สายตาของฝูงชนฉายแววตกตะลึงเมื่อเห็นเมิ่งฉิงปรากฏตัวขึ้น
ชายชุดดำหัวเราะอย่างเ็า ลมปราณที่ถูกปลดปล่อยจากร่างของเขาเพิ่มมากขึ้น จนเกิดประกายแสงเจิดจ้าไปทั่งร่าง
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
ทันใดนั้นเสียงตวาดอย่างเกรี้ยวกราดก็ดังขึ้นมา เสียงนั่นทำให้หัวใจของทุกคนพลันสั่นสะท้านราวกับว่าเสียงนี้ได้แทรกซึมเข้าไปในจิติญญาของทุกคน
แม้แต่ชายชุดดำก็ยังต้องผงะ ร่างของเขานิ่งอยู่กับที่ก่อนจะหันไปมองเงาที่กำลังพุ่งทะยานเข้ามาอย่างรวดเร็ว จนมาหยุดตรงหน้าเขา
“รองเ้าสำนัก”
ดวงตาของทุกคนสั่นไหวขึ้นมา รองเ้าสำนักถึงกับมาที่นี่ด้วยตัวเอง?!
“ท่านรองเ้าสำนักหลง” ชายชุดดำกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงนอบน้อม แล้วไม่กล้าแสดงกริยาหยาบคายออกมา
“ถอยไป”
รองเ้าสำนักหลงตอบกลับด้วยเสียงเ็า ทำให้ชายชุดดำหน้าเสีย กระทั่งฝูงชนเองก็อดใจสั่นด้วยความตื่นตระหนกไม่ได้ เมื่อเห็นรองเ้าสำนักแสดงกริยาไม่พอใจใส่อาจารย์ บางทีข่าวลือที่หลินเฟิงได้รับคำเชิญจากรองเ้าสำนักหลง และยังมอบป้ายอำนาจพิเศษให้อาจเป็ความจริง
“ขอรับ” ชายชุดดำถอยหลังออกมาอย่างเร่งรีบ สีหน้าเหยเกของเขาบ่งบอกถึงความอับอายที่ได้รับเป็อย่างมาก
รองเ้าสำนักหลงมองหลินเฟิงด้วยสายตาอบอุ่นและกล่าวว่า “เื่นี้ข้าจะเป็คนจัดการเอง เ้ากลับไปได้แล้ว”
“กลับไป?”
ทุกคนในบริเวณนั้นต่างแสดงสีหน้าโง่งมออกมา! เห็นได้ชัดว่ารองเ้าสำนักให้ความสำคัญกับหลินเฟิงมาก ด้วยประโยคง่ายๆ นี้ก็สามารถดึงหลินเฟิงออกจากปัญหาได้อย่างง่ายดาย ถ้าหากรองเ้าสำนักจัดการด้วยตัวเอง พวกเขามั่นใจว่าชายวัยกลางคนในชุดสีฟ้าคงไม่กล้าแตะต้องหลินเฟิงแน่นอน
ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วเล็กน้อย ในใจรู้สึกสงสัยว่าเื้ัของหลินเฟิงนั้นอาจเป็ตัวตนที่ยิ่งใหญ่ มิฉะนั้นแล้วรองเ้าสำนักจะเกรงใจหลินเฟิงไปทำไม?! ถึงขนาดไม่ไว้หน้าเขาอีกด้วย!!! และถึงแม้ว่าเขาจะมีสถานะสูงส่งเทียบกับรองเ้าสำนักไม่ได้ แต่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ควรพิจารณาถึงคนที่หนุนหลังเขาบ้าง!
ไม่เพียงแค่คนอื่นๆ ที่ไม่เข้าใจ กระทั่งตัวหลินเฟิงเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไม รองเ้าสำนักถึงออกหน้าแทนเขา?!
