ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ย “ใต้หล้านี้ไม่มีแห่งใดไม่ใช่ที่ของกษัตริย์ ใต้ท้องฟ้านี้ล้วนเป็ของฝ่าา ฝ่าาบอกว่าผู้ใดดี คนผู้นั้นก็จะต้องดี ในเมื่อฝ่าาประทานรางวัลให้กับพวกเรา เช่นนั้นก็หมายความว่าพวกเรานั้นมีดีในสายตาของฝ่าา ข้าให้พวกเ้าระวังคำพูดระวังการกระทำ เพื่อรักษาเกียรติยศที่ฝ่าามอบให้กับจวนของพวกเราในครั้งนี้”
เมื่อเห็นโหวเย่กำลังตั้งใจฟังที่ตนกล่าว ฮูหยินเฒ่าก็เอ่ยต่อ “ตอนที่สร้างแคว้นคราแรก ครอบครัวกงหรือโหวที่มีอยู่มากมาย ตอนนี้เหลืออยู่กี่ครอบครัว? ที่เหลืออยู่ตอนนี้มีกี่ครอบครัวที่โดดเด่น? พวกเรามีแค่รู้พระทัยองค์ฮ่องเต้เท่านั้น ถึงได้ทำให้ครอบครัวใหญ่ของพวกเรานั้นอยู่มาได้นาน จะทำอย่างไรถึงจะเพียงพอที่จะรู้พระทัยของพระองค์? ข้าคิดว่าแม่หนูเก้าของพวกเราทำในครั้งนี้ดีมากเลยทีเดียว”
หย่งหนิงโหวเย่เอ่ย “ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าแค่พวกเราส่งผ้าไหมไปให้ครอบครัวเหราเอ๋อร์จะได้ประโยชน์มามากมายถึงเพียงนี้ อีกไม่กี่วันก็จะปีใหม่แล้ว ตอนนี้จะส่งของไปอีกก็คงไม่ทันแล้ว รอผ่านปีใหม่ไปแล้วข้าจะส่งของให้พวกเขาอีกรอบขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า “ต่างเป็ลูกหลานของจวนโหวกันทั้งนั้น เหราเอ๋อร์ไปลำบากลำบนอยู่ด้านนอกก็เพื่อจวนโหวของพวกเรา ใกล้จะปีหน้าแล้ว คนในจวนจะต้องนัดกันให้ดี อย่าได้ใจเพียงเพราะพวกเราได้ผลประโยชน์แค่นี้มา สิ่งใดที่ควรตำหนิก็ตำหนิ สิ่งใดที่ควรโกรธก็โกรธ แล้วก็เหล่าเ้านายในจวน ไม่ว่าจะออกไปดื่มสุราด้านนอกหรือว่าทำอะไร จะต้องไม่ไปทำตัวอวดดี”
โหวเย่พยักหน้า “เป็ท่านแม่ที่รอบคอบ ข้าจะไปสั่งการขอรับ”
เื่ราวที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงผ่านไปไม่กี่วันของก็ส่งมาถึงเหอซี
สวี่ตี้มองจดหมายและของที่เว่ยหลางส่งมา ก็พูดออกมาด้วยความใว่า “จือเอ๋อร์ส่งของพวกนี้ให้กับเว่ยหลาง จวนโหวก็ได้รับประโยชน์มากมายขนาดนี้เชียวหรือขอรับ?”
สวี่เหรายิ้มแล้วเอ่ย “เ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ? พวกเราจะพูดอย่างไรก็เป็คนของจวนโหว ยามมีเกียรติก็มีด้วยกัน ยามย่ำแย่ก็แย่ด้วยกัน ฝ่าาเองก็อยากจะให้ผลประโยชน์กับพวกเรามานานแล้ว นี่ก็พอดีเลยไม่ใช่หรือ?”
