ยามพลบค่ำ เมื่อกลุ่มขบวนรถม้าผ่านทางมาถึงหน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง พวกเขาก็หยุดขบวนรถลง เพื่อแวะพักในโรงเตี๊ยมแห่งนี้
หลังจากขบวนรถม้าหยุดอยู่หน้าโรงเตี๊ยมแล้ว พวกเขาได้เหลือผู้คุ้มกันเอาไว้สองคนเพื่อคอยเฝ้าดูแลสินค้า ส่วนคนที่เหลือต่างก็เข้าไปในโรงเตี๊ยมเพื่อรับประทานอาหาร
“ไอหยา ยินดีต้อนรับขอรับนายท่าน เรียนเชิญด้านในเลยขอรับ”
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในโรงเตี๊ยม เสี่ยวเอ้อร์*ก็รีบออกมาต้อนรับอย่างกระตือรือร้น
(*พนักงานบริกร เด็กรับใช้เบ็ดเตล็ด)
“เสี่ยวเอ้อร์ ไปนำเหล้าชั้นดีมาสามไห และรีบนำอาหารขึ้นชื่อมาขึ้นโต๊ะเสีย”
ผู้าุโสี่ของตระกูลมู่กล่าวขึ้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาแวะพักในโรงเตี๊ยมแห่งนี้
“ขอรับนายท่านมู่ ขอท่านโปรดรอสักครู่”
จากนั้นเสี่ยวเอ้อร์ก็ถอยออกไปสั่งอาหารในห้องครัว ก่อนจะไปยังห้องเก็บเหล้าเพื่อหยิบเหล้าออกมาสามไห แต่ภายในไหเหล้าเ่าั้มีผงยาที่ถูกเตรียมเอาไว้อยู่แล้ว
ใบหน้าของเสี่ยวเอ้อร์เผยให้เห็นถึงร่องรอยของความเหี้ยมโหดแวบผ่าน เขาทำการเขย่าไหเหล้าทั้งสามก่อนจะนำออกไป เพียงไม่นานเหล้าทั้งสามไหก็ถูกวางลงบนโต๊ะอาหารสามโต๊ะ
ผู้าุโสี่และคนอื่นๆ ทำการเปิดไหเหล้าและเทแจกจ่ายลงในชามดื่มทันที
“มา ดื่ม!”
ทุกคนต่างยกแขนเสื้อปิดหน้าก่อนจะยกชามเหล้าขึ้นดื่ม เมื่อดื่มเสร็จพวกเขาก็สะบัดแขนเสื้อและวางชามลง
หลังจากดื่มเหล้ากันแล้วพวกเขาก็เริ่มพูดคุยกัน
เมื่อเห็นว่าทุกคนดื่มเหล้ากันหมดแล้ว เสี่ยวเอ้อร์ก็แสยะยิ้มออกมาอย่างพอใจ
เพียงไม่นานอาหารก็ถูกยกออกมา
“ไอหยา นี่มันอะไรกัน เหตุใดข้าจึงรู้สึกเวียนหัวยิ่งนัก...”
ผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่คนหนึ่งของตระกูลมู่รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน จากนั้นเขาก็ล้มฟุบลงบนพื้นในทันที
“เฮ้ ตื่นสิ เ้าเป็อะไรไป?”
คนอื่นต่างใกับท่าทางของอีกฝ่าย แต่แล้วพวกเขาต่างก็เซล้มลงไปบนพื้นเช่นกัน มีบางคนพยายามคว้าโต๊ะเอาไว้เพื่อหวังจะพยุงตัวเอง แต่สุดท้ายก็ล้มพับสลบไปยู่ดี
“ฮ่าๆ ๆ ๆ เสี่ยวเอ้อร์ เ้าทำได้ดีมาก”
ทันใดนั้นได้มีเสียงหัวเราะดังขึ้นจาก้า พร้อมกับกลุ่มชายชุดดำกลุ่มหนึ่งที่เดินลงมา
หนึ่งในนั้นโยนป้ายทองให้กับเสี่ยวเอ้อร์ โดยที่เสี่ยวเอ้อร์ก็รีบคว้าเอาไว้ด้วยความยินดีเป็อย่างยิ่ง
กลุ่มชายชุดดำรีบลงมาตรวจสอบกลุ่มคนตระกูลมู่ที่กำลังนอนกองอยู่บนพื้น แต่ละคนต่างเผยสีหน้าเหี้ยมเกรียมออกมาอย่างไม่คิดจะปิดบัง
“ตระกูลมู่หนอตระกูลมู่ ใครใช้ให้พวกเ้ารับเลี้ยงคนที่ไม่ควรรับเอาไว้เล่า”
หนึ่งในชายชุดดำพึมพำออกมา จากนั้นเขาได้โบกมือและกล่าวขึ้นอย่างเ็าว่า “ฆ่าพวกมันให้หมด!”
