ในโลกที่วรยุทธ์คือทุกอย่าง ผู้คนต่างก็สนใจแต่การยกระดับพลังตัวเองเท่านั้น จะมีสักกี่คนที่สนใจเื่ผิดชอบชั่วดี?
ตอนที่หลงอวี้เอาชนะฉินเทียนเชวี่ยลง และได้รับาเ็สาหัส ไอ้สามคนนั้นก็เกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมา!
ทั้งสามคนล้วนเป็ลูกศิษย์ระดับล่างของลัทธิสยบฟ้า คนหนึ่งมีวิถียุทธ์ขั้นหก อีกสองคนมีวิถียุทธ์ขั้นห้า แม้ระดับพลังจะไม่สูงมาก แต่เมื่ออยู่ด้วยกันก็นับว่าแข็งแกร่งไม่เบา
หลงอวี้ตอนนี้สภาพอ่อนแอสุดขีด แต่ฉินหยงเอ๋อร์กลับอ่อนแอยิ่งกว่า!
ทั้งสามค่อยๆ ขยับเข้าใกล้หลงอวี้ ส่วนฉินหยงเอ๋อร์ยังยืนอึ้งอยู่กับที่ นางไม่อาจยอมรับความจริงที่ว่าพี่ชายได้ตายไปต่อหน้าต่อตา
และในตอนนั้นเอง เสียงตะคอกอย่างดุดันก็ดังมาจากทางลัทธิสยบฟ้า!
“หยุด”
จากนั้นก็มีชายวัยกลางคนในชุดสีม่วงเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาสะบัดมือ คลื่นอากาศอันเกรี้ยวกราดก็ได้ซัดไอ้สามคนที่คิดจะลงมือกับหลงอวี้เซถอยไปหลายก้าว
ชายวัยกลางคนผู้นี้มีสีหน้าเด็ดเดี่ยว แววตาคู่นั้นดูแข็งกร้าว เถรตรง พอเห็นตราประจำตัวที่เอวเขาก็รู้ว่าคนผู้นี้คือผู้าุโฝ่ายคุมกฎของลัทธิ!
ผู้คุมกฎเป็ตัวตนค่อนข้างสำคัญในลัทธิสยบฟ้า ทำหน้าที่จัดการเหล่าลูกศิษย์ที่ทำผิดกฎของลัทธิ
หลงอวี้เงยหน้าอย่างยากลำบาก พอเห็นผู้คุมกฎมาถึง เขากลับไม่ได้รู้สึกโล่งอกแม้แต่น้อย ทว่ายิ่งเครียดมากกว่าเดิม
เพราะเขาไม่รู้ว่าผู้คุมกฎคนนี้เป็มิตรหรือศัตรู!
“ผู้าุโถาน ท่านมาแล้ว...”
เมื่อฉินหยงเอ๋อร์เห็นชายวัยกลางคนชุดสีม่วงปรากฏตัวก็เผยสีหน้ายินดีออกนอกหน้า
“หยงเอ๋อร์”
ชายชุดม่วงผู้นั้นพยักหน้าให้ฉินหยงเอ๋อร์ก่อนจะหันไปมองฉินเทียนเชวี่ยที่นอนตายอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเ็ปปนเสียดาย แล้วค่อยหันไปมองหลงอวี้
พอเห็นชายชุดม่วงกับฉินหยงเอ๋อร์ทักทายกัน หลงอวี้ก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที ดูเหมือนผู้าุโถานผู้นี้จะไม่ได้มาดีเสียแล้ว!
“ฉินเทียนเชวี่ยเป็ลูกศิษย์ที่ข้าถานอู๋โจวเพิ่งรับไว้”
ผู้าุโถานมองหลงอวี้พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ
“ดังนั้น ท่านเลยจะแก้แค้นให้ลูกศิษย์อย่างนั้นหรือ?”
หลงอวี้พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น สมองคิดหาทางรับมือ ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไรก็หาช่องทางหลบหนีจากสถานการณ์นี้ไม่ได้เลย
ชายวัยกลางคนชุดม่วงผู้นี้ เป็ผู้าุโระดับผู้คุมกฎของลัทธิสยบฟ้า ระดับพลังอย่างน้อยก็น่าจะมีวิถียุทธ์ขั้นเก้า หรืออาจทะลวงขีดจำกัดขึ้นไปสู่ขอบเขตพลังที่สูงกว่าไปแล้ว!