สวี่ตี้เอ่ยอย่างไม่พอใจ “ผลประโยชน์ก็ให้จวนโหวไปแล้ว มันเกี่ยวอะไรกับพวกเราหรือขอรับ”
สวี่เหราเอ่ย “คนเรานั้นจะต้องเจอเื่ลำบากอีกมากมาย แต่ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ตนเองจัดการปัญหาอย่างนิ่งสงบ พวกเราไม่ต้องใส่ใจกับของเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้หรอก ต่อไปยังมีรางวัลที่เหมาะสมกับพวกเราอีกมากมาย แม่น้ำสายใหญ่ยังมีแม่น้ำเส้นเล็กๆ อยู่เต็มไปหมด [1] เหตุผลนี้เ้าคงเข้าใจสินะ? จวนโหวได้ดีแล้ว พวกเราก็ต้องได้ดีด้วย จวนโหวไม่ดี พวกเราสองคนพ่อลูกจะมีความสามารถอย่างไร ก็คงเดินไปได้ไม่ถึงไหนหรอก จริงหรือไม่?”
สวี่ตี้เอ่ยอย่างไม่พอใจ “นี่คือจุดที่ไม่น่าพอใจที่สุดในสังคมแบบปิดนี้ อะไรก็ต้องคิดถึงตระกูล คนหนึ่งมีความสามารถแค่ไหน ด้านหลังมีตัวถ่วงอีกเป็กลุ่ม แบบนี้ก็ไม่ไหวหรอกขอรับ”
สวี่เหราเอ่ย “ข้าถึงได้บอกอย่างไรล่ะ ั้แ่ตอนนี้พวกเราจะเริ่มใช้คำสาปผูกมัดจวนโหว ให้พวกเขาจัดการกับคนในจวนดีๆ เรือนหลังสงบขึ้นมาแล้ว พวกเราก็สามารถทำอะไรได้ง่ายขึ้นไม่ใช่หรือ? อย่าไปสนใจผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ เลย ต่อไปพวกเราจะได้รับผลประโยชน์มากกว่านี้”
สวี่ตี้ร้องเหอะออกมาเบาๆ “เห็นแก่ตั๋วเงินสามพันตำลึง ข้ายอมแล้วขอรับ”
จางจ้าวฉือเมื่อได้ยินก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น “พ่อของเ้าก็บอกมาแล้ว ตั๋วเงินพวกนั้นตอนพวกเรากลับไปจะคืนให้กับโหวเย่”
สวี่ตี้เอ่ยอย่างตั้งใจ “จะให้ไม่ให้นั้นเป็เื่ของเขา จะเอาไม่เอามันก็เื่ของพวกเรา ในเมื่อเขาให้มาแล้ว เช่นนั้นก็หมายความว่าในใจของเขายังมีพวกเราอยู่ อีกทั้งเขาเองก็ยินยอมที่จะเป็พ่อที่ใจดี เป็ปู่ที่ดี เช่นนั้นก็พอแล้วขอรับ ข้ากับท่านพ่อก็ต่างเป็คนมีความสามารถ ยังจะมาจ้องเงินเล็กน้อยแค่นี้ของท่านปู่อย่างนั้นหรือ? รอก่อนเถิด หากข้าหาเงินได้มากแล้ว ข้าจะให้เงินเขา ซื้อของให้เขา ให้เขารู้ว่าข้านั้นดี แค่นั้นก็พอแล้วขอรับ”
จางจ้าวฉือฟังแล้วก็ส่ายหน้ายิ้มๆ พลางเอ่ย “เ้านี่นะ นั่นเป็ความคิดของคนที่ว่าเราทำไม่ดีเราก็ยิ่งต้องทำให้ดี แต่ว่าในเมื่อมีปณิธานนี้แล้ว เช่นนั้นก็พยายามเข้าล่ะ ไม่ว่าเื่ที่เ้าทำอยู่ตอนนี้หรือว่าจะเื่สอบขุนนางในอนาคต จะต้องเดินต่อไปข้างหน้าอย่างตั้งใจถึงจะดี”
สวี่ตี้เอ่ยล้อเล่น “ท่านให้กินน้ำแกงไก่ทีละถ้วยเล็กๆ เช่นนี้จะให้ข้าทนได้อย่างไร? แล้วก็นะ ในเมื่อท่านทวดไม่มีความเห็นอะไร เื่แต่งงานของข้าก็รีบดำเนินการเถิด จัดการเื่เสร็จไวในใจก็จะรู้สึกมั่นคงได้ไว”
จางจ้าวฉือเอ่ย “ข้าได้พูดเกริ่นกับฮูหยินหลี่ไปแล้ว ความ้าของพวกเราคือจะยังไม่ประกาศออกไปก่อน คนอื่นจะได้ไม่ครหาว่าพ่อของเ้าและใต้เท้าหลี่ยึดอำนาจของเหอซี”
สวี่ตี้ได้ยินดังนั้นก็ถามสวี่เหรา “ท่านพ่อ ทำไมหรือ เ้านายของท่านผู้นั้นยังมีปัญหากับท่านอยู่หรือขอรับ?”