หลินเฟิงไม่รู้จักรองเ้าสำนักเป็การส่วนตัว และไม่รู้จักคนใหญ่คนโตที่มีสถานะสูงส่งในเมืองหลวงอีกด้วย เพราะมันเป็เื่ยากที่เขาจะสานสัมพันธ์กับคนเ่าั้ได้ ในเมื่อตัวเขาเองก็สร้างความแค้นให้กับคนใหญ่คนโตในเมืองหลวงเป็จำนวนมาก
วันนั้นที่รองเ้าสำนักมาเชิญเขาด้วยตัวเอง ก็ปฏิบัติต่อเขาด้วยท่าทางสุภาพ และยังมอบป้ายอำนาจพิเศษให้กับเขา เพื่อให้เขาสามารถโต้แย้งกับเหล่าอาจารย์ในสำนักได้ ซึ่งเื่นี้มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด กระทั่งตัวหลินเฟิงเองก็ยังไม่เข้าใจ
แม้จะไม่เข้าใจ แต่หลินเฟิงก็ไม่คิดหาเหตุผลจากมัน เขารู้ในสิ่งที่เขาควรรู้ก็พอแล้ว
“ท่านรองเ้าสำนัก ข้า้ากล่าวบางอย่าง แต่ข้าไม่รู้ว่ามันสมควรหรือไม่?”
หลินเฟิงส่ายหน้าเล็กน้อย นอกจากจะไม่ฟังที่อีกฝ่ายพูดแล้วยังย้อนถามกลับไป
“บอกมาได้เลย” รองเ้าสำนักพยักหน้าตกลง
“ในสำนักเทียนอี้มีทั้งคนดีและคนชั่วปะปนกัน แต่คนประเภทที่ละทิ้งศักดิ์ศรีของสำนักและไม่สนใจถูกผิด คนประเภทนี้ไม่คู่ควรที่จะเป็อาจารย์ของสำนัก”
หลินเฟิงกล่าวอย่างไม่แยแส คำพูดของเขาช่างแหลมคมและทุกคำล้วนชี้ชัดไปที่เขา ทำให้ฝูงชนหันไปมองชายชุดดำเป็ตาเดียว
“ท่านรองเ้าสำนัก ข้าจะรับผิดชอบการกระทำของข้าที่ลานประลองเชลยด้วยตัวเอง ไม่จำเป็ต้องให้ผู้อื่นมาช่วย” หลินเฟิงกล่าวต่อไปว่า “เื่ในวันนี้หากข้าไม่จัดการด้วยตัวเอง วันข้างหน้าก็จะมีคนที่ไร้ยางอายแบบนี้มาหาเื่ข้าไม่หยุดหย่อน ข้า หลินเฟิง จะทำอะไรจำเป็ต้องดูสีหน้าของรองประธานไห่หันด้วยหรือ?!”
“ชายคนนี้ช่างก้าวร้าวยิ่งนัก! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงกล้าพูดแบบนั้นกับอาจารย์”
“จะเรียกว่ากล้าหาญหรือหยิ่งยโสดี?”
ผู้คนเริ่มถกเถียงเกี่ยวกับพฤติกรรมของหลินเฟิง พวกเขารู้สึกว่าหลินเฟิงนั้นก้าวร้าวเกินไป แม้กระทั่งรองเ้าสำนักก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน การกระทำของหลินเฟิงนั้นยากที่จะคาดเดาได้!
หลินเฟิงไม่สนใจว่าคนอื่นๆ จะคิดอย่างไร เขาหันไปมองชายวัยกลางคนในชุดสีฟ้า ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “พวกเ้ามาหาข้าใช่ไหม?”
“ใช่” ชายวัยกลางคนพยักหน้าขณะมองหลินเฟิงด้วยสายตาชั่วร้าย
“ในเมื่อเ้ามาหาข้า ข้าก็ยืนอยู่ตรงนี้แล้วไง รออะไรอยู่ล่ะ???”
หลินเฟิงกล่าวอย่างเฉยชา ทำให้ฝูงชนพากันตกตะลึง นี่หลินเฟิงไปกินดีหมีหัวใจเสือที่ไหนมา!!!