หลงอวี้ในตอนนี้ยังอ่อนแอเกินไป ไม่มีทางต่อกรกับยอดฝีมือที่แท้จริงได้เลย
“หากเ้ามีความผิด ข้าย่อมต้องลงโทษเ้าอยู่ แต่หากไม่ผิด ข้าจะไม่แตะต้องเ้า”
ผิดจากที่หลงอวี้คาดไว้ ถานอู๋โจวพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบหนึ่งประโยค จากนั้นหลับตาลงราวกับปวดใจกับการตายของลูกศิษย์ตัวเอง
ทว่าหลังจากที่เขาลืมตา จิตสังหารเบาบาง กลับปรากฏในดวงตาเขาแวบหนึ่ง แต่ประสาทััอันเฉียบคมของหลงอวี้จับได้!
‘ไอ้ถานอู๋โจวนี่ ไม่ได้เป็คนเถรตรงเหมือนที่เห็นภายนอกแน่...’
หลงอวี้เกิดความระแวงในใจ
“เหตุการณ์เป็อย่างไรบ้าง ใครจะเล่าให้ข้าฟัง?”
ถานอู๋โจวถาม
“ผู้าุโถาน ข้าเล่าเอง ข้าเล่าเอง”
ฉินหยงเอ๋อร์รีบชิงพูด
“ผู้าุโถาน ่เช้าตรู่ของวันนี้ ข้าได้นัดศิษย์พี่สี่คนมาสำรวจหุบเขาอสรพิษเวหาแห่งนี้ และบังเอิญพบกับราชันอสรพิษเวหาตนหนึ่ง!”
“ราชันอสรพิษเวหา?”
ถานอู๋โจวได้ยินเช่นนั้นก็หลับตาขมวดคิ้ว ก่อนจะพยักหน้ากล่าว
“เล่าต่อไป”
“พอได้เจอราชันอสรพิษเวหาแล้ว พวกเราสี่คนก็เข้าต่อสู้กับมันสุดชีวิต แต่ราชันอสรพิษแข็งแกร่งเกินไป ศิษย์พี่ทั้งสี่ต่างต้องสังเวยชีวิตให้กับมัน หลังจากนั้นราชันอสรพิษเวหาเองก็สิ้นแรงเหมือนกัน”
พอเล่าถึงตรงนี้ ฉินหยงเอ๋อร์ก็เผยสีหน้าชั่วร้าย จ้องเขม็งไปที่หลงอวี้
“และในตอนที่ข้ากำลังจะสังหารราชันอสรพิษเวหาเพื่อล้างแค้นให้กับเหล่าศิษย์พี่ เ้าคนร้ายนี่ก็ปรากฏตัว ไม่เพียงแต่ทำร้ายขาของข้าจนาเ็ แต่ยังแย่งเน่ยตานของราชันอสรพิษเวหาไปด้วย!”
ถานอู๋โจวที่ฟังถึงตรงนี้ก็ไม่พูดอะไร คล้ายว่ากำลังพิจารณาบางอย่าง
หลงอวี้ดูจากข้างๆ อย่างเ็า เขาอยากเห็นเหมือนกันว่านังฉินหยงเอ๋อร์นั่นจะไร้ยางอายได้ถึงขนาดไหน!
ฉินหยงเอ๋อร์ยังไม่หยุดแค่นั้น พูดต่อด้วยเสียงแหลมสูง
“พอแย่งเน่ยตานไปแล้ว ไอ้คนร้ายนี่ก็หนีไปทันที แต่พี่ชายข้าไล่ตามทัน พี่ชายข้าบอกให้มันคืนเน่ยตานมา นอกจากมันจะไม่ฟัง กลับยังวางกับดักลอบทำร้ายพี่ชายข้า ทำให้พี่ชายถึงแก่ความตายอย่างที่ท่านเห็น!”