สวี่เหราตอบ “มีปัญหาอย่างไรข้าเองก็ยังไม่รู้แน่ชัด ครั้งที่แล้วตอนที่ข้าไปตรวจตราหมู่บ้านที่แถบชายเขา ก็ส่งจดหมายมาว่าให้ข้าไปประชุมที่ก่านโจว แต่ใต้เท้าหลี่ไปแทนข้า หลังจากกลับมาก็บอกว่าเ้าเมืองมีอคติกับข้ามาก แต่ว่าถงจือ [2] กลับสนับสนุนข้าค่อนข้างมาก ข้าคิดเอาไว้ดีแล้ว พวกเรามาอยู่กันห่างไกลจากเมืองหลวง ทั้งอยู่ใกล้กับด่านเยี่ยนเหมิน ทุกปีต้องใช้ชีวิตกันอย่างระมัดระวัง จะไปมีความคิดมากพอที่จะพิจารณาว่าพวกเขามองข้าอย่างไรได้อย่างไร ทำเื่ของตนเองให้ดี รักษาถิ่นของตัวเอง อย่าให้พวกคนเป่ยตี้มาบุกได้ แค่นี้ก็ชนะแล้ว”
สามคนพ่อแม่ลูกพูดคุยกันจนถึงยามจื่อ [3] สวี่ตี้ถึงได้กลับไปนอนที่ห้องของตนเอง
หลังจากล้มตัวลงนอน จางจ้าวฉือก็เอ่ย “ในเมื่ออยากจะหมั้นหมายลูกสาวของเขา ข้าก็อยากจะพาสวี่ตี้ไปที่เรือนของเขาสักรอบ ให้เขาได้พูดคุยกับหลี่เยว่ซี แม่นางน้อยคนนี้อายุยังน้อย แต่ความคิดเป็ผู้ใหญ่มาก”
สวี่เหราเอ่ย “ข้ากำลังพิจารณาว่าพวกเราจะให้ของสู่ขอเป็อะไร ลูกสาวของพวกเขาก็เลี้ยงมาดี ต่อไปจะแต่งเข้าเรือนของพวกเรา จะต้องช่วยเ้าดูแลงานบ้าน จะต้องดูแลสวี่ตี้ของพวกเรา แล้วยังคลอดลูกให้กับครอบครัวพวกเรา ต่อไปครอบครัวของพวกเราก็ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตกันอย่างไร หากดีทั้งครอบครัวก็ได้รับเกียรติ หากแย่ไม่แน่ว่าจะถูกฆ่าทิ้งทั้งครอบครัว จะอย่างไรก็มีความเสี่ยงอยู่ดี”
จางจ้าวฉือฟังแล้วก็พลิกตัวขึ้นมานั่ง “มีเื่อะไรจะเกิดขึ้นใช่หรือไม่?”
