อวิ๋นซีมองคนโอหังตรงหน้า ั้แ่กลับมาเมืองหลวงได้ครึ่งปีก็เป็นางที่โอหังมาตลอด มิคาดว่าวันนี้จะมีคนที่โอหังยิ่งกว่า มุมปากนางโค้งขึ้นน้อยๆ พูดด้วยเสียงเ็า “คิดไม่ถึงเลยว่า ในเมืองหลวงนี้จะยังมีคนกล้าแย่งห้องพิเศษกับข้า วันนี้ออกมา ได้เจอเื่ที่น่าสนใจจริงๆ ”
ิหลันเฟิงพูดว่า “ข้าชอบห้องพิเศษห้องนี้ สตรีท่าทางอัปลักษณ์เยี่ยงเ้ารีบไสหัวไปเสียจะดีกว่า มิเช่นนั้น ข้าจะให้คนโยนเ้าออกไป”
“อาจหาญยิ่งนัก ยังคิดจะโยนข้าออกไปอีก” อวิ๋นซีหัวเราะเ็า ดวงตาที่จับจ้องอีกฝ่ายเ็ายิ่ง “ไม่ว่าเ้าจะเป็ใคร ข้าให้เวลาเ้าหายใจสิบครั้ง หากยังไม่ไสหัวไปอีก อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
นางเกลียดที่สุดเมื่อมีคนมารบกวนตน และตอนนี้ก็มีชายผู้โอหังเพียงนี้มายืนหายใจอยู่ที่นี่ แน่นอนว่าคนต้องเป็ทายาทจากตระกูลใหญ่ที่อาศัยว่าตระกูลตัวเองสูงส่งมารังแกคนอื่น คนเช่นนี้ หากนางเจอจะซัดให้น่วม
ิหลันเฟิงขมวดคิ้ว “สตรีมีครรภ์ที่ดุร้ายคนหนึ่ง? ดียิ่ง ก่อนหน้านี้ข้าเคยลิ้มรสสาวน้อยมาไม่น้อย แต่ยังไม่เคยได้ลิ้มรสหญิงมีครรภ์เยี่ยงนี้มาก่อน เช่นนั้นวันนี้ลองดูสักหน่อยก็ดี” เมื่อพูดจบ เขาก็หัวเราะฮิฮะมุ่งไปทางอวิ๋นซี
เมื่อฉุนเอ๋อร์เห็นเช่นนั้นก็อดขมวดคิ้วในใจไม่ได้ รู้ทั้งรู้อยู่แก่ใจว่าเมื่อใดที่ออกมาย่อมต้องเจอกับปัญหา นางพุ่งกายเข้าขวางอยู่ด้านหน้าของอวิ๋นซี “นายหญิงข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าให้เ้าไสหัวไปเดี๋ยวนี้”
อวิ๋นซีกุมขมับเบาๆ พูดอย่างปลงๆ “ฉุนเอ๋อร์ เ้ากลายเป็คนพูดง่ายเช่นนี้ั้แ่เมื่อไร แค่ไล่ออกไปก็เพียงพอแล้วมิใช่หรือ”
ฉุนเอ๋อร์ได้ฟังคำสั่งนั้นก็ยกเท้าขึ้นเตะิหลันเฟิงออกไปทันที “ไสหัวไป”
นี่นับเป็ครั้งแรกที่อวิ๋นซีได้เห็นฉุนเอ๋อร์ลงมือจัดการคน ท่วงท่าอีกฝ่ายดูสง่างามยิ่งนัก ไม่เสียทีที่เป็ลูกน้องของจวินเหยียน
ิหลันเฟิงคิดไม่ถึงแม้แต่น้อยว่าตนจะหมดสภาพอยู่ใต้เท้าสาวใช้คนหนึ่ง ก่อนจะได้เด็กรับใช้ช่วยประคองขึ้นมา ดวงตาแดงก่ำ เขากล่าว “ยังจะมัวยืนอยู่นี่ทำอะไร? ไป รีบไปจับสตรีบ้านั่นมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ วันนี้ข้าจะสั่งสอนนังผู้หญิงนั่นเสียที่นี่” คนตั้งครรภ์อยู่ หากได้ข่มเหงนางจักต้องยิ่งรู้สึกดีแน่
