เสียงหัวเราะของเขายังดังไม่หยุด พลันเกิดเสียง แคร่กๆๆ ดังขึ้น บริเวณเพดานเหนือศีรษะเกิดการเคลื่อนไหว ปริแยกออกเป็ช่องๆ หนึ่ง และบังเอิญอย่างยิ่งว่าอยู่เหนือศีรษะของโจวเซี่ยนพอดิบพอดี
เขาตกตะลึงอยู่กับที่ จากนั้นรีบะโหนี
ช่องที่แยกออกบริเวณเพดานเหนือศีรษะนั้นแยกกว้างขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งได้ยินเสียงแคร่กๆ อีกครั้งหนึ่งจึงหยุดลง ฟู่ววว บันไดเชือกเส้นหนึ่งตกลงมาจาก้า!
โจวเซี่ยนและท่านหญิงชิงเสียสบตากันปราดหนึ่ง
แก้กลไกได้แล้ว แก้ได้แล้วจริงๆ!
พวกเขาสองคนคิดและหาทางอยู่นานแต่ไม่มีหนทาง นางเข้ามาได้เพียงครู่เดียวแต่กลับคลี่คลายกลไกได้ มหัศจรรย์โดยแท้!
โจวเซี่ยนพลันรู้สึกว่าผิวหน้าของตนร้อนซู่ขึ้นมาทันที ราวกับถูกคนตบแรงๆ สักสิบฉาด มุมปากหางตาล้วนกระตุกไปหมด
สตรีที่ยั่วโทสะคนแทบตายแล้วไม่รับผิดชอบเช่นนางถึงกับมีความสามารถอยู่บ้างจริงๆ
“เ้าทำได้อย่างไร?” ท่านหญิงชิงเสียถามอย่างประหลาดใจ
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะ “ท่านหญิงยังจำได้หรือไม่ บนขือเหนือประตูของหอดอกเหมยมีอะไรอยู่?”
ท่านหญิงชิงเสียย้อนคิดอย่างละเอียด “บนขื่อประตูมีป้ายเขียนว่า หอดอกเหมย”
เฟิ่งเฉี่ยนส่ายหน้า “ยังมีอีกเล่า เ้าคิดให้ดี”
ท่านหญิงชิงเสียย้อนคิดอย่างละเอียดอีกครั้ง จากนั้นดวงตาพลันทอประกาย “ถูกต้องแล้ว บนป้ายนั้นนอกจากตัวอักษรแล้ว ดูเหมือนจะยังมีดอกเหมยดอกสีทองอยู่ดอกหนึ่ง”
เฟิ่งเฉี่ยนส่งสายตาชื่นชมให้กับนาง “ถูกต้อง ที่สำคัญที่สุดก็คือดอกเหมยทองดอกนั้น!”
โจวเซี่ยนที่ตั้งใจฟังอดที่จะแทรกขึ้นมาประโยคหนึ่งไม่ได้ว่า “ดอกเหมยสีทองดอกนั้นทำไมหรือ?”
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะมีเลศนัย “พวกเ้าย้อนคิดให้ละเอียด ดอกเหมยดอกนั้นมีกลีบดอกทั้งหมดกี่กลีบ?”
โจวเซี่ยนงงงันอยู่บ้าง “กลีบดอกกี่กลีบ?”
เื่นี้เขาจะไปจำได้ที่ไหนกัน?
ท่านหญิงชิงเสียกลับเอ่ยขึ้นว่า “มีห้ากลีบ! โดยทั่วไปแล้วเวลาพวกเราวาดดอกเหมยล้วนเคยชินที่จะวาดกลีบดอกทั้งหมดหกกลีบ แต่ดอกเหมยทองบนขื่อประตูนั้นกลับวาดกลีบเพียงห้ากลีบ...”
ราวกับนางจับทางอะไรบางอย่างได้แล้ว นางเงยหน้าขึ้นขวับมองไปที่กำแพงยังตำแหน่งที่เฟิ่งเฉี่ยนตบเมื่อสักครู่ ต่อมาจึงหัวเราะขึ้นมา
“ที่แท้เป็เช่นนี้”
โจวเซี่ยนดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจอะไรในทันที เขามองตามทิศทางที่ท่านหญิงชิงเสียมองไป เมื่อมองไปสายตาของเขาเบิกกว้างราวกับปากระฆัง ปากอ้าตาค้าง ไม่อยากจะเชื่อ
“ที่แท้ง่ายดายเช่นนี้ ด่านแรกคือให้พวกเราหาดอกเหมยสีทองที่อยู่บนขื่อประตูนั้น?”
แปะ!
เขาตบหน้าผากของตนเองด้วยความหงุดหงิด
ปัญหาง่ายดายเช่นนี้แต่เขากลับคิดให้ยุ่งยากซับซ้อน เขายังใช้คัมภีร์โจวอี้ปากว้าและตัวเลขมาคลี่คลาย แต่มันเป็คนละเื่โดยแท้!
ด่านแรก คือทดสอบความช่างสังเกตของผู้เข้าสอบ!
