ถังชิงหรูเป็ห่วงเฉินิ เกรงว่าหากช้าไปหนึ่งก้าวเ้าหนุ่มนั่นจะตายไปเสียก่อน แม้ว่าปรกติเขาจะทำตัวน่าชัง แต่แท้จริงแล้วนางมิได้รังเกียจรังงอนมากมาย
ผู้คนยังคงเกาะกลุ่มเหนียวแน่นไม่ยอมขยับ นางเบียดเข้าไปไม่ได้ พวกเขาล้วนเป็ชาวบ้านธรรมดา เรี่ยวแรงแค่จะมัดไก่ยังไม่มี นางจึงไม่อาจลงมือกับพวกเขารุนแรง หากยามนี้แต่งตัวเป็ชายก็ยังพอให้ไล่พวกเขาออกไปได้ แต่วันนี้เป็วันหยุดพักผ่อน ก็เลยสวมชุดสตรี ดังนั้นชาวบ้านเหล่านี้จึงไม่ไว้หน้า
"เขาเป็... คู่หมั้นของข้าเอง" ถังชิงหรูนึกแผนการหนึ่งขึ้นได้ "ทุกท่าน ได้โปรดหลีกทางให้ข้าด้วย เขามีโรคประจำตัว มิอาจรอช้า"
พวกชาวบ้านได้ฟังก็เข้าใจ ที่แท้นางก็เป็คู่หมั้นของคนที่เป็ลมอยู่ในนั้น พวกเขาถึงรีบเปิดทางให้ถังชิงหรูแทรกเข้าไปได้โดยสะดวก
"แม่นางก็น่าจะบอกให้เร็วกว่านี้หน่อย" ท่านป้าคนเดิมกล่าว "รีบไปดูว่าที่สามีเ้าเถิด เขาเป็อะไรกันแน่ ไฉนอยู่ๆ ถึงเป็ลมไปได้"
ถังชิงหรูเห็นเฉินิล้มอยู่ตรงนั้น ยามนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยผื่นแดง ท่าทางคงจะทรมานมาก ผื่นเ่าั้เห่อลามมากขึ้นเรื่อยๆ แลดูน่าสยดสยอง คนที่มุงอยู่รอบด้านต่างรีบถอยออกไปด้วยเกรงว่าจะติดโรคจากเขา
ถังชิงหรูจับมือของชายหนุ่ม ขานเรียกชื่อเขาเบาๆ "เฉินิ..."
ทันทีที่มือนางััผิวของเขา ผื่นแดงเ่าั้ก็อันตรธานไปทันที เฉินิได้สติฟื้นขึ้นมาก็พูดกับนางอย่างอ่อนเปลี้ย "ข้าเกือบตายเพราะเ้า"
ท่านป้าที่ยืนอยู่ด้านข้างท้วงขึ้นว่า "พ่อหนุ่ม คู่หมั้นของเ้าเป็ห่วงเ้ามากเลยนะ ไฉนถึงพูดจาแบบนี้กับนางเล่า"
"จริงด้วย แค่แม่นางเห็นเ้าเป็แบบนี้ก็ใแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว" ชาวบ้านอีกคนเอ่ยขึ้นบ้าง "ฟื้นแล้วแทนที่จะปลอบใจนาง ยังมาพูดทำร้ายจิตใจกันอีก ช่างแล้งน้ำใจยิ่งนัก"
"คู่หมั้น?" เฉินิเลิกคิ้ว ลุกขึ้นมานั่งหันมองไปที่ถังชิงหรู "แล้วคู่หมั้นของข้าคนนี้ร้องไห้จริงๆ รึเปล่า"
"ทำไมจะไม่ร้องเล่า ดูท่าทางของนางสิ สงสัยคงจะรักเ้ามาก เ้าช่างมีวาสนาแท้ๆ" สตรีออกเรือนแล้วคนหนึ่งตอบกลับมา
ถังชิงหรูแทบอยากแทรกแผ่นดินหนีไปเสียเดี๋ยวนั้น คนเหล่านี้ดูจากตรงไหนถึงบอกว่านาง 'รัก' เขามาก และพวกเขาใช้ตาข้างไหนมองเห็นตนเองร้องไห้?
