องค์หญิงที่ลักหลับชายหนุ่มกลางดึก ไม่สิ องค์หญิงที่ไปขโมยสมบัติได้สำเร็จ และตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ นางใช้เวลาทั้งคืนหมดกับการศึกษาสมบัติ
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น นางจ้องไปที่ดวงตากลมสีดำขนาดใหญ่ทั้งสอง ั์ตาที่มีความเฉียบแหลมและสดใสจ้องมองมา
นางพบว่า ถึงแม้สมบัติชิ้นนี้จะอยู่ในมือของตนเองแล้ว ทว่า นางก็ไม่สามารถใช้มันได้เลย!
“หรือเป็เพราะว่าพวกเราเป็ผี เทพข้างบนก็เลยไม่ฟังหรือไม่?” เ้าแมวอ้วนที่สงสัยขึ้นมา หากใช้ไม่ได้มันก็เป็แค่เศษเหล็กเท่านั้นแหละ “เป็ไปได้ไหมว่ามันจะฟังแต่คำสั่งของเซียวเจวี๋ยเพียงคนเดียว”
“ข้าเกรงว่าหนุ่มน้อยผู้นั้นอาจจะไม่รู้จักสมบัติชิ้นนี้เลยด้วยซ้ำ” ชิงอีจ้องไปที่แหวนจินจื่อบนนิ้วอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย นางกัดนิ้วโป้ง พร้อมกับั์ตาครุ่นคิด “เป็ไปได้ไหมว่าตอนนี้หนุ่มน้อยผู้นั้นระมัดระวังตัวกับข้าเป็อย่างมาก ดังนั้นของสิ่งนี้จึงต่อต้านพลังของข้าเช่นนี้?”
สิ่งของต่างๆ มักจะจงรักภักดีต่อเ้าของ ก็เหมือนกับอาวุธเทพอย่างแหวนจื่อจิน ที่ปฏิบัติต่อเ้าของด้วยความรัก และปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเกลียดชัง ซึ่งไม่ต่างอะไรไปจากสุนัขเฝ้าบ้าน
“เช่นนั้นเมื่อคืนที่พวกเราทำไปก็เปล่าประโยชน์น่ะสิ?” เ้าแมวอ้วนพึมพำ
อารมณ์ขุ่นเคืองบนใบหน้าของชิงอีหายไปอย่างรวดเร็ว และแปรเป็เป็ใบหน้าที่เย่อหยิ่งและเกียจคร้านดั่งเดิม “ถ้ามันไม่ยอมเชื่อฟัง เช่นนั้นก็ต้องทำให้เ้าของของมันตกหลุมรักข้าจะได้เชื่อฟัง”
เ้าแมวอ้วนเกือบจะตกจากโต๊ะ ความมั่นใจที่สูงเสียดฟ้าเช่นนี้ของท่านไปเอามันมาจากที่ใดกันแน่?
ท่านจะยังปฏิบัติต่อหนุ่มน้อยผู้นั้น เหมือนกับมนุษย์ธรรมดาทั่วไปจริงๆ หรือ? ตกไปอยู่ในกำมือของเขาตั้งกี่ครั้งกี่คราวแล้ว ท่านไม่ท้อบ้างหรือไร?
ก็นะ...
เ้าแมวอ้วนครุ่นคิด นางมารร้ายผู้นี้เป็หญิงสาวที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปสามโลก ในเื่การดื้อรั้นอย่างไม่กลัวตาย ่หลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครสามารถปราบนางได้ เป็ไปได้ไหมว่าการที่ถูกบีบให้ยอมรับความพ่ายแพ้นับครั้งไม่ถ้วนในโลกมนุษย์ครั้งนี้ จะไปกระตุ้นความอยากเอาชนะที่อยู่ในใจนางขึ้นมา?
แม้ปากจะเอาแต่บอกว่าหนุ่มน้อยผู้นั้นน่ารังเกียจ และเขาต้องตาย แต่หารู้ไม่ ภายในใจเองก็สนใจเขาอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
ไม่อย่างนั้น มีโอกาสมากมายที่สามารถฆ่าเขาได้ เหตุใดถึงปรานีและยอมปล่อยไปกันล่ะ?
