การโจมตีในครั้งนี้ถือเป็กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดในเวลานี้แล้ว น้ำตาแห่งความเศร้า!
น้ำตาแห่งความเศร้าเป็กระบวนท่าเสริมความแกร่งของเพลงกระบี่ร้องไห้ ใช้แรงสั่นะเืของคลื่นเสียงที่น่าสะพรึงกลัวกับการออกกระบี่ที่รวดเร็วสร้างกระบี่ที่น่าทึ่งนี้ขึ้นมา!
เมื่อกระบี่เฟิงโหวในมือของิอวี่ถูกฟันออกไปก็เกิดระลอกคลื่นจำนวนมหาศาล ฟันกระบี่ออกไปแค่ทีเดียวก็เหมือนกับการฟันเอาลมปราณของกระบี่ให้พุ่งออกไปด้วย ชั้นคลื่นที่พุ่งออกไปทำให้พลังสังหารของเงาดอกบัวมรณะสลายไม่เหลือ
เมื่อกระบี่เฟิงโหวของิอวี่ฟันถูกปลายกระบี่อู๋อิ่ง เหมือนััได้ว่าถูกพลังมหาศาลต่อต้านทำให้กระบี่อู๋อิ่งนั้นไม่สามารถพุ่งขึ้นหน้ามาได้อีก
“ผัวะ”
ิอวี่ออกแรงที่แขนมากขึ้นแล้วดันกระบี่อู๋อิ่งให้กระเจิงไป ทำให้กระแสลมปราณของกระบี่พุ่งเข้าหาเยี่ยซีที่ยืนตะลึงอยู่ไม่ไกลและดันตัวของนางให้กระเด็นถอยหลังไป
“ตู้ม! …”
ร่างกายที่บอบบางของเยี่ยซีพุ่งถอยหลังเหมือนลูกะุปืนใหญ่พุ่งทะลุใส่กำแพง นางไถลห่างออกไปเป็ร้อยเมตรและกระแทกเข้ากับกำแพงทางทิศใต้ของสนามประลอง แรงชนทำให้กำแพงกลายเป็หลุมรูปทรงคล้ายกับใยแมงมุม
นางพิงอยู่ตรงกำแพงที่พังทลายลงมา ร่างกายเต็มไปด้วยาแที่เกิดจากลมปราณของกระบี่จนยากที่จะลุกขึ้นมา แต่ว่าหลังจากนั้นิอวี่ก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างกายพร้อมกับกระบี่เฟิงโหวที่จ่อไปที่คอขาวๆ ของนาง!
“เอ่อ!”
คนกว่าสามหมื่นคนในสนามประลองตะลึงกันไปหมด ทุกคนแทบจะยืนขึ้นมาแล้วมองไปที่แผ่นหลังของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ทางทิศใต้ ในใจของแต่ละคนเต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างขีดสุด!
หญิงสาวที่เป็ดั่งเทพธิดาในใจของพวกเขาอย่างเยี่ยซี วันนี้ตอนนี้ ถูกองค์ชายคนหนึ่งที่ถูกตราหน้าว่าเป็คนไม่เอาไหนเล่นงานจนหมดสภาพ?
นี่มันเื่น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
แต่คนที่ตกตะลึงมากที่สุดก็คือตัวของเยี่ยซีเอง
ปกตินางเป็คนใจเย็นราวกับสายน้ำ แต่ในใจของนางตอนนี้มันกลับเป็ดั่งคลื่นที่ปั่นป่วน
เยี่ยซีเงยหน้ามองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าของนาง มองไปที่เงาของชายที่รูปร่างกำยำตรงหน้า ภาพในหัวของนางก็ปรากฏขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
องค์ชายสิบเจ็ดที่ไม่มีแม้แต่คุณสมบัติที่จะเข้าร่วมการประลองยุทธ์เลย คนที่เคยอ่อนแอ คนที่ไม่เคยกล้าจะเผชิญหน้ากับอะไรเลย คนที่เจอหน้านางแล้วก็ต้องเขินอายในทุกครั้ง คนที่เห็นว่านางไม่พอใจก็จะทำทุกอย่างมาง้อมาเอาใจนาง คนที่ยอมทำตามที่นาง้าทุกอย่าง องค์ชายสิบเจ็ดที่เชื่อฟังนางที่สุด ...