ขณะที่กำลังโอดครวญ พลันได้ยินเสียงเฟิ่งเฉี่ยนร้องว่า “เซี่ยนโฉ่ว เ้าขึ้นไปก่อนเถิด!”
โจวเซี่ยนไม่ทันตั้งสติได้ในคราแรก รอกระทั่งเขารับรู้ว่านางกำลังเรียกเขา เขาโมโหเสียจนเส้นเืสีเขียวข้างขมับปูดโปน
ขณะที่เขากำลังจะะเิโทสะ เฟิ่งเฉี่ยนตัดบทเขาทันที “หากเ้าไม่ขึ้นไป พวกเราขึ้นก่อนก็แล้วกัน ท่านหญิง พวกเราไปเถิด!”
ท่านหญิงชิงเสียเม้มปากยิ้มและกำลังจะก้าวขึ้นมา โจวเซี่ยนชิงก้าวออกมาก่อนแล้วคว้าบันไดเชือกปีนขึ้นไป้าก่อนใคร
“ข้าขึ้นก่อน!”
เฟิ่งเฉี่ยนและท่านหญิงชิงเสียมองหน้ากันปราดหนึ่งแล้วหัวเราะขึ้นพร้อมกัน
เดิมทีพวกนางก็ไม่คิดจะขึ้นไปก่อนอยู่แล้ว ใครเลยจะรู้ว่ากลไกในด่านถัดไปจะมีอะไรรออยู่ ไม่สู้หาแพะรับบาปสักตัวขึ้นไปทดลองดูก่อน พวกนางค่อยๆ สังเกตการณ์อยู่ด้านหลังและหาวิธีรับมือ
เรือนจินเฟิง ท่านาุโเฉินและท่านาุโเหลียนกำลังดูลูกแก้วคริสตัลอยู่ถึงกับมองหน้ากันอย่างตกตะลึงพรึงเพริด
“เป็ไปได้อย่างไรกัน?”
“ถึงกับถูกนางคลี่คลายกลไก...”
“ตามประสบการณ์ที่ผ่านมา การคลี่คลายกลไกในด่านแรกนี้ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าสามก้านธูป บางครั้งอาจมากกว่านั้น นางกลับใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งถ้วยชา นางทำได้อย่างไรกัน?”
“ที่ไหนมีหนึ่งถ้วยชา? ก่อนหน้านั้นนางมัวแต่คิดว่าจะงัดแงะลูกแก้วคริสตัลอย่างไร ไม่ได้สนใจเื่กลไกด้วยซ้ำ!”
ท่านาุโเฉินเพิ่งจะเคยพบผู้เข้าสอบที่มานอกกรอบและไม่ทำงานเป็ชิ้นเป็อันเช่นนี้ เขามึนงงไปหมดแล้ว
“ใช่แล้ว นางแค่เพียงปรายตามองไม่กี่ครั้งก็คลี่คลายกลไกได้แล้ว นาง...นางจะมหัศจรรย์เกินไปกระมัง”
“นางมีความเป็มาอย่างไรกันแน่?”
“ไม่แน่ว่าอาจจะเป็อัจฉริยะคนหนึ่ง!”
“หากนางสอบผ่านเล่า? พวกเราจัดเตรียมดอกเหมยทองเพียงดอกเดียว คนสามคนในนั้นมีเพียงคนเดียวที่จะได้ดอกเหมยทอง!”
“ไม่มีทาง อาจเป็เพราะความบังเอิญมากกว่า?”
“ถูกต้อง ต่อให้นางมีความเฉลียวฉลาดอยู่บ้าง แต่อีกสองด่านถัดไปเป็การสอบวรยุทธ์ นางจะต้องสอบไม่ผ่านแน่!”
“ดูกันต่อไปเถิด”
ท่านผู้าุโสองท่านต่างกังวลใจ
ในหอดอกเหมย โจวเซี่ยนปีนบันไดเชือกขึ้นไปยังชั้นที่สอง เฟิ่งเฉี่ยนและท่านหญิงชิงเสียรออยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่า้าไม่ได้เกิดความเคลื่อนไหวใดๆ จึงเริ่มปีนบันไดเชือก พลันเกิดเสียงร้องขึ้นด้วยความใดังขึ้นจากชั้นสอง คนทั้งสองสบตากันปราดหนึ่ง และรีบปีนขึ้นไปชั้นบน
ท่านหญิงชิงเสียอยู่ด้านหน้า เฟิ่งเฉี่ยนอยู่ด้านหลัง
ขณะที่เกือบจะถึงปากบันได ท่านหญิงชิงเสียพลันหยุดชะงัก เฟิ่งเฉี่ยนเงยหน้าขึ้นถาม “เป็อะไรไป?”
ท่านหญิงชิงเสียก้มหน้ายิ้มขื่นให้นาง “ข้าเตือนเ้าว่าอย่าขึ้นไปเลย”
เฟิ่งเฉี่ยนเลิกคิ้ว “บนโลกนี้ยังไม่มีสถานที่ข้าเฟิ่ง...เฟิงเฉี่ยนไม่กล้าบุกเข้าไป!”