“เ้าพูดจริงหรือ?”
ถานอู๋โจวเผยสีหน้าตกตะลึง
“ข้าพูดความจริง ผู้าุโถาน คนผู้นี้โเี้ ฆ่าคนในลัทธิเดียวกันอย่างไร้ความปรานี คนชั่วช้าเยี่ยงนี้ ปล่อยให้มีชีวิตต่อไปไม่ได้เด็ดขาด!”
ฉินหยงเอ๋อร์ให้ร้ายอย่างชั่วช้า!
“เอาล่ะ ข้าจะถามเ้าสักสองสามคำ หยงเอ๋อร์ เ้าต้องด้วยความสัตย์จริง”
ถานอู๋โจวพยักหน้า แล้วเริ่มสอบปากคำทันที
“ข้อแรก ศิษย์พี่ทั้งสี่คนที่เดินทางพร้อมกับเ้าเมื่อเช้านี้ ล้วนมีระดับวิถียุทธ์เพียงขั้นห้า ต่อให้พวกเ้าห้าคนร่วมมือกันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชันอสรพิษเวหาอยู่ดี แล้วพวกเ้าสังหารราชันอสรพิษเวหาลงได้อย่างไร?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ ฉินหยงเอ๋อร์ก็ชะงักไปเล็กน้อย แต่เพียงครู่เดียวก็ตั้งสติได้
“พวกเราใช้เถาวัลย์หนามแหลมช่วยบั่นทอนพลังของราชันอสรพิษเวหา จากนั้นก็ค่อยฆ่ามันทิ้ง!”
หลงอวี้ได้ยินก็หัวเราะออกมาอย่างเ็า นังผู้หญิงคนนี้โกหกเก่งเสียจริง!
“ข้อสอง”
ถานอู๋โจวไม่ได้สนใจหลงอวี้ ถามต่อไป
. “เหตุใดเทียนเชวี่ยจึงมาที่นี่ได้ทันเวลา เ้าเป็คนส่งสัญญาณเรียกหรือ?”
ข้อนี้ ฉินหยงเอ๋อร์ไม่ได้ปฏิเสธ พยักหน้ารับตรงๆ
“ใช่เ้าค่ะ”
“ข้อสาม คนผู้นี้เอาชนะฉินเทียนเชวี่ยได้อย่างไร?”
ตอนถามข้อนี้ สายตาของถานอู๋โจวก็จับจ้องไปที่หลงอวี้ มีประกายอำมหิตปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง
“มันใช้กับดักอำมหิต สาดของเหลวของราชันอสรพิษเวหาไปที่พี่ชายข้าจนเปรอะเปื้อน ทำให้พี่ชายข้าถูกเถาวัลย์หนามโจมตีบั่นทอนพลัง... สุดท้าย ผู้าุโถานก็น่าจะได้เห็น พี่ชายข้าถูกสังหารอย่างโหดร้ายทารุณ!”
ฉินหยงเอ๋อร์พูดถึงตรงนี้ก็จ้องเขม็งไปที่หลงอวี้อย่างอาฆาตแค้น
“พวกเ้าสามคนล่ะ เหตุการณ์ที่หยงเอ๋อร์เล่าเป็ความจริงหรือไม่?”
ถานอู๋โจวฟังจบก็หันไปทางลูกศิษย์ระดับล่างสามคนนั้น
พอสามคนนั้นได้ยิน ก็แอบคิดในใจว่าผู้ตายคือลูกศิษย์ของผู้าุโถาน เช่นนั้นผู้าุโถานต้องอยากกำจัดหลงอวี้ทิ้งจนแทบทนไม่ไหวแน่?
“เหตุการณ์่แรกพวกเราไม่ได้อยู่ด้วย จึงไม่รู้อะไรนัก แต่ศิษย์พี่ฉินถูกคนผู้นี้ฆ่าตายด้วยวิธีการต่ำช้าจริงๆ!”
ทั้งสามคนตอบกลับอย่างพร้อมเพรียง
“เป็เช่นนี้จริงๆ ด้วย”
ถานอู๋โจวกระแทกเสียงเ็า มองไปทางหลงอวี้
“หลงอวี้ ตอนนี้เ้ามีอะไรจะแก้ตัวหรือไม่”
หลงอวี้!
