เื่บางเื่ จะพูดว่าเล็กมันก็เล็ก แต่อยากจะพูดว่าใหญ่ เช่นนั้นก็ต้องดูว่าผู้ที่ทำเื่นี้ว่ากระทำการอย่างไร
ตอนบ่ายสวี่เหราไปที่จวนของแม่ทัพเพื่อสนทนากับเว่ยหลางอยู่นาน ตอนที่สวี่เหรากลับไปบนใบหน้ายังคงมีรอยยิ้ม เว่ยหลางมาส่งสวี่เหราที่หน้าประตูจวนปากที่ยิ้มด้วยความดีใจก็ยังหุบไม่ลง ทั้งสองคนมาถึงหน้าประตูใหญ่ของจวนแม่ทัพ ไม่รู้ว่าคิดถึงเื่อะไรขึ้นมาได้ ถึงได้ยืนอยู่ตรงหน้ารถม้าของสวี่เหราแล้วก้มหน้าพูดเสียงเบาอยู่ครู่หนึ่ง เว่ยหลางถึงได้ส่งสวี่เหราขึ้นรถม้าไปอย่างอารมณ์ดี
หลายวันต่อมา เว่ยหลางจัดคนจำนวนหนึ่ง ให้ผู้ช่วยที่เชื่อใจที่สุดของตนเองพารองแม่ทัพผู้หนึ่งนำจดหมายที่เขียนด้วยตนเองไปส่งที่เมืองหลวง
เข้าเดือนสิบสองแล้ว ขบวนรถม้ารีบเดินทางไป ในที่สุดก็ไปถึงเมืองหลวงก่อนที่วันตรุษจีนเล็กจะมาถึง
รองแม่ทัพกับผู้ช่วยยังไม่ทันได้ถึงเมืองหลวง ก็ถูกคนของจิ้งเป่ยโหวซื่อจื่อในเขตเมืองหลวงมารับไปจากที่พักระหว่างทาง เว่ยหลางได้เขียนจดหมายส่งให้ครอบครัวของตนเองล่วงหน้า บอกว่าจะเดินทางผ่านที่พักทหารระหว่างทาง การเดินทางจากเหอซีไปเมืองหลวง เดินทางผ่านที่พักของทหารจะเป็ทางที่ไวที่สุด ไม่ถึงสิบวันก็สามารถนำจดหมายไปส่งถึงที่แล้ว หลังจากจิ้งเป่ยโหวเย่ได้รับจดหมายของบุตรชายตนเองแล้ว คิดอยู่นานถึงสองวันจึงได้คิดหาทางเลือกที่ดีที่สุดออกมาได้
ส่วนจดหมายจะส่งอย่างไรนั้น จะเจรจากันในราชสำนักอย่างไร ใน่ตรุษจีนเล็ก เหลียงเฉิงตี้ก็เสด็จมากับขันทีคนสนิทเฉินอู่ฝูหรือขันทีเฉินกงกงที่เดินนำหน้าสุด ในมือของเขาถือพระราชโองการมาด้วย ตามหลังมาด้วยเหล่านางในที่ถือพานใส่รางวัล ก่อนที่พระองค์จะแยกตัวออกไปจัดการราชกิจ หลังจากเฉินอู่ฝูออกมาจากราชวังแล้ว ก็จะค่อยๆ เดินทางผ่านถนนที่ได้ทำความสะอาดเอาไว้จนเอี่ยมแล้วไปทางจวนหย่งหนิงโหว
ทุกคนในจวนหย่งหนิงโหวหลังจากใส่ชุดตามระดับขั้นแล้ว ก็เปิดประตูใหญ่ มายืนรอรับพระราชโองการที่เรือนหลัง
