มู่เยี่ยนเผยสีหน้าย่ำแย่ เขาดันฝ่ามือของตัวเองให้ไปข้างหน้าต่อ แต่กลับทำอะไรเยว่กู่ไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
ดวงตาของเยว่กู่วาบประกายเยือกเย็น จากนั้นโบกสะบัดมือพร้อมกับมีเสียงลมดังขึ้น ก่อนจะพัดร่างมู่เยี่ยนจนเซถอยหลัง สีหน้าก็ต้องบูดเบี้ยว
“คิดจะแทรกแซงเื่ของเด็ก ๆ หรือ? ผู้าุโเยว่ก็รู้ว่าที่นี่คือถิ่นของตระกูลมู่ ท่านทำเช่นนี้มันไม่เกินไปหน่อยหรือ ท่านต้องอธิบายให้ตระกูลมู่ข้า” มู่เทียนหลงเห็นบุตรตนตกอยู่ในมือของเยว่กู่ จึงลุกขึ้นอย่างฉับพลัน สายตาเย็นเยือกจ้องมองเยว่กู่และเย่เฟิง ก่อนจะกล่าวเช่นนั้น
“อธิบาย?” เยว่กู่แสยะยิ้ม “ให้ลูกชายที่อยู่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ลอบโจมตีศิษย์สำนักยุทธ์เทียนเสวียนข้า เ้าคิดว่าข้าไม่ควรยุ่งเื่นี้หรือ? อีกอย่างเย่เฟิงเพิ่งจบการต่อสู้ เสียพลังงานไปมาก แต่ให้ลูกชายทำเยี่ยงนี้ มันไม่เลวทรามไปหน่อยหรือ!”
“ทุกท่าน คนของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนลงมือฆ่าคนของสำนักศึกษาเสินเจียงอย่างเปิดเผย ทุกท่านคิดว่าตระกูลมู่ควรจัดการเช่นไรดี?” มู่เทียนหลงตาวาบประกายเย็นเยือก เขาไม่สนใจคำพูดของเยว่กู่ แต่หันไปมองผู้ฝึกยุทธ์ของสามกองกำลังอย่างสำนักศึกษาเสินเจียง หอชิงหลง และสำนักอี่เทียน
“ฆ่าคนของสำนักศึกษาเสินเจียงต้องชดใช้ด้วยชีวิต!” ผู้าุโสำนักศึกษาเสินเจียงกล่าว ทั้งยังเห็นจิตสังหารส่องประกายในดวงตาของเขา
“ใช่ สามกองกำลังอยู่ที่นี่ แล้วจะทำตัวเหิมเกริมเยี่ยงนี้ได้อย่างไร? ทางที่ดีจงรามือ แล้วชดใช้ด้วยชีวิตซะ!” ผู้าุโหอชิงหลงกล่าวเสริมพลางแสยะยิ้ม ผู้าุโสำนักอี่เทียนก็รีบพยักหน้าเห็นด้วย
บรรยากาศค่อนข้างตึงเครียด คล้ายมีไอสังหารแผ่ออกมา ทำให้เหล่าผู้คนตัวสั่นเทา และได้ยินเสียงแปลกๆ
“ผู้าุโเยว่ ไม่ได้ยินหรือไร ส่งเด็กคนนี้มาให้สามกองกำลังจัดการเสีย เ้าสามคนจะได้ไม่ต้องลำบาก” ผู้าุโสำนักศึกษาเสินเจียงกล่าวขณะมองเยว่กู่ พวกเขา้าชีวิตเย่เฟิง จึงกดดันสำนักยุทธ์เทียนเสวียน นี่ทำให้เยว่กู่หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เย่เฟิงในเวลานี้มีความหมายต่อสำนักยุทธ์เทียนเสวียนอย่างไร เขาย่อมรู้ดี แล้วจะส่งตัวไปให้ได้อย่างไร?