ชายวัยกลางคนในชุดสีฟ้าเห็นท่าทางมั่นใจของหลินเฟิง ก็แสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมา ดีมาก!!! ถ้าหากหลินเฟิงยอมจากไปตามที่รองเ้าสำนักบอกแล้วล่ะก็ พวกเขาคงไม่สามารถจับกุมหลินเฟิงได้ และการที่หลินเฟิงปฏิเสธความหวังดีของรองเ้าสำนักไป นั่นเท่ากับว่าหลินเฟิงกำลังรนหาที่ตาย
“จับมัน”
ชายวัยกลางคนกล่าว ทันใดนั้นชาย 2 คนก็พุ่งออกจากกลุ่มตรงไปหาหลินเฟิง
เมื่อเห็นทั้ง 2 คนเข้ามาใกล้ หลินเฟิงก็ไม่ขยับไปไหน เขายังคงยืนนิ่งๆ ด้วยแววตาสงบ
จากนั้นเมิ่งฉิงก็ก้าวออกมา ก่อนจะปลดปล่อยลมปราณที่เย็นเยือกพุ่งไปที่สองคนนั้น พวกเขารู้สึกได้ว่ากระดูกสันหลังของพวกเขาถูกแช่แข็ง
เมิ่งฉิงยกมือขึ้นปลดปล่อยแรงกดดันที่น่ากลัวออกมา มือของพวกเขาถูกแช่แข็งในพริบตา น้ำแข็งเริ่มลุกลามไปทั่วจนในที่สุดร่างกายของพวกเขาก็ถูกแช่แข็งโดยสมบูรณ์
“แข็งแกร่งยิ่งนัก!”
ฝูงชนต่างตกตะลึง ไม่สงสัยเลยว่าทำไมนางถึงกล้ายืนหยัดอยู่ต่อหน้าหลินเฟิง นั่นเป็เพราะนางแข็งแกร่งมาก
“ขอบเขตลี้ลับ”
รูม่านตาของรองเ้าสำนักและชายวัยกลางคนพลันหดลง เด็กสาวที่งามพิสุทธิ์คนนี้ แม้ว่าอายุไม่มากนัก ทว่าพลังของนางนั้นแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจนน่าใ!!!
การโจมตีเมื่อครู่แสดงให้เห็นว่านางได้บรรลุขอบเขตลี้ลับไปแล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถสังหารสองผู้แข็งแกร่งในพริบตาได้!!!
แม้กระทั่งชายชุดดำก็ยังแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา หากเขาลงมือทำร้ายหลินเฟิงเมื่อกี้นี้ เกรงว่า...
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลินเฟิงถึงได้ก้าวร้าวนัก ที่แท้เขาก็มีผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตลี้ลับอยู่ข้างกายนั่นเอง!!! น่ากลัวเกินไปแล้ว ตอนนี้ทุกคนต่างเดาได้ว่าภูมิหลังของหลินเฟิงจะต้องแข็งแกร่งมากแน่ๆ มิน่าเล่ารองเ้าสำนักถึงได้ให้ความสำคัญกับหลินเฟิงนัก เพราะข้างกายของหลินเฟิงมีสาวงามที่แข็งแกร่งแบบนี้อยู่นั่นเอง
“นับั้แ่ที่ก้าวเข้าไปในลานประลองเชลย ข้าได้สาบานกับตัวเองแล้วว่า หลังจากวันนี้เป็ต้นไป ถ้าข้าพบเห็นสมาชิกของตระกูลไป๋คนใด พวกมันจะต้องตาย พบหนึ่ง สังหารหนึ่ง พบสอง สังหารสอง!!!”