หย่งหนิงโหวเย่ในหัวเต็มไปด้วยสีขาวโพลน ถึงแม้จะเป็สกุลที่มีส่วนร่วมในการสร้างแคว้น ทุกปีในเดือนสิบสองก็มักจะได้รับพระราชทานรางวัลจากในวัง แต่ว่าไม่มีครั้งไหนเลยที่จะยิ่งใหญ่เหมือนครั้งนี้ จะพูดว่าไม่ใช่เื่ดี คนที่มาประกาศพระราชโองการก็ดันเป็ถึงเฉินกงกง แต่ว่าอย่างไรหย่งหนิงโหวเย่คิดจนหัวแทบแตกก็คิดไม่ออกว่าตนเองหรือเหล่าลูกๆ ของตนเอง ่นี้ทำอะไรถึงได้รับความสำคัญจากองค์ฮ่องเต้
ฮูหยินผู้เฒ่าแต่งตัวด้วยชุดราชการระดับหนึ่ง มีแม่นมเสิ่นพยุงมายืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะวางธูป หย่งหนิงโหวเย่ขึ้นมายืนตรงหน้าของฮูหยินผู้เฒ่า เห็นใบหน้านิ่งสงบของมารดาของตนเอง หย่งหนิงโหวเย่ก็ถามเสียงเบา “ท่านแม่ ท่านรู้ว่าเป็เื่อะไรหรือไม่ขอรับ?”
ฮูหยินผู้เฒ่าปรายตามองหย่งหนิงโหวเย่ พลางทำท่าทางดูถูกเขา “ข้าเป็แค่ยายแก่วันๆ อยู่แต่ในเรือนหลังจะไปรู้เื่ปัจจุบันได้อย่างไร เ้าเองก็ไม่ต้องรีบร้อนไป รอเฉินกงกงอ่านพระราชโองการจบเ้าก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ?”
เฉินอู่ฝูยิ้มตาหยีเดินเข้าประตูหลักมา เห็นฮูหยินผู้เฒ่าก็รีบเข้ามาทำความเคารพ ก่อนจะเอ่ย “ฮูหยินผู้เฒ่าแข็งแรงดีนะขอรับ ข้าไม่ได้เจอท่านมานานมากแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่าเอียงตัวยิ้มก่อนจะเอ่ย “เฉินกงกงงานยุ่ง คงไม่มีเวลาว่างมานั่งคุยกับข้ากระมังเ้าคะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ารู้จักกับเฉินอู่ฝูมาได้หลายปีแล้ว พูดกันแบบจริงจัง ตอนฮ่องเต้ยังเป็เฉียนตี่ [1] เขาที่เป็คนดูแลข้างกายกษัตริย์ จึงได้พบกับฮูหยินผู้เฒ่าที่มักจะเข้าวังมาทำความเคารพฮองเฮา เฉินอู่ฝูกับแม่นมลู่เป็คนบ้านเดียวกัน เพราะอย่างนั้นความสัมพันธ์ของเฉินอู่ฝูกับฮูหยินผู้เฒ่าจึงดีมากตามไปด้วย ไม่เช่นนั้นเจอหน้ากันคงไม่สามารถพูดจาหยอกล้อกันได้เช่นนี้
เฉินอู่ฝูยิ้มแล้วเอ่ย “ในเมื่อทุกท่านต่างมากันครบแล้ว พวกเราก็มาประกาศพระราชโองการกันก่อนเถิด อ่านจบแล้วข้าค่อยบอกข่าวดีกับฮูหยินผู้เฒ่านะขอรับ”
ได้ยินคำพูดของเฉินอู่ฝู ทุกคนในจวนโหวก็ต่างถอนหายใจ ที่แท้ก็เป็เื่ดีสินะ