ฉินหยงเอ๋อร์และสามคนนั้นเพิ่งจะรู้ตัวตนของหลงอวี้ ที่แท้ก็เป็เ้าหน้าใหม่ที่ถูกเฟิงอวิ๋นซัดไปหนึ่งฝ่ามือ แต่กลับสามารถดีดเฟิงอวิ๋นจนกระเด็นได้คนนั้นเองหรือ?
สีหน้าของทั้งสี่คนใสุดขีด เ้าหลงอวี้นี่ เมื่อครึ่งเดือนก่อนเพิ่งจะเอาชนะฟางคางอย่างยากลำบาก ตอนนี้กลับสามารถสังหารฉินเทียนเชวี่ยที่มีวิถียุทธ์ขั้นเจ็ดได้ มันไม่พัฒนาเร็วไปหน่อยหรือ?
หากคิดจะยกระดับพลังจากขั้นห้าขึ้นเป็ขั้นหก ปกติแล้วต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามสี่เดือน แต่พลังต่อสู้ของเ้าหลงอวี้ดูเหมือนจะเหนือกว่าผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปอยู่หนึ่งขั้น!
หรือว่า คนผู้นี้จะเป็ปีศาจ?
ในตอนที่พวกฉินหยงเอ๋อร์มีสีหน้าตื่นตะลึง ตอนนี้หลงอวี้กลับมีสีหน้าเรียบเฉย
“ผู้าุโถานตัดสินใจเองไปแล้ว จะถามข้าอีกทำไม? ยิ่งไปกว่านั้น ร่องรอยการต่อสู้กับราชันอสรพิษเวหาก็ยังอยู่ ท่านไปตรวจสอบดูก็จะรู้เองว่าความจริงเป็เช่นไร!”
“ความจริงเป็เช่นไร ข้าย่อมต้องตรวจสอบด้วยตัวเองอยู่แล้ว”
ถานอู๋โจวกล่าวขึ้นอย่างเรียบเฉย
“เพียงแต่ตอนนี้ เ้าต้องกลับไปที่หอพิพากษากับข้าก่อน”
เขาไม่คิดจะเปิดโอกาสให้หลงอวี้อธิบายเลยแม้แต่น้อย!
ทำให้หลงอวี้ต้องขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ
หากถานอู๋โจว้าฆ่าเขา เช่นนั้นตอนที่ปรากฏตัวเมื่อครู่นี้จะหยุดทั้งสามคนไม่ให้ล้อมฆ่าเขาทำไม?
หากถานอู๋โจวเป็พวกเถรตรงและทำหน้าที่คุมกฎอย่างเคร่งครัดจริง ทำไมถึงไม่เปิดโอกาสให้เขาอธิบาย แต่คิดจะพาเขากลับไปที่หอพิพากษาทันที การกระทำของถานอู๋โจวช่างผิดแปลกยิ่ง
หลงอวี้ไตร่ตรองสักพักก็อดคาดเดาไม่ได้ หรือว่าเ้าถานอู๋โจว้าแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่าตัวเองเป็คนเที่ยงธรรมพร้อมกับลงโทษเขาด้วย
และในตอนนั้นเอง เสียงหัวเราะหยิ่งทระนงของชายผู้หนึ่งก็ดังสนั่นขึ้นมาจากป่าอีกฝั่งหนึ่ง
“ฮ่าๆๆๆ”
หลังจากสิ้นเสียงหัวเราะ ชายลึกลับในชุดรัดรูปสีดำผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้มหยิ่งยโส ทุกฝีก้าวล้วนดุดันน่าเกรงขาม ราวกับว่าก้าวเท้าเพียงสองสามเก้าก็มาปรากฏตัวใกล้ๆ ถานอู๋โจวแล้ว!