“ถ้าข้าบอกว่าไม่ล่ะ?” เยว่กู่ถามหยั่งเชิง แต่ขณะที่เขาพูดเช่นนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ของสามกองกำลังก็เข้าล้อมกรอบเย่เฟิงแล้ว
“ในเมื่อเ้าเยว่กู่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี เช่นนั้นข้าก็จะลงมือด้วยตัวเอง!” ผู้าุโสำนักศึกษาเสินเจียงคนนั้นกล่าว
ขณะที่เย่เฟิงมองคนเ่าั้ที่เข้ามาปิดล้อม แสงเยือกเย็นก็ปะทุออกจากดวงตา เขากับอี้ชิงต่อสู้อย่างยุติธรรมโดยมีผู้ริเริ่มเื่นี้คือท่านลุงของเขามู่เทียนหลง แต่เมื่อสังหารอีกฝ่าย กลับกลายเป็ข้ออ้างของคนเหล่านี้ที่จะลงมือจัดการเขา ตระกูลมู่นั้นไม่เพียงแต่ไม่นึกถึงมารดาเขา บัดนี้ยังหัวเราะเยาะเย้ยและคิดจะทำร้ายเขา นี่ทำให้ความรู้สึกของเย่เฟิงที่มีต่อผู้คนในตระกูลมู่หายไป!
“เย่เฟิงเป็หลานชายของข้ามู่เทียนฉี ทุกท่านทำเช่นนี้มันไม่มากเกินไปหน่อยหรือ!” มู่เทียนฉีตาเผยประกายเย็นเยือกจากนั้นเดินไปบังที่ด้านหน้าเย่เฟิง มองพี่ใหญ่มู่เทียนหลงด้วยความสงสัย เขาไม่เข้าใจว่าเย่เฟิงทำอะไรผิด ถึงกับทำให้พี่ใหญ่มู่เทียนหลงต้องทำเช่นนี้
“ขุนพลมู่อย่าลืมสิ ท่านคือผู้รับใช้ของราชวงศ์ ส่วนข้าสำนักศึกษาเสินเจียงก็เป็ตัวแทนของราชวงศ์ หากท่านต่อต้านฝ่ายข้า นั่นเท่ากับหักหลังราชวงศ์ ข้าขอแนะนำเ้าว่าจะทำอะไรให้คิดทบทวนดี ๆ!” ผู้าุโสำนักศึกษาเสินเจียงเห็นมู่เทียนฉีเข้ามาแทรกแซงจึงกล่าวเสียงเ็าเช่นนั้น
มู่เทียนฉีได้ยินเช่นนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แม้ยามปกติเขาจะออกศึก แต่ก็เข้าใจสถานการณ์ของทุกกองกำลังในเมืองหลวง และย่อมเข้าใจถึงสถานการณ์ระหว่างสำนักศึกษาเสินเจียงและสำนักยุทธ์เทียนเสวียน แต่บัดนี้เย่เฟิงผู้เป็หลานชายของเขากำลังลำบาก เขามู่เทียนฉีจะนิ่งดูดายได้อย่างไร เมื่อฉุกคิดได้เช่นนี้สีหน้าของมู่เทียนฉีก็เปลี่ยนไปแน่วแน่ แล้วกล่าวว่า “ไม่ว่ายังไง วันนี้ข้ามู่เทียนฉีก็ไม่อนุญาตให้พวกเ้าทำร้ายเย่เฟิง และเื่นี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับการหักหลังราชวงศ์!”
