ทันใดนั้น หมากดำถึงกับไปไม่เป็ เข้าสู่การใคร่ครวญอันยาวนาน
เฟิ่งเฉี่ยนหรี่ตาลง มุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อย ผลแพ้ชนะออกมาแล้ว!
ในห้องพิเศษ เสวียน บรรยากาศราวกับมีคนตายเข้าครอบคลุมไปทั่ว
นอกจากฟางเสียแล้ว นักเดินหมากระดับเก้าอีกห้าคนมีสีหน้าขาวเผือด
ทุกคนพ่ายแพ้ พวกเขาพ่ายแพ้ทุกคน!
แพ้ทั้งแก๊ง!
หานไท่ฟู่เดินเข้ามาใกล้กระดานหมาก เขาจ้องกระดานหมากด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ ปากของเขาพูดซ้ำๆ กันว่า “แพ้หมดเลย แพ้หมดทุกคน ทุกคนแพ้หมด แพ้หมดทุกคน...เป็ไปได้อย่างไรกัน”
องค์ไท่จื่อน้อยเห็นบรรยากาศผิดปกติไป ั์ตาดำขลับนั้นกลอกไปมารอบหนึ่ง เขาแตะแขนของลั่วเฟิง คนทั้งสองค่อยๆ ปีนลงมาจากเก้าอี้แล้วเดินเบามือเบาเท้าไปเปิดประตู ออกไปจากห้องเงียบๆ
เมื่อออกมาจากห้องพิเศษแล้ว มือเล็กๆ ของคนทั้งจับไว้ด้วยกันแล้วร้องะโออกมาว่า
“เสด็จแม่ชนะแล้ว! เสด็จแม่ชนะแล้ว!”
“ดีเหลือเกิน! ไท่จื่อไม่ต้องแยกกับฮองเฮาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
ห้องโถงชั้นล่างมีเสียงฮือฮาดังขึ้น คนทั้งหมดลุกขึ้นยืน!
“ชนะแล้ว! หมากขาวชนะแล้ว!”
“ไม่ต้องใช้ค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยมและไม่ได้ใช้ค่ายกลเจดีย์คู่ แต่อาศัยการวางแผนและวางกลยุทธ์ล้วนๆ ชนะทุกก้าว ฝีมือของนางล้ำเลิศ นี่จึงจะเป็แม่นางเฟิงที่มีความสามารถที่แท้จริง!”
“ข้ายังคิดว่าแม่นางเฟิงใช้เป็เพียงค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยมและค่ายกลเจดีย์คู่เสียอีก ที่แท้ไม่จำเป็ต้องใช้ค่ายกลใดๆ นางก็เอาชนะได้! นี่ต่างหากที่เรียกว่าความสามารถที่แท้จริง! ช่างเป็ยอดฝีมือโดยแท้!”
“แม่นางเฟิง เยี่ยมไปเลย!”
“แม่นางเฟิง ข้าเลื่อมใสท่านเหลือเกิน!”
“แม่นางเฟิง รับข้าเป็ศิษย์เถิด!”
“แม่นาง แต่งให้ข้าเถิด!”
“...”
เกิดเสียงฮือฮาด้วยความยินดีดังขึ้นอีกครั้ง
ในฝูงชน มู่ชิงหว่านถูกเบียดเข้ามาถึงตรงกลางของห้องโถง นางโมโหแทบบ้าอยู่แล้ว!
เฟงเฉี่ยนถึงกับชนะอีกแล้ว
เมื่อมองไปรอบๆ ยิ่งได้รับการต้อนรับจากทุกคน!
น่าโมโหเหลือเกิน!
“คุณหนู ทุกคนเสียสติกันไปหมดแล้วหรือเ้าคะ ก็แค่ชนะหมากกระดานหนึ่ง ถึงกับต้องดีใจเช่นนี้หรือเ้าคะ” สาวใช้ถูกคนเบียดจนพลัดกับมู่ชิงหว่าน
มู่ชิงหว่านขมวดคิ้วะโว่า “ไป พวกเรากลับเถิด!”
คนเหล่านี้จะต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ นางทนดูไม่ได้อีกต่อไป
ในวังหลวง เฟิ่งชังจ้องกระดานหมากเขม็ง เขาเบิกตากว้าง น้ำเสียงสั่นเล็กน้อย “แพ้แล้ว หมากดำถึงกับแพ้แล้ว”
เซวียนหยวนเช่อค่อยๆ ลุกขึ้น มุมปากยกยิ้มอย่างเบิกบานใจ “อยู่ในการคาดเดาของเจิ้น!”
หลังจากเฟิ่งชังได้สติจากอาการตกตะลึงแล้ว เขาจึงรู้สึกตัวขึ้นมาว่า ฝ่าามีความรู้สึกต่อสตรีที่เป็ผู้เดินหมากขาวอย่างไม่ธรรมดา! นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่ดี!
