หลังจากที่มือไปัักับต้นไม้โบราณพันปีแล้ว ในใจของมู่อวิ๋นจิ่นกลับเต้นระรัวแรงขึ้นจนได้ยินเสียง
ความรู้สึกที่แสนคุ้นเคยอย่างประหลาดพลันปรากฏขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
ต้นไม้โบราณพันปีนี้มีความสัมพันธ์อะไรกับนางกันแน่?
เหตุใดทุกครั้งที่ย่างกรายมาที่แห่งนี้ พบเห็นต้นไม้โบราณพันปีนี้ กลับความรู้สึกที่ประหลาดพวยพุ่งขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจด้วย?
คิดไปคิดมา มู่อวิ๋นจิ่นได้แต่หัวเราะเยาะตนเองที่คิดเพ้อเจ้อมากไป นี่แค่ต้นไม้ธรรมดาที่ถูกขนานนามว่าต้นไม้โบราณพันปีเท่านั้น จะมีความสัมพันธ์กับตนได้เช่นไร
ระหว่างที่เตรียมตัวใช้วิชาตัวเบาะโข้ามกลับไป ประตูที่ถูกปิดไว้กลับเปิดออก เห็นฉู่ลี่ก้าวเข้ามาอย่างช้าๆ
เมื่อเห็นฉู่ลี่เดินเข้ามา มู่อวิ๋นจิ่นกลับจับจ้องไปที่เขา ฉับพลันนั้นมีเสมือนหมอกขาวโพลนขึ้นมาบังสายตา
“เ้าเข้ามาที่ได้อย่างไร?” มีเสียงที่เ็าดังขึ้นจากเบื้องบน
มู่อวิ๋นจิ่นหรี่ตาลงเพื่อจะได้เห็นภาพเบื้องหน้าชัดเจน “ก็ะโผ่านเข้ามานะสิ”
ฉู่ลี่หัวเราะเสียงต่ำ “ในวัดดึกดื่นยามวิกาล เ้ายังกล้าออกมาเดินเผ่นผ่านผู้เดียวอีก”
“ทำไมจะไม่กล้า ในเมื่อพระอยู่ในใจ พระย่อมคุ้มครองให้ปลอดภัย” มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยพลางยกสิบนิ้วขึ้นพนมไหว้ฟ้าดิน
จากนั้นมู่อวิ๋นจิ่นหันมองไปทางฉู่ลี่ พูดเสริมขึ้นว่า “เ้าเล่นหมากกระดานเสร็จแล้วหรือ?”
“อืม” ฉู่ลี่พยักหน้า
เมื่อเห็นฉู่ลี่อารมณ์ดี มู่อวิ๋นจิ่นจึงสัพยอกขึ้นว่า “เ้าคงไม่ได้ชนะท่านอาจารย์ไฮว๋หยวนตลอดกระมัง?”
“ไม่ได้ชนะทุกตาหรอก ในวันข้างหน้าเปิ่นหวงจื่อยังต้องพึ่งพาอาศัยท่านอาจารย์อยู่ จำต้องเล่นแพ้บ้าง”
“ไม่เลวนิ” มู่อวิ๋นจิ่นกอดยกกล่าว เดิมทีคิดว่าฉู่ลี่เป็คนไม่เคยไว้หน้าใคร สนแต่ความสุขของตนเอง มาบัดนี้ เขาไม่ได้เป็คนอย่างที่นางคิดไว้
ฉู่ลี่มองมาที่มู่อวิ๋นจิ่น ต่อด้วยต้นไม้โบราณพันปีที่อยู่ด้านหลัง “เ้าชอบต้นไม้ต้นนี้ใช่ไหม?”