สวี่เหรารีบเอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวนาง “ไม่มีอะไร ก็แค่องค์ชายสามอยากจะดึงเว่ยหลางให้เป็พวกตนเอง แต่เขาไม่ยอม องค์ชายสามก็เลยวางแผนจะทำร้ายเขา โอรสของฮ่องเต้แต่ละคน ที่โตแล้วก็ไม่ใช่โอรสของฮองเฮา โอรสของฮองเฮาก็ยังไม่โต องค์ชายห้าหกคนที่ถึงวัยสวมกวานแล้วแต่ละคนมีความสามารถสูง แต่ฝ่าาก็ไม่ยอมแต่งตั้งไท่จื่อ เอาแต่คอยมองดูองค์ชายเหล่านี้ก่อเื่ไร้สาระมากมาย”
ฮองเฮาของเหลียงเฉิงตี้คือนางสนมผู้หนึ่งตอนที่เขายังเป็ไท่จื่อ แต่ว่าก่อนที่ฮองเฮาจะแต่งเข้ามา เหลียงเฉิงตี้ได้มีโอรสองค์โตร่วมกับนางสนมไปแล้ว เป็บุตรของนางสนมผู้หนึ่งที่พระองค์ทรงโปรดปรานมาเป็ผู้ให้กำเนิด ในส่วนตำแหน่งกษัตริย์เหลียงเฉิงตี้ก็ได้รับมาอย่างแปลกประหลาด องค์ชายที่มีความสามารถหลายคนต่างถูกฮ่องเต้องค์ก่อนจับแยกออกไปขังยังที่ต่างๆ ใน่ปลายรัชกาล ไม่ก็ไล่ออกจากเมืองหลวง จะเหลือก็แค่องค์ชายที่ยังไม่ถึงวัยสวมกวานไม่กี่คน รวมถึงเหลียงเฉิงตี้ที่แยกตัวออกมาจากวังด้วย
ตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนยังไม่สละราชบัลลังก์ ก็ได้ทิ้งราชโองการเอาไว้ต่อหน้าเสนาธิการบดี ผู้ใดต่างก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดฮ่องเต้องค์ก่อนถึงได้ยกตำแหน่งให้กับเหลียงเฉิงตี้ ซึ่งเหลียงเฉิงตี้ไม่ใช่กษัตริย์ประเภทพัฒนาให้ก้าวหน้าขึ้น แต่เื่ปกป้องรักษาเอาไว้นั้นไม่เป็ปัญหา จนกระทั่งตอนนี้ ทุกคนถึงได้เข้าใจ ตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนครองราชย์ เป็คนที่มีพลังในการพัฒนาแคว้น ต่อมาถ้าหากไม่พักรักษาดีๆ อำนาจของแคว้นนี้ก็ไม่มีทางที่จะแข็งแกร่งขึ้นมาได้ องค์ชายของฮ่องเต้องค์ก่อนหลายพระองค์ไม่เป็ประเภทที่พัฒนา ก็เป็ประเภทที่ดื่มด่ำกับอำนาจ ฮ่องเต้องค์ก่อนไตร่ตรองอยู่นาน ถึงได้เลือกเหลียงเฉิงตี้ ก่อนจะมอบตำแหน่งให้
ฮองเฮาของเหลียงเฉิงตี้ หลังจากที่เขาขึ้นรับตำแหน่งก็ให้กำเนิดโอรสของเหลียงเฉิงตี้ขึ้นมาในวัง แล้วองค์ชายสามกลับเป็บุตรที่ว่านกุ้ยเฟยสนมที่เหลียงเฉิงตี้รักที่สุดคลอดออกมา ตอนนี้องค์ชายสามผู้นี้ไม่เพียงแต่จะต่อสู้แย่งชิงทั้งที่แจ้งและที่ลับ แม้แต่คนในรัชกาลก่อนหลายคนก็ถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ของพวกเขา อย่างไรพระชนมายุของเหลียงเฉิงตี้ก็มากแล้ว อีกทั้งร่างกายก็ย่ำแย่มากขึ้นเรื่อยๆ