ตอนนี้กลับยืนอยู่ตรงหน้าของนางแบบอกผายไหล่ผึ่ง ท่าทางที่ดูสูงโปร่งทำให้นางต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง และความสามารถความสง่างามในตัวของเขามันก็แผ่กระจายออกมา ทำให้นางต้องหันมองขึ้นไปเท่านั้น!
ใช่ ชายขี้ขลาดอ่อนแอราวกับมดเมื่อก่อน ตอนนี้เขากลายเป็ลูกผู้ชายที่แท้จริงคนหนึ่ง กลายเป็คนที่นางต้องเงยหน้ามองสูง!
เมื่อเห็นดวงตาของเยี่ยซีเริ่มสั่นเครือ ิอวี่ก็ยิ้ม
เขาไม่ได้้าพิสูจน์ว่าตัวเขานั้นแข็งแกร่งมากแค่ไหน ไม่ได้้าพิสูจน์ว่าตัวเองนั้นโดดเด่นแค่ไหน เขาแค่้าบอกเยี่ยซีว่า เ้าเคยหลอกลวง เหยียบย่ำผู้ชายคนหนึ่ง วันนี้ข้าสามารถเหยียบย่ำเ้าได้เหมือนกัน ข้าจะกู้ศักดิ์ศรีเ่าั้ของข้าคืนมา
เื่ราวเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา อย่าได้ดูถูกชายที่ยากจนในวันนั้น!
วิสัยทัศน์การมองคนของเ้ามันผิด
สิ่งที่ิอวี่ตั้งใจจะบอก เยี่ยซีได้รับมันไปหมดแล้ว นางนั่งเหม่อลอยอยู่ที่เดิม แต่ไม่นาน ไฟในใจของนางก็ลุกโชนขึ้นมา นางจะต้องเหนือกว่าิอวี่ให้ได้ เพื่อกู้หน้าที่เสียไปในวันนี้!
“ไม่แน่ว่าองค์ชายสิบเจ็ด อาจเป็เมล็ดพันธุ์ชั้นดีก็ได้นะ”
บนหลังคาสีแดงของวังหลวงที่ห่างออกไปในรัศมีสิบลี้ ชายสวมหมวกปิดหน้าคนหนึ่งเอ่ยปากพูดขึ้นมา น้ำเสียงของเขาแหบแห้ง ไม่รู้ว่ารู้สึกอะไรอย่างไร
ข้างกายของเขามีชายที่สวมชุดเหมือนกับเขาอีกคน น้ำเสียงเหมือนไม่ได้กำลังชื่นชม เขาส่ายหน้ายิ้มแล้วพูดว่า “น่าเสียดาย ทุกอย่างมันจะสลายหายไปในคืนนี้”
ชายสองคนนี้อยู่บนหลังคาวังหลวง ซึ่งเป็จุดที่สะดุดตามาก แต่ในความเป็จริงแล้วแทบจะไม่มีใครเห็นพวกเขาสองคนเลย
เพราะหลังคาวังหลวงมีลมปราณสีดำล้อมเป็วงกลมอยู่ มันปิดกั้นการมองเห็นและลมปราณทั้งหมด
แม้แต่ิอ๋องเองก็ไม่สามารถััลมปราณของพวกเขาในรัศมีสิบลี้นี้ได้เลย
“ไปเถอะ ทุกอย่างชัดเจนแล้ว ตรงนี้อยู่นานไม่ได้”
“อือ”
พูดจบ พวกเขาสองคนก็หายไปจากบนหลังคาทันที
......
ในเวลานี้เอง ที่ลานประลองทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ความตกตะลึงยังคงอยู่อย่างต่อเนื่อง สายตาที่ทุกคนมองไปยังิอวี่นั้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เยี่ยซีที่นั่งอยู่หน้ากำแพงที่เป็รู ใบหน้าของนางยังคงไม่อยากจะเชื่อ วันนี้นางขายหน้ามาก
“วันนี้เ้าชนะ แต่ว่าสักวัน ข้าจะเอาความอัปยศนี้คืนให้กับเ้า” เยี่ยซีพูดขึ้นมา จากนั้นก็คิดจะปัดกระบี่ที่กำลังจ่อคอของนางออก
แต่ว่าิอวี่กลับไม่ขยับกระบี่เลยแล้วพูดว่า “ข้าบอกให้เ้าลุกขึ้นมาแล้วหรือ?”