กลุ่มคนชุดดำได้ถือดาบและกระบี่สาวเท้าเดินก้าวเข้าไปหาผู้คนที่นอนฟุบอยู่บนพื้นในทันที
หนึ่งในนั้นง้างดาบเล่มยาวขึ้น หมายจะฟันลงไปบนศีรษะของผู้าุโห้าที่กำลังนอนอยู่บนพื้น
แต่ทันใดนั้นเอง ดวงตาที่ปิดสนิทของผู้าุโห้าก็ได้เบิกโพล่งขึ้น พร้อมกับหมัดของเขาที่พุ่งไปยังศีรษะของชายชุดดำผู้นั้นอย่างรวดเร็ว
พลังปราณสีเหลืองจากตัวหมัดได้ะเิขออกมา พร้อมกับที่พลังปราณระดับหนิงกังก็ได้เข้ามาห่อหุ้มร่างกายของเขาเอาไว้อย่างสมบูรณ์
แกร๊ง!
เมื่อดาบที่พุ่งเข้ามาเล่มนั้นปะทะกับเกราะพลังปราณ มันก็เด้งสะท้อนกลับไปในทันที และในขณะเดียวกันนั้นหมัดอันทรงพลังก็ได้พุ่งเข้าใส่ศีรษะของชายคนผู้นั้นอย่างเต็มแรง
เปรี้ยง!
ศิษย์คนอื่นในตระกูลมู่ที่นอนไม่ได้สติในคราแรกต่างหยัดกายลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พวกเขาต่างคว้าอาวุธของตัวเองออกมา ก่อนจะพุ่งกระโจนเข้าใส่กลุ่มชายชุดดำที่หมายจะสังหารพวกเขาในทันที
“นี่มันอะไร!”
ชายวัยกลางคนซึ่งเป็ผู้นำกลุ่มถึงกับหน้าซีดเผือดด้วยความใ ใบหน้าภายใต้ผ้าปิดหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็น่าเกลียดในทันที เขาหันไปมองทางเสี่ยวเอ้อร์ที่ในเวลานี้ได้หายตัวไปแล้ว
ผู้าุโห้าและคนตระกูลมู่ต่างมองมายังกลุ่มของชายชุดดำ ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างเย้ยหยันว่า “ผู้นำตระกูลหวง เ้าปลดผ้าปิดหน้าออกเถอะ”
เมื่อได้ยินคำเรียกนี้ หัวใจของชายวัยกลางคนก็จมดิ่งลงในทันที เขากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “ผู้าุโห้า พวกเ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกข้าจะลงมือโจมตี?”
เมื่ออีกฝ่ายปลดผ้าปิดหน้าลงก็พบว่าเป็หวงไท่จริงดังคาด
“ฮึ่ม ใช้กลอุบายเดิมถึงสองครั้ง คิดว่าพวกเราจะตกหลุมพรางเป็ครั้งที่สองรึ? ดูเหมือนว่าสิ่งที่คุณชายคาดการณ์เอาไว้จะไม่ผิด ครั้งก่อนก็เป็ฝีมือของพวกเ้าสินะ”
ผู้าุโห้ากล่าวเสียงเย็น
“เฮอะ พวกเ้ารู้แล้วอย่างไร ตอนนี้ก็มีเพียงเ้าและผู้าุโสี่เท่านั้น ลำพังเพียงคนแค่นี้คิดหรือว่าจะสามารถรอดกลับไปได้?”
