ระหว่างที่เิหยูเยียนกำลังคิดอยู่ในใจ ชายแก่คนนั้นของสายหรงเหยียนก็พูดขึ้นมาว่า “ทุกท่าน มาเปิดทางเข้าสนามรบร้างโบราณกันเลยดีกว่า”
ขณะที่พูด ชายแก่คนนั้นก็แบมือออก มีรอยตราประทับวงกลมสีเหลืองลอยขึ้นไปบนยอดูเาไฟ
ในเวลานี้เอง ผู้าุโใหญ่ทุกคนก็นำรอยตราประทับวงกลมสีเหลืองของตนออกมา ทั้งสามสิบดวงลอยขึ้นไปรวมตัวกันบนยอดของูเาไฟ และสุดท้ายก็ทับซ้อนกันกลายเป็ตราสัญลักษณ์ที่มีความกว้างขนาดสองเมตร!
ก่อนภารกิจนี้จะเริ่มต้นขึ้น ผู้บริหารระดับสูงของสำนักเทพอัคคีได้แจกจ่ายตราประทับให้กับผู้าุโใหญ่ทุกคน ซึ่งอนุญาตให้แต่ละคนสามารถส่งศิษย์เข้าไปในสนามรบร้างโบราณนี้ได้แค่สองคน และตราประทับทั้งสามสิบดวง ก็สามารถรองรับได้หกสิบคนพอดี!
ปกติแล้ว ผู้าุโใหญ่ยังต้องทำการชำระค่าผลงานจำนวนมาก และทำภารกิจที่สอดคล้องกันให้สำเร็จ ถึงจะสามารถได้รับตราประทับเพื่อส่งศิษย์เข้าไปฝึกในสนามรบร้างโบราณ
พูดได้เลยว่า การจะได้ตราประทับนี้มามันยากมาก
และเขตแดนของสนามรบร้างโบราณนี้จะเปิดแค่อาทิตย์ละครั้งเท่านั้น แต่ละครั้งที่เปิดก็จะมีผู้าุโใหญ่นำเอาตราประทับมาแลก เพื่อส่งศิษย์เข้าร่วมการฝึก
แต่ครั้งแรกนั้นมันแตกต่างออกไป
ผู้บริหารระดับสูงตัดสินใจให้ตราประทับนี้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ให้ศิษย์ชั้นยอดของสามสายล่างที่เข้ามาใหม่นั้นเข้าร่วมการฝึก และในระหว่างการฝึก ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปในสนามรบร้างโบราณโดยเด็ดขาด
มันเป็กฎเกณฑ์ที่ระดับสูงตั้งขึ้น และเป็สวัสดิการพิเศษที่พวกเขามอบให้กับศิษย์ชั้นยอดที่เข้ามาใหม่
ดังนั้น ตลอดสัปดาห์นี้ และในหลายสัปดาห์ต่อจากนี้ นอกจากสามสายล่างแล้ว ก็จะไม่มีใครคนอื่นที่เข้าไปก่อกวนการทำภารกิจของศิษย์ชั้นยอดของสามสายล่างได้เลย
ตราประทับวงกลมสีเหลืองหมุนอย่างบ้าคลั่งบนยอดูเาไฟ จากนั้นก็เปล่งแสงแพรวพราวและพุ่งลงไปในหินหนืดของูเาไฟ
จากนั้นก็ได้ยินเสียงะเิดังขึ้น หินหนืดได้ทำลายผนึกบางอย่างที่อยู่ภายในูเาไฟ ทำให้หินหนืดนั้นหมุนเป็กระแสน้ำวน และด้านในกระแสหินหนืดวนนั้นก็มีรอยแยกมิติสีดำปรากฏขึ้น
เขตแดนของสนามรบร้างโบราณเปิดออกแล้ว!