ที่แท้พลังจินตนาการของคนโบราณก็ล้นเหลือเช่นนี้นี่เอง หากเป็โลกอนาคต ใครที่มีจินตนาการระดับนี้ถ้าไม่ไปเขียนนิยายขายก็น่าเสียดาย
เฉินิอมยิ้มมองถังชิงหรู สีหน้ากระอักกระอ่วนแกมหงุดหงิดของนางในสายตาเขากลับแปลความหมายเป็อาการขัดเขิน ไม่รู้เพราะเหตุใด ความโกรธขึ้งที่ยังคับแน่นเต็มอกอยู่เมื่อครู่ ยามนี้กลับหวานล้ำ
"เห็นแก่ที่เ้ายังรู้จักเป็ห่วงข้า เื่เมื่อครู่นี้จะไม่ถือสาก็ได้" เฉินิยื่นมือให้นาง "ดึงข้าขึ้นไปสิ"
ถังชิงหรูรีบฉุดเขาขึ้นมา แล้วหันไปเอ่ยกับชาวบ้านที่มุงล้อมอยู่โดยรอบ "รบกวนทุกท่านโปรดหลีกทางด้วย อาการของเขาทุเลาแล้ว แต่ก็อาจกำเริบขึ้นมาอีกเมื่อไรก็ได้ พวกท่านอย่าไปเข้าใกล้เขาเป็อันขาด"
คนอื่นๆ พอได้ยินแบบนี้ก็รีบถอยไปด้านหลัง เปิดช่องเล็กๆ ให้พวกเขาสองคน
ถังชิงหรูรีบจูงเฉินิก้าวออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว พอพ้นจากประชาชนกลุ่มนั้นมาแล้ว นางถึงเอ่ยปากว่า "เมื่อครู่ท่านแตะต้องถูกตัวผู้ใด"
"เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง" เฉินิตอบอย่างหัวเสีย "ข้ามัวแต่ระวังหญิงสาวเ่าั้ จนลืมไปว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ก็ก่อปัญหาได้เหมือนกัน"
"ขอแสดงความยินดีกับชิ่งอ๋องด้วยเพคะ ท่านเป็ขวัญใจของทั้งผู้ใหญ่และผู้เยาว์โดยแท้ แม้กระทั่งเด็กหญิงตัวน้อยก็ไม่เว้น" ถังชิงหรูจงใจเอ่ยประชดประชัน
"หากมิได้พูดจาทิ่มแทงข้าสักวัน ก็จะรู้สึกไม่สบายใจใช่หรือไม่"
"เปล่าเสียหน่อย" ถังชิงหรูมองไปบนฟ้า "ถูกท่านก่อกวนแบบนี้ เสียเวลาไปตั้งเยอะ ช่างเถอะ ท่านหาที่รอก่อนก็แล้วกัน ข้าจะเข้าไปซื้อผักเอง"
"เปิ่นหวางเปลี่ยนใจแล้ว จะไปกับเ้าด้วย" เฉินิเอ่ยทันควัน
"ท่านไม่กลัวสตรีเ่าั้มาจับต้องตัวท่านแล้วหรือ" ถังชิงหรูรู้สึกใ "อย่าดีกว่า ข้าคร้านจะต้องอธิบายกับผู้อื่นไปตลอดทางว่าคู่หมั้นของข้าร่างกายอ่อนแอมาก เดี๋ยวเดินเดี๋ยวเป็ลม ถ้าหากทำเช่นนั้น เกรงว่าไม่ช้าต้องมีคนเข้าใจว่าตรงนี้มีสตรีน่าสงสาร ที่บ้านบังคับให้แต่งงานไปกับสามีที่อ่อนแอแค่ลมพัดมาก็ปลิวล้มไปแล้ว"
"เปิ่นหวางจะพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่าเ้ามีคู่หมั้นที่แข็งแรงมาก" เฉินิจับมือของนางไว้ "แบบนี้ก็ได้แล้ว"
ถังชิงหรูจ้องหน้าเขาอย่างตะลึงพรึงเพริด "ท่านจะให้ข้าจูงไปตลอดทางเนี่ยนะ?"
