“เขาเป็อย่างไรบ้าง?” ส่งตู้ซิวจู๋กลับถึงที่พักเรียบร้อย หลินหวั่นชิวไม่ได้กลับทันที แต่รอให้คนตามหมอมาดูแผลให้ตู้ซิวจู๋เสียก่อนและเข้าไปถามอาการจากหมอ
ท่านหมอตอบว่า “ดีที่เป็แค่แผลภายนอก แต่คุณชายร่างกายอ่อนแอ ต้องนอนพักสักระยะ”
หลินหวั่นชิวรีบถาม “ค่าตรวจเท่าไรเ้าคะ?”
“สิบตำลึง” ท่านหมอตอบ
หมอที่บ่าวใช้ของตู้ซิวจู๋เชิญมาย่อมมีชื่อเสียง ค่าตรวจอาการจึงค่อนข้างแพง
เพราะต้องบอกก่อนว่าเวลาหมอในชนบทถูกเชิญไปตรวจอาการยังเก็บเงินแค่สิบหรือก็ไม่กี่อีแปะ มากสุดไม่เกินยี่สิบอีแปะ
“นี่เ้าค่ะ!” หลินหวั่นชิวล้วงเงินก้อนหนึ่งจากแขนเสื้อออกมาให้ท่านหมอ
พ่อบ้านรีบห้าม “ไอ๊หยา จะให้เถ้าแก่หลินจ่ายเงินได้อย่างไร?”
หลินหวั่นชิวยืนยัน “ข้าเป็คนทำให้เขาาเ็ สมควรต้องจ่าย”
พ่อบ้านจะร้องไห้ ปฏิเสธหลินหวั่นชิวอีกครั้ง
ท่านหมอไม่สนใจพวกเขา แยกตัวไปจ่ายยา
“ลุงเฉิน คุณชายบอกว่าให้ตามใจเถ้าแก่หลิน” ตู้ซิวจู๋เป็คนบอกให้พวกเขาเรียกหลินหวั่นชิวเช่นนี้
เ้าของร้านอันอี้จวี เถ้าแก่หลิน ไม่มีสิ่งใดผิด
ขอแค่ไม่เรียกว่าสะใภ้น้อยบ้านเจียงเป็พอ เขาฟังแล้วขัดหูยิ่งนัก
หลินหวั่นชิวได้ยินดังนี้ก็โล่งอก หากจ่ายให้ไม่ได้ นางมีแต่จะยิ่งรู้สึกผิด
รวมค่าตรวจกับค่ายาให้ท่านหมอ ทั้งหมดห้าสิบตำลึง
ท่านหมอมอบเทียบยาให้ผู้ช่วยที่ติดตามมา กำชับสองสามประโยค ผู้ช่วยก็ถือเทียบยาจากไป
เขาพูดกับหลินหวั่นชิวว่า “ประเดี๋ยวผู้ช่วยข้าจะนำยามาส่ง เขาจะบอกเองว่าต้องทานยานี้อย่างไร แผลของคุณชายห้ามโดนน้ำ วันมะรืนนี้ข้าจะมาช่วยเปลี่ยนผ้าพันแผล วางใจได้ ข้าคิดรวมกับค่ายาไปแล้ว” คงเพราะเห็นหลินหวั่นชิวทำท่าจะถามเื่เปลี่ยนผ้าพันแผลอีก ท่านหมอจึงเสริมขึ้นอีกประโยค
“พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าเคลื่อนไหวเยอะ ระวังอย่าให้โดนแผล” ท่านหมอลุกออกไป พ่อบ้านรีบออกไปส่ง
“ขอบคุณเ้าค่ะ…” หลินหวั่นชิวเดินตามไปส่งแค่เล็กน้อยก็กลับเข้าไปดูตู้ซิวจู๋
ห้องของตู้ซิวจู๋ใหญ่มาก ผ่านประตูโค้งรูปพระจันทร์เข้ามาแล้วจะเจอกับชั้นวางวัตถุโบราณเรียงเป็แถว บนนั้นมีเครื่องเคลือบลายคราม หยกแกะสลักและไม้แกะสลักต่างๆ วางเต็ม