ในเวลานี้เองก็มีศิษย์ชั้นยอดบางส่วนที่เดินหน้าเข้าสู่ปล่องูเาไฟในทันที ซูอี้หรานเคลื่อนไหวั้แ่ก่อนหน้านั้นแล้ว และในเวลานี้ก็เป็คนแรกๆ ที่พุ่งไปที่ปล่องูเาไฟด้วย ด้านหลังของซูอี้หรานตามมาด้วยโอวหยางเต้าอวี่ที่ปิดปากเงียบไม่พูดอะไรเลยก่อนหน้านี้
ด้านหลังของเขายังมีศิษย์ชั้นยอดอีกจำนวนหนึ่งตามมา เรียงรายเป็แถวยาว และมุ่งหน้าตามซูอี้หรานเข้าไปในปล่องูเาไฟนั้น
เิหยูเยียนเมื่อเห็นซูอี้หรานเคลื่อนไหวแล้ว นางก็ควบคุมความแปลกใจและสงสัยของตัวเองไม่อยู่ รีบขี่นกกระเรียนขาวแล้วตามขบวนแถวยาวไป
ิอวี่เองก็ตามไปด้วยเช่นกัน เพียงไม่กี่อึดใจ เขาก็ขี่เ้าวิหคัปีกมืดเข้าแถว มุ่งหน้าสู่ปล่องูเาไฟ
ตอนที่ิอวี่ไปถึงปากทางเข้าปล่องูเาไฟ เขารู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผ่ออกมา ทั้งหมดมันมาจากกระแสวนของหินหนืดที่อยู่ด้านใน
ทุกคนด้านหน้าทั้งหมดรวบรวมพลังลมปราณต้านพลังงานความร้อนที่อยู่รอบตัว คุ้มกันไม่ให้อสูรสัตว์ปีกของตัวเองได้รับาเ็ แต่ิอวี่กลับตะลึง เพราะเ้าวิหคัปีกมืดมันไม่ได้มีความหวาดกลัวเลย กลับบินพุ่งลงไปในหินหนืดสีทองที่กำลังเดือดสุดๆ
“ฮูก!”
เ้าวิหคัปีกมืดส่งเสียงและกางปีกบินตามขบวนด้านหน้าไป และหายไปจากกระแสหินหนืดวนนั้น
ิอวี่รู้สึกเหมือนตกลงไปในหลุมดำลึก ร่างกายหมุนไปหมุนมาไม่หยุด เขาเกาะคอของเ้าวิหคัปีกมืดไว้แน่น รู้สึกว่าร่างกายของเขาตกลงสู่เบื้องล่างอย่างต่อเนื่อง!
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ิอวี่ก็รู้สึกว่าดวงตาของเขานั้นเริ่มมีแสง โลกทั้งใบเหมือนจะกลับมาสว่างชัดเจนขึ้นอีกครั้ง
“ฮูก ... ”
วิหคัปีกมืดส่ายหน้า มันส่งเสียงร้องในลำคอออกมากลางอากาศ เห็นได้ชัดว่า เมื่อครู่ตอนที่มุดมิติมา มันรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย
ิอวี่ถอนหายใจเบาๆ แล้วก็ปรับสถานะของตัวเองเล็กน้อย เมื่อครู่เขายังไม่ได้สติ แต่ในเวลานี้เขามองลงไปด้านล่างก็ถึงกับตาโตขึ้นมาทันที
ตำแหน่งที่ิอวี่อยู่นั้น มันคือบนท้องฟ้าของพื้นที่ทะเลทรายที่รกร้างแห่งหนึ่ง
ที่นี่ไม่มีแสงแดด ท้องฟ้าก็เป็สีเทาๆ บนพื้นเหมือนเป็ทะเลทรายที่กว้างใหญ่ไพศาล
จาก้า ยังมองเห็นอาวุธทหารบางส่วนที่ปักอยู่ในทะเลทราย เศษส่วนของรถศึก มีโล่ มีเศษกระดูกมนุษย์อยู่จำนวนมาก ...
ยามมีลมพัดผ่านมาทำให้ฝุ่นทรายมันหมุนขึ้น ส่งเสียงดังไปทั่วพื้นที่กว้าง สนามรบนี้เคยเต็มไปด้วยเกียรติยศและการนองเื เมื่อผ่านการกัดกร่อนของประวัติศาสตร์ ตอนนี้กลับไม่มีความเจริญในวันวานอีกแล้ว เหลือเพียงพื้นที่ที่อ้างว้างผืนหนึ่งเท่านั้น
ความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างผุดขึ้นมาในใจของิอวี่ และเขารู้สึกเหมือนจุดจบของโลกกำลังจะมาถึง!
