“ ท่านผู้เฒ่าข้ายังพาคนผู้นี้มาด้วย นางรักษาข้าที่ได้รับาเ็จนบินไม่ไหวหายทันที แค่นางร่ายเวทมนตร์ไม่กี่คำเท่านั้น”
“ จริงเหรอแม่หนูน้อย ข้าเ็ปและทุกข์ทรมานมานานแต่ไม่สามารถไปยมโลก เพื่อรับบาปกรรมได้จึงต้องอยู่แบบนี้อาศัยกินธูปเทียน ก่อนิญญาสูงสลายเท่านั้น”
“ ข้าจะลองดู แต่ท่านต้องอยู่กับที่เพราะมือข้าต้องัักับตัวท่าน เหมือนที่ทำกับนกฮูก” ิญญาหยุดนิ่งอยู่กับที่เพื่อให้เย่วซิงััได้
นางท่องคาถาบทเดียวกับนกฮูก เป็คาถารักษาิญญา ร่างที่ดูบางเบาเลือนรางก็ชัดเจนขึ้นมาทันที
“ แม่หนูน้อยขอบใจเ้ามาก ิญญาข้าหายจากอาการาเ็แล้ว ”
“ ท่านผู้เฒ่าข้าสามารถ ท่องมนต์คาถาให้ท่านไปเกิดใหม่ได้ ท่าน้าจะไปเกิดใหม่หรือไม่”
“ ข้ายังมีสิ่งที่ค้างคาใจอยู่และสิ่งที่ปรารถนายังไม่สมหวัง นั่นจึงเป็เหตุให้ิญญาทุกข์ทรมาน เพราะก่อนตายคิดแต่เื่เช่นนี้ไว้ จึงอยู่ติดแต่ในถ้ำนี้”
“ ท่านผู้เฒ่ายังมีสิ่งไหนที่ค้างคาใจ หรือถ้าข้าช่วยได้ก็จะช่วยว่าท่านจะได้ไปเกิดใหม่”
“ข้ายังหาคนที่จะมาทำความดีต่อไป จนกว่าเชือกธรรมดาจะกลายเป็กำไลที่มีพลัง ช่วยเหลืุ์ได้มากกว่านี้”
“ ตอนนี้ข้ายังไม่มีพลังที่มากพอจะช่วยเหลือใครได้ ไว้ตอนที่ข้าแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ ข้าจะช่วยท่านทำภารกิจทำความดีได้หรือไม่”
ชายชรายืมมองพิจารณาเย่วซิงอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้า“ แม่หนูน้อยหากเ้า้าช่วยข้า ก็เพียงแต่เ้ารับข้าเป็อาจารย์และสืบทอดเจตนารมณ์ของข้า”
“ ถ้ามันช่วยให้ท่านพ้นจากความทุกข์ทรมานลำบาก และสามารถไปเกิดใหม่ได้ข้าก็ยังดีเ้าค่ะ”
“ ดีๆ! ถ้าอย่างนั้นไปเก็บน้ำค้างดอกเหมยบนยอดเขาสูง ให้เต็มขวดกระเบื้องใบนี้แล้วนำมาเป็น้ำชา เพื่อคารวะข้าเป็อาจารย์ได้หรือไม่”
“ ก็ได้เ้าค่ะแต่ว่าเขาสูงที่ว่าอยู่ในป่านี้ หรือว่าอยู่ตรงไหนข้าจะได้รีบเดินทางไป”
“ มันอยู่ในป่าิญญานี้แหละ เดินทางไปทิศตะวันออกก็จะเจอเขาสูงบนนั้น มีดอกเหมยอยู่ต้นหนึ่ง มีดอกสีแดงเ้าไปถึงก็สังเกตเห็นเอง ข้าจะรอเ้าอยู่ที่นี่”