“...จับนังชั้นต่ำสองคนนั่นมาให้ข้าด้วย วันนี้ข้าจะทรมานสตรีทั้งสามนี้ให้ตาย พวกสตรีชั้นต่ำ”
ถ้อยคำของิหลันเฟิง ทำให้ในสายตาของอวิ๋นซีปรากฏแววอาฆาต ขณะเดียวกันฉุนเอ๋อร์กับหวนเอ๋อร์เองก็โกรธจัดแล้วเช่นกัน “หากกล้าแตะต้องนายหญิงข้า ตระกูลเ้าเก้าชั่วโคตรจักต้องไม่อยู่ดี! ”
เมื่อฉุนเอ๋อร์พูดจบก็ลงมือแล้ว
ทางด้านิหลันเฟิง ทุกคราที่ออกจากบ้าน เขามักจะพาคนติดตามมาด้วยสิบกว่าคน ครั้งนี้ก็เช่นกัน ดังนั้น ฉุนเอ๋อร์ที่มีเพียงสองหมัดจึงยากจะต้านสี่มือ ชั่วขณะนั้นผู้คุ้มกันไม่น้อยก็เข้าถึงตัวอวิ๋นซีได้ ถึงแม้หวนเอ๋อร์จะรั้งไว้ได้สองสามคน แต่ก็ยังไม่สามารถกันคนจำนวนมากเพียงนี้ไว้ได้หมด คนสองสามคนพุ่งกายไปถึงตรงหน้าอวิ๋นซีด้วยหมายจะลงมือกับหญิงมีครรภ์
อวิ๋นซีตบคนจนหน้าหงาย “ก่อนที่จะมาแตะต้องตัวข้า พวกเ้าควรไปสืบดูเสียหน่อยนะว่า ข้าอวิ๋นซีเป็คนที่รังแกได้หรือไม่” นางซัดหมัดใส่คนอีกคนจนเขาถลาออกไปด้านหนึ่ง
ในตอนที่นางจัดการคนเ่าั้จนหมอบลงกับพื้นกันหมดแล้ว จู่ๆ ไหล่ของนางก็รู้สึกเจ็บแปลบ ก่อนจะกระอักเืออกมาคำหนึ่ง ขณะเดียวกันฉุนเอ๋อร์และหวนเอ๋อร์ที่จัดการผู้คุ้มกันเ่าั้เรียบร้อยแล้ว เมื่อได้เห็นผู้เป็นายตนเป็เช่นนั้น สีหน้าก็ถึงกับเปลี่ยนไปในทันที “นายหญิง! ”
“พระชายา! ”
เสียงเรียกขานของพวกนางดังก้องไปทั่วทั้งห้องพิเศษแห่งนี้ ผู้ดูแลร้านที่รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาอวิ๋นซีอยู่ก่อนแล้ว ในตอนนี้เมื่อได้ยินฉุนเอ๋อร์และหวนเอ๋อร์ะโเช่นนี้อีก สีหน้าคนก็ถึงกับเปลี่ยนไป “นี่ นี่คือชายาหนิงชินอ๋อง? ”
“พวกเ้าสมควรตาย! ” หวนเอ๋อร์และฉุนเอ๋อร์รุดเข้าประคองร่างของอวิ๋นซี จากนั้นจึงหันมองิหลันเฟิงตรงหน้าด้วยสีหน้าเ็ายิ่ง “หากพระชายาของข้าและเด็กในครรภ์พระนางเป็อะไรขึ้นมา ฝ่าาและท่านอ๋องไม่มีทางปล่อยพวกเ้าไว้แน่”
ในตอนนี้เองท่ามกลางกลุ่มคนที่มามุงดูเหตุการณ์ หนึ่งในนั้นมีชายที่คลุมผ้ากันลมสีขาวเงินฝ่าฝูงชนเดินเข้ามาจนมาหยุดอยู่ข้างกายฉุนเอ๋อร์และหวนเอ๋อร์ราวกับสายลม เขามองคนที่ดวงหน้าซีดขาว “ฉิน...”
