จวนตระกูลไป๋ในเวลานี้ประดับประดาไปด้วยสีแดงและสีเขียวทุกแห่งหน เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง ผ้าไหมสีแดงห้อยระย้า ถึงแม้จะเป็เวลากลางวันแสกๆ โคมไฟกระดาษก็ส่องแสงตลอดเวลา
กระทำการยิ่งใหญ่เช่นนี้ ด้วยกลัวผู้อื่นจะไม่รู้ว่าบุตรสาวแห่งจวนแม่ทัพได้รับการแต่งตั้งเป็เสี้ยนจู่จากฮ่องเต้ด้วยพระองค์เอง
อย่างไรก็ตาม ณ มุมหนึ่งที่อยู่นอกเหนือบรรยากาศอันปีติยินดี
“ข้าว่าเ้าหลีกทางเสียจะดีกว่า จะได้ลำบากน้อยลงหน่อย”
สาวใช้นางหนึ่งในอาภรณ์สีเขียวเชิดศีรษะขึ้นสูง ตรงหน้ามีเด็กสาวอีกคนที่สวมชุดสาวใช้แบบเดียวกันกำลังคุกเข่าอยู่
เพียงแต่มองเห็นความแตกต่างได้ในปราดเดียว
สาวใช้ที่กำลังคุกเข่าอยู่สวมอาภรณ์เก่าที่ซักจนซีดขาว ผมเผ้ายุ่งเหยิง บริเวณพื้นที่นางคุกเข่าอยู่นั้นมีกระจุกเส้นผมสีดำวางไว้ ส่วนนิ้วมือของสาวใช้ผู้นี้ถูกรองเท้าบดขยี้จนนองเื
เบาะอันอ่อนนุ่มของลู่เป๋าเหยาถูกวางไว้ใต้ต้นไหว[1]ต้นใหญ่ที่อยู่นอกเรือน นางหลับตาลงอย่างแ่เบา เพลิดเพลินไปกับการบีบนวดของสาวใช้ รู้สึกสบายอย่างยิ่ง “บีบไหล่ซ้ายอีกหน่อย อืม ถูกต้อง”
หลังจากนั้นสักครู่ ลู่เป๋าเหยาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงอดรนทนไม่ไหวเล็กน้อย “ชุ่ยเหลียน เรียบร้อยหรือยัง? ไปถามเสียว่าทำไมถึงได้นานนัก”
ชุ่ยเหลียนที่สวมอาภรณ์สีเขียวตอบรับคราหนึ่ง ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความลำพองใจ “อี๋เหนียงวางใจเถิดเ้าค่ะ เื่ซักถามน่ะบ่าวชำนาญเป็ที่สุด จะเค้นถามออกมาให้ท่านโดยเร็วเ้าค่ะ”
เมื่อหันหน้าไป ใบหน้าที่ดูเชื่อฟังและมีไหวพริบก็หายไปในชั่วพริบตา ท่าทีของนางแปรเปลี่ยนเป็ชั่วร้าย นางใช้เท้าเหยียบมือของฝูเอ๋อร์ที่วางแบอยู่บนพื้น ก่อนจะบดขยี้ด้วยความโเี้
เมื่อได้ฟังเสียงกรีดร้องอันน่าสังเวชของฝูเอ๋อร์ นางก็ยิ่งพึงพอใจมากขึ้นไปอีก
“เ้าคิดว่าเ้าไม่บอกแล้วอี๋เหนียงจะไม่ทราบอย่างนั้นหรือ? คุณหนูใหญ่คงไปนอนค้างอ้างแรมข้างนอก ไม่กลับจวนมาหลายวันแล้วสิท่า”
น้ำเสียงของนางโอนอ่อนลงเล็กน้อย ราวกับพี่สาวที่ให้คำแนะนำน้องสาวก็ไม่ปาน “เหตุใดเ้าถึงต้องทำให้ตนเองลำบากเช่นนี้ด้วยเล่า? คุณหนูใหญ่มีดีอะไร? นางไม่โดดเด่น ทั้งยังปกป้องเ้าไม่ได้ ในฐานะที่เป็คนรับใช้เหมือนกัน ข้าน่ะสงสารเ้านะ เ้าดูข้าสิ ข้าได้ใช้ชีวิตราวกับเ้านายเลยด้วยซ้ำ แม้ว่าการใช้ชีวิตในทุกๆ วันจะเทียบไม่ได้กับบรรดาเ้านาย แต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเท่าไรนัก ส่วนเ้าลองดูตัวเ้าสิ ชิ...”
อาภรณ์ของฝูเอ๋อร์มีเหงื่อไหลซึม ใต้ร่างของนางมีคราบน้ำปื้นใหญ่ แม้ว่าจะเป็เช่นนี้ นางก็ยังกัดริมฝีปากล่างสุดชีวิต ใบหน้าดื้อรั้นไม่มีความขลาดกลัวแม้แต่น้อย
“บ่าวได้พูดไปแล้วว่าคุณหนูใหญ่พักผ่อนอยู่ข้างใน ไม่ได้ออกจากจวน!”