“เ้าหมายความ ... ”
เยี่ยซียังพูดไม่ทันจบก็ไม่ได้พูดต่อไปอีก เพราะกระบี่ของิอวี่จ่อมาที่ปาก อีกแค่คืบเดียวก็เข้าปากนางแล้ว แค่เขาขยับกระบี่ ลิ้นของนางก็จะถูกตัดออกทันที!
สีหน้าของเยี่ยซีเปลี่ยนไปทันที! ใบหน้าของนางซีดเซียว ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
นางไม่สามารถเอ่ยปากขอร้องได้ แต่นางกลับส่ายหน้าไม่หยุด
ก่อนหน้านี้นาง้าตัดลิ้นของิองวี่ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่ตอนนี้ิอวี่กำลังจะตัดลิ้นของนาง นางกลับเหมือนกับคนเป็บ้า
ไม่ อย่านะ!
ในเวลานี้ เสนาบดีกรมอาญาเยี่ยหลิงอวินเดินมา เขาพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “องค์ชายสิบเจ็ด ท่านก่อเื่พอหรือยัง หยุดได้แล้วนะ!”
“หือ?”
ิอวี่หันไปมองเยี่ยหลิงอวิน แล้วพูดว่า “ข้าก่อเื่อยู่งั้นหรือ? ก่อนหน้านี้นางบอกว่าจะตัดลิ้นข้า ไม่เห็นท่านจะห้ามปรามอะไรเลย หรือว่าการที่ข้าถูกตัดลิ้นมันเป็เื่ที่สมควร แต่ว่าลูกสาวสุดที่รักของท่านถูกตัดลิ้น กลับกลายเป็ข้าเองที่กำลังก่อเื่อย่างนั้นหรือ”
ถูกต้อง ก่อนหน้านี้เยี่ยซี้าตัดลิ้นของิอวี่ แล้วกระบวนท่าสุดท้ายยังเป็กระบวนท่าที่เล่นเอาถึงชีวิต ตอนนี้เขาก็แค่ทวงความยุติธรรมของเขาคืน มันผิดตรงไหน?
“ท่าน!”
เยี่ยหลิงอวินหน้าแดงมาก เขาไม่รู้ควรพูดอะไรต่อดี ได้แต่ยืนอึ้งอยู่กับที่
ิอวี่ยิ้มแสยะใส่เยี่ยหลิงอวิน จากนั้นก็หันหลังกลับมาแล้วก้มหน้ามองไปที่เยี่ยซี แล้วพูดว่า “ขอร้องข้าสิ”
คำพูดแค่ไม่กี่คำที่เข้าไปในหูของเยี่ยซี กลับเป็อะไรที่ะเืจิตใจของนางที่สุด!
เยี่ยซีจับไปที่ชายเสื้อแน่นมาก ในใจพยายามขัดขืนอย่างถึงที่สุด แต่ว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าของนางนั้นกำลังจะยื่นกระบี่เข้ามาในปากแล้ว สายตาอันเยือกเย็นของิอวี่ทำให้นางรู้สึกสั่นกลัว
ในเวลานี้ ความเย่อหยิ่งและความทระนงตนของนางถูกทำลายลงจนหมดสิ้นเพราะสายตาที่ิอวี่กำลังจ้องมองมา!
แต่เยี่ยซีก็พยักหน้าไปโดยไม่รู้ตัว
การพยักหน้าก็เท่ากับว่ายอมทำตาม ยอมก้มหัวให้ ถูกต้อง นางยอมขอร้องให้ิอวี่ปล่อยนางไป!
จากนั้น เยี่ยซีก็รู้สึกว่าปากของนางเริ่มเบา ิอวี่เอากระบี่เฟิงโหวออกจากปากของนาง แล้วเดินกลับไปเลยโดยที่ไม่มองนางแม้แต่นิดเดียว
กระบี่ที่จ่อที่ปากของเยี่ยซี เป็การแสดงเจตนาของิอวี่ การเก็บกระบี่ ก็หมายถึงความเมตตาที่ิอวี่มีให้เยี่ยซี
“ข้า ...”