ในพระราชโองการเขียนมาล้วนเป็การชื่นชมการสั่งสอนของฮูหยินผู้เฒ่า ไม่เพียงแต่จะด้านการสั่งสอนเหล่าบุตรหลานชาย แม้แต่บุตรหลานที่เป็สตรีในจวน ภายใต้การสั่งสอนของฮูหยินผู้เฒ่าทำให้มีจิตใจที่เป็ห่วงแคว้น มีความชอบธรรม เหลนสาวติดตามบิดาไปรับราชการที่เหอซี ก็ยังพยายามคิดถึงทหารที่คอยคุ้มครองชายแดน บริจาคผ้าไหมที่ไว้ทำเสื้อผ้าอาภรณ์ของตนเองให้กับเหล่าทหารไปทำชุดตัวใน ได้มีความคิดอันสูงส่งที่มีส่วนช่วยรับผิดชอบเพื่อทหารของแคว้น สุดท้ายถึงได้พูดถึงประเด็นสำคัญ เพื่อเป็การชื่นชมยกย่องฮูหยินผู้เฒ่าของจวนหย่งหนิงโหว จึงประทานรางวัลเป็ทรัพย์สินเงินทอง ที่น่าอิจฉาที่สุดก็คือหยกหรูอี้ชิ้นหนึ่ง จากที่ได้ยินมาว่าหยกหรูอี้ชิ้นนี้เป็หยกชิ้นที่ฮองเฮาในรัชกาลปัจจุบันทรงโปรดมากที่สุด ฮ่องเต้ประทานของชิ้นนี้เป็รางวัลให้กับฮูหยินผู้เฒ่าแห่งจวนหย่งหนิงโหว นั่นนับว่าเป็เกียรติอย่างหาที่สุดมิได้
เฉินอู่ฝูอ่านพระราชโองการจบ มอบของเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เข้าไปพูดแสดงความยินดีกับฮูหยินผู้เฒ่า ซึ่งหญิงชราก็ชักชวนเฉินอู่ฝูเข้าไปนั่งดื่มชาในเรือน เฉินอู่ฝูยิ้มแล้วเอ่ย “ฮูหยินผู้เฒ่าโปรดให้อภัย ข้ายังต้องกลับไปรายงานฝ่าา อนาคตยังมีเวลาอีกมาก ข้าขอตัวกลับก่อนนะขอรับ”
ทุกคนในจวนหย่งหนิงโหวส่งเฉินอู่ฝูถึงหน้าประตูใหญ่ พอเห็นรถม้าวิ่งไปไกลแล้วถึงได้กลับเข้ามาในเรือนแล้วปิดประตู
ฮูหยินผู้เฒ่ามองของที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วก็ถอนหายใจ “ข้าก็คิดว่าจิ่วเอ๋อร์ของพวกเราไม่มีผ้ามาทำเสื้อ ผู้ใดจะไปคิดว่าจิ่วเอ๋อร์จะมอบความดีความชอบยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาให้ข้า หยกหรูอี้ชิ้นนี้ตอนนั้นข้าเองก็เคยเห็น เป็ของที่องค์ซูเฟยทรงโปรดปรานมากที่สุด ผู้ใดจะไปคิดว่าตอนนี้จะกลายเป็ของข้าแล้ว”
หย่งหนิงโหวเย่มองของทั้งหลายที่วางอยู่ด้านหน้าเรือนหลังก็ราวกับกำลังฝันไป พลันเอ่ยปากถามฮูหยินผู้เฒ่า “ท่านแม่ เหตุใดถึงได้เกิดเื่พวกนี้ขึ้นมาได้ขอรับ? ท่านบอกข้าทีว่าเหราเอ๋อร์เขาอยู่ที่เหอซีทำอะไรกันแน่?”
ฮูหยินผู้เฒ่าฟังแล้วก็แค่นหัวเราะ “ทำอะไรเ้าที่เป็บิดาไม่ไปสอบถามยังมาคาดหวังคำตอบจากข้าที่เป็ย่าหรือ?”
