บทที่ 191 อวิ๋นชูแย่งเ้าสาว?
“อะไรนะ? ซิวหลัวหน้าผี...ไม่ใช่ซิวหลัวหน้าผี?”
“คุณชายชุยเสวี่ยใเื่เอ็นร้อยหวายเกินไปกระมัง หน้ากากผีร้ายอันนี้เป็สัญลักษณ์ของซิวหลัวหน้าผีอย่างเห็นได้ชัด”
ทุกคนตกตะลึง รู้สึกว่าสถานการณ์สับสนมากขึ้น เพราะหลายคนเคยเห็นกับตาว่าซิวหลัวหน้าผีสามารถใช้อุปสรรคทางิญญาได้ และเด็กหนุ่มสวมหน้ากากบนเวทีก็สามารถทำเช่นเดียวกันได้ สิ่งนี้จะปลอมแปลงได้อย่างไร?
นอกจากนี้ หลิงจื้อ ผู้าุโที่มาด้วยกันของตระกูลหลิง ยังยอมรับตัวตนของชายหนุ่มคนนี้ แล้วเขาจะโกหกไปทำไม?
ทันใดนั้น ทั้งลานก็ตกอยู่ในความโกลาหล ทั้งเสียงการต่อสู้บนท้องฟ้า ทำให้จัตุรัสจึงมีเสียงดังมากขึ้นเรื่อยๆ
“เขาไม่ใช่ซิวหลัวหน้าผีตัวจริง เขาไม่ใช่ลูกหลานของตระกูลหลิง!” ยามนี้ ขาของเสวี่ยหานเฟยมีเืออกมาก เขาะโเสียงดังด้วยสีหน้าดุร้าย “เขาคือคนป่าที่ชื่ออวิ๋นชู!”
“วิ้ง—”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็ใอีกครั้ง มองหน้ากันไม่หยุด เื่นี้เหนือความคาดหมายของทุกคนจริงๆ!
่นี้ ชื่อ “อวิ๋นชู” ดังก้องไปทั่วเมืองชุยเสวี่ย คนคนนี้ชนะการประชันห้าัได้ทั้งๆ ที่ตนอยู่ในระดับเก้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ
ทั้งยังมีข่าวลือว่าชายหนุ่มคนนี้มาจากตระกูลโบราณ มีระดับยุทธ์ที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ เขาเปล่งประกายในงานใหญ่ที่เรือนกลิ่นกำจร ได้รับความโปรดปรานจากฉู่ซินเหยา และเอาชนะอัจฉริยะรุ่นเยาว์ทั้งหมดได้
มีแม้กระทั่งข่าวลือว่า “อวิ๋นชู” เป็คู่หมั้นของเสวี่ยหรูเยียน ลูกสาวของตระกูลเสวี่ย น่าเสียดายที่ชายหนุ่มคนนี้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้จวนตระกูลเสวี่ยตามหาตัวเขาไม่เจอ เรียกได้ว่ามาอย่างลมและจากไปอย่างเงา
ตอนนี้ในเมืองชุยเสวี่ย ผู้ฝึกยุทธ์หลายคนต่างก็อยากเห็นคนป่าตัวน้อยนี้และยังมีจินตนาการอันไร้ขีดจำกัดเกี่ยวกับเขา
นี่คือเด็กหนุ่มในตำนาน บางคนยังตั้งชื่อว่าอวิ๋นชูว่า “ผลึกมืดซิวหลัว” ซึ่งมีชื่อเสียงพอๆ กับซิวหลัวหน้าผี
“ซิวหลัวหน้าผีนี้คือผลึกมืดซิวหลัวหรือ? ไม่น่าเชื่อเลย”
“ครั้งหนึ่งทั้งคู่เคยเผชิญหน้ากันในลานประลองยุทธ์ ครั้งนั้นมีลับลมคมในอะไรหรือเปล่า?”
ทุกคนต่างสงสัยว่าเหตุใดอวิ๋นชูจึงแกล้งทำเป็ซิวหลัวหน้าผี? ไม่น่าเชื่อเลย...หลายคนไม่อยากเชื่อ
ทั้งลานวุ่นวายเสียงดังไปหมด
“ข้าเห็นเ้าหนุ่มนี้ใช้ทักษะฝ่ามือในการขว้างกระบี่เมื่อกี้นี้! มันคือแสงฝ่ามือัคำรามที่คนป่าอวิ๋นชูใช้ในลานประลองยุทธ์ในวันนั้น!”