จางจ้าวฉือค่อยๆ นอนลง “นี่ไม่ใช่เื่เล็กๆ เลยนะ ไม่แน่ว่าอาจจะฆ่าทิ้งทั้งสกุลเลยก็ได้ ในประวัติศาสตร์การแย่งชิงต่างทำให้สกุลใหญ่ๆ มากมายล่มสลายไป พวกซีรี่ย์ในโทรทัศน์พวกนั้นเป็อย่างไรข้ารู้ดีที่สุด เหล่าสวี่ พวกเราควรที่จะอยู่อย่างมั่นคง แต่จะไม่ยอมเข้าไปแย่งชิงความดีความชอบหรอกนะ”
สวี่เหราเอ่ย “ข้าเข้าใจๆ ไม่ใช่แค่ตนเองเข้าใจอย่างเดียว ข้ายังส่งจดหมายไปให้โหวเย่ ให้เขาอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเื่พวกนี้ด้วย ไม่เป็ไร เ้าอย่ากลัวไปเลย”
จางจ้าวฉือเอ่ย “ครอบครัวพวกเราไม่ง่ายเลยนะ ไม่มีเหตุผลเลยที่จะมายังสถานที่ไม่คุ้นเคยแล้วจะต้องมาตายเพราะการแย่งชิงอำนาจแบบนี้”
สวี่เหราถอนหายใจ “ข้าเองก็คิดเช่นนั้น ข้าเคยคิดเกี่ยวกับราชสำนัก พวกเราจะไม่ไปเข้าร่วม ต่อไปพวกเราจะอยู่มอบผลประโยชน์ให้กับประชาชนท้องถิ่นให้มากๆ ให้พวกเขาร่ำรวยขึ้นมา มีพื้นฐานกลุ่มสังคมแล้ว ถึงอยากจะลงมือกับพวกเราก็คงจะต้องคิดให้ดีๆ อยู่แล้วไม่ใช่หรือ?”
จางจ้าวฉือถอนหายใจ “ก็ได้ อย่างไรต่อไปไม่ว่าเ้าจะไปที่ไหน ข้าก็จะตามไปด้วย สังคมในเมืองหลวงน่ะวุ่นวายเกินไป ข้ากลัวจริงๆ ว่าหากตกลงไปในวังวนนั้นแล้วจะออกมาไม่ได้”
วันที่สิบเก้าเดือนสิบสอง จางจ้าวฉือพาสวี่ตี้กับสวี่จือ พร้อมของขวัญไปที่เรือนของสกุลหลี่
ฮูหยินหลี่ได้รับการส่งสัญญาณจากจางจ้าวฉือมาก่อนแล้ว จึงรู้ว่าสกุลสวี่ถูกใจบุตรสาวคนเล็กของตนเอง อยากจะหมั้นหมายบุตรสาวคนเล็กให้กับคุณชายใหญ่สกุลสวี่
ยังไม่พูดถึงฐานะของสวี่ตี้ คุณชายใหญ่ของจวนหย่งหนิงโหว หากพูดถึงตัวสวี่ตี้ หน้าตาดี ทั้งยังสามารถปลูกผักทั้งสามารถเรียนหนังสือได้ นิสัยก็ยังดี ตอนที่กลับมามองบุตรสาวคนเล็กของตนเอง แล้วก็คิดอยู่ว่าสกุลสวี่ถูกใจบุตรสาวคนเล็กของตนที่ตรงไหน
ฮูหยินหลี่เอ่ยกับใต้เท้าหลี่ “พรุ่งนี้ฮูหยินสวี่จะพาบุตรชายมาคุยเื่แต่งงานของเด็กทั้งสองคนจริงๆ แล้ว สามี เ้ามีความคิดเห็นอย่างไร?”
ใต้เท้าหลี่เอ่ย “ข้าไม่มีความคิดเห็นอะไรนี่ ข้าคิดว่าเื่นี้ก็ดี ใต้เท้าสวี่กับฮูหยินสวี่พวกเราสองคนก็ต่างรู้จัก ใต้เท้าสวี่เป็คนอย่างไรพวกเราก็รู้ดี ฮูหยินสวี่ก็มิใช่คนที่ชอบวางมาด บุตรสาวแต่งงานไปที่ครอบครัวของพวกเขา ต่อไปจะต้องไม่ถูกแม่สามีรังแกแน่นอน”
ฮูหยินหลี่เอ่ย “แต่ว่าพวกเราสองครอบครัวไม่เหมาะสมกัน บุตรสาวแต่งงานเข้าไปจะไม่ถูกคนสกุลโหวดูถูกเอาหรือ?”