เยี่ยซีเหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลมออก นางทรุดตัวนั่งอยู่ที่พื้น สายตาดูล่องลอยมาก
ทำไมถึงเป็แบบนี้ ... ข้าเอ่ยปากขอร้องเขาได้อย่างไร ... ทำไมข้าถึงได้ยอมเอ่ยปากขอร้องคนที่ตัวเองเคยดูถูกที่สุดในชีวิตแบบนี้ได้?
สายตาของเยี่ยซีดูอ้อยอิ่งอยู่นานกว่าจะรู้สึกตัวกลับมา ิอวี่เหนือกว่านางมากจริงๆ นางอ้อนวอนคนชั้นต่ำอย่างิอวี่ นาง ... แพ้แล้วจริงๆ !
ความน้อยเนื้อต่ำใจผุดขึ้นมาอย่างรุนแรง น้ำตาก็ไหลออกมาแบบห้ามไม่ได้จนอาบเต็มหน้าของนาง ...
เทพธิดาในใจของคนกว่าสามหมื่นคน ตอนนี้กลับยังนั่งอยู่ที่พื้น ถูกิอวี่ทำจนโกรธและร้องไห้ ในสายตาของทุกคนมันเป็ความรู้สึกแปลกๆ ...
แต่ในที่สุดเยี่ยซีก็ยอมรับความจริงได้ สายตาของนางกลับมามีแววอีกครั้ง แต่จากนั้นมันก็แปรเปลี่ยนเป็ความโหดร้าย!
ิอวี่ สักวันข้าจะต้องฆ่าเ้าให้ได้!
ยิ่งคิดนางก็ยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมากขึ้น เยี่ยซีร้องไห้รุนแรงและหนักขึ้น ...
ส่วนมู่หลางที่อยู่ข้างๆ ก็ยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อที่หน้าผาก จากนั้นเขาก็ะโประกาศสิ่งที่ตัวเขาเองนั้นก็แทบไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน “ข้าขอประกาศว่า ผู้กล้าที่ได้รับชัยชนะในการประลองของราชสำนักในปีนี้ ก็คือองค์ชายสิบเจ็ดของราชวงศ์ต้าิเรา องค์ชายิอวี่! ทุกคนปรบมือแสดงความยินดีให้กับผู้ชนะในปีนี้ด้วย!”
เสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีดังกึกก้อง พวกเขาเห็นิอวี่เดินมาถึงจุดนี้ทีละก้าวกับตาตัวเองเลยรู้สึกนับถือมาก
แต่ก็มีหลายคนเหมือนกันที่ไม่ได้ปรบมือให้ พวกเขารับกับความแข็งแกร่งนี้ของิอวี่ไม่ได้ ที่จริงหลายคนเต็มไปด้วยความอิจฉา ส่วนคนในตระกูลเยี่ยทุกคนต่างก็เงียบกริบ
เดิมทีพวกเขาคิดว่าจะได้เห็นเยี่ยซียืนอยู่จนถึงคนสุดท้ายและสร้างชื่อได้ แม้แต่คำพูดที่จะะโหลังเยี่ยซีได้รับชัยชนะพวกเขาก็คิดเอาไว้แล้ว แต่พวกเขาก็ไม่สามารถพูดคำพูดเ่าั้ออกมาได้
“ผู้ชนะในการประลองยุทธ์ในครั้งนี้จะได้รับยาจูหยวนตันสามล้านเม็ด ทักษะการต่อสู้หลิงระดับสูงหนึ่งเล่ม เกราะเกียรติยศประดับทองศาสตราวุธระดับแปดหนึ่งชุดจากทางวังหลวง!”
หลังจากที่มู่หลางประกาศออกไป หลายคนก็มองไปที่ิอวี่ด้วยความอิจฉา
ยาจูหยวนตันสามล้านเม็ด มันเท่ากับสามล้านเหรียญหยกดำ ทักษะการต่อสู้หลิงระดับสูงหนึ่งเล่มก็เทียบเท่าห้าล้านเหรียญหยกดำ เกราะเกียรติยศประดับทองเป็ศาสตราวุธระดับแปด ก็มีราคาห้าล้านเหรียญหยกดำเช่นกัน
และเกราะเกียรติยศประดับทองก็ไม่ใช่แค่ศาสตราวุธระดับแปด แต่มันยังมีลวดลายัที่ิอ๋องสลักมันด้วยพระองค์เองด้วย!