เย่วซิงรับขวดกระเบื้องจากชายชรา ปีนขึ้นหลังม้าออกเดินทาง ไปทิศตะวันออกเพราะตอนนี้เริ่มเห็นแสงสว่างของพระอาทิตย์แล้ว นางต้องรีบไปให้ถึงไม่งั้นจะไม่ทันเก็บน้ำค้าง
ม้าสีเทาหรือสีหมอกพาวิ่งไปยังเขาสูงทางทิศตะวันออก เพราะมันก็ได้ยินที่ท่านผู้เฒ่ากับเย่วซิงคุยกัน
“ เ้าเก่งมาก วิ่งขึ้นเขาสูงก็ยังได้สมกับเป็ม้าพลังิญญา”เย่วซิงมองดอกไม้ที่สวยงาม ละลานตาบนยอดเขาที่แข่งกันออกดอกเบ่งบานสะพรั่งไปหมด
“ โอ้!ที่นี่สวยงามมาก เหมือนอุทยานดอกไม้ ที่มีคนดูแลยังงั้นแหละแล้วดอกไม้สีแดงล่ะอยู่ที่ไหน”
ม้าสีหมอกพาวิ่งมายัง ต้นดอกเหมยสีแดงที่มีอยู่ต้นเดียว“ โอ้!สูงขนาดนี้ข้ายังไม่มีวิชาตัวเบา ที่จะไปเก็บน้ำค้างบนยอดได้ จะทำยังไงกันล่ะทีนี้ถ้าปีนเก็บสองปีจะเต็มไหมนี่”
“ บันไดต้องหาบันไดมาปีน กว่าจะทำอะไรมาทำบันไดได้ น้ำค้างวันนี้น่าจะละลายหายไปหมดแล้ว ปีนก็ได้ตอนเป็เด็ก ก็ยังเคยเป็ปีนต้นไม้เล่นนี่นา”
“ มองจากยอดไม้ลงไปข้างล่าง ก็ดูสวยงามดีต้องรีบแล้วล่ะน้ำค้างที่เกาะอยู่บนดอกไม้ ถ้ามีหยดใหญ่อย่างนี้ถ้าเก็บให้ไวน่าจะทัน” ในป่าใหญ่แห่งนี้มีหมอกที่หนาทึบ กว่าแสงอาทิตย์จะส่องสว่างลงมาถึง ก็เป็เวลาพระอาทิตย์ใกล้จะตรงกับหัวหรือเที่ยงวันแล้ว
เย่วซิง ใช้เวลาสองชั่วยามในการเก็บน้ำค้าง ความตั้งใจที่จดจ่ออยู่กับการเก็บน้ำค้าง บนต้นไม้สีแดงที่มีพลังิญญาสูงที่สุดในเขาลูกนี้ ทำให้่เวลานั้นจิตใจของนางเกิดสมาธิ และรับพลังิญญาบริสุทธิ์เข้าไปอย่างเต็มที่
“ ไม่คิดว่าเก็บน้ำค้างทีละหยด ใช้เวลาไปน่าจะสี่ชั่วโมงแต่ทำไมถึงไม่รู้สึกเบื่อ หรือรำคาญที่ต้องเก็บน้ำค้างวนไปวนมาอยู่บนต้น กับรู้สึกเย็นสบายปลอดโปร่งอธิบายไม่ถูก กลับไปหาท่านผู้เฒ่าในถ้ำดีกว่า”
“ แม่หนูน้อยเ้ากลับมาไวกว่าที่ข้าคิดไว้ นึกว่าเ้าจะใช้เวลาสักสองสามวันเสียอีก” ิญญาชายชราเตรียมพื้นที่ ให้ตัวเองได้นั่งอยู่บนแท่น เพื่อให้เย่วซิงยกน้ำค้างคารวะอาจารย์แทนน้ำชา