ทุกคนในจวนโหวต่างเฝ้าอยู่ด้านหน้าเรือนหลัง ได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าตำหนิหย่งหนิงโหวเย่ก็รู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย ในใจของฮูหยินผู้เฒ่าภูมิใจมาก เมื่อมองเหล่าหลานชายข้างกายของตนเหล่านี้ พลางเอ่ย “จวนโหวของพวกเราเป็ทหารติดตามองค์ฮ่องเต้ถึงได้มีตำแหน่งอำนาจขึ้นมา นี่ก็ร้อยกว่าปีแล้ว ในเมืองหลวงที่กว้างใหญ่นี้มีสกุลกงโหวเท่าไหร่แล้วที่ล่มสลายไป? พวกเราเป็หนึ่งในไม่กี่จวนโหวที่ยังสามารถคงอยู่ได้โดยไม่ล่มสลายในราชวงศ์ต้าเหลียง สิ่งที่ยึดเหนี่ยวอยู่นั้นคืออะไร? ที่ยึดเหนี่ยวอยู่ก็คือจิตใจที่จงรักภักดีต่อแคว้น แล้วก็ความแข็งแกร่งของตนเอง”
“พวกเ้าคือหลานของข้า ข้ามีชีวิตมาอายุตั้งเท่านี้แล้ว สิ่งเดียวที่้าก็คือขอให้พวกเ้าสามารถมีชีวิตที่ดี แต่ว่าข้าคาดหวังไปจะมีประโยชน์อันใด? ก็ต้องเป็ตัวพวกเ้าเองที่จะยืนหยัดขึ้นมาเองถึงจะสำเร็จ ในจวนต่างพูดว่าคุณชายสามของพวกเราไปมีชีวิตความเป็อยู่อย่างลำบากที่เหอซีแล้ว ชีวิตทางนั้นพวกเราไม่ต้องไปลองประสบ ก็ต้องคิดสักนิดว่าชีวิตที่นั่นยังสู้ชีวิตของพวกเราในเมืองหลวงไม่ได้เลย แต่ว่าคุณชายสามของพวกเรากลับสามารถเอาหน้าเอาตามาให้กับครอบครัวพวกเราได้ พวกเ้าอยู่ในจวนไม่มีอะไรทำ ควรจะคิดสักหน่อยหรือไม่ว่า พวกเ้าควรทำสิ่งใดเพื่อสร้างชื่อเสียงได้บ้าง?”
ทุกคนในจวนโหวก้มหน้าฟังคำตำหนิของฮูหยินผู้เฒ่า หญิงชรามองลูกหลานของตนเองก่อนจะถอนหายใจ “ต่างพูดกันว่าเป็ผู้ใหญ่จะต้องยอมให้คนรุ่นต่อไปทำผิดพลาด แต่ว่าตอนนี้พวกเ้าไม่สามารถค้ำจุนให้ครอบครัวเติบโตขึ้นมาได้ เพราะว่าข้าที่เป็ผู้าุโสั่งสอนได้ไม่ดี”
ทุกคนได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าจะตำหนิตนเอง จึงรีบโค้งตัวทำความเคารพฮูหยินผู้เฒ่าขอให้นางอย่าได้โกรธเคือง หญิงชรากล่าวต่อ “พวกเราคือครอบครัวใหญ่ ยามมีเกียรติก็มีไปด้วยกัน ยามเสื่อมเสียก็เสียไปด้วยกัน ครอบครัวนี้น่ะ ไม่ได้พึ่งแค่คนสองคนก็สามารถค้ำจุนครอบครัวขึ้นมาได้ แต่พึ่งความทุ่มเทของทุกคนถึงจะสามารถค้ำจุนขึ้นมาได้ เด็กๆ ทั้งหลาย เหราเอ๋อร์พาครอบครัวของตนเองไปอยู่ที่ชายแดนก็ย่อมไม่ง่าย ตอนนี้เขายังทำความดีความชอบพวกนี้ พวกเ้าที่เป็คนในครอบครัวของเขา แน่นอนว่าจะต้องดีใจมาก แต่ว่าคนที่ไม่อยากเห็นจวนของพวกเรามีความสุขล่ะ? พวกเราอยู่ในเมืองหลวง ก็ต้องระวังการกระทำและคำพูดเอาไว้ให้ดี อย่าให้คนอื่นมาว่าเอาได้”