หลินเฟิงกล่าวอย่างเ็า
ทำให้สมาชิกตระกูลไป๋ทุกคนล้วนตกตะลึง กระทั่งเมิ่งฉิงเองก็เข้าใจความหมายที่หลินเฟิงพูด ร่างอันบอบบางของนางกลายเป็ริ้วเงาสีขาวๆ พุ่งทะยานไปที่กลุ่มคนตระกูลไป๋ ก่อนจะเริ่มโจมตีพวกเขาโดยไม่พูดไม่จา
สมาชิกทั้งหมดของตระกูลไป๋รับรู้ได้ถึงความหนาวเย็น หิมะสีขาวได้เข้าปกคลุมร่างของพวกเขา
เมิ่งฉิงสะบัดมือเพียงเล็กน้อย ความหนาวเย็นก็แพร่กระจายไปทั่วร่างของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง ทำให้พวกเขาตัวสั่นด้วยความหนาว
ถ้าคนเหล่านี้อยู่ในขอบเขตนักรบลมปราณ พวกเขาคงตายไปนานแล้ว แต่ถึงแม้ว่าจะอยู่ในขอบเขตแห่งจิติญญา พวกเขาก็ยังถูกความหนาวเย็นนี้กัดเซาะและแทรกซึมไปทั่วร่าง ทำให้ร่างของพวกเขาสั่นไม่หยุด
ชายวัยกลางคนในชุดสีฟ้าไม่สามารถทนนิ่งเฉยได้อีกต่อไป ด้านหลังของเขาเกิดพายุที่รุนแรงขึ้นมา ก่อนทะยานร่างเข้าโจมตีเมิ่งฉิง
สีหน้าของเมิ่งฉิงยังคงสงบนิ่ง เพียงแค่สะบัดมือเบาๆ ผลึกน้ำแข็งก็ปรากฏขึ้นในอากาศ ก่อนจะหมุนเป็วนจนเกิดเป็พายุน้ำแข็งขึ้นเข้าปะทะกับพายุที่โหมกระหน่ำ
“แกร๊ก แกร๊ก...!”
เสียงคริสตัลน้ำแข็งกระทบกันดังขึ้น ด้วยความรุนแรงของพายุทำให้คริสตัลน้ำแข็งแตกหักอย่างต่อเนื่อง
เห็นดังนั้นแล้วเมิ่งฉิงจึงสะบัดมืออีกครั้ง ทันใดนั้นพายุน้ำแข็งถึงสองลูกที่รุนแรงกว่าเดิมก็ปรากฏขึ้นมา ก่อนจะพุ่งไปทำลายพายุลูกนั้น
ในตอนนั้นเอง หลินเฟิงก็ชักดาบออกมา ดวงตาของเขาเป็ประกายเปล่งเยือกเย็น ก่อนจะทะยานร่างเข้าไปในกลุ่มตระกูลไป๋ที่ยืนหนาวสั่นอยู่กับที่
“ดาบปลิดิญญา”
หลินเฟิงะโขึ้นมาก่อนจะฟันดาบออกไปทันที คมดาบพลันเปล่งประกายขึ้นมา พร้อมกับเืที่สาดกระเซ็นไปในอากาศ เพียงดาบเดียว คนตระกูลไป๋ก็ถูกสังหารไปหลายคน!!!
หลินเฟิงทำตามที่ตัวเองพูด ถ้าเห็นคนตระกูลไป๋ พบหนึ่งคน สังหารหนึ่ง พบสองคน สังหารสอง!!!
ทุกคนล้วนตกตะลึงไปกับฉากสังหารโหดของหลินเฟิง พวกเขามาที่สำนักเทียนอี้ เพื่อจับตัวหลินเฟิงและทาสอีกสองคนกลับไป แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีอะไรเป็ไปตามที่พวกเขา้า หลินเฟิงก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ ขณะที่ตวัดดาบฟันสมาชิกตระกูลไป๋อย่างบ้าคลั่ง พื้นดินเจิ่งนองไปด้วยเืของสมาชิกตระกูลไป๋และศพของพวกเขา
ดาบที่ชโลมไปด้วยเื แสดงให้เห็นถึงความเกรี้ยวโกรธของหลินเฟิง!!!