เย่วซิงมองิญญา ผู้เฒ่าที่ยกน้ำค้างบนยอดดอกเหมยขึ้นกิน เหมือนกับอดอยากไม่ได้กินน้ำมานาน“ หรือเป็ิญญา เลยดื่มน้ำธรรมดาไม่ได้ต้องเป็น้ำค้างจากยอดดอกเท่านั้น”
“ ต่อไปเ้าก็เป็ลูกศิษย์ของข้าแล้ว ต้องศึกษาเล่าเรียนกับข้าน่าจะหลายวันอยู่ อย่างไงเ้าก็เขียนจดหมายแล้วให้นกฮูกเอาไปส่งที่บ้าน พวกเขาจะได้ไม่เป็ห่วงเ้า ถ้าให้เ้าเดินทางเข้าออก การเรียนจะไม่ต่อเนื่องแล้วต้องใช้เวลานาน”
“ พู่กันกับน้ำหมึกอยู่ตรงนั้นเ้าเขียนข้อความได้เลย”เย่วซิงเดินไปตั้งท่าจะเขียนจดหมาย
“ อาจารย์เ้าค่ะข้าเขียนภาษาจีนโบราณไม่เป็ เขียนเป็ภาษาไทยและอังกฤษภาษา จีนยุคใหม่ได้นิดหน่อยใช้ปากกาเขียน ใช้พู่กันไม่เป็ พี่สาวสองคนไม่แน่ใจว่าอ่านได้หรือไม่”
“ ยังไงแล้วให้ข้ากลับไปบอกเขาด้วยตัวเองจะดีกว่าเ้าค่ะ ข้าจะได้เตรียมตัวและข้าวของบางอย่างมาด้วย”
“ ได้ถ้าอย่างนั้นเ้ารีบไปรีบกลับ ถ้าเ้าไม่รู้หนังสือภาษาจีนโบราณ จากเจ็ดวันน่าจะเป็หนึ่งเดือนข้าจะสอนภาษาให้เ้าเอง”
เยว่ซิงขี่ม้ากลับมาที่บ้าน เก็บของใช้ส่วนตัวบางอย่างไปด้วย ขนไปแม้กระทั่งผ้าห่มและผ้าปูนอน
“ พี่สาวทั้งสองไม่ต้องเป็ห่วงนะ คิดเสียข้าไปศึกษาหาความรู้หนึ่งเดือนข้าจะกลับมา พร้อมกับความรู้ที่อ่านออกเขียนได้ พี่สาวไม่ดีใจหรอกรึ”
“ ก็ได้เ้าค่ะ คุณหนูต้องระวังตัวให้ดีอยู่ในป่าแบบนั้น คุณหนูไม่เอาเทียนไว้จุดตอนมืดเลยเ้าคะ”
“ ก็ได้ข้าจะแบ่งเอาเทียนไปถ้าพี่สาวไม่พอใช้ก็พากันออกไปซื้อก็ได้ ข้าทิ้งมุกิญญาไว้ให้ วางอยู่บนเตียงสามารถหยิบไปใช้ได้เลย”
“ เ้าม้าสีเทาไปกันแล้ว ชาติก่อนข้าศึกษากับครูบาอาจารย์ อยู่ในสถานที่ศึกษาแต่ละที่หรูหราไม่ซ้ำกัน ชาตินี้ศึกษากับิญญาอยู่ในถ้ำ ถ้าไม่คิดอะไรมากก็น่าสนุกไม่น้อย ถ้าคิดมากก็เป็เื่อะไรที่น่าเศร้าใจ”
“ อย่างแรกที่ข้าจะสอนเ้า คือการนั่งสมาธิเพื่อให้จิตของเ้าไม่คิดฟุ้งซ่าน และเมื่อเ้ามีสมาธิสิ่งที่เรียนไปจะใช้เวลาไม่นาน เ้าก็สามารถจดจำได้ทุกอย่าง”สามวันแรกเย่วซิงนั่งสมาธิให้จิตสงบโดยมีอาจารย์ผู้เฒ่าคุมตลอด