“ข้าที่เป็ผู้าุโของครอบครัวนี้ ข้าขอถือความเป็ผู้าุโสั่งทุกคน ต่อไปในจวนของพวกเราจะต้องระวังการกระทำและคำพูดให้ดี ไม่เพียงแค่บรรดาเ้านายเท่านั้น ลูกน้องในจวนเองก็ต้องพึงระวัง พวกเราไม่สามารถช่วยเหลือเหราเอ๋อร์ได้ ก็อย่าไปเพิ่มปัญหาให้เขา ทำได้ใช่หรือไม่?”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลังจากพูดความรู้สึกของตนเองออกมาจนหมดแล้ว ก็ถือหยกหรูอี้เอาไว้ จากนั้นก็ถูกแม่นมเสิ่นพยุงพาเดินกลับไปที่เรือนของตนเอง ด้านหลังยังมีสาวใช้หนึ่งคู่ถือถาดที่ใส่ของรางวัลต่างๆ เดินตามไป
หลังจากฮูหยินผู้เฒ่าเดินไปแล้ว หย่งหนิงโหวเย่ก็เอ่ย “ซื่อจื่อกับเฉวียนเอ๋อร์อยู่ก่อน ทุกคนแยกย้ายกันไปพักเถิด”
พี่น้องของหย่งหนิงโหวเย่เดิมทีอยากจะสนทนาด้วย แต่ว่าเห็นใบหน้านิ่งขรึมของหย่งหนิงโหวเย่แล้ว หลังจากทำความเคารพให้โหวเย่พวกเขาก็เดินจากไป
หย่งหนิงโหวเย่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะ ซื่อจื่อสวี่เวยกับสวี่เฉวียนลูกคนรองของหย่งหนิงโหวเย่ยืนอยู่ด้านข้าง ก่อนที่หย่งหนิงโหวเย่จะถอนหายใจออกมา “คำพูดของท่านย่าของพวกเ้าฟังไปแล้วไม่ค่อยน่าฟังเท่าไหร่ แต่ก็มีเหตุผลอยู่มาก ั้แ่สร้างแคว้นมาจนถึงตอนนี้ จวนกงโหวมากมายต่างกลายเป็ประวัติศาสตร์ หย่งหนิงโหวของพวกเรานั้นก่อสร้างตระกูลขึ้นมาจากการต่อสู้ ั้แ่เริ่มสร้างแคว้นจนถึงตอนนี้ก็พึ่งพาความสามารถของบรรพบุรุษ แล้วก็ความพยายามของเหล่าผู้าุโถึงได้สืบทอดกันมาจนถึงตอนนี้”
สวี่เวยกับสวี่เฉวียนโค้งตัวกล่าวตอบรับ หย่งหนิงโหวเย่ถอนหายใจ “แต่ว่าหลายปีมานี้ ในจวนของพวกเราไม่มีคนที่มีความสามารถโดดเด่นเลย โชคดีที่เหราเอ๋อร์สามารถสอบติดขุนนาง ถึงแม้ว่าเหอซีจะไกลไปเสียหน่อย แล้วก็เพราะว่าความเป็อยู่ไม่ดี จึงทำเื่ให้เข้าสายตาของคนได้ง่าย ครั้งนี้เพราะบุตรสาวถึงได้เข้าไปอยู่ในสายตาของฮ่องเต้ และเพราะว่าผ้าไหมในจวนของพวกเราส่งไปให้ ข้าพูดเื่นี้กับพวกเ้าก็เพื่ออยากจะบอกพวกเ้าสองคนว่า พวกเ้าสามคนล้วนเป็บุตรของข้า ถึงแม้พวกเ้าจะไม่ได้เกิดมาจากมารดาคนเดียวกัน แต่ว่าร่างกายของพวกเ้าก็มีเืครึ่งหนึ่งเหมือนกัน ต่อไปพวกเ้าจะต้องช่วยเหลือกัน ช่วยกันค้ำจุนครอบครัวให้ได้”