ผ่านชั้นวางวัตถุโบราณไปจึงจะเป็ห้องนอนเขา เตียงไม้หวงฮวาหลีหลังใหญ่ กะด้วยสายตาแล้วน่าจะอย่างน้อยสองหมี่แปด
หลินหวั่นชิวไม่เคยเห็นเตียงใหญ่ขนาดนี้จากร้านขายเครื่องเรือนเก่า หวางทงเป่าเป็ช่างไม้ ไม่เคยได้ยินว่ามีเตียงใหญ่ขนาดนี้เช่นกัน
“ข้าขอโทษ” หลินหวั่นชิวเดินไปหน้าเตียงตู้ซิวจู๋ เขาบอกใบ้ให้นางนั่งลง นางมองไม่รอบๆ แต่ก็ไม่เห็นเก้าอี้ จะให้นั่งบนเตียงก็ไม่ใช่ ด้วยเหตุนี้จึงทำเป็มองไม่เห็น
ตู้ซิวจู๋ผิดหวังเล็กน้อย
แต่เขาไม่ได้แสดงสีหน้าออกมา
ภายในห้องไม่มีบ่าวใช้ สาวใช้ถอยออกไปั้แ่ตอนเห็นหลินหวั่นชิวเข้ามาแล้ว
“ไม่ใช่ความผิดเ้า ข้าประมาทเอง ข้าควรเรียกเ้าเสียก่อน” ตู้ซิวจู๋เอนตัวพิงหมอน เขาหน้าซีดขาว ท่าทางอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงของเขาไม่เพียงไม่น่าเกลียด แต่กลับมีเสน่ห์อีกแบบ
“ไม่ต้องคิดมาก ค่ายาก็จ่ายแล้ว ค่ายาแพงตั้งขนาดนั้น เพียงพอให้ชาวบ้านธรรมดาอยู่ได้ตั้งสองปี” ตู้ซิวจู๋หยอก
หลินหวั่นชิวรู้ว่าตู้ซิวจู๋ไม่ขาดแคลนเงิน เขาทุ่มเงินสองร้อยตำลึงเพื่อซื้อหนังสือนางั้แ่ตอนเจอกันครั้งแรก
จากนั้นเมื่ออันอี้จวีเปิด เขาก็มาซื้อสินค้าทุกอย่างที่ขายในร้าน
ที่ยอมให้นางจ่ายค่ายาเพราะไม่อยากให้นางรู้สึกผิดเกินไป
หลินหวั่นชิวจดจำน้ำใจครั้งนี้ไว้แล้ว
“ได้ เช่นนั้นวันพรุ่งข้าค่อยมาหา ท่านพักผ่อนให้ดีเถิด” หลินหวั่นชิวพูด นางดูเวลาแล้วยังถือว่าเช้า ตัดสินใจกลับไปตุ๋นน้ำแกงไก่ให้คนส่งมาให้ตู้ซิวจู๋
คนเราต้องมีความรู้สำนึก
ไม่ใช่ว่าผู้อื่นบอกว่าไม่เป็กระไรแล้วจะไม่สนใจ
“หวั่นชิว” ตู้ซิวจู๋ร้องเรียกหลินหวั่นชิวที่กำลังเดินออกไป ดวงตามีรอยยิ้ม
หลินหวั่นชิวหยุดฝีเท้า หันมามองทางเขา
“พวกเราเป็เพื่อนกันแล้วใช่หรือไม่?” ตู้ซิวจู๋ถาม “สถานะของข้าค่อนข้างกระอักกระอ่วน…ไม่ค่อยมีเพื่อน” เห็นหลินหวั่นชิวไม่ตอบ ตู้ซิวจู๋จึงเสริมขึ้นอีกประโยค
“เป็เพื่อน!” หลินหวั่นชิวยิ้ม “แล้วก็เป็พี่น้องด้วย!”