"เ้าเป็คนยุให้เปิ่นหวางออกมาััการใช้ชีวิตข้างนอก แล้วจะโยนเปิ่นหวางไว้ข้างทางได้อย่างไร เปิ่นหวางไม่เป็ลมเป็แล้งไปอีกรอบหรอกน่า" เฉินิกล่าวเรียบๆ
ถังชิงหรูมองไปโดยรอบ พวงแก้มร้อนผ่าว กระซิบบอกว่า "ท่านทำแบบนี้น่าขายหน้าเกินไป ดูสิ พวกเขามองเรากันใหญ่แล้ว"
"ปรกติเห็นเ้ากล้าพูดกล้าทำไปเสียทุกอย่างมิใช่หรือ ไยวันนี้ถึงใจเสาะไปได้เล่า" เฉินิเลิกคิ้วมองนาง
"แต่พวกเราไม่ได้เป็... อะไรกันจริงๆ สักหน่อย" ถังชิงหรูบ่นอุบ "เมื่อครู่สถานการณ์บังคับ เพราะต้องช่วยชีวิตท่านถึงคิดวิธีแบบนั้นออกมา ท่านนี่มันได้คืบเอาศอกจริงๆ เลย"
"หากข้าบอกคนเ่าั้ไปว่า หมอเทวดาที่พวกเขายกย่องเลื่อมใสเป็เด็กสาวกะโปโลน่ารำคาญคนหนึ่ง เ้าว่าผลลัพธ์จะเป็เช่นไร" เฉินิเตือนด้วยสายตา
ถังชิงหรูเม้มริมฝีปากก่อนเอ่ยวาจาแดกดัน "ท่านมันคนถ่อย รู้จักแต่วางอำนาจกับบีบบังคับผู้อื่น"
เฉินิเห็นหญิงสาวข้างกายยอมลงให้แต่โดยดี ก็นึกลำพองใจยิ่ง หลายวันมานี้เขาและนางประลองทั้งฝีปากและปัญญา แต่ไรมาล้วนเป็นางชนะเขาแพ้ กว่าวันนี้จะเอาคืนได้ไม่ง่ายเลย
สำคัญที่สุดคือยามนี้ทุกคนล้วนเห็นนางเป็สตรีของตน ดูซิว่าต่อไปนางจะหนีไปอย่างไร เอาไว้ต้องหาวันไปขอนางจากน่าหลันหลิงให้เป็กิจจะลักษณะ ถึงเวลาค่อยเอาไปปล่อยไว้ในเรือนหลังให้เป็อนุหรืออะไรทำนองนั้นไปก่อน หากนางเชื่อฟัง ค่อยเลื่อนตำแหน่งเป็ชายารอง
ถังชิงหรูไม่รู้ตัวสักนิดว่าตนเองถูกหมาป่าเทาตัวร้ายหมายตาไว้แล้ว ในสายตานางเห็นหมาป่าเทาตัวนี้เป็เพียงลูกสุนัข ถ้าอ่อนโยนด้วยหน่อยก็จะเชื่องยอมเชื่อฟัง แต่สิ่งที่นางไม่รู้ก็คือ ทุกสิ่งที่เห็นล้วนเป็ภาพลวงตา
"นี่คืออันใด" เฉินิไม่ได้ออกจากจวนนานแล้ว แม้ทุกคราที่ออกมาจะมีรถม้ามาส่ง แต่สถานที่เคยไปล้วนเป็สถานที่ของชนชั้นสูง ไม่เคยมาสถานที่เล็กๆ ที่ชาวบ้านสามัญชนใช้ชีวิตกันเช่นนี้ ยิ่งไม่เคยเห็นอาหารที่ยังมิได้ปรุงสุก ยามนี้ไม่ว่าจะเห็นสิ่งใดก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจไปเสียหมด ราวกับเด็กน้อยอยากรู้อยากเห็นก็มิปาน
ถังชิงหรูต้องอธิบายให้เขาฟังไปทุกเื่ แต่คำถามของเขาเยอะเกินไป จนนางเริ่มรู้สึกเหลืออด เดิมทีที่พาเขาออกมาก็เพื่อสังเกตอาการป่วยของเขา ยามนี้ยังไม่มีความคืบหน้า แต่นางกลับถูกเขาก่อกวนจนแทบทรุดอยู่แล้ว
"นายน้อยของข้า นี่คือเต้าหู้เ้าค่ะ..." ถังชิงหรูอธิบายอย่างอ่อนใจ "คราก่อนข้าก็ทำเต้าหู้น้ำแดงให้ท่านกินไปแล้วไม่ใช่หรือ"
"ที่แท้ก็คือเต้าหู้นี่เอง" เฉินิทำท่าตระหนักรู้