เ้าแมวอ้วนเยาะเย้ยภายในใจ นางมารร้ายไม่ควรเล่นกับไฟ หากวันใดเกิดจุดไฟเผาตัวเองขึ้นมาจริงๆ คงสนุกน่าดู
ทว่า มันก็ยังสงสัยอยู่นิดหน่อยว่าเป็ไปได้ไหมที่นางทำสิ่งชั่วร้ายมากเกินไป ใน่หลายปีที่ผ่านมา เลยไปยั่วยุผู้ที่อยู่บนท้องฟ้า ดังนั้น เขาจึงวางกับดักให้นางะโลงไป?
“เมื่อคืนท่านจูบชายหนุ่มผู้นั้นไปตั้งหลายครั้ง พลังฟื้นฟูมาเกือบหมดแล้วใช่ไหม?”
“เจ็ดหรือแปดส่วนมั้ง” ชิงอีพูดอย่างระมัดระวัง ไม่อยากจะพูดว่ากลิ่นความชั่วร้ายบนตัวของชายหนุ่มนั้นดีเหลือเกิน จริงๆ แล้วนางเองก็ลังเลเล็กน้อยที่จะหยุด
“ก็ไม่รู้หรอกนะว่าพลังจะกลับมาจริงๆ หรือไม่ ทว่า เวลาที่ท่านโกรธ ท่านอย่าใช้มันจนหมดเสียดีกว่า”
“ปากดี” ชิงอีกลอกตาใส่มัน และเปิดประตูออกไป
“องค์หญิงไม่เสวยอาหารกลางวันหรือเพคะ?” เถาเซียงที่กำลังถืออาหารมา ทว่า กลับเห็นนางเดินออกไปข้างนอก
องค์หญิงทอดพระเนตรมองอาหารที่เต็มไปด้วยผักความรังเกียจ ส่งเสียงฮึออกมา “ข้าไม่ใช่กระต่ายนะ”
เถาเซียงรู้สึกละอายใจ นางรู้ดีว่าองค์หญิงชอบกินเนื้อ ทว่า ในวัดเช่นนี้จะไปหาเนื้อได้จากที่ไหนกัน?
“ชิวอวี่”
หัวหน้าองครักษ์ถ่อมตนในทันที ในตอนนี้เวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับนาง เขาก็ยังไม่สามารถควบคุมความตื่นตระหนกเอาไว้ได้ ทุกครั้งที่องค์หญิงเรียกเขา ราวกับเขาจะทำเื่ไม่ดีอะไรสักอย่างลงไป
“ไปกันเถอะ ขึ้นไปบนูเาเพื่อล่ากระต่ายกัน”
หลังจากที่ชิงอีพูดจบ เขาก็พาคนจำนวนมากไปทีู่เาด้านหลัง
เหลี่ยวทิงและวั่งจีที่ตายไปแล้ว ผีทั้งหมดในวัดนี้ก็ถูกเ้าแมวอ้วนส่งไปปรโลกหมดแล้วเช่นกัน เหลือเพียงแค่ขอทานบนูเาด้านหลังที่ถูกกลืนกินซานหุนซีพั่วไป จึงไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรดี
ทว่า เมื่อเห็นคันนา หญิงสาวก็ถอดรองเท้าออก เท้าขาวเล็กๆ ยื่นลงไปในบ่อน้ำ แกว่งไปแกว่งมาบนผืนน้ำขนาดใหญ่ บางครั้งมีเสียงหัวเราะที่คมชัดราวกับระฆังสีเงิน เผยให้เห็นถึงความไร้เดียงสาของเด็กผู้หญิง
ไม่ไกลออกไป ชิวอวี่และองครักษ์คนอื่นๆ กำลังยุ่งอยู่กับขากางเกงและแขนเสื้อ ภายใต้คำสั่งของเธอ
“เ้าพวกโง่ ด้านขวาสิด้านขวา ปลาตัวใหญ่นั่นไง!”