“ฮ่า ๆ ๆ!” ผู้าุโหอชิงหลงได้ยินคำพูดของมู่เทียนฉีก็ะเิเสียงหัวเราะ แล้วกล่าวว่า “ขุนพลมู่อย่าคิดว่ามีท่านเพิ่มเข้ามาหนึ่งคน แล้วจะเปลี่ยนสถานการณ์ได้นะ”
“สามกองกำลังรวมตัวเพื่อเอาชีวิตเย่เฟิง แม้จะมีมู่เทียนฉีเข้ามาเพิ่ม แต่ก็พลิกสถานการณ์ได้ยาก ครั้งนี้เย่เฟิงตกอยู่ในอันตรายแล้ว!” ผู้ฝึกยุทธ์จากกองกำลังอื่น ๆ คิดในใจ พวกเขาต่างไม่คาดคิดว่าในงานวันเกิดของผู้เฒ่ามู่จะเกิดเื่เช่นนี้
“หากเพิ่มพวกข้าเข้าไปด้วยล่ะ!” ขณะนั้นมีเสียงเย็นเยือกดังมาจากที่บางแห่ง จากนั้นมีหลายเงาร่างโผล่ออกมาจากสักที่แล้วมาหยุดข้างกายเย่เฟิง แล้วมองผู้ฝึกยุทธ์สามกองกำลังด้วยสายตาเย็นเยียบ ซึ่งล้วนแต่เป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้
“คนของวังเทพโอสถ! เหตุใดพวกเขาถึงช่วยเย่เฟิง?” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างเผยสีหน้าสงสัย ดูอย่างไรวังเทพโอสถกับเย่เฟิงก็ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน แต่ทุกคนไม่คิดว่าผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายวังเทพโอสถจะเข้าร่วมศึกนี้ด้วย
“วังเทพโอสถ พวกเ้าคิดจะทำอะไร? ดูเหมือนว่าเย่เฟิงผู้นี้จะไม่เกี่ยวข้องกับพวกเ้านะ แล้วเหตุใดต้องเข้ามาก้าวก่าย?” ผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายสำนักศึกษาเสินเจียงหน้าเปลี่ยนสีเมื่อเห็นคนของวังเทพโอสถเข้ามาก้าวก่าย พวกเขาไม่คิดว่าวังเทพโอสถจะเข้าข้างเย่เฟิงและไม่ลังเลที่จะตั้งตัวเป็ศัตรูกับพวกเขาสามกองกำลัง
“น้องเย่เฟิงเกี่ยวข้องกับวังเทพโอสข้า หากเขาเป็อะไรไป วังเทพโอสถข้าจะไม่ปล่อยไปเด็ดขาด!” ผู้าุโวังเทพโอสถคนหนึ่งพยักหน้าให้เย่เฟิงก่อนกล่าวเช่นนั้นกับผู้าุโสำนักศึกษาเสินเจียง มีเพียงพวกเขาที่รู้ว่าเย่เฟิงคือผู้สืบทอดนวมรดกแห่งวังเทพโอสถ เป็ว่าที่ประมุขวังเทพโอสถ หากเย่เฟิงเจอสถานการณ์ลำบาก วังเทพโอสถก็ประสบภัยเช่นกัน
“วังเทพโอสถตัวดี!” จิตสังหารปะทุออกจากดวงตาของผู้าุโสำนักศึกษาเสินเจียง จากนั้นเขาโบกสะบัดมือ นาทีต่อมาประตูโถงใหญ่ถูกเปิดออก ก่อนจะมีเงาร่างมากมายเดินเข้ามาในโถงใหญ่
“ปิดล้อมซะ!” ผู้าุโสำนักศึกษาเสินเจียงเผยสีหน้าได้ใจ ก่อนจะเข้ามาในจวนตระกูลมู่เขาสำนักศึกษาเสินเจียงได้สั่งคนปลอมตัวแล้วเฝ้าอยู่ด้านนอกจวนตระกูลมู่ เมื่อเจอสถานการณ์คับขัน ผู้ฝึกยุทธ์เหล่านี้ก็จะปรากฏตัว บัดนี้ทุกอย่างก็เป็ไปตามแผนที่วางไว้
เยว่กู่และคนอื่นเห็นฉากนี้ต่างเผยสีหน้าไม่สู้ดี คล้ายนึกไม่ถึงว่าสำนักศึกษาเสินเจียงจะวางแผนมาเป็อย่างดี