"ของก็ซื้อมาพอสมควรแล้ว พวกเรากลับกันเถิด" ถังชิงหรูหิ้วตะกร้าขึ้นมาพลางกล่าวว่า "ที่จริงจวนของท่านมิได้ขาดวัตถุดิบอาหาร แต่ของเ่าั้ไม่ตรงกับความ้าของข้า ดังนั้นถึงออกมาหาเป็การเฉพาะ หาก้าทำอาหารขึ้นโต๊ะให้พิถีพิถัน ไม่ว่าจะเป็การเลือกวัตถุดิบ ทักษะการใช้มีด การควบคุมไฟ รวมถึงการปรุงรสล้วนต้องใส่ใจในทุกๆ อย่าง อาหารทุกจานที่ขึ้นโต๊ะ ล้วนกลั่นกรองออกมาจากความรู้สึกของคนครัวเช่นพวกเรา"
"ปรกติเ้าปรนนิบัติน่าหลันหลิงด้วยความใส่ใจเช่นนี้เสมอเลยหรือ" เฉินิพลันรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เพียงแค่คิดว่าน่าหลันหลิงได้กินอาหารที่นางทำอย่างพิถีพิถันทุกวัน เขาก็รู้สึกว้าวุ่นแกมริษยาอย่างบอกไม่ถูก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะเหตุใด
"มีปัญหาหรือ" ถังชิงหรูเอ่ยถามอย่างงุนงง
"ต้องมีปัญหาแน่" เฉินิแค่นเสียงหึ "เปิ่นหวางกินอาหารมื้อหนึ่งไม่เห็นจะยุ่งยากขนาดนี้ เขาช่างรู้สึกเสพสุข"
"ตามที่ข้ารู้ ในจวนของท่านมีพ่อครัวใหญ่สิบกว่าคน อาหารแต่ละมื้อมีสิบแปดอย่าง และท่านก็กินได้แค่หนึ่งในสิบส่วนเท่านั้นเอง นั่นก็แสดงว่าท่านกินอาหารอย่างฟุ่มเฟือยทุกวัน ไม่รู้ว่าคนที่รู้จักเสพสุขคือผู้ใดกันแน่"
"นั่นคือสิ่งที่เปิ่นหวางสมควรได้รับ" เฉินิเอ่ยอย่างหัวเสีย "เปิ่นหวางแค่ว่าเขาประโยคหนึ่ง เ้าก็ไม่พอใจขนาดนี้เลยหรือ ปรกติคุณชายจากตระกูลสูงศักดิ์อายุสิบขวบก็มีสาวใช้ข้างห้องแล้ว หรือว่าเ้า..."
ถังชิงหรูได้ยินเช่นนั้น ก็เหยียบเท้าของเขาอย่างแรง
เฉินิเจ็บจนต้องปล่อยมือนาง มากอดเท้าของตนเองไว้ พลางตะคอกถาม "เ้าทำอันใดเนี่ย..."
"ท่านไม่สนใจเื่หน้าตา แต่ข้าสน" ถังชิงหรูแค่นเสียงหึ "สีหน้าของท่านดูสดใสดีแล้ว ข้าไม่อยู่เป็เพื่อนเดินเล่นดีกว่า เดี๋ยวต้องกลับไปเตรียมงานเลี้ยงมื้อค่ำอีก" พูดจบก็หมุนตัวเดินไปทันที
ยามนี้นางกำลังโมโหโทโสจึงไม่อยากสนใจคนที่กำลังร้องเรียกตนเองอยู่ สาเหตุที่บันดาลโทสะก็ไม่มีอะไรมาก นางกับน่าหลันหลิงบริสุทธิ์ใจต่อกัน ความรู้สึกเหมือนเป็ญาติมิตร แต่ในสายตาคุณชายสูงศักดิ์จิตใจโสมมเ่าั้ กลับมองว่าเขาและนางมีความสัมพันธ์ทางกาย แล้วจะไม่ให้นางโมโหได้อย่างไร
ในมุมมองของนาง ตนเองกับน่าหลันหลิงเป็เหมือนพี่น้อง แน่นอนว่าในสายตานาง สถานะของพวกเขาสองคนย่อมเท่าเทียมกัน ส่วนเขาจะเห็นเป็เช่นนี้เหมือนกันหรือไม่ ก็ต้องไปถามดู
ถังชิงหรูหิ้วตะกร้าเข้าไปในโรงครัว เฉินิวิ่งตามมาตลอดทาง กว่าจะตามทันไม่ง่ายเลย
เฉินรุ่ยเห็นทั้งสองคนกลับมาโดยที่เฉินิเป็ฝ่ายวิ่งตามถังชิงหรู รอยยิ้มก็วาบผ่านดวงตา "น้องชายของข้าคนนี้... เขากับแม่นางหรูเอ๋อร์เป็คู่ที่ชอบกัดกันเสียจริง"