สวี่เวยกับสวี่เฉวียนโค้งตัวหนักกว่าเดิม หย่งหนิงโหวเย่เห็นเช่นนั้น ความไม่พอใจในใจก็ยิ่งเพิ่มขึ้น อยากจะพูดอะไรตอนนี้ก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม สุดท้ายก็ทำได้แค่ถอนหายใจออกมา พลางโบกมือให้บุตรชายทั้งสองคนออกไป
โหวฮูหยินหลังจากได้ยินคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่า สีหน้าของนางก็ไม่ดี หนิงซื่อลูกสะใภ้รีบพาบุตรสาวสองคนมาพยุงนางกลับเรือน สาวใช้ในเรือนตักน้ำมาพลางนำผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำแล้วบิดหมาดๆ ซับใบหน้าให้นาง เหล่าสาวใช้ต่างพากันวุ่นวายไปหมด
แม่นมอู่เปลี่ยนเสื้อคลุมตัวหนาให้กับโหวฮูหยิน หนิงซื่อนำน้ำชาไปให้นางจิบ หลานสาวทั้งสองคนอย่างสวี่เกากับสวี่เย่าคอยดูแลอยู่ด้านข้าง อู่ซื่อโหวฮูหยินโบกมือแล้วเอ่ย “ยุ่งกันมาตลอด่สายแล้ว พวกเ้ากลับไปพักเถิด”
หลังจากหนิงซื่อพาบุตรสาวทั้งสองคนไปแล้ว อู่ซื่อก็โกรธจนโยนถ้วยชาที่อยู่ด้านข้างแตก แม่นมอู่รีบเข้ามาห้ามเอาไว้ “ไอ๊หยา ฮูหยินของข้า ท่านทำอันใดเ้าคะ อย่าทำร้ายมือตัวเองเช่นนี้นะเ้าคะ”
ั้แ่โหวเย่มาคุยกับฮูหยินของตนเองยังไม่ทันได้เข้าประเด็นก็จากไปเสียก่อนเพราะความโกรธ นี่ก็ผ่านมาได้เดือนกว่าแล้ว ท่านก็ไม่ได้มาที่นี่อีกเลย โหวฮูหยินไม่รู้ว่าทำถ้วยชาแตกไปกี่ใบแล้ว เบื้องหน้าทุกคนไม่ได้พูดอะไร แต่ว่าหากเป็เช่นนี้ต่อไปจะต้องทำให้คนในจวนเห็นเป็เื่ตลกแน่นอน
อู่ซื่อล้มตัวนอนบนตั่งด้วยความหงุดหงิด น้ำตาไหลลงมาเป็สาย แม่นมอู่แอบถอนหายใจ พลางกล่าวปลอบใจนางเสียงอ่อน “ฮูหยิน ถึงแม้ครั้งนี้เื่จะเกิดที่เหอซี แต่ที่ได้รับผลประโยชน์ก็เป็จวนของพวกเรานะเ้าคะ จวนของพวกเรายิ่งดีขึ้น ทางด้านคุณหนูใหญ่อยากจะหาคู่แต่งงานให้กับคุณชายจ้าวซือสิงก็ยิ่งง่ายขึ้นมิใช่หรือเ้าคะ?”
อู่ซื่อใช้ผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดที่ตาก่อนจะเอ่ย “ของพวกนั้นเป็ของที่ในจวนส่งไปให้นี่นะ จวนของพวกเราได้รับรางวัลก็เป็เื่ที่สมควรมิใช่หรือ?”
