกตบจนปวดแสบปวดร้อนราวกับไฟรนหน้า
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] สตรีดอกหยางน้ำ(水性杨花的女人)หมายถึงสตรีที่มีนิสัยเ้าชู้ชอบปั่นหัวผู้ชายหลายคนให้หลงรัก แต่กลับไม่จริงใจกับใคร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้