หลังจากที่จ้าวต้านตื่นมาก็ดีขึ้นมาก เขาสามารถลงจากเตียง เดินช้าๆ ได้แล้ว
เวินซีฝังเข็มเงินให้เขาอีกครา หลังจากที่แน่ใจว่าสถานการณ์ของเขาดีขึ้น นางถึงเริ่มรักษาแผลให้ตนเอง
“นี่แผลพวกนี้...ข้าเป็คนทำหรือ?” จ้าวต้านมองดูาแของนาง ในแววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและกล่าวโทษตนเอง เขาพลันรู้สึกสงสาร
แม้ว่าเขาจะจำอันใดมิได้ในตอนที่หนอนกู่แผลงฤทธิ์ แต่ก็รับรู้ได้ว่าาแพวกนี้จะต้องเกี่ยวกับตนแน่ วิทยายุทธของนางนั้นดีเลิศ ทั้งยังมีผงพิษไว้คอยช่วยเหลือ ทหารลับพวกนั้นไม่มีทางสร้างาแให้นางได้
“ไม่เกี่ยวกับท่าน” เวินซีตอบเสียงนิ่ง
าแที่แขนทำให้นางจำเป็ต้องถอดเสื้อออกกว่าครึ่ง เผยให้เห็นแขนที่ขาวเนียนออกมา นางมิได้รู้สึกไม่เหมาะสมแต่อย่างใด แต่สำหรับจ้าวต้าน ความคิดของเขานั้นเปลี่ยนไป
นางมิได้ปกปิด หมายความว่าในหัวใจของนาง เขามีตัวตนพิเศษใช่หรือไม่?
ปลายหูของเขาค่อยๆ แดงขึ้นมา
เมื่อจัดการกับาแเสร็จอย่างรวดเร็ว เวินซีก็สวมเสื้อผ้ากลับไปมิดชิดดังเดิม
“พิษหนอนกู่ของท่านรักษาได้” นางพูดอย่างจริงจัง
“เ้าไม่ต้องปลอบใจข้าหรอก ข้ารู้จักมันดีกว่าเ้า” จ้าวต้านคิดว่านางล้อเล่น
“สูตรยาฝังเข็มที่ข้าทำ สามารถระงับมันได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ข้ายังมีสูตรยาที่สามารถรักษาพิษหนอนกู่นี้ได้ เพียงแต่ขาดส่วนประกอบที่สำคัญตัวหนึ่ง”
สีหน้าของเวินซีนั้นจริงจังมาก ทำให้จ้าวต้านขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว “คือสิ่งใด?”
“หญ้าหิ่งห้อยร้อนที่มีเพียงในพระราชวัง ในเมื่อท่านเป็เทพเ้าาก็น่าจะมีวิธีเอามันมาได้ ข้าจะให้สูตรยากับท่าน หากมีโอกาสก็ใช้สูตรยานี้รักษาตนเองเถิด”
เวินซีหยิบกระดาษและพู่กัน เขียนส่วนประกอบของยาที่จำเป็ทั้งหมดลงไป
จ้าวต้านเม้มริมฝีปาก สีหน้าเปลี่ยนเป็จริงจังขึ้นมา เมื่อได้ยินว่ามันเป็หญ้าหิ่งห้อยร้อน เขาจึงเชื่อ
“เอาไปเถิด” เวินซีนำสูตรยาที่เขียนเสร็จแล้วส่งให้เขา
จ้าวต้านพับสูตรยาอย่างระมัดระวัง แล้วเก็บไว้ในอก
แม้ว่าเขาจะมิได้ฝากความหวังกับสูตรยานี้มากนัก แต่มันเป็สิ่งที่เวินซีให้มา เขาต้องลองดูสักตั้ง
“จริงสิ จะจัดการหลานเยว่เฉิงเช่นไร? เขารู้ตัวตนของท่านแล้ว”
เมื่อพูดเื่ในใจออกไปแล้ว เวินซีก็โล่งอกไม่น้อย พอนึกถึงคนที่ถูกขังไว้ในห้องเก็บฟืนก็เอ่ยปากถามจ้าวต้าน
“หลานเยว่เฉิง?” จ้าวต้านถามด้วยความประหลาดใจ
“ใช่ ตอนนี้เขาอยู่ในห้องเก็บฟืน”
“เ้าจับเขาทั้งเป็ได้หรือ?” จ้าวต้านถามด้วยความไม่อยากเชื่อ
ก่อนหน้านี้ที่เมืองหลวง เขาเคยส่งคนไปจับหลานเยว่เฉิงอยู่หลายครา แต่อีกฝ่ายมีวิชาตัวเบาที่เก่งกาจ ทั้งยังเ้าเล่ห์จึงหนีไปได้ทุกครั้ง แต่ยามนี้กลับมาตกอยู่ในมือของเวินซี ช่างเป็เื่ที่ตบหน้าเขาอย่างแรง
“ข้ามิได้ทำสำเร็จเพียงลำพังหรอก เป็เพราะท่านทำให้เขาหมดแรงและาเ็สาหัส ข้าถึงได้มีโอกาส ข้าเพียงแค่ฉวยโอกาสน่ะ ไปกันเถิด ไปดูเขากัน”