ภายในใจของน่าหลันหลิงรู้สึกอึดอัดคับข้องเล็กน้อย เฉินิดูใส่ใจถังชิงหรูมากขึ้นทุกวัน สัญญาณเตือนในใจของเขาก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกเหมือนมีคนกำลังจะมา่ชิงของสำคัญของตนเองไปอย่างไรอย่างนั้น
ค่ำคืนนั้น ถังชิงหรูทำอาหารชั้นดีเต็มโต๊ะ เฉินรุ่ยเอ่ยกับนางว่า "แม่นางหรูเอ๋อร์ เ้าก็นั่งลงกินด้วยกันเถิด"
ถังชิงหรูวางอาหารจานสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย ก็ส่ายหน้ากล่าวว่า "ข้าไม่ชอบร่วมวงสนทนากับบุรุษกลุ่มใหญ่ พวกท่านกินกันไปเถิด ข้าขอตัวไปอยู่เงียบๆ คนเดียวดีกว่า"
"เ้าไม่ลองออกไปถามผู้อื่นดูบ้าง มีสตรีสักกี่คนที่สามารถร่วมโต๊ะกับพวกเราเหมือนเ้า หากเปลี่ยนเป็คนอื่น เกรงว่าคงดีใจจนแทบคลั่งไปแล้ว แต่เ้ากลับปฏิเสธ" เฉินิเอ่ยวาจาเราะร้าย
ถังชิงหรูหัวเราะเบาๆ ก่อนตอกกลับไป "เช่นนั้นก็ให้สาวใช้คนอื่นมากินอาหารเป็เพื่อนท่านสิ ทางที่ดีมิให้พวกนางป้อนอาหารให้ท่านด้วยเล่า กินให้ผื่นขึ้นเต็มหน้าไปเลย"
"กาไหนไม่เดือดกลับหิ้วกานั้น[1] สตรีเช่นเ้านี้ไยไม่น่ารักเอาเสียเลย" เฉินิถลึงตาใส่ "หากไม่ได้แขวะเปิ่นหวางสักเื่จะไม่มีความสุขใช่หรือไม่"
"ท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ ขออภัยที่ผู้น้อยต้องขอเตือนสติท่านสักเื่ เมื่อครู่นี้ท่านเป็ฝ่ายยั่วยุผู้อื่นก่อน หากท่านอ๋องไม่ทรงเอื้อมมืออันสูงส่งเข้ามา ผู้น้อยย่อมมิกล้าล่วงเกินเป็อันขาด" ถังชิงหรูหันไปแสยะยิ้มกลอกตาก่อนหันกลับไปยิ้มอย่างงดงามไร้ที่ติกับเฉินรุ่ย
"สุราอาหารบนโต๊ะนี้ถือเสียว่าเป็การเลี้ยงส่งคุณชาย ขอให้ท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพ"
"ขอบคุณแม่นางมาก" เฉินรุ่ยกล่าวขอบคุณด้วยความจริงใจ "ต้องรบกวนแม่นางช่วยดูแลน้องชายข้าด้วย ท่านก็รู้ร่างกายเขาค่อนข้างอ่อนไหว มีเพียงแม่นางที่ช่วยเขาได้"
"เสียดายที่ใครบางคนไม่เข้าใจความจริงข้อนี้ ปรกติก็มักมิใคร่ให้ความเคารพต่อผู้มีพระคุณเช่นข้าสักเท่าไร แต่เห็นแก่คุณชาย ข้าจะพยายามช่วยเหลือเขาอย่างสุดความสามารถ" ถังชิงหรูปรายตาไปที่เฉินิ พลางถามว่า "ชิ่งอ๋อง ท่านกับคุณชายเฉินเป็พี่น้องกันจริงๆ หรือ เหตุใดความคิดอ่านของพวกท่านสองคนถึงได้ต่างกันมากเช่นนี้"
--------------------------------------------------------------------------------
[1] กาไหนไม่เดือดกลับหิ้วกานั้น หมายถึง สิ่งใดไม่ควรเอ่ยกลับเอ่ยถึงสิ่งนั้น เหมือนกับการเลือกกาน้ำชาที่ต้มยังไม่เดือดมาใช้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้