“เ้าพูดแบบนี้ ตัวตนของสองคนนี้ดูเหมือนจะสอดคล้องกันมาก! พวกเขาทั้งคู่ใช้กระบี่และคุณสมบัติของปราณก็เป็คุณสมบัติของไฟ!”
ในไม่ช้า ทุกคนก็คิดว่ามีบางอย่างผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆ และพบเบาะแสเพิ่มอีกมากมาย ในที่สุด พวกเขาก็ตระหนักและตัดสินตัวตนของ “ซิวหลัวหน้าผี” ได้ในทันใด
ยามนี้ ทุกคนตกตะลึง ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ทำไม “อวิ๋นชู” ถึงแกล้งทำเป็ซิวหลัวหน้าผีและมาที่จัตุรัสแห่งนี้?
ทายาทที่แท้จริงของตระกูลหลิงอยู่ที่ไหน?
“์!!!” ระหว่างที่เกิดความวุ่นวาย ก็มีอีกคนอุทานด้วยความประหลาดใจ
“การฝึกฝนของอวิ๋นชูอยู่ที่ระดับเก้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณเท่านั้น หากการคาดเดานี้เป็จริง ชายคนนี้ไม่เพียงสามารถต่อสู้กับเสวี่ยหานเฟยและฉู่เจิ้นหนานได้ กระทั่งทำลายแรงกดดันของเสวี่ยจิงหงก็ยังได้?!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็ตกตะลึง หน้าซีดด้วยความหวาดกลัว รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว นี่มันน่ากลัวขนาดไหนกัน? น่าตื่นใถึงเพียงใดกัน?
ปีศาจ ปีศาจชัดๆ! แม้ว่าเขาจะเป็อัจฉริยะ แต่นี่ก็เกินจริงเกินไปแล้ว
แน่นอนว่าเมื่อได้ยินเสียงอุทานอย่างท่วมท้น เสวี่ยหานเฟยก็เ็าและรู้สึกไม่ดีอย่างมาก
เขาพ่ายแพ้ต่อขอบเขตควบแน่นพลังปราณและถูกแทงที่ขาจริงๆ หรือ? จะทนได้อย่างไรเล่า? นี่มันลบหลู่กันชัดๆ!
ในเวลานี้ เส้นเืปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเสวี่ยหานเฟย ร่างของเขาสั่นด้วยความโกรธ เขาะโบอกฉู่อวิ๋น “เ้าคนป่า ทำไมเ้าถึงปลอมตัวเป็ซิวหลัวหน้าผี? มีจุดประสงค์อะไร?”
“เ้าเป็ใคร?!”
หลังจากได้ยินคำถามนี้ หลายคนก็หูผึ่ง เพ่งความสนใจไปที่เวที หัวใจเต้นแรง งานแต่งวันนี้พลิกไปพลิกมาดีจริงๆ
“แค่ก... ข้าเป็ใคร เกี่ยวอะไรกับเ้า!” ฉู่อวิ๋นเช็ดเืจากมุมปาก เขาได้รับาเ็สาหัส หายใจหอบโยน แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ พยายามยืนตัวตรง
“จะไม่พูดใช่ไหม? ได้ ท่านพ่อตา ฆ่าเขาเลย!” เสวี่ยหานเฟยะโในขณะที่มีเสวี่ยจิงหงประคองอยู่ ดวงตาของเขาเปล่งประกายอย่างเ็า รู้สึกแค้นฉู่อวิ๋นอย่างที่สุด
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของฉู่เจิ้นหนานก็เป็ประกาย เขาระมัดระวังมากจนคิดว่าจะต้องมีความลับซ่อนเร้นอยู่เื้ัเหตุการณ์ที่ปลอมตัวนี้
แต่เดิมเขาก็ค่อนข้างไม่พอใจที่อีกฝ่ายคอยทำลายแผนของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ดังนั้นเขาจึงลงมือทันที แสงฟ้าร้องสีม่วงกะพริบบนฝ่ามือของเขา!