รอบตัวของิอวี่นั้นก็มีศิษย์ชั้นยอดอีกหลายคนที่หล่นลงมา พวกเขาขี่อสูรสัตว์ปีกของตนเองอยู่ แล้วก็เห็นพื้นที่ว่างเปล่าผืนนี้อยู่เช่นเดียวกัน ในใจของพวกเขาตกตะลึง
เ้าัทะเลทราย มันหลบซ่อนตัวอยู่ในทะเลทรายอันกว้างใหญ่นี้อย่างนั้นหรือ?
แล้วพื้นที่ว่างเปล่าแห่งนี้ ทำไมถึงััไม่เจอลมปราณที่แข็งแกร่งอะไรเลย?
“ดูนั่นเร็ว”
ทันใดนั้นเองก็มีคนที่ตาไวคนหนึ่งมองไปตรงสุดสายตาของทะเลทราย ทุกคนได้ยินดังนั้นก็มองไปทันที และก็เห็นว่ามันมีเงาของสิ่งก่อสร้าง เป็พื้นที่ที่กว้างมากซึ่งมีสิ่งก่อสร้างสูงใหญ่จำนวนมากอยู่ภายใน เพียงแต่สิ่งก่อสร้างเ่าั้มันหักพังหมดแล้ว เมื่อปกคลุมไปด้วยฝุ่นทรายก็ทำให้มันดูเก่าและผุพัง
แต่ที่นั่น มันเหมือนมีสัญญาณของสิ่งมีชีวิต ...
มันเป็ผลผลิตที่อารยธรรมมนุษย์ทิ้งเอาไว้ในสมัยโบราณ ซากปรักหักพังเ่าั้เป็แคว้นที่เคยรุ่งเรืองมากยุคหนึ่ง แม้ว่าจะล่มจมลงไปแล้ว แต่ก็เหมือนจะมีอสูรร้ายซ่อนอยู่ และน่าจะมีของลึกลับจำนวนมากซ่อนอยู่ที่นั่นด้วย!
ทันใดนั้นเองก็มีคนหันไปดูทางด้านหลัง แล้วพบว่าด้านหลังของพวกเขานั้นก็เป็พื้นที่ซากปรักหักพังแห่งหนึ่งเช่นกัน
ิอวี่มองไปรอบๆ และเริ่มคาดเดา เขารู้สึกว่าพื้นที่ทะเลทรายแห่งนี้นั้นมันกว้างใหญ่มาก ซากปรักหักพังเ่าั้ก็เหมือนเกาะ
ถึงแม้ “ทะเล” จะดูเงียบสงบ แต่บน “เกาะ” ก็ซ่อนความลึกลับเอาไว้มากมาย
อีกอย่าง ทะเลทรายแห่งนี้ก็เป็เพียงแค่ส่วนหนึ่งของยอดูเาน้ำแข็งเท่านั้น ใครจะรับประกันได้ว่าจะไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในทะเลทรายอีก?
ค่ายกลขนส่งส่งพวกเขามาที่นี่ ถือว่าเป็พื้นที่ที่เงียบสงบที่สุด และเป็พื้นที่ที่รกร้างที่สุด แต่คิดจะตามหาัทะเลทรายก็น่าจะต้องทำเหมือนการค้นหาสมบัติ คือต้องหาเบาะแสให้เจอก่อน เมื่อเจอัทะเลทรายเมื่อไหร่ ก็จะต้องใช้ความสามารถของตัวเองในการขโมยไข่ัมา!