“ อาจารย์เ้าค่ะหลังจากนั่งสมาธิมาสามวัน ข้ารู้สึกว่าร่างกายเบาสบายจิตใจสงบและความจำที่แม่นยำขึ้น สายตามองเห็นแม้กระทั่งมดตัวเล็กที่เดินอยู่ตามพื้น โดยที่ไม่ต้องเพ่งมอง แค่มองผ่านก็เห็นทุกอย่างแล้ว”
“ ดีแล้วเวลาเ้าเรียนหนังสือจะได้จดจำได้แม่นยำ วันนี้เราจะเริ่มเรียนกันเลย ถ้าอ่านหนังสือได้แล้วค่อยมาฝึกเขียน” อาจารย์ผู้เฒ่าสอนเย่วซิง เหมือนเก็บกดสอนจนนางไม่ได้พัก ยังดีที่ตอนนี้ความจำของนางดีขึ้น จากการนั่งสมาธิ
่ก่อนนอนเย่วซิงยังต้องนวด ฝ่ามือและนิ้วกดจุดบริหารนิ้วมือเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับฝึกเขียนพู่กัน
“ จับพู่กัน ยังต้องนวดนิ้วมือแต่ก่อนจับปากกาเขียนรายงานเป็เล่มๆ ไม่เห็นต้องมานวดแบบนี้เลย ”
“ห้ะ!! อาจารย์เ้าคะ! นี่มันพู่กันหรือไม่คฑากันแน่ ทำไมถึงได้ใหญ่ขนาดนี้ แล้วกระดาษและเ้าค่ะอยู่ที่ไหน”
“ พู่กันนี้ไม่ได้ใช้เขียนลงในกระดาษ เขียนลงในอากาศต่างหากเล่า ที่ให้เ้านวดกดจุดบนนิ้วมือก็เพราะว่าต้องถือเป็เวลานาน”
“ เขียนบนอากาศแล้วจะอ่านได้หรือเ้าคะ แล้วอาจารย์จะรู้ได้ยังไงว่าข้าเขียนอะไรลงไป”
“ สิ่งที่ให้เ้าเขียนคือยันต์ต่างหากล่ะ เพราะยันต์นี่แหละ อาจารย์ถึงไม่ได้ไปเกิดเสียทีหาคนสืบทอดยังไม่ได้”เย่วซิงเรียนเขียนยันต์อยู่ ครึ่งเดือนกว่าจะเป็รูปร่าง
“ มันยากยิ่งกว่าเขียนลงในกระดาษเปล่าเสียอีกนะเ้าค่ะท่านอาจารย์ ครึ่งเดือนแล้วข้าเพิ่งจะเขียนเสร็จและมีสีปรากฏขึ้นมาให้เห็นบนท้องฟ้า”
“ เ้าต้องเร่งเรียนรู้ให้ไว ยันต์ที่ให้เขียนสามารถใช้ปราบภูตผีิญญาหรืุ์ได้ ถึงเ้าจะมีมนต์คาถาไว้ป้องกันตัวแต่ถ้าเป็ระดับสูงขึ้นไป ต้องเขียนยันต์อักขระบนอากาศเท่านั้น ถึงจะช่วยเ้าได้มากหลายร้อยเท่าของมนต์คาถา”
“ ยันต์มีลวดลายไม่เหมือนกัน ตั้งสามแบบถ้าฉุกเฉินมันจำผิดแล้วเ้าค่ะ จะเกิดอะไรขึ้น”
“ เ้าต้องห้ามผิดพลาดเด็ดขาด เพราะถ้าผิดพลาดหมายถึงชีวิตเ้าจะดับสูญ เพราะศัตรูของเ้า อาจารย์ถึงให้เ้านั่งทำสมาธิก่อนที่จะเรียนวิชายังไงล่ะ และให้เน้นอ่านก่อนที่จะมาเขียน”