ตลอดสองชั่วยาม ถ้อยคำที่นางเอ่ยมีเพียงประโยคนี้ประโยคเดียวเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าฝูเอ๋อร์ดื้อด้าน ชุ่ยเหลียนก็หยิกฝูเอ๋อร์อย่างแรงอีกครา “ทำไมเ้าถึงได้ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเช่นนี้? เ้าดูสิว่าคุณหนูใหญ่ของเ้าไม่ได้สนใจความเป็ตายของเ้าด้วยซ้ำ!”
ฝูเอ๋อร์รู้สึกปวดใจเล็กน้อย ตนเองถูกทรมานอยู่ที่หน้าประตูมาสองชั่วยามแล้ว คุณหนูใหญ่กลับทำหูทวนลม ทว่า...
“ไม่ว่าท่านจะถามกี่รอบ ข้าล้วนมีเพียงคำตอบนี้”
“พอแล้ว เสียเวลา” เดิมทีลู่เป๋าเหยาคิดว่าถ้าให้ฝูเอ๋อร์เป็พยาน นางย่อมสามารถฉุดไป๋เซี่ยเหอลงนรกได้ ทว่าใครจะล่วงรู้ว่าสาวใช้ผู้นี้จะไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเช่นนี้
“เข้าไปค้นด้านใน!”
ร่างกายที่ดูอ่อนแรงของฝูเอ๋อร์พลันะเิเรี่ยวแรงอันมหาศาลออกมาอย่างกะทันหัน นางดึงมือที่ถูกชุ่ยเหลียนเหยียบอยู่ออกโดยไม่สนความเ็ปใดๆ ก่อนจะกอดขาชุ่ยเหลียนไว้แน่น
“ไม่ว่าใครล้วนไม่อาจเข้าไปรบกวนการพักผ่อนของคุณหนูใหญ่ได้ทั้งนั้น!”
“นางแพศยา!”
เดิมทีขาข้างหนึ่งของชุ่ยเหลียนเหยียบอยู่บนมือของฝูเอ๋อร์ เมื่อถูกฝูเอ๋อร์ดึงมือออกอย่างฉับพลันเช่นนี้ ร่างกายจึงเซไปมา กอปรกับถูกกอดขาไว้แน่น นางจึงล้มก้นจ้ำเบ้าทันที ความรู้สึกเ็ปรุนแรงแผ่ขยาย ราวกับบั้นท้ายจะแตกเป็สองส่วนอย่างไรอย่างนั้น
‘เพียะ!’
ชุ่ยเหลียนยืนขึ้นและตบอีกฝ่ายเต็มแรงด้วยความโมโห ฝูเอ๋อร์ถูกตบจนวิงเวียนศีรษะและตาพร่ามัว หลงเหลือเพียงเสียงอื้ออึงอยู่ในหู ดวงตาเองก็มืดมิดตามไปด้วย ทว่ามือที่กอดขาของชุ่ยเหลียนเอาไว้ยังคงไม่คลาย
“ไม่ว่าใครก็ไม่อาจเข้าไปได้ทั้งนั้น!” เสียงฝูเอ๋อร์ฟังดูอ่อนแออย่างยิ่ง ทว่าเรี่ยวแรงกลับเยอะจนน่าประหลาดใจ ใน่เวลานั้น ลู่เป๋าเหยารู้สึกอิจฉาไป๋เซี่ยเหอเล็กน้อย
เศษสวะเช่นนั้น นึกไม่ถึงว่าจะทำให้สาวใช้ปกป้องจนสุดชีวิตได้ นางอาศัยอะไร!
“ค้น!”
ลู่เป๋าเหยาแผดเสียงดังลั่น ภายใต้ความอิจฉาริษยา ความเกลียดชังได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
“ข้าจะดูว่าใครกล้า!”
ทันใดนั้นหญิงสาวผู้หนึ่งก็ผลักประตูออกมา นางสวมอาภรณ์สีขาว ผมสีดำมัดครึ่งศีรษะ ในความเย่อหยิ่งนั้นแฝงไว้ด้วยความอ่อนช้อย
ไป๋เซี่ยเหอก้าวลงบันไดมาทีละก้าวและมายืนที่ข้างกายของฝูเอ๋อร์ นางประคองฝูเอ๋อร์ขึ้นมาแล้วจูงอีกฝ่ายไปนั่งบนม้าหินด้านข้าง ก่อนจะเอ่ยอย่างนุ่มนวล “ฝูเอ๋อร์ ลำบากเ้าแล้ว”
แม้ว่าจะถูกทารุณเมื่อครู่ ฝูเอ๋อร์ก็ไม่เคยหลั่งน้ำตาเลย ทว่าในเวลานี้ น้ำตาของนางไหลรินอย่างอดไม่ไหว “คุณหนูใหญ่ออกมาทำไมเ้าคะ? ท่านรีบไปหลบเร็ว!”