“ไม่ถึงกับชอบอะไรมากมายนักหรอก” มู่อวิ๋นจิ่นตอบเสียงเรียบ
พอได้ยินคำตอบของนาง ฉู่ลี่พยักหน้า จ้องมองนางด้วยสีหน้าแน่นิ่ง ภายในแววตาเหมือนมีบางสิ่งซ่อนไว้
……
ระหว่างที่จะนั่งรถม้ากลับจวน เวลาล่วงเลยมาถึงยามจื่อสือ[1]แล้ว
มู่อวิ๋นจิ่นเดินขึ้นไปหาตำแหน่งที่สามารถนอนเอนกายได้ แม้เส้นทางกลับถนนจะขรุขระเป็หลุมเป็บ่อ แต่ด้วยความเหนื่อยหล้าเต็มประดา นางก็หลับสนิทโดยไม่สนสิ่งใด
ฉู่ลี่ที่นั่งอยู่ด้านข้างได้ยินเสียงกรนครอกๆ จึงคว้าผ้าห่มไปห่มร่างของมู่อวิ๋นจิ่น
รถม้าเดินทางประมาณครึ่งชั่วยามก็กลับมาถึงจวน ในระหว่างที่ฉู่ลี่กำลังเตรียมตัวลง ก็เห็นมู่อวิ๋นจิ่นยังคงหลับปุ๋ยไม่ได้สติ จึงอยากเอ่ยปากเรียกติงเซี่ยนขึ้นมาพาลงไป แต่แล้วติงเซี่ยนกลับต้องผงะ อ้าปากค้างในฉับพลัน ฉู่ลี่โอบอุ้มร่างของมู่อวิ๋นจิ่นก้าวลงจากรถม้า
ฉู่ลี่เดินอย่างไม่สนใจสายตาของติงเซี่ยน แล้วอุ้มมู่อวิ๋นจิ่นกลับเรือนลี่เฉวียน ด้วยความจนปัญญา
จื่อเซียงนั่งสัปหงกอยู่หน้าห้องนอนมู่อวิ๋นจิ่น แต่ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อติงเซี่ยนแตะเบาๆ
จากนั้นจื่อเซียงได้สติขึ้นแล้วเอ่ยขึ้นว่า “องค์ชายเดี๋ยวบ่าวรับนายหญิงแทนเพคะ”
ติงเซี่ยนที่ยืนด้านหลังฉู่ลี่รีบส่งสายตาและส่ายหน้าให้จื่อเซียง
จื่อเซียงทราบนัยยะที่้าสื่อ พลันดึงแขนกลับมา แล้วช่วยเปิดประตูห้องนอนมู่อวิ๋นจิ่นออก
ฉู่ลี่อุ้มมู่อวิ๋นจิ่นก้าวเข้าไปด้านใน วางนางลงเตียงอันอ่อนนุ่มเรียบร้อย ค่อยเดินจากไป
ก่อนจะก้าวเท้าข้ามธรณีประตูฟไป ฉู่ลี่ได้หันกลับมามองจื่อเซียง “ช่วยนายหญิงของเ้าเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่ด้วย”
“เพคะองค์ชาย” จื่อเซียงพยักหน้ารับทราบ
ฉู่ลี่ออกไปแล้ว ติงเซี่ยนได้แต่พึมพำอย่างใ เปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
……
เช้าวันถัดมาฉู่ลี่ลืมตาขึ้น รู้สึกปวดคอและหลังอย่างมาก พอขยับไปมาก็เดาได้ว่านอนตกหมอน
เมื่อนางลุกขึ้นมานั่ง มู่อวิ๋นจิ่นใช้มือบีบนวดบริเวณลำคอ พร้อมเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง “จื่อเซียง……”
จื่อเซียงรีบผลักประตูเข้ามาอย่างเร็ว “เมื่อคืนนี้คุณหนูกลับมาก็ผลอยหลับไปแล้ว ตอนนี้อยากชำระร่างกายแล้วใช่ไหมเ้าคะ?”
มู่อวิ๋นจิ่นผงกหน้า จู่ๆ เหตุการณ์เมื่อคืนที่วันสุ่ยอวิ๋นได้ผุดขึ้นในหัว หลังจากที่นางขึ้นรถม้าแล้วกลับจำเื่ใดไม่ได้อีกเลย
“ข้ากลับมาที่จวนได้อย่างไร?”
จื่อเซียงหัวเราะคิกคัก พลางจจัดเตรียมอาภรณ์ชุดใหม่ “องค์ชายอุ้มคุณหนูกลับมาที่จวนนะสิเ้าค่ะ”
อุ้มกลับจวน?
ฉู่ลี่?
มู่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วหันไปถามอย่างจริงจัง “เ้าแน่ใจนะว่าไม่ใช่ติงเซี่ยนอุ้มข้าเข้ามาในห้อง?”