แม่นมอู่คิดว่าฮูหยินของตนผู้นี้ยิ่งอายุมากก็ยิ่งไม่มีเหตุผล คนมากมายในจวนต่างได้รับผ้าไหมแบ่งให้จำนวนมากทุกเดือน เหตุใดไม่เห็นพวกเขาจะสามารถใช้ผ้าไหมพวกนี้ทำให้คนในจวนได้รับรางวัลจากฮ่องเต้เลยเล่า? เพราะว่าคุณหนูเก้าของครอบครัวคุณชายสามนั้นจิตใจดี ได้ยินว่าเหล่าทหารใส่ชุดผ้าไหมเอาไว้ด้านในยามทำา พวกลูกธนูจะยิ่งเข้าไปถึงเนื้อยาก สำหรับทหารในสนามรบแล้วเป็ของที่เอาไว้ช่วยชีวิตอย่างดีเลยเชียวล่ะ
แม่นมอู่เอ่ยขึ้น “ฮูหยิน ครอบครัวพวกเขาจะอย่างไรก็เป็บุตรอนุในเรือนของพวกเรา ยังมีความเคารพท่านเป็มารดาอยู่ไม่ใช่หรือเ้าคะ ท่านเป็มารดาของพวกเขา ต่อไปพวกเราก็มีเกียรติแล้ว ถึงแม้ตอนจะขอประทานรางวัลก็จะต้องขอให้กับท่านนะเ้าคะ”
โหวฮูหยินฟังพวกนี้แล้วก็ไม่ได้เอ่ยคำใดอีก แม่นมอู่ถึงได้ถอนหายใจออกมา รีบเรียกเหล่าสาวใช้ในเรือนมาตั้งสำรับอาหารกลางวัน ั้แ่ได้รับพระราชโองการตอนเช้าตรู่ก็ยุ่งจนถึงตอนนี้ หลังจากใส่เสื้อผ้าเสร็จก็ไปยืนอยู่หน้าเรือนตลอด โหวฮูหยินอายุมากแล้ว จึงรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย
หลังจากฮูหยินผู้เฒ่านำของพวกนั้นกลับไปที่ห้องของตนเองแล้ว ก็วางหยกหรูอี้เอาไว้บนโต๊ะหมู่บูชาเล็กๆ ของตนเอง จากนั้นก็เก็บพวกสมบัติเงินทองเข้าไป ก่อนจะเอ่ยกับแม่นมเสิ่นว่า “ของพวกนี้ล้วนเป็แม่หนูเก้าหามาให้ข้า รอนางกลับมาแล้ว ข้าจะเอาของพวกนี้ให้กับนาง คนอื่นๆ ในจวนก็ไม่ต้องตาร้อน มีความสามารถพวกเขาก็สามารถทำให้องค์ฮ่องเต้ประทานรางวัลให้ได้ ขอแค่องค์ฮ่องเต้ประทานรางวัลให้ ข้ารับประกันว่าจะไม่เก็บเอาไว้เลยสักนิดแล้วให้กับพวกเขาทั้งหมด”
แม่นมเสิ่นยิ้มแล้วเอ่ย “นี่ล้วนเป็สิ่งที่ฝ่าาประทานให้ท่าน ท่านอยากจะให้ผู้ใดก็เป็ท่านที่ตัดสินใจมิใช่หรือเ้าคะ?”