“ไป”
โอวหยางเต้าอวี่ขี่อสูรสัตว์ปีกพาพี่น้องข้างกายของเขาที่มีขอบเขตอมฤตขั้นที่สามบินล่วงหน้าไปก่อนเลย
การชิงลงมือก่อนก็จะคว้าโอกาสในการค้นหาสมบัติและเบาะแสของัทะเลทรายได้ก่อน
ศิษย์ชั้นยอดคนอื่นเองก็เริ่มจับกลุ่ม บางส่วนแยกกันมุ่งไปด้านหน้า
ถึงแม้พวกเขาจะมาจากสายเดียวกัน แต่มีอาจารย์คนละคนจึงยังต้องแย่งชิงกันอยู่ ดังนั้นพวกเขาถึงได้แยกกลุ่มกัน
เห็นคนบางส่วนเริ่มเคลื่อนไหว แต่ซูอี้หรานกลับไม่รีบร้อน เขาขี่อสูรสัตว์ปีกเข้าใกล้มาทางิอวี่
คนที่อยู่ในกลุ่มของซูอี้หรานนั้นเป็ศิษย์ผู้ชายอีกคน มีขอบเขตอมฤตขั้นที่สาม หน้าตาดูธรรมดา ดูจากท่าทางการติดตามอยู่ด้านหลังของซูอี้หรานแล้ว คิดว่าความสามารถก็น่าจะต่ำกว่า
เมื่อเห็นพวกของซูอี้หรานเข้ามาใกล้ ิอวี่ก็เริ่มระวังตัว กำลังจะถามว่าทั้งสองคนนั้นมาทำไม คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะผ่านหน้าไปแล้วไปหาเิหยูเยียน
“สวัสดี ข้าชื่อซูอี้หรานจากสายจั่วเหยียน ดีใจนะที่ได้รู้จักเ้า”
ซูอี้หรานยิ้มให้กับเิหยูเยียน สายตาของเขาลึกซึ้ง น่าหลงใหลมาก
เิหยูเยียนใจเต้นแรง เมื่อครู่นางยังคิดอยู่เลยว่าอยากจะรู้จักซูอี้หราน คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเข้ามาทักนางก่อน
“อือ มีอะไรหรือ?”
เิหยูเยียนยกมือซ้ายขึ้นมาเอาผมทัดหู เผยให้เห็นใบหน้าอันน่ารักของนาง และพยายามนิ่งให้มากที่สุด
“คืออย่างนี้นะ” ซูอี้หรานยิ้มอยู่ตลอด เขาพูดว่า “เมื่อครู่ข้าเห็นเ้าในกลุ่มผู้คนมากมาย รู้สึกว่าเ้าสง่างามนัก ก็เลยอยากเข้ามาทำความรู้จักน่ะ ไม่ทราบว่าหญิงงามเช่นเ้ามีนามว่าอะไรหรือ?”
เิหยูเยียนกลับไม่ได้ตอบคำถามของซูอี้หราน นางเบือนหน้าหนีแล้วถามด้วยความโกรธที่อยู่ในใจของนางออกมา “เมื่อครู่สายจั่วเหยียนกับสายหรงเหยียนของพวกเ้าทำกับสายเลี่ยนเหยีนของเราแบบนั้น ตอนนี้เ้ายังมาทำเป็ดีด้วย ข้าไม่เข้าใจ เ้าอธิบายให้ข้าฟังหน่อยสิ”
“คนสวย มันเป็เื่เข้าใจผิด”
ซูอี้หรานเกาหัว ถอนหายใจแล้วพูดว่า “เื่ของพวกเราทั้งสองสาย มันเป็เื่ของพวกอาจารย์ มันไม่เกี่ยวอะไรกับเราเลย เมื่อครู่ข้าก็ไม่ได้มีเจตนาจะหัวเราะเยาะเ้าเลยนะ เฮ้อ จะพูดอย่างไรดีนะ พวกอาจารย์ทำแบบนั้น เราในฐานะศิษย์ก็ไม่มีสิทธิไปแทรกแซง สรุปแล้ว ข้ายังหวังว่าเราทั้งสามสายจะกลับมาดีกัน สามัคคีคือพลังจริงไหม”
คำพูดเหล่านี้ ซูอี้หรานอธิบายอย่างละเอียดด้วยน้ำเสียงจนใจสุดๆ
“จริงหรือ?”
เิหยูเยียนเหมือนยกูเาออกจากอก น้ำเสียงของนางเหมือนจะมีความดีใจอยู่นิดๆ
แต่นางไม่ได้สังเกตเลยว่า หลังจากที่ซูอี้หรานอธิบายแล้ว สายตาของศิษย์ที่อยู่ด้านหลังนั้นกลับตะลึงไป เขาขมวดคิ้วแน่นมากเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่เมื่อมองซูอี้หรานแล้วลังเลอยู่พักหนึ่ง แล้วก็หยุดไป ...
แต่ทุกอย่างนี้ ิอวี่ที่อยู่ข้างๆ เห็นอยู่ตำตาทุกอย่าง!