คำว่า ฮูหยินฉิน ที่มาถึงปาก สุดท้ายเจียงเฉิงก็ตัดสินใจกลืนลงไป เขามองนางด้วยสายตาสงสารเล็กน้อย “ชายาหนิงอ๋อง ทรงไม่เป็ไรนะพ่ะย่ะค่ะ” วันนี้เขามาทำธุระที่เมืองหลวง มิคาดจะได้เห็นฉากเช่นนี้ อีกทั้ง คราวแรกที่เขาได้เห็นอีกฝ่ายก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่า สตรีตรงหน้านี้คือฮูหยินฉินผู้เป็ภรรยาของคนอื่นที่ทำให้เขาคิดถึงอยู่เช้าค่ำผู้นั้น
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เขาสังเกตเห็นวิธีการจัดการกับคนเ่าั้ของนาง รวมถึงรอยแผลเป็ที่ข้อมือนางที่เขาจดจำได้เป็อย่างดี ถึงแม้รอยแผลนั้นจะตื้นเขินมากเพียงไร แต่เขาก็จำได้ั้แ่แว่บแรกที่เห็น ก่อนจะแน่ใจว่า ฮูหยินฉินกับชายาหนิงอ๋องคือคนคนเดียวกัน
อวิ๋นซีเห็นว่าเป็เจียงเฉิงที่เข้ามา ชั่วขณะนั้นนางก็รู้อย่างแน่ชัดว่าเขารู้ตัวตนของนางแล้ว เจียงเฉิงถือเป็หนึ่งในสหายของนางที่มีอยู่ไม่มาก มุมปากนางขยับน้อยๆ ทว่า จู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บท้องเป็อย่างมาก “เจียงเฉิง เร็ว พาข้ากลับจวนอ๋อง ข้าเจ็บท้องยิ่งนัก”
เจียงเฉิงไม่แม้แต่จะคิดก็ถอดผ้ากันลมของตนออกแล้วนำไปคลุมตัวอวิ๋นซีไว้ จากนั้นจึงอุ้มคนขึ้นมา เขาหันมองไปยังฉุนเอ๋อร์และหวนเอ๋อร์ที่ยังยืนสติหลุดลอยอยู่ด้านข้าง “ไป รีบไปเปิดทางให้พวกข้า”
หวนเอ๋อร์เดินนำหน้า ส่วนฉุนเอ๋อร์หันมองไปยังผู้ดูแลร้าน “ผู้ดูแล ข้าหวังว่าเ้าจะไปที่ศาลาว่าการ แล้วทูลเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ท่านอ๋องทราบ บอกพระองค์ด้วยว่าเกิดเื่ขึ้นกับพระชายาแล้ว”
แน่นอนว่าผู้ดูแลร้านรู้ดีว่า เื่ราวที่เกิดขึ้นนี้ร้ายแรงเพียงไร เขารีบรับคำพร้อมๆ กับที่ร่างกายชรามุ่งหน้าออกไปด้านนอก เขาอยากไปยังจุดหมายให้เร็วขึ้น เร็วขึ้นอีก
อวิ๋นซีที่ออกจากจวนไปอย่างดีๆ แต่สุดท้ายกลับถูกคนอุ้มกลับมา...