แม้ว่านางจะรู้สึกปวดใจที่คุณหนูใหญ่ปล่อยให้คนทุบตีก่นด่านาง ทว่าเมื่อเห็นคุณหนูใหญ่เดินออกมา ความปวดใจเพียงเล็กน้อยนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความกังวลและความหวาดกลัว นางกลัวว่าคุณหนูใหญ่จะถูกทารุณอีกครา
“ชู่” ไป๋เซี่ยเหอยื่นนิ้วไปหยุดคำพูดของฝูเอ๋อร์ “เ้ารอข้านิ่งๆ ตรงนี้ประเดี๋ยวเดียวนะ”
ฝูเอ๋อร์เหม่อลอยเล็กน้อย คุณหนูที่อยู่ตรงหน้าใช่คุณหนูจริงๆ หรือ?
ไป๋เซี่ยเหอยืนอยู่ตรงนั้น ชายกระโปรงพลิ้วไหวแม้จะไร้แรงลม ความเยือกเย็นบนใบหน้าพริ้มเพรานั้นไม่มีความถ่อมตัวและขลาดกลัวแม้แต่น้อย “อี๋เหนียงรอง ท่านกำลังร้องเล่นแสดงละครอะไรอยู่หรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของลู่เป๋าเหยาพลันแข็งค้าง
นางได้ข่าวที่น่าเชื่อถือมาว่าไป๋เซี่ยเหอไม่อยู่ในห้อง เพราะคนสนิทของนางเห็นเองกับตา จึงย่อมไม่ใช่เื่เท็จแน่ ทว่าเบื้องหน้านี่คืออะไร?
ลู่เป๋าเหยาเองก็ไม่ได้รับมือง่ายเช่นเดียวกัน นางคลี่ยิ้มละมุนละไม “คุณหนูใหญ่ไม่เป็อะไรก็ดีแล้ว ข้าได้ยินว่าหลายวันมานี้คุณหนูใหญ่ไม่ได้ออกจากเรือนเลย ข้ารู้สึกไม่สบายใจ จึงคิดจะมาเยี่ยมสักหน่อย ใครจะรู้ว่าบ่าวสุนัขคนนี้กลับไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่ยอมให้ข้าเข้าไป บ่าวคนนี้แทบจะปีนขึ้นเหนือศีรษะของข้าแล้ว ข้าจึงสั่งสอนนางเล็กน้อยอย่างอดไม่ไหว เ้าคงไม่ถือสาหรอกกระมัง?”
ขณะที่นางกล่าว สีหน้ากลับไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย กลับเชิดศีรษะขึ้นสูงด้วยท่าทีที่ถึงอย่างไรเ้าก็ทำอะไรข้าไม่ได้
“นายสั่งสอนบ่าวเป็หลักการของฟ้าดิน” น้ำเสียงของไป๋เซี่ยเหอแ่เบาและเยือกเย็นมาก
“ถูกต้องๆ” รอยยิ้มบนใบหน้าของลู่เป๋าเหยาเพิ่มขึ้นหลายส่วน “คุณหนูใหญ่เข้าใจก็ดีแล้ว”
‘เพียะ!’
เสียงฝ่ามือดังขึ้น ไป๋เซี่ยเหอตบหน้าชุ่ยเหลียน ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของลู่เป๋าเหยาสลายไปทันที
“นางแพศยา เ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร!” ชุ่ยเหลียนแผดเสียงคำรามลั่น
นางติดตามอยู่ข้างกายของลู่เป๋าเหยา คอยวางอำนาจบาตรใหญ่อยู่ในจวนนี้ มาหลายปีด้วยการพึ่งพาสถานะของฮูหยินรอง ไม่มีใครที่ไม่ไว้หน้านางถึงสามส่วน นี่เป็การถูกทุบตีครั้งแรก และผู้ที่ตบนางยังเป็คุณหนูใหญ่ผู้ไร้ความสามารถ ไร้ค่า และอ่อนแอผู้นั้นไปเสียได้
เมื่อถูกหักหน้า บรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความเสแสร้งก็แตกเป็เสี่ยงๆ ทันที
‘เพียะ!’
ไป๋เซี่ยเหอลงมือต่ออย่างโเี้ หน้าของชุ่ยเหลียนสะบัดไปอีกทาง ก่อนจะถ่มฟันสีเหลืองสองซี่ออกมาในสภาพที่เืกบปาก
“ไป๋เซี่ยเหอ!” ใบหน้าของลู่เป๋าเหยาร้อนผ่าว ชุ่ยเหลียนเป็สาวใช้าุโข้างกายของนาง การตบหน้าชุ่ยเหลียนสองฉาดแตกต่างอะไรกับการตบหน้าของนางกัน “เ้ากล้าต่อต้านข้าหรือ!”
ใครจะทราบว่าหญิงสาวผู้นั้นจะเพียงหมุนกายกลับมาแล้วคลี่ยิ้มบางๆ “อี๋เหนียง ท่านก็เห็นแล้วว่าบ่าวสุนัขคนนี้ไม่เคารพข้าผู้เป็คุณหนูเลย นายสั่งสอนบ่าวเป็หลักการของฟ้าดินไม่ใช่หรือ?”
------------------------
[1] ต้นไหว หมายถึง ต้นฉัตรจีน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้