ใต้เท้าหลี่ลูบหนวดที่คางของตนเองก่อนจะเอ่ย “ข้าคิดว่าในอนาคตใต้เท้าสวี่ไม่อยากจะกลับไปที่เมืองหลวง ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกับคนในจวนแล้ว ยังจะมีข้อเสียอันใดได้? ฮูหยินกังวลมากเกินไปแล้ว อีกอย่างข้าเห็นว่าคุณชายสวี่ตี้เองก็ไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้ภรรยาของตนเองถูกรังแก บุตรสาวของเราแต่งงานไปแล้ว ก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขได้”
ฮูหยินหลี่ถอนหายใจก่อนจะเอ่ย “เหตุผลน่ะข้าก็ไม่เข้าใจ แต่ว่าข้าเป็มารดา ข้าเองก็หวังว่าบุตรธิดาของข้าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย เอาเถิด ฟังท่านก็แล้วกัน ท่านพูดว่าได้ เช่นนั้นก็ได้”
ใต้เท้าหลี่หัวเราะ “ฮูหยิน ชีวิตน่ะยังต้องเป็พวกลูกๆ ของพวกเราสร้างกันเอง ไม่ใช่พวกเราบอกว่าได้พวกเขาก็สามารถมีชีวิตที่ดีได้ ยังต้องสั่งสอนให้พวกเขารู้จักใช้ชีวิตด้วยถึงจะถูก”
ฮูหยินหลี่ถอนหายใจ หมุนตัวออกจากห้องเพื่อไปที่ห้องของบุตรสาวทั้งสอง
ลูกสาวทั้งสองคนกำลังนั่งอยู่บนตั่งในห้อง คนหนึ่งในมือกำลังถือรองเท้าที่กำลังเย็บอยู่ข้างหนึ่ง อีกคนในมือกำลังทำชุดตัวเล็ก รองเท้ากับเสื้อนั้นแค่ดูก็รู้ว่าจะเอาไปให้เด็กเล็ก ฮูหยินหลี่ก็รู้ว่าลูกสาวทั้งสองคนของตนเองกำลังเตรียมเสื้อและรองเท้าให้กับเด็กในท้องของลูกสะใภ้ของพวกนาง
พอเห็นฮูหยินหลี่เดินเข้ามา เด็กหญิงทั้งสองก็พากันลงจากตั่ง ฮูหยินหลี่เดินมานั่งริมตั่ง “เอาล่ะๆ ไม่ต้องลุกขึ้นมาหรอก รีบนั่งเถิด ข้ามาพูดกับพวกเ้าเสียหน่อย อีกเดี๋ยวฮูหยินสวี่จะพาบุตรทั้งสองของพวกเขามาที่เรือนพวกเรา”
หลี่เยว่หลินบุตรสาวคนโตถามด้วยความแปลกใจ “ท่านแม่ พรุ่งนี้เป็วันสิ้นปีแล้วฮูหยินสวี่พาลูกๆ ของพวกเขามาทำอะไรหรือเ้าคะ?”
ฮูหยินหลี่เอ่ย “บอกว่าทางเมืองหลวงส่งของขวัญปีใหม่มาให้พวกเขา นางก็เลยเอามาให้พวกเราด้วย”
หลี่เยว่ซีไม่ได้พูดอะไร เพียงจ้องมารดาของตนเอง ฮูหยินหลี่รู้ว่าลูกสาวคนโตไม่ใช่คนที่ชอบคิดมาก แต่ลูกสาวคนเล็กไม่เหมือนกัน อย่าเห็นว่าไม่พูดโต้ไม่แย้ง แต่ในใจกลับสามารถคิดออกมาได้หลายเื่
ฮูหยินหลี่เอ่ย “ฮูหยินสวี่อยากจะสู่ขอเยว่ซีให้กับคุณชายสวี่ตี้ของพวกเขา”
เด็กหญิงทั้งสองคนได้ยินก็มองหน้ากันไปมา ก่อนที่ฮูหยินหลี่จะเอ่ยต่อ “ข้ารู้มาก่อนแล้วแต่ก็ยังรู้สึกว่ามันกะทันหันไปเสียหน่อย อย่างไรสกุลสวี่ก็มาจากจวนหย่งหนิงโหว ตำแหน่งโหวโดยแท้ แต่ว่าใต้เท้าสวี่กับฮูหยินสวี่ถูกใจเยว่ซีของพวกเรา รอปีใหม่แล้วถึงเตรียมตัวมาสู่ขอ”
หน้าของหลี่เยว่ซีพลันแดงระเรื่อขึ้นมา หลี่เยว่หลินพูดอย่างดีใจ “คุณชายสวี่ตี้หรือ เขาเป็คนที่มีความสามารถ ปลูกพืชผักก็ดี เรียนก็ยังดี ข้าได้ยินคุณหนูจิ่วของพวกเขาพูดว่าตอนนี้เป็ถงเซิงแล้ว อีกสองปีก็จะสามารถกลับไปสอบเป็ซิ่วไฉ แล้วก็สอบเซียงซื่อด้วยเ้าค่ะ”
หลี่เยว่ซีหน้าแดงแล้วเอ่ย “ท่านแม่ พวกเราไปแต่งงานกับคนฐานะสูงส่งอย่างพวกเขาเช่นนี้คงไม่ดีหรอกกระมังเ้าคะ?”