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินแล้วก็หัวเราะเหอะๆ ออกมา นางมองของพวกนี้อยู่นาน ถึงได้ถอนหายใจออกมา “คาดว่าที่นั่นพวกเขาเองก็คงไม่สามารถใส่เสื้อผ้าไหมได้ เ้าไปเปิดคลังของข้า ดูว่ามีเนื้อผ้าอื่นๆ อีกหรือไม่ พวกผ้าฝ้ายละเอียด ฝ้ายหยาบหาออกมาให้หมด ไม่มีก็สั่งให้คนไปซื้อ ซื้อพวกผ้าฝ้ายที่ใหม่ๆ หน่อย แล้วส่งไปให้จางจ้าวฉือ ให้นางทำเสื้อผ้าฝ้ายให้ลูกๆ”
แม่นมเสิ่นรับคำ “เ้าค่ะ ข้าจะไปหาเดี๋ยวนี้เ้าค่ะ”
ก่อนรับประทานอาหารเย็น หย่งหนิงโหวเย่ก็มาหานาง แม่นมเสิ่นรีบเปิดม่านให้กับโหวเย่ก่อนจะเอ่ย “เมื่อครู่ฮูหยินผู้เฒ่ายังกล่าวว่าก่อนทานข้าวหากท่านยังไม่กลับมาจะส่งคนไปเรียกท่านมาเ้าค่ะ”
หย่งหนิงโหวเย่ยิ้มแล้วตอบ “ข้าก็รู้ว่าท่านแม่อยากพบข้า จัดการเื่ด้านหน้าเสร็จแล้วก็รีบมาหาเลย แม่นมเสิ่น มีคนส่งอาหารแห้งจากบ้านเกิดท่านมาให้ข้า ทานข้าวเย็นเสร็จข้าจะให้ิเยว่เอามาให้ท่าน”
บ้านเกิดของแม่นมเสิ่นก็คือทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ชอบกินที่สุดก็คืออาหารแห้งจากทางนั้น พวกผักแห้ง เห็ดตากแห้งอะไรพวกนี้ เมื่อได้ยินโหวเย่เอ่ยเช่นนี้ แม่นมเสิ่นก็รีบกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณเ้าค่ะโหวเย่ เป็ท่านที่คิดถึงบ่าวเสมอ”
หย่งหนิงโหวเย่เอ่ยแย้ง “แม่นมเสิ่นพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก ท่านเป็คนสนิทของท่านแม่ ข้าเองก็เป็ท่านที่เลี้ยงมาจนโต มีของที่ท่านชอบแล้วเอามาให้ท่านนั้นเป็เื่ที่สมควรแล้ว”
ตอนนั้นแม่นมเสิ่นเป็สาวใช้ข้างกายตอนที่ฮูหยินผู้เฒ่าแต่งเข้ามา อายุสิบกว่าปี ต่อมานางก็ได้แต่งงานกับพ่อบ้านในจวน ตอนนี้หลานก็ต่างเติบโตกันหมดแล้ว ยามอยู่ในเรือนก็ว่างเกินไป จึงมาเป็แม่นมจัดการเื่ต่างๆ ให้ฮูหยินผู้เฒ่า
หย่งหนิงโหวเย่เข้าไปในห้องพักผ่อนของฮูหยินผู้เฒ่า หลังจากทำความเคารพก็นั่งลงตรงหน้าฮูหยินผู้เฒ่า ก่อนหญิงชราจะเอ่ย “แม่นมเสิ่นของเ้าชงชาเถี่ยกวนอิน [2] ไว้ให้เ้า เ้าลองดื่มดู”
หลังจากหย่งหนิงโหวเย่กล่าวขอบคุณ ก็ดื่มไปสองอึก ถึงได้วางถ้วยชาลงบนโต๊ะ ฮูหยินผู้เฒ่ามองท่าทางของเขาก็ถอนหายใจ “ด้านนอกมีคำพูดอะไรที่ทำให้เ้ารู้สึกไม่กล้าเอ่ยปากบอกข้าหรือ?”
หย่งหนิงโหวเย่พยักหน้าก่อนจะเอ่ย “เื่อะไรก็ปิดบังท่านแม่ไม่ได้เลยจริงๆ ด้านนอกยังมีคนพูดเื่ไม่น่าฟังอยู่ขอรับ”
เชิงอรรถ
[1] ตำแหน่งของฮ่องเต้ตอนที่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์
[2] ชื่อชาชนิดหนึ่ง