ซึ่งมันก็จะมีความหมายที่แตกต่างกันออกไป
เมื่อสวมชุดเกราะเกียรติยศประดับทองนี้แล้ว ไม่เพียงจะมีพลังการป้องกันในระดับที่สูงมากเท่านั้น แต่มันยังเป็สัญลักษณ์ของเกียรติยศ แค่ตราที่ิอ๋องสลักด้วยพระองค์เองก็ทำให้ชุดเกราะเกียรติยศประดับทองนี้มีมูลค่ามากขึ้นอีกสามล้านเหรียญหยกดำ!
เดิมทุกอย่างนี้มันสมควรจะเป็ของเยี่ยซี แต่ว่าม้ามืดอย่างิอวี่ก็โผล่มาและกลายเป็ผู้ชนะ ได้ของทุกอย่างนี้ไปแทน!
“องค์ชายิอวี่ ขึ้นมารับรางวัลได้”
ระหว่างที่พูด มู่หลางก็แสดงสัญลักษณ์ “เชิญ” เพื่อให้ิอวี่เดินมาตรงหน้าของิอ๋องเพื่อรับรางวัล
ในเวลานี้สายตาที่ิอ๋องิเฉินเหยียนมองมาที่ิอวี่นั้นเต็มไปด้วยความชื่นชม แต่ก็มีบางอย่างซ่อนอยู่ภายในเหมือนกัน ซึ่งิอวี่มองไม่ออก
ไว้ค่อยถามก็แล้วกัน เพราะในความทรงจำของเขา เขากับท่านพ่อคนนี้ไม่ค่อยได้เจอหน้ากันเท่าไร แม้แต่นิสัยใจคอเขาก็ไม่ค่อยรู้
“เขาจะรับรางวัลไม่ได้ เขาไม่มีสิทธิ!”
แต่ในเวลานี้เองจู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นจนทุกคนต่างหันไปมอง คนที่พูดไม่ใช่ใครอื่น คือพระสนมหลี่ที่นั่งอยู่พลับพลาข้างๆ !
พระสนมหลี่ในตอนนี้สีหน้าไม่ค่อยดีนัก เดิมนางคิดว่าิอวี่ต้องตายแน่ๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าิอวี่ไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังได้อันดับหนึ่งในงานประลองยุทธ์ กลายเป็คนที่โดดเด่นที่สุดท่ามกลางคนนับหมื่น!
พระสนมหลี่รู้ดีว่าโลกใบนี้มันโหดร้าย นางล่วงเกินิอวี่ เขาจะต้องแก้แค้นนางแน่ ตอนนี้ฐานะและความสามารถของเขานั้นไม่เหมือนเดิมแล้ว เขาจะต้องหาทางเล่นงานนางแน่นอน
แต่พระสนมหลี่ไม่อยากนั่งรอความตาย นางจะต้องขัดขวาง! ต่อให้ต่อไปนางจะไม่ได้รับความโปรดปรานจากิอ๋องอีกก็ตาม แต่อย่างน้อยจะให้ิอวี่ยิ่งใหญ่ไปกว่านี้ไม่ได้!
“พระสนม มีเื่อะไรอย่างนั้นหรือ?” ิเฉินเหยียนขมวดคิ้วแล้วเอ่ยปากถาม
พระสนมหลี่ได้ยินิเฉินเหยียนถามก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ นางคุกเข่าลงแล้วร้องไห้ออกมา
นางชี้ไปที่ิอวี่แล้วพูดว่า “ฝ่าาเพคะ ... ทรงให้ความเป็ธรรมกับหม่อมฉันด้วย! ที่จริงองค์ชายสิบเจ็ดรังแกตำหนักอวี้เต๋อของเรามาตลอด ... วันนี้ได้รับเกียรติสูงส่งเช่นนี้ เกรงว่าต่อไปคงวางอำนาจบาตรใหญ่ ... รังแกพวกเราหนักกว่าเดิมอีกแน่นอนเลยเพคะ!”