ฮูหยินหลี่ทำหน้าจริงจังอย่างหาได้ยาก “เยว่ซีเอ๋ย ั้แ่เด็กเ้าเป็คนชอบวิเคราะห์เื่ราว การแต่งงานนี้มันดีต่อทั้งสองฝ่าย ถึงแม้ฐานะของพวกเราสองครอบครัวจะไม่เหมาะสมกัน แต่ว่าก็ต้องดูความสามารถในการจัดการเื่ราวในบ้านของฝ่ายสตรี ว่าสามารถช่วยสามีของตนเองดูแลครอบครัวได้หรือไม่ ในเมื่อฮูหยินสวี่กับใต้เท้าสวี่สนับสนุนเ้า เช่นนั้นเ้าจะต้องทำให้พวกเขาคิดว่าเ้านั้นทำได้แน่นอน เื่ในอนาคตก็ให้ข้ากับพ่อของเ้าคุยกับใต้เท้าสวี่และฮูหยินสวี่ก่อน เื่อื่นเ้าไม่ต้องไปกังวล”
หลี่เยว่ซีเอ่ย “แต่ว่าท่านพี่ยังไม่ได้หมั้นเลยนะเ้าคะ”
ฮูหยินหลี่ยิ้มแล้วกล่าว “เพียงแค่หมั้นพวกเ้าเอาไว้ ไม่ใช่ให้พวกเ้าแต่งงานเลยเสียหน่อย เ้ากลัวอะไร เื่แต่งงานของพี่สาวเ้าน่ะ ข้ากับพ่อของเ้ารู้ดี เ้าไม่ต้องเป็ห่วงไป”
ฮูหยินหลี่บอกให้เด็กทั้งสองไปจัดเก็บเสื้อผ้า ก่อนจะไปทำอาหารกลางวันในโรงครัว
หลี่เยว่หลินมองน้องสาวของตนเอง พูดออกมาด้วยความดีใจอย่างสุดขีด “ข้าเห็นว่าคุณชายใหญ่สกุลสวี่เป็คนที่ดีมากๆ คนหนึ่งเลยนะ ต่อไปน้องสาวจะต้องมีชีวิตที่ดีแน่นอน”
หลี่เยว่ซีหน้าแดง “ท่านพี่ เหตุใดท่านถึงมาพูดล้อข้าเช่นนี้? ไอ๊หยา เรือนหลังของข้ายังมีของที่ไม่ได้เก็บเลย ข้าจะต้องไปจัดการเสียหน่อยแล้ว”
เชิงอรรถ
[1] เป็สำนวนจีน (大河有水小河满 Dàhé yǒu shuǐ xiǎohé mǎn) หมายถึงจะต้องร่วมมือกันถึงจะทำเื่ใหญ่ได้สำเร็จ
[2] ถงจือ (同知 Tóng zhī) ข้าราชการฝ่ายบุ๋น ขุนนางขั้นห้า
[3] ยามจื่อ (子 zǐ) คือ 23.00 - 24.59 น.