ท่านหญิงชิงเสียไม่พูดอะไรอีก นางปีนขึ้นไป้า เฟิ่งเฉี่ยนปีนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว วินาทีที่โผล่ศีรษะออกไป ดวงตาทั้งคู่ของนางเบิกกว้าง โพรงจมูกของนางขยายกว้างขึ้นด้วยถูกภาพตรงหน้าทำตกตะลึง!
เห็นเพียงภายในห้องเต็มไปด้วยเสาดอกเหมย ระหว่างเสาดอกเหมยยังมีดาบอันแหลมคมปักอยู่ทั่วไปหมด วัตถุสีเงินนั้นสะท้อนแสงวาววับราวกับหางตาของพญามัจจุราชที่กำลังส่องประกาย พร้อมที่จะรับการดื่มเืสดๆ ตลอดเวลา
นี่ยังไม่ใช่ส่วนที่น่าหวาดกลัวที่สุด ที่น่าหวาดกลัวที่สุดคือ ยังมีธนูแหลมคมที่ยิงออกมาจากทุกทิศตลอดเวลา ขอเพียงมีคนเหยียบลงบนเสาไม้นั้น ก็จะมีธนูยิงออกมาจากสี่ด้านแปดทิศพุ่งเข้ามาหาเ้าอย่างแม่นยำ กระทั่งเ้ายอมหยุดหรือล้มลง
โจวเซี่ยนที่เป็ศิษย์ขั้นสอง ไผ่ทอง เพิ่งจะเดินไปบนเสาดอกเหมยได้เพียงหนึ่งในสี่ส่วน บนร่างของเขาก็ถูกธนูแทงสองดอก ไม่อาจย้อนกลับมาเพียงครึ่งทาง เสียงร้องด้วยความเ็ปเมื่อสักครู่เป็เสียงร้องของเขา
“เห็นผีแล้ว! พลังการยิงธนูรุนแรงเหลือเกิน ฝ่าไปไม่ได้!” โจวเซี่ยนก่นด่าไปพร้อมกับทำแผลที่ได้รับาเ็จากธนูไปด้วย
ท่านหญิงชิงเสียยื่นยาสมานแผลขวดหนึ่งให้เขา “ศิษย์พี่โจว เสาดอกเหมยนี้จะบุกตะลุยไปอย่างนี้ไม่ได้ จำเป็ต้องหาวิธีการทำลายค่ายกล เมื่อข้ายังเล็กเคยติดตามบิดาไปฝึกฝนเสาดอกเหมยระยะเวลาหนึ่ง พอจะเข้าใจอยู่บ้าง ข้าจะลองดู!”
โจวเซี่ยนรับยาสมานแผลไปแล้วพยักหน้า แล้วใช้สายตามองส่งนางดึงกระบี่เดินเข้าไปในเสาดอกเหมย
เฟิ่งเฉี่ยนขมวดคิ้ว “ท่านหญิง ระวังตัวสักหน่อย!”
ท่านหญิงชิงเสียหันมาพยักหน้าให้นาง แล้วดึงกระบี่เหินกายขึ้นไปเหยียบบนเสาดอกเหมย
เรือนจินเฟิง ผู้าุโเฉินเสียดายจนต้องตบโต๊ะ “โจวเซี่ยนผู้นี้ ในยามปกติเฉลียวฉลาดดี เหตุใดเมื่อถึงเวลาสำคัญจึงได้ไม่เอาสติปัญญาไปด้วยนะ เสาดอกเหมยจะอาศัยการบุกตะลุยเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
ท่านผู้าุโเหลียนพูดทั้งตายิบหยี “รอดูว่าท่านหญิงจะผ่านไปได้หรือไม่เถิด”
“วรยุทธ์ของโจวเซี่ยนอยู่เหนือท่านหญิงขั้นหนึ่ง กระทั่งโจวเซี่ยนยังเดินไปได้เพียงหนึ่งในสี่ของเสาดอกเหมย ท่านหญิงชิงเสียคิดจะเดินไปได้มากกว่าเขา...” ท่านาุโเฉินส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย “ยาก! ยาก! ยาก!”
ได้ยินเสียงดังขึ้นมาจากลูกแก้วคริสตัลในเวลานี้ว่า “ระบำหิมะเก้าตำหนัก!”
ท่านหญิงชิงเสียะโขึ้นบนเสาดอกเหมยแล้วเริ่มร่ายรำในท่วงท่ามหัศจรรย์ ร่างกายของนางโอนเอนไปมาอย่างคล่องแคล่วว่องไว อิริยาบถเชื่องช้าทว่ากลับไม่สูญเสียความสง่างาม ผนวกกับย่างก้าวที่เปลี่ยนแปลงไปมาของนาง กลายเป็ย่างก้าวของการร่ายรำอันมหัศจรรย์!
เฟิ่งเฉี่ยนมองด้วยสายตาตกตะลึง...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้