หลงอวี้เงยหน้ามองชายชุดดำลึกลับที่น่าจะอายุยี่สิบต้นๆ ผู้นี้ ดวงตาของอีกฝ่ายดูลึกล้ำเปี่ยมเสน่ห์
แม้ชายหนุ่มลึกลับผู้นี้จะดูอายุใกล้เคียงกับฉินเทียนเชวี่ย แต่ระดับพลังของอีกฝ่ายกลับอยู่ในจุดที่ลึกล้ำไม่อาจหยั่งถึง หลงอวี้ถึงกับรู้สึกว่าคนผู้นี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าถานอู๋โจวเลย!
และตอนที่ชายลึกลับผู้นี้ปรากฏตัวพร้อมกับเสียงหัวเราะดังกึกก้องนั้น สีหน้าของถานอู๋โจวพลันเปลี่ยนไป
“เ้ามาที่นี่ทำไม?”
น้ำเสียงของถานอู๋โจวมีความโกรธแฝงอยู่เล็กน้อย ราวกับรังเกียจที่คนผู้นี้มายุ่งไม่เข้าเื่
“ข้ารู้สึกถูกชะตากับสหายหลงอวี้ผู้นี้ ดังนั้นข้าจะพาตัวเขาไป”
ชายหนุ่มชุดดำผู้นี้ยืนเอามือไพล่หลัง มองหลงอวี้ด้วยรอยยิ้ม
“เหตุการณ์ในวันนี้ข้าได้เห็นกับตาตัวเองทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่ต้องลำบากผู้าุโถานตามสืบอะไรอีกแล้วล่ะ!”
“แต่เื่นี้เป็หน้าที่ของข้าฝ่ายผู้คุมกฎ”
ถานอู๋โจวหัวเราะเ็า
“ต่อให้เป็เ้า หากคิดจะสอดมือเข้ามายุ่งก็ต้องระวังผลลัพธ์เหมือนกัน! เมื่อครู่นี้ฉินหยงเอ๋อร์เล่าเื่ราวที่เกิดขึ้นให้ข้าฟังอย่างละเอียดแล้ว ส่วนความจริงเป็เช่นไร ข้าย่อมต้องตรวจสอบให้ชัดเจนอยู่แล้ว!”
“อย่างนั้นหรือ”
ชายลึกลับหัวเราะอย่างหยิ่งผยอง ก้าวออกไปหนึ่งก้าวอย่างดุดัน บีบคั้นถานอู๋โจว
“ผู้าุโถาน ฉินเทียนเชวี่ยเป็ลูกศิษย์ของท่าน การที่ท่านอยากล้างแค้นให้เขาก็เป็เื่ที่เข้าใจได้ แต่ทำไมเมื่อครู่นี้ท่านต้องแสดงละครปลอมเปลือกให้ข้าดูด้วย? ตราบใดที่ข้ายังอยู่ หากผู้าุโถานคิดจะเปลี่ยนเื่ผิดเป็ถูกละก็ เกรงว่าคงไม่ง่ายขนาดนั้น!”
สิ้นคำพูดนี้ สีหน้าของถานอู๋โจวพลันเปลี่ยนไป หลงอวี้ที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ก็เข้าใจทันที
เป็เช่นนั้นจริงๆ ด้วย!
ชายลึกลับผู้นี้ติดตามเขามาั้แ่เริ่ม รู้เื่ราวั้แ่ต้นจนจบ ที่ถานอู๋โจวแสดงออกอย่างแปลกประหลาดเช่นนั้น ก็แค่้าแสดงให้ชายลึกลับดูเท่านั้น
เพียงแต่ ชายลึกลับผู้นี้เป็ใครกันแน่?
ดูแล้วน่าจะยังอายุไม่มากนัก แต่ทำไมสามารถทำให้ผู้คุมกฎคนหนึ่งรู้สึกครั่นคร้ามได้ถึงเพียงนี้?
หลงอวี้อดคาดเดาตัวตนของชายหนุ่มผู้นี้ไปต่างๆ นานาไม่ได้ จะว่าเป็คนของผู้าุโอวี้? หรือเป็คนของผู้เฒ่าขาวดำ?
ในลัทธิสยบฟ้านี้ เท่าที่หลงอวี้รู้จัก มีแค่ผู้าุโสามท่านนี้เท่านั้นที่มีสิทธิ์เผชิญหน้ากับผู้คุมกฎได้!