หวงไท่หัวเราะเยาะ ครั้งนี้เขานำผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกังมาด้วยถึงสี่คน นอกจากนี้ยังมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่อีกสามสิบคน
“ฮ่าๆ ๆ ๆ หวงไท่หนอหวงไท่ เ้านี่มันสมองหมูเสียจริง ในเมื่อพวกข้ารู้แล้วว่าพวกเ้าดักซุ่มโจมตี เ้าคิดหรือว่าพวกข้าจะพาคนมาเพียงแค่นี้”
ทันใดนั้นได้ปรากฏเสียงหัวเราะดังมาจากด้านนอก พร้อมเสียงเปิดประตูดังโครม ฉับพลันนั้นด้านนอกได้ปรากฏเงาร่างของมู่ไห่ มู่ฝู มู่จง มู่เฟิงและผู้าุโใหญ่ในตระกูลมู่อีกสองคน นอกจากนี้ยังมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่อีกเจ็ดถึงแปดคน
เมื่อเห็นดังนั้นสีหน้าของหวงไท่พลันมืดครึ้มลงในทันที
“คาดไม่ถึงเลยว่าเ้าจะคิดเป็ศัตรูกับตระกูลมู่ของข้าจริงๆ หวงไท่ ระหว่างเราสองตระกูลนั้นเสมือนน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง* ทำเช่นนี้เป็เ้าที่รนหาที่ตายเอง”
(*ต่างคนต่างอยู่ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน)
มู่ไห่กล่าวขึ้นเสียงเย็น
“น้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง เฮอะ บุตรชายของข้าถูกเ้ามู่เฟิงผู้นั้นตัดแขนจนขาด เช่นนี้จะไม่ให้ข้าคิดแค้นได้รึ?”
หวงไท่จ้องมองไปยังมู่เฟิงอย่างเ็า พร้อมกล่าวตำหนิว่าอีกฝ่ายเป็ตัวต้นเหตุ
หวงไท่ะโสั่งการขึ้นมาอย่างฉับพลับ “ล้อมสังหารพวกมัน!”
ทันใดนั้นเหล่าผู้ฝึกยุทธ์กว่าสามสิบคนได้เปิดฉากโจมตีคนตระกูลมู่ในทันที
“ฆ่ามัน!”
มู่เฟิงโบกมือและสั่งการอย่างเ็า
ฉับพลันนั้นกลุ่มคนตระกูลมู่ก็ได้บุกเข้าสังหารคนตระกูลหวงในทันทีเช่นกัน
มู่เฟิงพุ่งทะยานตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว คราวนี้เขาได้ผสานนิ้วมือเข้าด้วยกันใช้เป็กระบี่ ก่อนจะพุ่งโจมตีไปยังคนตระกูลหวงผู้หนึ่งที่กำลังฟันดาบมาทางเขา
มู่เฟิงสามารถหลบวิถีดาบได้อย่างว่องไว และทันใดนั้นเองนิ้วกระบี่ของเขาก็พลันเปล่งแสงสีทองออกมา จากนั้นมันก็แทงทะลุศีรษะของคนผู้นั้นไปอย่างง่ายดายราวกับเป็คมกระบี่จริงๆ
ฉึก!
เมื่อนิ้วกระบี่ทะลวงไปยังศีรษะของคู่ต่อสู้ คนผู้นั้นก็ตายในทันที
“ตายเสียเถอะ!”
คนผู้หนึ่งร้องคำรามออกมาอย่างโกรธเคือง เขาตวัดดาบในมือออกมาทันที ปราณดาบสีน้ำเงินพลันพวยพุ่งมาทางมู่เฟิงอย่างรวดเร็ว
มู่เฟิงคว้าร่างของศิษย์ตระกูลหวงที่เพิ่งตายออกมาเป็โล่ขวางปราณดาบ เป็ผลให้ศพของอีกฝ่ายถูกปราณดาบที่พุ่งเข้ามาผ่าร่างจนขาดออกเป็สองส่วน
จากนั้นมู่เฟิงได้ใช้นิ้วกระบี่ของเขาโต้กลับอย่างรวดเร็ว ลำแสงสีทองจากนิ้วกระบี่พลันเจาะทะลวงผ่านศีรษะของชายผู้นั้นโดยตรง
คนผู้นั้นเบิกตากว้าง ก่อนจะหงายหลังลงไปกองกับพื้น
หลังจากที่มู่เฟิงได้ใช้เวลาหนึ่งเดือนในการฝึกฝนดรรชนีทองคำตัดสะบั้น คาดไม่ถึงว่าผลลัพธ์ของมันจะก้าวหน้ามากขึ้นถึงเพียงนี้ เรียกได้ว่าการฝึกในครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็อย่างมาก
ตูม! ตูม!