“โอ๊ย พวกเ้าทำให้มันดีๆ หน่อยได้ไหม! เ้าปลาตัวอ้วนที่จับมาหลุดไปหมดแล้ว”
เหล่าองครักษ์ที่ถูกเรียกให้ไปจับปลา เหงื่อไหลแตกพลั่กไปทั่วตัว ใจก็คิดว่าสู้ให้เราไปจับกระต่ายเสียยังดีกว่า ง่ายกว่าจับปลาพวกนี้ตั้งเยอะ
ต้านเสวี่ยและเถาเซียงก็กำลังจัดการกับปลาสดที่พวกเขาเพิ่งจะจับมา สาวน้อยทั้งสองเองก็ไม่ได้กินเนื้อมานานแล้วเช่นกัน เมื่อปลาย่างอยู่บนไฟ กลิ่นหอมก็กระจายออกไป จนพวกเขาอดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้
ชิวอวี่เหนื่อยแทบตาย มันไม่ง่ายเลยกว่าที่เขาจะจับปลาขึ้นมาได้ ทันทีที่โยนขึ้นฝั่ง ก็ถูกเ้าแมวที่จ้องมองมาอย่างตาเป็มันขโมยไป
ทว่า มันก็ไม่กินเอง มันคาบไปไว้ในมือของต้านเสวี่ย และเชิดคางขึ้นอย่างภาคภูมิใจ พร้อมกับอุ้งเท้าน้อยๆ ที่ทำท่าทาง ทำเอาสองสาวน้อยที่มองอยู่ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง
“สมแล้วที่เป็แมวที่องค์หญิงเลี้ยงมา...”
“ช่างพิเศษจริงๆ ดิบไม่กิน ต้องย่างให้สุกก่อน ถึงจะกิน...”
เ้าแมวอ้วนบึนปากและจ้องไปที่ปลาอ้วนตัวใหญ่ เมื่อเห็นปลาอ้วนตัวใหญ่ปรุงสุก ไม่ทันที่เถาเซียงและคนอื่นๆ จะเอาไป มันตั้งท่าและรีบพุ่งเข้ามา
“เหมียว”
เสียงร้องดังขึ้น
เมื่อเห็นว่าจู่ๆ ชิงอีก็ลุกขึ้น และเดินมาสองสามก้าว พร้อมกับยกเท้าเตะลูกกลม เผยให้เห็นเรียวขาที่ขาวราวกับหิมะที่โค้งอย่างสง่างามโผล่ออกมาด้านนอก และเ้าแมวอ้วนก็ถูกเตะลอยลงบ่อน้ำไป
“ฮึ่ย ข้ายังไม่ได้กินข้าวเลยนะ เ้ามันโลภนัก”
ทุกคนต่างเหงื่อตก เด็กสาวบริสุทธิ์ไร้เดียงสาที่เล่นน้ำก่อนหน้านี้เป็ภาพลวงตาอย่างแน่นอน ความโหดร้ายเท่านั้นคือความจริง!
“องค์หญิงเพคะ ปลา...” เถาเซียงส่งปลาให้ พร้อมกับเสียงที่สั่นเทา
ชิงอีขมวดคิ้ว เมื่อต้านเสวี่ยเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกกลัวขึ้นมา “หม่อมฉันช่วยองค์หญิงเอาก้างออกให้นะเพคะ”
“อืม เอาสิ”
จากระยะไกล ฉู่สือและคนอื่นๆ มองเห็นพฤติกรรมอันธพาลของใครบางคนในตอนนี้
หญิงสาวแบบนี้...คือว่าที่นายหญิงของพวกเขาน่ะหรือ?
ท่านอ๋องต้องโชคร้ายเพียงใดกันนะ?
แต่ก็ยังมีคนที่ไม่รู้กาลเทศะ หลิงเฟิงปรบมือ “สมแล้วที่เป็ว่าที่นายหญิงของพวกเรา ดูสิ มีอำนาจมากขนาดไหน! นี่สิคือเชื้อพระวงศ์!”