“คนหามเกี้ยวบ้านข้ารออยู่ เ้านั่งเกี้ยวกลับไปจะได้ไม่มีผู้ใดเห็น ทังหยวนจับตาดูที่ว่าการอำเภออยู่ ถ้าจับผู้ร้ายได้แล้วข้าจะให้เขาไปบอก”
“อื้ม เช่นนั้นข้ากลับก่อน ท่านพักผ่อนดีๆ” หลินหวั่นชิวโบกมือให้ตู้ซิวจู๋แล้วเดินออกไป
สายตาตู้ซิวจู๋เอาแต่มองไปทางที่หลินหวั่นชิวหายไป ไม่ยอมหยุด
“แปะๆ…” เสียงตบมือดังฟังชัดดังขึ้น รอยยิ้มบนหน้าตู้ซิวจู๋หายไปทันที
“ผู้บัญชาการของพวกเราถึงกับใช้กำลังภายในมาควบคุมให้ชีพจรอ่อนแอเพื่อสตรี ด้วยฝีมือของผู้บัญชาการแล้วหลบมีดเล่มนั้นง่ายจะตาย หากไม่ใช่เพราะที่ว่าการอำเภอกำลังไต่สวนเป้าหมายของคนเ่าั้อยู่…ข้าคงสงสัยแล้วว่าเป็คนที่ผู้บัญชาการจ้างมาเสียเอง…”
ตู้ซิวจู๋เหลือบตามองผู้มาใหม่ พลิกตัวลุกจากเตียง เขาหมุนลายแกะสลักที่หัวเตียง เตียงหลังใหญ่ค่อยๆ เอียงขึ้น ที่นอนเลื่อนไถลลง แผ่นเตียงเปิดออกเหมือนประตู เผยให้เห็นช่องทางสายหนึ่ง
ตู้ซิวจู๋เดินเข้าไป ผู้มาใหม่เดินตาม
“หานซิง ระวังปากของเ้าให้ดี ไม่เช่นนั้นเปิ่นกงจื่อจะตัดลิ้นเสีย!”
หานซิงรีบเอามือปิดปากและทำท่าหวาดกลัว ทว่าแววตากลับไม่มีความเกรงกลัวแม้แต่น้อย
แม้เขาจะเป็ลูกน้องของตู้ซิวจู๋ แต่ทั้งคู่โตมาด้วยกันั้แ่เด็ก ถูกฮ่องเต้เลือกออกมารับการฝึกลับั้แ่เด็กเช่นกัน ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่มาจนถึงทุกวันนี้
หลังจากทั้งคู่เข้าไปในช่องทางลับ แผ่นเตียงก็ปิดลงดังเดิม ที่น่าเหลือเชื่อคือ ไม่รู้กลไกนี้ออกแบบอย่างไร แต่หลังจากแผ่นเตียงปิดลงแล้ว ฟูกที่นอนก็ไหลกลับขึ้นไปด้วย กลับคืนสู่สภาพปกติภายในชั่วพริบตา
เส้นทางนี้ทอดยาวไปถึงนอกเมือง ออกไปแล้วจะเจอกับไร่เพาะปลูก
“นี่ก็คือคนที่รับมาใหม่?” ตู้ซิวจู๋มองคนหน้าใหม่ที่กำลังทำการประลองกลางโถงพร้อมกับถามหานซิง
หานซิงพยักหน้า “ใช่ ฝีมือไม่เลว ฝึกฝนอีกสักระยะน่าจะใช้งานได้”
“ภารกิจก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว?” ตู้ซิวจู๋ถามต่อ
หานซิงพยักหน้า “เรียบร้อยแล้ว ตระกูลจางทั้งหกสิบแปดคนไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว”