เื่ที่เกิดขึ้นนี้แพร่ไปทั่วจวนอ๋อง แต่ว่าโชคยังดีที่ในจวนอ๋องนี้มีหมอตำแยพำนักอยู่แล้ว อวิ๋นซีมองหวนเอ๋อร์แล้วรีบออกปากสั่ง “รีบไปจวนตระกูลหลิ่ว บอกให้หลิ่วเซิงมาที่นี่ เด็ก คงต้องผ่าคลอด คงต้องให้เด็กออกมาก่อนกำหนดแล้ว”
“พระชายา...” หวนเอ๋อร์ตาแดง นางคิดอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
“เร็วเข้าเถอะ ตระเตรียมทุกอย่างให้พร้อม เร็ว” อวิ๋นซีรู้สึกได้ว่า ที่่ล่างตนคลับคล้ายจะมีอะไรบางอย่างไหลออกมา อีกทั้ง นางยังรู้ด้วยว่า ความเ็ปและอาการใดๆ ทั้งหลายนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับความเ็ปที่ไหล่ นางนึกสงสัยว่า หากสิ่งที่แทงไหล่นางไม่ได้มีพิษ ก็น่าจะเป็ยาขับเืชนิดรุนแรง
ส่วนเหตุที่นางกระอักเืออกมา ก็คงเพราะเืลมโจมตีหัวใจอย่างกะทันหัน
เจียงเฉิงมองท่าทีทรมานของอวิ๋นซี เขาเอ่ยถาม “ข้าสามารถช่วยอะไรท่านได้บ้าง”
“เจียงเฉิง ข้ารู้ว่าท่านเองย่อมต้องมีพรรคพวกอยู่ในเมืองหลวง เมื่อครู่นี้มีคนลงมือลับหลังข้า ลำบากท่านช่วยสืบให้ข้าที ฝั่งตรงข้ามของห้องพิเศษที่ข้าอยู่ มีใครอยู่บ้าง...” เมื่อพูดจบ ร่างทั้งร่างของนางก็ซีดเซียว ไร้สีเืที่อาจถึงขั้นทำให้คนเป็ลมสลบไป
เจียงเฉิงเห็นท่าทางเช่นนี้ของอวิ๋นซีก็อดไม่ได้ให้เป็กังวลยิ่ง เขาไม่อยากจากไปจริงๆ อีกทั้ง หัวใจดวงนี้ก็คล้ายว่ากำลังถูกบีบรัด กว่าข้าจะหาท่านเจอมิใช่เื่ง่าย แต่ยามนี้เมื่อได้มารู้สถานะที่แท้จริงของท่านแล้ว เหตุใดท่านจึงต้องทรมานข้าด้วยการให้ข้ามาเห็นด้านที่อ่อนแอไร้ทางสู้ของท่านด้วย
อวิ๋นซีเห็นเขายังไม่ยอมไปก็กัดฟันพูดต่อ “หากไปช้า หลักฐานทั้งหลายจะถูกคนทำลายทิ้ง”
ในใจของเจียงเฉิงไม่อาจทนมองนางได้ เขาพูดขึ้น “ท่านต้องห้ามเป็อันใดเด็ดขาด รอข้ากลับมานะ ข้าหวังว่าจะได้เห็นท่าน เห็นแม่ลูกปลอดภัยทั้งคู่ ข้าจะเป็พ่อบุญธรรมให้เด็กคนนี้”
“ได้”
ตอนที่เจียงเฉิงเดินไปถึงเรือนด้านนอกก็บังเอิญเห็นบุรุษที่เร่งร้อนเข้ามาราวกับลมหวน คนทั้งสองแค่ปะหน้ากัน อย่างไรเสีย ในใจของจวินเหยียนยามนี้ก็คิดคำนึงเพียงภรรยาตน ไม่มีเวลาจะมาสนใจเจียงเฉิงจากแดนไกลที่จู่ๆ ก็มาโผล่อยู่ในจวนเขาที่เมืองหลวง
เจียงเฉิงหันกลับไปมองแผ่นหลังของจวินเหยียนพร้อมกล่าวว่า “หากว่าหนิงชินอ๋องไม่อาจปกป้องภรรยาตนให้ดีได้ ไม่สู้มอบนางให้กับคนที่สามารถปกป้องนางได้เล่า”