“ให้ตายเถอะ!” ฉู่อวิ๋นใเมื่อเห็นฝ่ามือฟ้าร้องใกล้เข้ามา และรีบกลืนยาฟื้นชีพจรเม็ดสุดท้ายทันที
แต่ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ของฉู่เจิ้นหนาน เขาจะเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างไร?
“ตูม!”
จิ้งจอกเฒ่าเร็วมาก ใช้เวลาเพียงชั่วครู่ก็เข้ามาถึงฉู่อวิ๋นอย่างรวดเร็ว เขาโจมตีด้วยฝ่ามือฟ้าร้องสีม่วง เสียง “เปรี๊ยะ” ดังลั่น ผลักฉู่อวิ๋นไปที่กลางเวที
“อั่ก--”
ฉู่อวิ๋นไม่มีอาวุธและกระอักเือีกครั้ง ร่างกายของเขาอยู่ในสภาพทรุดโทรม าเ็สาหัสทั่วทั้งร่าง
“ผู้มีพระคุณ—!” บนท้องฟ้า เมื่อเห็นฉู่อวิ๋นถูกปราม หลิงจื้อก็โกรธมาก น้ำตาคลอและะโเสียงดัง
“ที่แท้เ้าเด็กนี่ไม่ใช่ลูกหลานของตระกูลหลิง เ้าซ่อนไว้นานดีนี่” อวี่เหวินจือะโขึ้นไปในอากาศ ถือดาบสังหารเืไว้ในมือ และพูดอย่างเ็า
“เื่นี้มีแผนการสมรู้ร่วมคิดอะไร? จุดประสงค์ที่พาเขาเข้ามาคืออะไร? รีบพูดมา!” เหยียนโจวเห็นด้วย หมัดของเขากะพริบด้วยแสงเย็นเยียบ
เพิ่งพูดจบ ผู้แข็งแกร่งสองคนนี้ก็ลงมือพร้อมกัน!
“ควับ ควับ--!”
บนท้องฟ้า ดาบสีเืเล่มหนึ่งวาบวับไปทั่วท้องฟ้า กวาดไปไกลไม่อาจรู้ได้ แสงนั้นเย็นเยียบและเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
กระแสหมัดเรืองรอง พลังรูปัพุ่งออกมา ราวกับมีัดำวนเวียนอยู่ เสียงคำรามก็น่ากลัวจนฟ้าดินะเื พลังปราณก็พลุ่งพล่าน
“พวกเ้าอย่าคิดจะขวางข้า!”
หลิงจื้อคำรามอย่างกังวล ร่างกายของเขาส่องแสงระยิบระยับ และด้วยเสียง “วิ้ง” ขอบเขติญญาที่แข็งแกร่งที่สุดก็กระจายออก
ด้วยการขยับมือทั้งสองข้าง เขาเรียกสายฟ้าลงมาฟาดฟัน เสียงดัง “เปรี๊ยะๆ” มันสว่างวาบเล็กน้อย ปะทะเข้ากับสองพลัง!
นี่เป็การเผชิญหน้าที่ทรงพลัง ทำให้เกิดคลื่นพลังในทุกทิศทาง เสียงะเิพลังกลางอากาศดังไม่มีที่สิ้นสุด
ทันใดนั้นก็เห็นผู้แข็งแกร่งสองคนกระเด็นออกไปพร้อมกัน เืไหลออกจากมุมปาก พวกเขาได้รับาเ็
หลิงจื้อเองก็ไม่ได้ดีไปกว่า เขากระอักเืออกมาเต็มปาก แต่ก็รีบไปหยุดฉู่เจิ้นหนานที่จะฆ่าฉู่อวิ๋นทันที!
“ตระกูลหลิงของพวกเ้าน่าสงสัยเกินไป ส่อเจตนาชั่วร้าย เ้า้าสร้างปัญหาในเมืองชุยเสวี่ยใช่ไหม?” ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้หญิงะโออกมา นั่นคือเ้าสำนักหญิงของชางอวี่ซวน จินหลิง
หญิงชราคนนี้ได้นำเ้าสำนักและผู้นำตระกูลที่เป็พันธมิตรกับตระกูลเสวี่ยขึ้นไปช่วยบนท้องฟ้า!