ส่วนผู้เฒ่ามู่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก็ทอดถอนใจพร้อมเผยสีหน้าดิ้นรน แต่สุดท้ายเขาก็ไม่มีความคิดที่จะหยุดยั้ง
มู่เทียนหลง มู่เทียนหู่ มู่เทียนเจี๋ย และมู่เยี่ยนต่างเหยียดยิ้มเ็า พวกเขาอยากให้เย่เฟิงถูกสามกองกำลังกำจัดทิ้งเสีย
“หากพวกเ้ายังคงยืนกราน ก็อย่ามาตำหนิว่าสำนักศึกษาเสินเจียงล่วงเกินก็แล้วกัน!” ผู้าุโสำนักศึกษาเสินเจียงกล่าวเตือน จำนวนคนที่เยอะกว่าทำให้พวกเขาได้เปรียบในการกำจัดเย่เฟิง
“ข้าเย่เฟิงเข้าใจความหวังดีของผู้าุโทุกท่าน แต่ข้ามีอะไรดีถึงกับทำให้ทุกท่านเข้ามาช่วยเหลือเช่นนี้ วันนี้คนที่้าฆ่าข้ามีมากเกินไป ข้าไม่อยากลากทุกคนเข้ามาเกี่ยวข้อง แม้จะเดินตามคนเหล่านี้ไป ข้าก็ไม่เป็ไรหรอก” เย่เฟิงมองดูเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ออกมาช่วยเขาด้วยความซาบซึ้งใจ ก่อนจะกล่าวพร้อมคำนับเช่นนั้น
ในฐานะชายชาตรี ย่อมทำอะไรคนเดียว เขาเย่เฟิงไม่หวังว่าเื่ของตนจะไปทำให้คนอื่นต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
“น้องเย่ไยกล่าวเช่นนี้เล่า? ไม่ว่ายังไงข้าก็จะยืนอยู่ข้างเ้า ไม่สนความเป็ตาย!” ขณะมองชายหนุ่มที่ยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น หลาย ๆ คนต่างรับรู้ได้ถึงจิตใจอันทระนงองอาจ และจิตใจอันทระนงองอาจนี้ก็ทำให้พวกเขาเืเดือดพล่าน
นาทีนี้ราวกับว่าเงาร่างนั้นที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาไม่ใช่ชายหนุ่มอายุ 16 ปี แต่เป็วีรบุรุษผู้เลื่องชื่อ
“พล่ามไร้สาระ จับคนคนนี้มาให้ข้า!” ผู้าุโสำนักศึกษาเสินเจียงเผยสีหน้าดูถูก ก่อนจะถ่ายทอดคำสั่งพร้อมชี้นิ้วไปที่เย่เฟิง ทันใดนั้นผู้ฝึกยุทธ์มากมายก็พุ่งเข้าหาเย่เฟิงพร้อมกัน
“พวกเ้าไม่เห็นองค์หญิงอย่างข้าอยู่ในสายตาเลยหรือไร!” ขณะนั้นมีเสียงหนึ่งดังเข้ามาในหูของเหล่าผู้คน ทำให้ทุกคนชะงักไปเล็กน้อย ส่วนเหล่าคนที่กำลังลงมือจัดการเย่เฟิงต่างหยุดชะงัก นาทีต่อมาพวกเขาเห็นองค์หญิงจ้าวซินอี๋เดินมาทางนี้แล้วมายืนเบื้องหน้าด้านหน้าเย่เฟิง นางมองคนของสามกองกำลังด้วยสายตาเย็นเยือก ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าอยู่ที่นี่ ดูสิว่าใครจะกล้าแตะต้องเขา?”
เสียงนี้ทำให้ผู้คนต่างต้องตกตะลึง องค์หญิงจ้าวซินอี๋ถึงกับออกโรงเองเพื่อปกป้องเย่เฟิง ทั้งยังแสดงท่าทีโกรธเกรี้ยว นี่พิสูจน์แล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างจ้าวซินอี๋กับเย่เฟิงไม่ธรรมดา
มู่เยี่ยนเผยสีหน้าดูไม่ได้ เขาไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดองค์หญิงถึงออกมาปกป้องคนที่อยู่เพียงขั้นรวมชี่ที่ 5?