เขาจะต้องส่งคนไปสืบดูความเป็มาของสตรีนางนี้ ป้องกันมิให้นางส่งผลกระทบต่อตำแหน่งฮองเฮาของบุตรสาว!
ริมสระบุปผา ซือคงเซิ่งเจี๋ยลุกขึ้นกะทันหัน เส้นผมสีขาวราวกับม่านน้ำตกยาวถึงเอวนั้นถูกลมพัดปลิวไสว
ซือคงจวินเย่ถาม “อาเซิ่ง เ้าจะไปไหน”
“ชุมนุมเดินหมาก!” ซือคงเซิ่งเจี๋ยตอบทั้งที่ไม่หันกลับมาและเดินออกไปไกลแล้ว
ซือคงจวินเย่ตะลึงงัน จากนั้นจึงกระจ่างแจ้งแก่ใจ นี่น้องชายกำลังจะไปพบสตรีที่เป็ผู้เดินหมากขาว
เป็ครั้งแรกที่น้องชายสนใจสตรีคนหนึ่งขึ้นมา และเป็ครั้งแรกที่น้องชายเป็ฝ่ายกระตือรือร้นจะไปพบสตรีนางหนึ่ง!
จิตใจของเขาสับสนว้าวุ่น
ในห้องพิเศษ หวง เฟิ่งเฉี่ยนพิงกรอบหน้าต่างมองไปทางห้องพิเศษฝั่งตรงข้าม “หานไท่ฟู่ ท่านแพ้อีกแล้ว ครั้งนี้ท่านคงปฏิบัติตามที่ได้เดิมพันเอาไว้กระมัง”
หน้าต่างของห้องพิเศษฝั่งตรงข้ามปิดสนิท คนในห้องโถงด้านล่างจึงพูดขึ้นว่า
“ท่านาุโหาน ออกมาพูดอะไรสักคำสิ!”
“ไม่ใช่แพ้แล้วไม่ยอมรับครั้งแรกสักหน่อย คิดจะบิดพลิ้วอีกกระมัง”
“ฮ่าๆๆ...”
หานไท่ฟู่ได้ยินเสียงจากภายนอก เขาโหโมจนต้องขบฟันแน่น เขาเปิดหน้าต่างออกมาถลึงตาและะโใส่คนด้านล่าง “ใครว่าข้าไม่ยอมรับ ข้ารักษาคำพูดมาโดยตลอด!”
คนที่อยู่ชั้นล่างพากันหัวเราะขึ้นมาอีก
หากท่านเป็คนรักษาคำพูด ไฉนต้องแพ้ติดๆ กันถึงสี่กระดานจึงยอมรับความพ่ายแพ้เล่า
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ถือสาเขา “เช่นนี้ก็ดี! เช่นนั้นเชิญไท่ฟู่กรุณาทำตามที่เดิมพันไว้ให้เร็วที่สุด!”
หานไท่ฟู่แค่นเสียงฮึ จากนั้นปิดหน้าต่าง ทว่ากลับได้ยินห้องฝั่งตรงข้ามพูดอีกว่า “อ้อ ถูกต้องแล้ว รบกวนท่านช่วยทักทายท่านอื่นๆ แทนข้าด้วย วันนี้เดินหมากได้สนุกสนานมาก!”
มือของเขาสั่นขึ้นมาทันที หน้าแทบจะกลายเป็สีเขียว เขาถลึงตาใส่ห้องตรงข้าม แต่อีกฝ่ายปิดหน้าต่างเสียแล้ว
ฟางเสียและคนอื่นๆ มองหน้ากันไปมา หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก!
นางเดินหมากอย่างสนุกสนาน
นางย่อมต้องเดินหมากอย่างสุดความสามารถ ทำลายค่ายกลของพวกเขาทุกคน!
ตายยกแก๊ง!
โค่นล้มนักเดินหมากระดับเก้า!
หากกล่าวว่าพวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นักเดินหมากรุ่นใหม่ที่มีฝีมือโดดเด่นอันเป็ตัวแทนของแคว้นเป่ยเยียน เฟิ่งเฉี่ยนคนเดียวก็สามารถโค่นล้มพวกเขาได้ทั้งหมด เช่นนี้นับเป็การโค่นล้มชุมนุมเดินหมากโดยคนเพียงคนเดียว!
วิธีการเดินหมากเช่นนี้ ไม่สนุกสนานได้อย่างไร
คนในห้องโถงชั้นล่างได้ยินคำพูดของเฟิ่งเฉี่ยนแล้วพากันวิพากษ์วิจารณ์
“คำพูดของแม่นางเฟิงหมายความอย่างไร”
“ท่านอื่นๆ? หรือในห้องพิเศษของท่านาุโหานยังมีคนอื่นอีก”
“ใครจะไปรู้ล่ะ! อย่างไรท่านาุโหานก็แพ้แล้ว!”