ชั่วขณะหนึ่ง ผู้าุโของตระกูลหลิงถูกห้อมล้อมจนไม่สามารถหลบหนีออกมาได้
“ผู้มีพระคุณ—!” หลิงจื้อคำราม น้ำเสียงของเขาเศร้ามาก แม้ว่าเขาและฉู่อวิ๋นจะรู้จักกันเพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่เขาก็เห็นว่าชายหนุ่มคนนี้เป็คนซื่อตรงที่มากคุณธรรม ผ่านฆความลำบากมามาก
เมื่อเห็นว่าฉู่อวิ๋นกำลังจะตาย หลิงจื้อก็รู้สึกเ็ปใจอย่างมาก เขาโกรธพลางโทษตัวเอง
มีเสียง “ฟุ่บ” ดังขึ้น วงแหวนมิติของเขาสั่น เป็ไข่มุกะเิไทวะที่สั่นระริก ร่างิญญาดวงหนึ่งก็ตื่นตระหนกมากเช่นกัน ทั้งยังเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความโกรธ
“ปัง ปัง--”
ภายใต้ท้องฟ้าสีคราม ร่างหลายร่างปะทะและต่อสู้กันอีกครั้ง พร้อมด้วยเสียงะโอันโศกเศร้า ซึ่งะเืใจผู้ชมทั้งหมด
“ซิวหลัวหน้าผีจริงๆ แล้วคืออวิ๋นชูหรือ? ข้าเคยเดิมพันฝ่ายเขาตอนไปลานประลองยุทธ์ด้วย” มู่หรงซินอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อ
แต่ในขณะเดียวกันนางก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก เมื่อเห็นว่า “อวิ๋นชู” กำลังจะตาย นางรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
“ท่านพ่อ... ท่าน...บอกฉู่เจิ้นหนานว่าอย่าฆ่าเขาได้หรือไม่เ้าคะ?” นางถาม น้ำเสียงอ่อนแรงเล็กน้อย
“การฝึกฝนของฉู่เจิ้นหนานมาถึงขั้นพื้นพิภพแล้ว จากนี้ไปในเมืองไป๋หยางและแม้แต่ข้าก็ยังต้องเคารพเขา ขอให้เขาไม่ฆ่าเด็กหนุ่มคนนั้น? จะเป็ไปได้อย่างไร?”
คำพูดของมู่หรงเจี๋ยเคร่งขรึม ทำให้มู่หรงซินขมวดคิ้ว รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
“แค่ก…” ในเวลานี้ ลมหายใจของฉู่อวิ๋นอ่อนแรง เขาลุกขึ้นยืนด้วยกำลังทั้งหมด ยังคงไม่ยอมอ่อนข้อ
เขามองดูฉู่ซินเหยาผู้โดดเดี่ยวในระยะไกล ยื่นมือออกไปคว้ามือนาง เชื่อมั่นอยู่ในใจอยู่เสมอ
พานางไป...พานางไป!
เมื่อเห็นาแของฉู่อวิ๋น ฉู่ซินเหยาก็ยิ่งเจ็บช้ำ ดวงตาของนางรื้นไปด้วยหยาดน้ำตาที่ยังคงไหลออกมา
“อวิ๋นเอ๋อร์... ไปซะ ไปให้พ้น! อย่าเสียสละเพื่อพี่อีกเลย... พี่ไม่อยากเห็นเ้าตาย พี่ไม่อยากเห็นเ้าตาย!”
ฉู่ซินเหยากรีดร้องในใจในขณะที่สบตากับฉู่อวิ๋น ภาพตรงหน้านางหม่นมัว ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา
นางเศร้าโศก สิ้นหวัง และอยากให้ฉู่อวิ๋นจากไป นางไม่อยากมีชีวิตที่ดี ไม่อยากให้คนที่นางรักที่สุดต้องมาตายต่อหน้าต่อตานาง นี่มันเ็ปเกินไป
“ข้าสัญญากับท่านไว้แล้ว... ข้าจะช่วยท่าน อั่ก... แน่นอน... ข้าจะ!”
ฉู่อวิ๋นกระอักเืและพยายามลุกขึ้นยืน แม้ว่าร่างกายของเขาจะสะบักสะบอม แต่เขาก็จะไม่มีวันยอมแพ้
“สุนัขจนตรอก” แต่ยามนี้ ฉู่เจินหนานยืนอยู่ตรงหน้าฉู่อวิ๋น จ้องมองเขาด้วยสายตาที่เ็า “ลงไปกลับใจในนรกเถอะ กล้าลบหลู่ข้า? นับว่าเ้ากล้าหาญ”
“ควับ!”