ปรากฏเสียงะเิพลังดังสนั่นขึ้นสองครั้ง ส่งผลให้ฝุ่นควันฟุ้งกระจายไปยังพื้นที่โดยรอบ แน่นอนว่าเสียงเมื่อครู่เกิดจากการปะทะกันระหว่างผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกังขั้นเก้าอย่างมู่ไห่และหวงไท่
ส่วนด้านมู่จงและมู่ฝูนั้นกำลังจัดการกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกังสองคนของตระกูลหวง ส่วนผู้าุโสี่และผู้าุโห้ากำลังทำการกวาดล้างสังหารผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่ของตระกูลหวงที่เหลือ
หลังจากได้เห็นมู่เฟิงลงมือสังหารศิษย์ตระกูลหวงสองคนในเวลาอันรวดเร็ว พลังการต่อสู้ที่น่าทึ่งนี้ของเด็กหนุ่มก็ทำให้คนตระกูลมู่รู้สึกคาดไม่ถึงขึ้นมา
“เ้าเด็กบัดซบ ไปตายเสีย!”
เมื่อเห็นมู่เฟิงสังหารคนในตระกูลตายไปสองคน ศิษย์ตระกูลหวงผู้หนึ่งได้ร้องคำรามขึ้นด้วยความเดือดดาล พร้อมกับตวัดกระบี่มาทางมู่เฟิงหมายจะสังหารเด็กหนุ่มให้ตายในกระบี่เดียว คนผู้นี้มีวรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ขั้นห้า ดังนั้นพลังที่เขาะเิออกมาจึงทรงพลังอย่างยิ่ง
ทันใดนั้นจากคมกระบี่เพียงหนึ่งเล่มได้กลายเป็ภาพลวงที่มีปราณกระบี่สีเหลืองออกมามากมายห้าถึงหกสาย
แต่ฉับพลันนั้นร่างกายของมู่เฟิงก็เคลื่อนกายบิดพลิ้วไปมาอย่างว่องไวราวกับสายลม จากนั้นเด็กหนุ่มได้ทะยานร่างขึ้นกลางอากาศเพื่อหลบหลีกปราณกระบี่อีกหลายเล่ม
มือของมู่เฟิงพลันมีแสงส่องประกายออกมา จากนั้นดาบสีขาวเล่มหนาได้ปรากฏขึ้นในมือของเขา ซึ่งดาบเล่มนี้ก็คืออาวุธปราณที่เขาสลักลายเส้นลงไปเองกับมือ
“วิชาดาบพยัคฆ์หาญ! พยัคฆ์ทำลาย!”
“โฮก”
มู่เฟิงฟันดาบออกไปในทันที เสียงของปราณดาบที่พุ่งทะลวงผ่านห้วงอากาศดังขึ้นราวกับเสียงคำรามของพยัคฆ์ โดยปราณดาบสีทองสายนี้กำลังพุ่งเป้าไปยังศิษย์ตระกูลหวงผู้นั้น
เปรี้ยง!
ศิษย์ของตระกูลหวงรีบยกดาบของตนขึ้นมาขวางพลังโจมตีอันน่าสะพรึงนี้ในทันที แต่ถึงแม้จะสามารถต้านทานพลังะเิของปราณดาบนี้ได้ ทว่าเขากลับมีเืไหลออกมาจากมุมปาก ทั้งยังต้องก้าวถอยออกไปอีกสองก้าว
“พยัคฆ์กระโจน!”
และในทันใดนั้นเอง มู่เฟิงก็ดีดฝ่าเท้าก่อนจะพุ่งทะยานร่างออกมา คมดาบเล่มนี้ของเขาดูราวกับกรงเล็บของพยัคฆ์ตัวหนึ่งที่กำลังพุ่งตะปบเหยื่อ ซึ่งมันทั้งดุดันและน่าพรั่นพรึงจนทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดผวา
ฉึก!
คมดาบแทงทะลุหน้าอกของชายผู้นั้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ร่างของมู่เฟิงยังคงก้มตัวเยื้องไปทางไหล่ข้างหนึ่งของอีกฝ่าย มือของเด็กหนุ่มยังคงจับดาบเอาไว้มั่นโดยที่ปลายคมดาบนั้นมีเืไหลหยดออกมาไม่หยุด เวลานี้ดวงตาของอีกฝ่ายได้เต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดผวาแล้ว...