“ ตอนนั้นเป็เพราะอาจารย์ประมาทเผอเรอ และหยิ่งผยองเกินไป ทำให้อักขระที่เขียนออกมาผิดเพี้ยนไป ชีวิตตัวเองถึงได้ตายลงทั้งที่น่าจะเป็ฝ่ายชนะมากกว่า”
“ ยันต์ที่ให้เขียนขึ้นชุดที่หนึ่งสามารถ เรียกเป็น้ำหรือไฟก็ได้ให้อยู่ใต้วงแหวนของยันต์ เ้าสามารถขยายวงกว้างของยันต์ได้”
“ ยันต์ชุดที่สอง ใช้กักขังิญญาร้ายมนุษย์และสัตว์ิญญา ไม่ให้หลุดรอดออกจากยันมาทำลายเ้าได้”
“ ยันต์ชุดที่สาม สังหารมนุษย์สัตว์ิญญาอสูร รวมถึงภูตผีปีศาจได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพลังเ้ามันสามารถพลิกแพลงได้”
“ ทั้งสามชุดไม่เหมือนกันถ้าเ้าตั้งใจเล่าเรียนให้ดี ยันต์เหล่านี้ไม่มีความเหมือนกันเลยแค่มองผ่านๆเป็วงกลมเท่านั้น”
“ อาจารย์เ้าค่ะข้าจะตั้งใจเล่าเรียน แต่… พู่กันมีขนาดเล็กกว่านี้ได้ไหมเ้าคะ ต่อไปถ้าเดินข้าเดินทางไปไหนมาไหน ไม่ต้องสะพายพู่กันแทนกระบี่หรือเ้าคะ่”
“ พู่กันนี้อาจารย์ให้เ้าฝึกเท่านั้น ถ้าเ้าฝึกสำเร็จเมื่อไหร่ อาจารย์ถึงจะมอบพู่กันพิเศษให้เ้า รับรองว่าเ้าไม่ต้องสะพายเหมือนดาบ”
เย่วซิงทีแรกจะใช้เวลาฝึกแค่หนึ่งเดือนก็ต้องยืดเวลาออกไปอีก ต้องให้ม้าสีเทาวิ่งเข้าออกป่าค่อยมาส่งข่าวที่บ้าน ยังดีสาวใช้ทั้งสองคนยังพออ่านออกอยู่บ้าง
เย่วซิงให้ม้าอยู่ที่บ้านสามวันเข้าป่ามาหนึ่งครั้ง และนอนในป่าสามวันกลับไปบ้าน เป็แบบนี้จนกว่านางจะเรียนจบ
“ เ้าเรียนเขียนได้คล่องแล้วทีนี้ลองใช้พลังที่มีใส่เข้าไปด้วย และเขียนให้เร็วขึ้นดูสิว่าจะมีน้ำร่วงลงมาจากยันต์ที่เ้าเขียนหรือไม่”
เย่วซิงออกมายืนอยู่หน้าถ้ำ และวาดยันต์ไปบนอากาศ ตัวสุดท้ายใส่เป็จุดที่ต้องเป็น้ำ ที่ร่วงลงมาจากยันต์
“ซ่า ซ่าๆ!!”
“ อาจารย์มีน้ำตกลงมาจากวงกลมข่ายอาคมแล้วเ้าค่ะ แล้วถ้าเกิดว่าข้า้าขยายพื้นที่ให้กว้างออกต้องทำยังไงเ้าคะ”
“ เ้าก็ใช้พู่กันเขียนเพิ่มขึ้นมาใหม่ให้ขยายวงกว้างมากกว่าเดิม แต่เ้าต้องใช้พลังมากเป็เท่าตัว”เย่วซิงรีบทำตามที่อาจารย์บอก ขยายวงกว้างของข่ายอาคมออกไปเป็ครึ่งูเา
“ อาจารย์แล้วมันควบคุมเวลาได้ไหม ให้น้ำไหลแบบนี้นานๆหรือว่าแรงขึ้น”