“ได้”
ทั้งสองคนจึงเดินไปที่ห้องเก็บฟืนพร้อมกัน
ภายในนั้น หลานเยว่เฉิงที่ถูกมัดไว้อย่างแ่ามองดูสภาพแวดล้อมอยู่ตลอดเวลา เขาคิดจะแกะเชือก แต่ผงที่มีฤทธิ์ทำให้กระดูกอ่อนก็ทำให้เขาไม่มีเรี่ยวแรง
เพื่อป้องกันมิให้ผงกระดูกอ่อนหมดฤทธิ์ เวินซีได้จุดธูปหอมที่ทำให้คนหมดเรี่ยวแรงในห้องเก็บฟืนด้วย ภายในห้องนั้นมืดมิด หน้าต่างที่มีเพียงบานเดียวก็ถูกลงกลอนแน่น ธูปหอมกระจายอยู่ทั่วทุกมุมห้อง
ประสิทธิภาพถึงสองเท่าทำให้หลานเยว่เฉิงทำอันใดมิได้แม้แต่จะขยับนิ้วมือ
ยามนี้เขาทำได้เพียงรอให้ทหารลับรู้ว่าตนได้หายตัวไปและมาช่วยเหลือเขา แต่เรือคว่ำในน้ำเน่า [1] เสียได้ เขาตกมาอยู่ในมือของเวินซี ทำให้ยิ่งทั้งรักทั้งเกลียดนาง
“เอี๊ยด—”
เสียงประตูไม้ที่ทรุดโทรมถูกผลักให้เปิดออก มีแสงส่องเข้ามายังห้องเก็บฟืนที่มืดสลัว เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามา หลานเยว่เฉิงก็แสยะยิ้ม
“แม่ทัพต้าน เราเจอกันอีกแล้วนะขอรับ ไม่คิดเลยว่าจะรวดเร็วเช่นนี้” เขาเป็ฝ่ายเอ่ยทักทายก่อน
“ใช่น่ะสิ ข้าก็ไม่คิดเลยว่าเ้าจะมาตกอยู่ในเงื้อมมือของข้า” จ้าวต้านเดินเข้ามามองเขาด้วยสายตาดุร้าย
“หากมิใช่เพราะเวินซีที่อยู่ข้างๆ ท่าน คิดหรือว่าข้าจะมาอยู่ที่นี่? คิดหรือว่าข้าจะยังมีชีวิตอยู่ได้? คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงแค่่เวลาสั้นๆ นี้ ท่านแม่ทัพเทพเ้าาจะต้องพึ่งพาสตรี หากพูดออกไปเกรงว่าผู้คนที่เคารพรักท่านคงจะเป็บ้าไปแน่ๆ”
หลานเยว่เฉิงจงใจพูดประชดประชันเขา เพราะอยากจะเห็นท่าทีอับอายของจ้าวต้าน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นจ้าวต้านมองเวินซีด้วยแววตาที่อ่อนโยน
“เวินซีเป็ภรรยาของข้า เื่นี้ข้าไม่คิดว่าเป็เื่น่าอายอันใด”
“ท่าน...” หลานเยว่เฉิงโกรธจนพูดไม่ออก เขาอยากจะหันหน้าหนี แต่ก็ทำได้ยาก
“ก่อนหน้านี้ข้าเคยถามเ้าว่าจะยอมรับใช้ข้าหรือไม่ ตอนนั้นเ้าให้ข้าจับเ้าให้ได้เสียก่อน แต่ยามนี้เ้ามาอยู่ในเงื้อมมือของข้าแล้ว พิจารณาแล้วหรือไม่? เื่ความเป็ความตายของเ้า เ้าต้องพิจารณาให้ดี”
“แม่ทัพต้าน ท่านเชื่อหรือไม่ว่าหากวันนี้ท่านฆ่าข้า แล้วเื่แพร่ออกไปถึงเมืองหลวง วันพรุ่งฮ่องเต้จะต้องส่งทหารมาฆ่าท่านแน่ เนี่ยนหานกู่ในร่างของท่านจะยื้อไว้ได้นานเท่าใดกัน?”
หลานเยว่เฉิงมิได้มีความกลัวเลย
เขากับฮ่องเต้ได้นัดหมายเวลาการสื่อสารกันทุกเดือน หากจู่ๆ เขาขาดการติดต่อไป ฮ่องเต้ย่อมรู้ดีว่ามีเื่เกิดขึ้นกับเขา
“ในเมื่อฆ่ามิได้ ปล่อยก็มิได้ เช่นนั้นก็ขังเขาไว้เช่นนี้ทั้งชาติ ทหารลับเข้ามาก็ฆ่าทิ้ง ข้าอยากจะดูว่าเขาจะดึงดันได้ถึงเมื่อใด”
เวินซีเห็นท่าทีของหลานเยว่ฉิงเช่นนั้นก็พูดกับจ้าวต้าน
หลานเยว่เฉิงมองดูนาง จู่ๆ ก็ยิ้มขึ้นมา “จะให้ข้ายอมรับใช้ท่านก็ได้ แต่...”