“คุณหนู พูดอะไรเลอะเลือนไปแล้ว! องค์ชายหกเป็สวามีของท่าน องครักษ์หน้าไหนจะกล้าอุ้มท่านเข้ามาที่ห้องละเ้าค่ะ!” จื่อเซียงมองด้วยแววตาหยาดเยิ้ม
มู่อวิ๋นจิ่นยกมือขึ้นนวดขมับทั้งสองข้าง ไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้เกิดบ้าอะไรขึ้น ถึงได้หลับเป็ตายไม่รู้เื่เช่นนี้
หลังจากที่ชำระร่างกายเป็ที่เรียบร้อย จื่อเซียงได้ช่วยมู่อวิ๋นจิ่นเกล้าผมทว่านางกลับส่ายมือปฏิเสธ “เมื่อเช้านี้ข้านอนตกหมอน ยังปวดคออยู่ตลอด หากขืนเกล้าผมอีกมีหวังคอยิ่งเจ็บมากกว่านี้เป็แน่”
สิ้นเสียงบอกเล่า มู่อวิ๋นจิ่นหยิบผ้าขึ้นมารัดผมแทน จากนั้นเดินไปหยิบชุดคลุมตัวบางเบามาสวมแล้วเดินออกไป
เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นเดินก้าวประตูออกไปกลับพบประตูฝั่งตรงข้ามเปิดอยู่ แม่นมเสิ่นกำลังหยิบไม้กวาดปัดกวาดทำความสะอาดอยู่ ทันใดนั้นมู่อวิ๋นจิ่นนึกถึงวันที่นางและฉู่ลี่แต่งงานกัน นางได้ใช้เข็มจิ้มปลายนิ้วให้เืหยดใส่ผ้าขาว ในตอนนั้นแม่นมเสิ่นที่ได้เห็นดูมีความสุขเป็อย่างมาก
ทว่าแม่นมเสิ่นที่ช่วยฉู่ลี่ทำคามสะอาดห้อง ย่อมรู้มาโดยตลอดว่านางและฉู่ลี่ไม่ได้หลับนอนห้องเดียวกัน เช่นนั้นเื่นี้อาจเก็บไม่อยู่แล้วกระมัง
ระหว่างที่ครุ่นคิดอยู่นั้น แม่นมเสิ่นได้พูดขึ้น “เห้อ องค์ชายนี่ก็แปลกจริงเชียว แค่พระชายามีระดูก็ถึงกับต้องเปลี่ยนห้องพักผ่อนเลย”
“......” มู่อวิ๋นจิ่นหน้าชาไปทั้งหมด นางนึกโกรธเคืองฉู่ลี่ที่ให้แม่นมเสิ่นเข้าใจผิดไปมหันต์
เห็นทีแม่นมเสิ่นยังไม่รู้เื่พวกเขาทั้งสองแยกห้องนอนของใครของมันสิน่ะ
มู่อวิ๋นจิ่นยิ้มมุมปาก ยืนพิงประตู “ฉู่ลี่ไม่อยู่ที่จวนเหรอ?”
“ไม่อยู่เ้าค่ะ ั้แ่เช้ามืดฝ่าาก็เรียกเข้าเฝ้าแล้ว เพื่อปรึกษาเื่จัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองเ้าค่ะ”
“งานเลี้ยงเฉลิมฉลอง? เฉลิมฉลองให้ใคร?” มู่อวิ๋นจิ่นถามอย่างใคร่รู้
แม่นมเสิ่นวางไม้กวาดลง “เป็งานเลี้ยงเฉลิมฉลองท่านแม่ทัพฉินกับคุณหนูฉินเ้าค่ะ ทั้งสองได้รับชัยชนะจากการทำศึก ด้วยเหตุนี้ฝ่าาดำริอยากจัดงานเฉลิมฉลองให้เ้าค่ะ”
พอมู่อวิ๋นจิ่นได้ยินว่าเกี่ยวกับตระกูลฉินถึงกับเบะปากในทันที จากนั้นจะเดินกลับห้อง อยู่ด้านนอกก็มีบ่าวใช้วิ่งพรวดเข้ามา “คารวะพระชายา”
“ตามสบาย มีเื่อันใด?” มู่อวิ๋นจิ่นถามขึ้น
“เมื่อครู่มีพระดำรัสจากฮองเฮา หลังจากนี้ครึ่งเดือน ในวังหลวงจะจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองให้กับท่านแม่ทัพฉินและคุณหนูฉิน ในครั้งนี้แต่ละตำหนักในวัง รวมถึงคุณหนูขั้นสามขึ้นไปต้องมีการแสดงทุกคน ห้ามผู้ใดปฏิเสธในทุกกรณี มิฉะนั้นถือว่าขัดราชโองการ”
คิ้วทั้งสองข้างของมู่อวิ๋นจิ่นกระตุกขึ้นยิกๆ
งานเฉลิมฉลองจัดให้กับท่านแม่ทัพฉินและคุณหนูฉินโดยเฉพาะ มิหนำซ้ำยังใช้พวกนางแสดงเพื่อต้อนรับด้วย?
มู่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วอย่างฉงน มิได้ฟังมาผิดหรอกหรือ?
บ่าวใช้ขอตัวออกไปแล้ว จื่อเซียงหันมองมู่อวิ๋นจิ่นด้วยความรู้สึกกังวลใจ “คุณหนูเอาอย่างไรดี จะเตรียมการแสดงอะไรเ้าคะ?”