“การเดินหมากรู้ผลชนะแล้ว ไม่มีอะไรน่าดูอีก ทุกคนแยกย้ายเถิด!”
ผู้คนเริ่มแยกย้ายกัน
ไม่นานนัก ภายในห้องโถงปราศจากผู้คน
ฟางเสียและคนอื่นๆ ออกจากห้องพิเศษ เสวียน ด้วยจิตใจห่อเหี่ยวและคอตก!
“เดิมทีคิดออกมาผ่อนคลายจิตใจ คิดไม่ถึงว่าจะยิ่งน่าเบื่อ!”
“ท่านาุโหานบอกให้พวกเราบีบฝ่ายตรงข้ามให้ตาย สุดท้ายกลับเป็พวกเราที่ถูกฝ่ายตรงข้ามบีบคั้นแทบตาย!”
“แต่ไรมาไม่เคยแพ้จนอนาถเช่นนี้มาก่อน!”
“ท่านาุโหานบอกว่าอีกฝ่ายเป็เพียงนักเดินหมากมือสมัครเล่น ข้าดูลักษณะการพลิกแพลงของนางแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับซือคงเซิ่งเจี๋ย! ความสามารถของนางน่าจะอยู่เหนือระดับเก้า!”
“พรุ่งนี้ยังต้องไปประลองตามนัดที่นัดไว้เมื่อสามปีก่อน ทว่าตอนนี้ความมั่นใจของข้าถูกทำลายเสียจนสิ้นซาก ทำอย่างไรดีเล่า”
“ไม่ควรมาชุมนุมเดินหมากเลย พวกเราล้วนถูกท่านาุโหานหลอกล่อ”
ระหว่างที่พูด ถนนเบื้องหน้าพลันเงียบงัน เงียบเสียจนผิดปกติ
จ้าวฉีเดินอยู่ด้านหลังพวกเขา เขาหยุดกะทันหัน จ้าวฉีจึงชนเข้าอย่างจัง
“พี่ฟาง ท่านจะหยุดเดิน ก็บอกกันบ้าง!”
เห็นฟางเสียไม่พูดไม่จา ไม่เคลื่อนไหว เขายิ่งประหลาดใจ “ท่านเป็อะไร เห็นผีหรือ”
เขาจึงเงยหน้าขึ้นมองไปข้างหน้า เห็นเพียงบริเวณตรงกลางของถนนเบื้องหน้าปรากฏให้เห็นบุรุษผมยาวสีเงินผู้หนึ่งสวมหน้ากากสีเงินบนใบหน้า เดินเข้ามาช้าๆ เหมือนหิมะที่โปรยลงมา ให้ความรู้สึกเหมือนเทพเซียนลงมาจุติ ทุกๆ ก้าวเดินของเขาเหมือนเช่นดอกบัวที่เบ่งบานขึ้นช้าๆ งดงามเสียจนแทบลืมหายใจ!
ผู้คนบนถนนแยกออกจากกันเป็สองฝั่งโดยอัตโนมัติ ทุกคนกลั้นหายใจมองเขาด้วยสายตาลุ่มหลง!
จ้าวฉีอ้าปากเล็กน้อย เขามองจนงงงัน นี่มิใช่ เซียนหมากล้อมผมสีเงิน ซือคงเซิ่งเจี๋ยที่โค่นล้มนักเดินหมากในแคว้นเป่ยเยียนเมื่อสามปีก่อนหรอกหรือ
ไฉนเขาจึงมาที่นี่
สามปีให้หลัง บุคลิกของเขาไม่เหมือนเดิม!
อธิบายไม่ถูกว่าไม่เหมือนเดิมตรงไหน แต่สรุปว่าไม่เหมือนเดิม ราวกับเกิดใหม่!
ขณะที่ฟางเสียทั้งหกคนยังคงทึ่มทื่ออยู่นั้น ซือคงเซิ่งเจี๋ย เดินมาหยุดเบื้องหน้าพวกเขาและกวาดสายตามองพวกเขาปราดหนึ่ง “แม่นางที่เดินหมากเมื่อสักครู่กับพวกเ้าอยู่ที่ไหน”
คนทั้งหกตะลึงงัน กระอักกระอ่วนอย่างที่สุด!
ประการแรก เขาชมการเดินหมากกระดานเมื่อสักครู่แล้ว!
ประการที่สอง เขารู้ได้อย่างไรว่าคนที่เดินหมากเป็พวกเขา
ประการที่สาม คนที่เขา้าตามหามิใช่พวกเขา แต่เป็แม่นางเฟิง นี่หมายความว่าอย่างไร