เขาจงใจหยุดพูดเพื่อให้คนอยากรู้
“แต่อันใด?” จ้าวต้านขมวดคิ้ว
“แต่ท่านต้องมอบนางให้ข้า” หลานเยว่เฉิงจ้องไปที่เวินซี
“ฝันไปเถิด” เขามองตามสายตาของหลานเยว่เฉิง เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงเวินซีก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็า ปฏิเสธโดยไม่ลังเล
“ในเมื่อคุณชายหลานอยากจะถูกขังไปตลอด เช่นนั้นเราก็ไปเถิด” หากอยู่ที่นี่ต่อไปจ้าวต้านคงจะอดใจฆ่าหลานเยว่เฉิงมิได้ เขาจึงหันไปพูดกับเวินซี
เวินซีพยักหน้า ทั้งสองจึงออกจากห้องเก็บฟืน ลงกลอนประตูห้องอีกครา
หลานเยว่เฉิงมองทั้งสองคน ไม่นานก็หัวเราะอย่างเยือกเย็น
ที่จวนตระกูลเวิน
เพราะว่ารายได้จากร้านเครื่องหอมหมดลง เวินอวิ๋นโปก็ล้มหมอนนอนเสื่อ ตระกูลเวินประสบกับหายนะที่ไม่เคยมีมาก่อน คนรับใช้หลายคนเห็นว่าตระกูลเวินตกต่ำจึงหาโอกาสหนีไป
เมื่อคุณชายซูหายไป เวินเยียนก็ทำลายข้าวของทุกอย่างภายในห้องด้วยความหงุดหงิด
“คุณหนูเวินเยียน...” สตรีรับใช้เพียงคนเดียวที่ยังเหลืออยู่พูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่จู่ๆ ก็มีแจกันถูกโยนมากระทบศีรษะนาง จนต้องล้มลงกับพื้นด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“วันนี้เ้าแอบออกไปนี่ บอกข้าสิว่าข้างนอกเกิดเื่อันใด?”
“ฮูหยินใหญ่เวินถูกปะาเมื่อวาน ศพของนางถูกทิ้งไว้ที่ปากทางตลาดไม่มีผู้ใดไปรับ ส่วนยามนี้ด้านนอก...ด้านนอก...ล้วนพูดกันว่าคุณหนูเป็คนโเี้อำมหิต อกตัญญูเ้าค่ะ”
สตรีรับใช้คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยศีรษะที่ก้มลงต่ำ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เวินเยียนก็ล้มโต๊ะ
“คุณหนูเวินเยียนอย่าได้โมโหไปเลยเ้าค่ะ” ขณะนี้สตรีรับใช้กลัวจนตัวสั่นไปหมด
เวินเยียนเห็นสตรีรับใช้เป็เช่นนั้นก็ค่อยๆ สงบลง นางมองดูข้าวของที่เละเทะอยู่บนพื้นก็เดินไปที่ตู้ แล้วหยิบกล่องหงมู่ที่ลงกลอนไว้ออกมาเปิดอย่างระมัดระวัง
ด้านในมีปึกกระดาษที่เขียนสูตรเครื่องหอมอยู่เต็มไปหมด นางหยิบออกมาสองสามใบอย่างระมัดระวังและยื่นให้สตรีรับใช้ที่อยู่บนพื้น “เอานี่ไปขาย เอาเงินที่ได้มามาฟื้นฟูตระกูลเวิน”
“เ้าค่ะ” สตรีรับใช้ไม่กล้าขัด ทำเพียงรับสูตรเครื่องหอมไว้แล้วรีบเดินออกไป
จึงเหลือเพียงเวินเยียนคนเดียวภายในห้อง นางลูบไล้สูตรเครื่องหอมที่มิได้เอาไปขายราวกับเป็ของล้ำค่า
สูตรเครื่องหอมพวกนี้เป็เครื่องหอมที่นางหลอกเอามาจากเวินอี๋เหนียง เดิมทีคิดจะใช้มันในการแข่งขันทำเครื่องหอมเพื่อให้ผู้คนตกตะลึง แต่ดูจากสถานการณ์แล้วคงจะรอให้ถึงตอนนั้นมิได้
เวินซี...
เพราะเวินซีทำให้นางต้องตกอยู่ในสภาพนี้ นางจะทำให้เวินซีต้องชดใช้
เชิงอรรถ
[1] เรือคว่ำในน้ำเน่า 阴沟里翻船 หมายถึง การทำผิดพลาดในเื่ที่ชำนาญหรือมีความมั่นใจว่าวางแผนมาดี