“อือ”
ซูอี้หรานยักไหล่แล้วก็พูดว่า “ดังนั้น ภารกิจสนามรบร้างโบราณ ข้าหวังว่าเราจะได้ทำด้วยกัน หากเ้าเจออันตราย ข้าในฐานะผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่สาม ต่อให้ไม่ได้มั่นใจมาก แต่ข้าก็มั่นใจว่าปกป้องเ้าได้”
เิหยูเยียนหูแดงมาก “เ้าอายุเท่าไร?”
“ข้าเพิ่งจะเต็มสิบเจ็ด เ้าล่ะ”
“อ๋อ ข้า ... ข้ายังไม่เต็มสิบเจ็ด ... ”
เิหยูเยียนใจเต้นแรงและถี่มาก ซูอี้หรานอายุยังไม่สิบเจ็ดก็มีขอบเขตอมฤตขั้นที่สามแล้วหรือ? พร์เขาสูงมาก เหนือกว่านางอีก!
“ฮ่าฮ่า”
เมื่อได้ยินดังนั้น ซูอี้หรานก็หัวเราะขึ้นมา “บังเอิญจัง เราต่างเป็คนของสำนักเทพอัคคี เ้าก็ถือเป็ศิษย์น้องของข้า ข้ายังไม่รู้เลยว่าเ้า ... ”
“อ๋อใช่ ข้าลืมบอกไป” เิหยูเยียนรีบขอโทษแล้วพูดว่า “ข้าชื่อเิหยูเยียน”
ซูอี้หรานพยักหน้า “ชื่อเพราะจังเลย ศิษย์น้องหยูเยียน ตามข้าไปหาสมบัติกันเลยดีไหม”
ในใจของเิหยูเยียนนั้นะโโลดเต้น ได้รับการคุ้มครองจากผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่สามและมีพร์สูงอย่างซูอี้หราน มันเป็เื่ที่อบอุ่นหัวใจอย่างมาก เิหยูเยียนกำลังคิดอยู่เลยว่าจะตอบซูอี้หรานอย่างไรดี ที่เป็การรับปากแบบไม่น่าอายเท่าไร?
ในเวลานี้เอง ก็มีเสียงดังขึ้นมาขัด
“คืออย่างนี้นะ ศิษย์พี่ เราเพิ่งจะมาถึงสนามรบร้างโบราณกัน ยังไม่คุ้นเคยกับสิ่งรอบตัวเลย ดังนั้นเราเลยคิดว่าอยากจะสำรวจอันตรายรอบๆ นี้ก่อน แล้วอีกอย่าง อาจารย์ของเราก็มีสั่งภารกิจอื่นเอาไว้ ดังนั้น เราจึงไม่ค่อยสะดวก”
คนที่พูดก็คือิอวี่นั่นเอง
“เ้าหมายความว่าอย่างไร?” ท่าทางของซูอี้หรานนั้นเ็าลงทันที แล้วมองมาที่ิอวี่ด้วยสายตาอาฆาต!
แต่ความอาฆาตนั้นก็ถูกลบเกลื่อนไปอย่างรวดเร็ว
“ความหมายของข้าก็คือ ครั้งนี้เราคงไม่ไปกับพวกเ้า อีกอย่าง เิหยูเยียนเพิ่งจะเคยเจอหน้ารู้จักกับเ้าเป็ครั้งแรก นางยังต้องใช้เวลาในการทำความคุ้นเคยอีกสักหน่อย” ิอวี่ยิ้มแล้วตอบ น้ำเสียงเด็ดขาดมาก
เิหยูเยียนหันกลับมาแล้วจ้องมาที่ิอวี่ ถึงแม้จะไม่ได้พูดออกเสียง แต่ก็ทำปากที่หมายความว่า “เ้าพูดอะไรของเ้า!”
“เป็แบบนั้นหรือ ศิษย์น้องหยูเยียน?” ซูอี้หรานถามอย่างใจเย็น
“ข้า ... ”
“ก็บอกไปแล้วไง ว่านางยังต้องทำความคุ้นเคยอีกสักหน่อย ไว้คราวหน้านะ” ิอวี่โบกมือให้กับซูอี้หรานแล้วลากเิหยูเยียนจากไปทันที
เิหยูเยียนโกรธมาก นางกำหมัดแน่นแล้วมองไปที่ิอวี่ด้วยสายตาโกรธแค้นอย่างมาก!