ทันใดนั้น ฉู่เจิ้นหนานก็ยกฝ่ามือขึ้นอย่างน่ากลัว สายฟ้าสีม่วงะเิออก ราวกับงูสีเงินที่ลอยอยู่ในอากาศ ทำให้ฉู่อวิ๋นรังเกียจอย่างยิ่ง ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความเกลียดชังไม่รู้จบ
“ตายซะ!”
ด้วยเสียง “ตูม” ทันใดนั้นฝ่ามือสายฟ้าสีม่วงก็ถูกปล่อยออกไป เกือบจะทำลายขอบเขติญญาของฉู่อวิ๋นแตก!
“เดี๋ยวก่อน!”
ทันใดนั้น มีเสียงหนึ่งหยุดฉู่เจิ้นหนานไว้ ทำให้เขาขมวดคิ้ว
นี่เป็เสียงร้องไห้ของหญิงสาว ชัดเจนและไพเราะ แต่ก็เพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจของจิ้งจอกเฒ่าได้
“ท่านฉู่อย่าเพิ่งลงมือ!” เสวี่ยหรูเยียนะโด้วยสีหน้ากังวล นางรีบวิ่งออกจากที่นั่งของตระกูลเสวี่ยไปยังด้านหน้าของฉู่อวิ๋น แล้วกางมือทั้งสองข้าง “นี่ อวิ๋นชู...คือคนของข้า คู่หมั้นของข้า!”
“มันต้องมีเื่เข้าใจผิดแน่ อย่าฆ่าเขา ได้ไหมเ้าคะ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็ตกตะลึงอีกครั้ง ข่าวลือนั้นเป็ความจริงหรือ?
คนป่าอวิ๋นชูเป็คู่หมั้นของลูกสาวตระกูลเสวี่ยจริงๆ หรือ?
ตอนนี้ชักจะสนุกแล้ว คู่หมั้นของน้องสาวปลอมตัวเป็คนอื่นมาแย่งเ้าสาวในงานแต่งของพี่ชาย นี่แปลกไม่แปลกเล่า?
“ความสัมพันธ์วุ่นวายจริงๆ ชายแก่เช่นข้าหัวใจจะวาย...” ชายชราจับหน้าอกแล้วหายใจเข้าออก
“หรือว่าที่คนป่าอวิ๋นชูเข้าหาเสวี่ยหรูเยียนก็เพราะว่า้าเกี้ยวพานฉู่ซินเหยา” บางคนสับสนและถามคำถามเช่นนั้นออกมา
“น่าจะใช่แล้วล่ะ ว่ากันว่าในวันที่มีงานใหญ่ในเรือนกลิ่นกำจร คนป่าและคุณหนูฉู่เล่นหูเล่นตา พบหน้ากันเพียงลำพัง ทั้งสองอาจรักกันจริงก็ได้”
“นั่นก็สมเหตุสมผลแล้ว! เด็กป่าคนนี้คงเป็เพื่อนกับซิวหลัวหน้าผีและร่วมมือกับตระกูลหลิง เพราะเขาไม่มีภูมิหลัง จึง้าใช้ตัวตนในฐานะทายาทของตระกูลหลิงมาแต่งงานกับนาง”
“์! แม้ว่าจะได้ผล แต่ก็แปลว่าคุณหนูก็ต้องรักอวิ๋นชูด้วย ไม่เช่นนั้น คนป่าคนนี้คงไม่พยายามหนักขนาดนี้”
“แต่เมื่อกี้นี้คุณหนูฉู่ก็เห็นด้วยกับคำพูดของฉู่เจิ้นหนานที่บอกว่านางชอบเสวี่ยหานเฟยนี่ จะอธิบายเื่นี้อย่างไร?”
ทั่วทั้งลานตกอยู่ในความโกลาหล เสียงดังอึกทึก เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
แต่เื่นี้มีลับลมคมในมากมาย หลายคนสับสน และพวกเขาต่างก็ตระหนักถึงประเด็นสำคัญ
ในเมื่อทั้งสองรักกัน ทำไมฉู่ซินเหยาถึงบอกว่าคนที่นางชอบคือเสวี่ยหานเฟย?