องครักษ์กลุ่มหนึ่งจ้องมาที่เขา พลางคิดในใจว่าเ้ากลัวว่าคนอื่นจะไม่เห็นว่าเ้าโง่หรือไร?
ฉู่สืออยากจะตีคนผู้นี้ให้ไปเกิดใหม่จริงๆ เ้าตาบอดหรือไร? ไม่เห็นหรือไรว่าาาหน้าดำไปหมดแล้ว?
เซียวเจวี๋ยละสายตาจากหญิงสาวที่กำลังเล่นน้ำด้วยเท้าเปล่าในระยะไกล ทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจึงรีบก้าวเท้าเดินไป
ชิงอีที่เห็นเซียวเจวี๋ยและคนอื่นๆ จากระยะไกล นางก็จงใจทำเป็ไม่สนใจ เมื่อเห็นเขาก้าวเท้าเข้ามา นางก็คิดไปถึงเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ
ดวงตาของนางสั่นไหวครู่หนึ่ง เมื่อเห็นใบหน้าที่เ็าของเซียวเจวี๋ย ในใจก็บ่นอุบว่าเป็ไปได้ไหมว่าเขาจะรู้เื่ที่สมบัติถูกขโมยไป?
ชิงอีซ่อนมือขวาไว้ข้างหลังโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว จะกลัวอะไรกันเล่า! ปล้นเขาแล้ว มันจะทำไม ต้องหนุ่มน้อยผู้นี้หรือไรกัน?
เพียงพริบตา เมื่อเซียวเจวี๋ยมาถึงด้านหน้า เขาก็ขมวดคิ้ว ใบหน้าที่หล่อเหลาเวลาที่ไม่ยิ้มนั้น ทำให้ผู้คนรู้สึกถูกกดดันโดยไม่มีเหตุผล
ชิงอีที่กำลังจะอ้าปากพูด ในวินาทีต่อมา นางก็ถูกอุ้มขึ้นมา
เขาจะทำอะไร!
ชิงอีรู้สึกประหลาดใจ
อย่าว่าแต่นางเลย ทุกคนที่เห็นก็ใไม่ต่างกัน
ฉู่สือถึงกับอ้าปากค้าง าา นี่มันอะไรกัน?!
“อย่าขยับ!”
เสียงตะคอกเด็ดขาดดังขึ้นเหนือศีรษะของนาง ชิงอีกระตุกมุมปาก ครู่ต่อมา ก็ถูกชายหนุ่มวางลงบนพื้นหญ้าใต้ต้นไม้
ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่ไว้ใจ ทว่า เมื่อเห็นสายตาของเซียวเจวี๋ยที่จ้องมองไปยังน่องครึ่งหนึ่งที่โผล่มาของนาง
หืม? ในที่สุดก็พบแล้วสินะว่านางมีขาที่เรียวสวย?
คำพูดถัดมาของชายหนุ่ม ทำให้ใบหน้าของนางมืดหม่น
“สมองยังไม่โตหรือไง?”
“ท่านตายเสียเถอะ!” ชิงยกขาขึ้น เพื่อจะเตะเขา ทว่า กลับถูกเขาจับเท้าเล็กๆ เอาไว้
เท้าของหญิงสาวขาวราวกับหยก ทว่า นิ้วเท้าเล็กๆ นั้นกลับดูอวบและน่ารัก เซียวเจวี๋ยจับเท้าของนางด้วยมือเดียว พร้อมกับความเ็าบนใบหน้าที่เพิ่มมากขึ้น
“เงียบ!” เขากดนิ้วโป้งลงบนใต้ฝ่าเท้าของนาง
ร่างกายของชิงอีสั่นไหวทันที ความโกรธแค้นทำให้นางเกือบจะสาปแช่งเขา
เถาเซียงที่ส่งเสียงกรีดร้องขึ้นจากด้านข้าง “ปลิง! ปลิง!!”