คนของสามกองกำลังมีสีหน้าดูไม่ได้เช่นกัน พวกเขาจำต้องฟังองค์หญิง พวกเขาเกือบควบคุมชะตากรรมของเย่เฟิงได้แล้วแท้ๆ ทว่าบัดนี้จะมาพังพินาศเช่นนี้น่ะหรือ พวกเขาต่างรู้สึกไม่เต็มใจเท่าไร จากนั้นผู้าุโคนหนึ่งกล่าวว่า “ฆ่าคนผู้นี้คือเจตจำนงของสำนัก เหตุใดองค์หญิงต้องเข้ามาแทรกแซงด้วยเล่า?”
“กำเริบเสิบสาน!”
เมื่อองครักษ์ที่อยู่ข้างกายจ้าวซินอี๋เห็นผู้อื่นกล้ากังขาในตัวองค์หญิงก็ตวาดใส่ผู้าุโคนนั้น พร้อมกล่าวว่า “คำพูดขององค์หญิงมิใช่คนอย่างพวกเ้าจะมากังขาได้ นี่เป็ความผิดมหันต์!”
“มิบังอาจ!” ผู้าุโคนนั้นก้มหน้าลงพร้อมเผยสีหน้าย่ำแย่ เมื่อถูกองครักษ์เตือนสติเช่นนี้ เขาจะกล้าโต้แย้งได้อย่างไร
“ข้าจะพูดอีกครั้ง เย่เฟิงคือสหายข้า ไม่อนุญาตให้ผู้ใดทำร้ายเย่เฟิงทั้งนั้น รวมทั้งพวกเ้าด้วย หากไม่เชื่อฟัง ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!” จ้าวซินอี๋กล่าวด้วยเสียงเกรงขาม ราวกับว่านาทีนี้นางเป็องค์หญิงที่มีผู้คนนับหมื่นยกย่องสรรเสริญ
“นี่...” ผู้ฝึกยุทธ์สามกองกำลังได้ยินเช่นนั้นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป วันนี้พวกเขาทราบแล้วว่ามิอาจลงมือจัดการเย่เฟิงได้แล้ว แม้พวกเขาจะไม่ยอม แต่พวกเขามิอาจขัดคำสั่งขององค์หญิงได้
“ถอยออกไป!” ผู้าุโสำนักศึกษาเสินเจียงเผยสีหน้าไม่เต็มใจ แต่ก็สั่งผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายตัวเองถอยทัพ จากนั้นคนเ่าั้ก็ถอยออกไปจากโถงใหญ่แห่งนี้ทันที
“เย่เฟิง เ้าไม่เป็ไรนะ!” จ้าวซินอี๋หันไปมองเย่เฟิงโดยไม่สนสายตาของผู้ใด
“ไม่เป็ไร ขอบคุณองค์หญิงมาก” เย่เฟิงกล่าวพลางยิ้มด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ
“ไม่เป็ไรก็ดี” จ้าวซินอี๋พยักหน้า
“สำนักศึกษาเสินเจียง หอชิงหลง และสำนักอี่เทียนรุมรังแกสำนักยุทธ์เทียนเสวียนในงานวันเกิดผู้เฒ่ามู่ สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ข้าสำนักยุทธ์เทียนเสวียนจะจดจำไว้ แล้วเจอกันที่งานชุมนุมหวงปั่ง!” เยว่กู่กล่าวเสียงเย็นขณะมองสามกองกำลังที่มีสำนักศึกษาเสินเจียงเป็หัวหน้า จากนั้นเยว่กู่มองทุกคนรอบ ๆ ตัวพร้อมส่งสัญญาณให้ออกจากที่นี่ เมื่อเื่ดำเนินมาถึงจุดนี้ พวกเขาก็ไม่มีความจำเป็ที่จะต้องอยู่ที่นี่ต่อ
จากนั้นพวกเขาก็เดินออกไปจากโถงใหญ่ตระกูลมู่
“องค์หญิงหวังว่าจะมีโอกาสได้พบกันอีก!” เย่เฟิงคำนับให้จ้าวซินอี๋ ก่อนจะเดินตามออกไป