“ข้าไม่เตรียมอะไรทั้งนั้นแหละ” มู่อวิ๋นจิ่นสะบัดหน้าเดินเข้าห้อง
จื่อเซียงเดินตามหลังไปด้วยใบหน้ายู่ยี่ “แต่ว่านี่เป็ราชโองการที่มิอาจขัดได้นะเ้าค่ะ”
“แถ้าไม่ทำจะตัดคอข้าอย่างนั้นเลยไหม?” มู่อวิ๋นจิ่นไม่ได้เอาเื่นี้มาใส่ใจแม้แต่น้อย
จื่อเซียงเห็นท่าทางยืนกรานก็ทำได้เพียงโน้มน้าวเท่านั้น “ยังมีเวลาอีกครึ่งเดือน คุณหนูค่อยๆ พิจารณาก็ได้ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจเลยเ้าค่ะ”
มู่อวิ๋นจิ่นก้มหัวลงเล็กน้อยโดยไม่ได้ต่อความใด หลังจากนั้นนางก็เดินไปนั่งเก้าอี้โยกเยกในห้อง พลางคิดเื่นู้นเื่นี่ไปเรื่อยเปื่อย
อีกครึ่งเดือนฉินมู่เยว่จะเดินทางกลับมาแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นมักจะรู้สึกว่าถึงตอนนั้น ชีวิตที่มีความสุขและสุขสงบของนางจะต้องเปลี่ยนแปลง
ประเดี๋ยวหนึ่ง มู่อวิ๋นจิ่นก็นึกขึ้นมาได้ว่านางกังวลกับเื่ในอนาคตมากจนเกินไป ฉินมู่เยว่กลับหรือไม่กลับมันไม่เกี่ยวอะไรกับนางทั้งนั้น!
เหตุใดหนอ นางต้องมากังวลใจเป็เดือดเป็ร้อนเช่นนี้!
……
มู่อวิ๋นจิ่นนั่งคิดเื่ต่างๆ นานา จนกระทั่งล่วงเลยมาถึงยามอู่สือ[2] ได้สติเมื่อด้านนอกมีเสียงเคาะประตูเบาๆ
“เข้ามาได้” มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยอย่างขี้คร้าน
“น้องอวิ๋นจิ่น” ประตูถูกผลักเปิด จ้วงอวี้เหยียนก้าวเข้ามาในห้อง
ทันทีที่ได้พบหน้าจ้วงอวี้เหยียน มู่อวิ๋นจิ่นเผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัว “พี่อวี้เหยียน”
จ้วงอวี้เหยียนเดินเข้ามา พร้อมกับมองไปรอบๆ ห้องอย่างรวดเร็ว “นี่เป็ห้องหอที่น้องกับองค์ชายหกอยู่ด้วยกันสินะ? พูดที่นี่คงไม่สะดวก พวกเราไปคุยกันที่สวนดอกไม้แล้วกัน!”
มู่อวิ๋นจิ่นนิ่งไปชั่วขณะ ไม่มีใครล่วงรู้ว่านางกับฉู่ลี่ได้แยกห้องนอนกัน คงมิใช่ว่าจ้วงอวี้เหยียนเห็นความผิดปกติบางอย่าง ต่อจากนั้นมู่อวิ๋นจิ่นได้พยักหน้าเห็นด้วยและพาจ้วงอวี้เหยียนเดินไปที่สวนดอกไม้
หลังเดินจากเรือนลี่เฉวียนแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นได้พาจ้วงอวี้เหยียนไปที่ห้องอาหาร เอ่ยด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม “ทานอาหารด้วยกันเถอะ”
“ได้สิ อย่างนั้นพี่ไม่เกรงใจแล้วนะ” จ้วงอวี้เหยียนพูดติดตลก
“ถ้าพี่ยังเกรงใจกับน้องอีก พี่ใหญ่คงมาเล่นงานน้องเป็แน่” มู่อวิ๋นจิ่นลากจ้วงอวี้เหยียนเข้ามานั่งด้านใน
จ้วงอวี้เหยียนหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบเล็กน้อย แล้วหันมาถามมู่อวิ๋นจิ่นว่า “เื่การแสดง น้องอวิ๋นจิ่นได้ยินมาบ้างหรือยัง?”
“อืม ได้ยินมาบ้างแล้ว”
“ตอนนี้คำสั่งนั้นทำให้ทุกคนต่างคิดการแสดงใหม่ๆ ไม่ให้ซ้ำกันจนปวดหัวกันไปหมดแล้ว” จ้วงอวี้เหยียนพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ
ด้านมู่อวิ๋นจิ่นกลับหัวเราะขึ้นมา “ไม่รู้เหมือนกันว่าใครคิดเื่การแสดงนี้ขึ้น พี่กับน้องตอนนี้แต่งงานออกเรือนแล้ว ยังต้องทำมาแสดงประหนึ่งสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือน ให้คนอื่นเห็นหน้าคาดตา ทั้งยังต้องแสดงให้คนตระกูลชอบใจอีก……”
[1] ยามจื่อสือ เวลาประมาณ 23.00 - 01.00 น.
[2] ยามอู่สือ คือ ่เวลาั้แ่ 11.00-13.00 น.
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้