"โอ๊ยยย!!! แค่ห้องเดียวก็ดังจนปวดหัวแล้ว นี่เล่นโต้ตอบกันสองห้อง! ด่ากันลั่นขนาดนี้ ใครจะอยู่กันได้!"
เสียงโวยวายจากห้องถัดไปดังแทรกขึ้นมาอย่างเหลืออด ทำเอามะลิสะดุ้งเฮือก รีบเม้มปากแน่น รู้สึกผิดขึ้นมาทันทีที่ดันทำให้เพื่อนบ้านคนอื่นต้องเดือดร้อน
"ขอโทษค่ะ!" มะลิะโตอบกลับเสียงดัง เพื่อแสดงความรับผิดชอบและสำนึกผิด
"ขอโทษครับ" เสียงจากห้องข้างๆ ดังขึ้นตามมา ฟังแล้วดูนอบน้อม และจริงใจจนมะลิถึงกับเบิกตากว้างเล็กน้อย
กับห้องอื่น ดันขอโทษได้สุภาพ... แล้วทำไมกับเธอถึงได้เสียงแข็งใส่ทุกคำ!
ยิ่งคิดก็ยิ่งเดือดขึ้นมาในอก ความรู้สึกไม่เป็ธรรมมันตีรวนจนเธอแทบะเิ
‘เจอกันนอกห้องเมื่อไร จะสั่งสอนให้เข็ดเลย!’ เธอกัดฟันแน่นในใจ แม้ตอนนี้จะเก็บอารมณ์ไว้เงียบๆ แต่แววตาที่วาบขึ้นมานั้นเต็มไปด้วยไฟโทสะที่พร้อมจะปะทุ
‘เตะให้กระเด็น เตะให้รู้ว่าอย่าคิดมีปากเสียงกับฉันคนนี้ได้ง่ายๆ!’ เธอคิดต่อไปอย่างฮึดฮัดในใจ
เช้าวันต่อมา
"โอ๊ย! สายแล้ว สายจริงๆ!" มะลิบ่นเสียงลั่นไปทั่วห้อง ขณะวิ่งวุ่นอยู่กับการเตรียมตัว เธอหยิบของจากมุมโน้นมายัดใส่มุมนี้ ลนลานจนแทบจำไม่ได้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน
กระจกบานหน้าห้องกลายเป็จุดยุทธศาสตร์สำคัญที่เธอวิ่งไปเช็กหน้าตาแทบทุกสามวินาที
"ต่างหู! ต่างหูฉันอยู่ไหนเนี่ย?" เสียงบ่นยังไม่หยุด ขณะมือก็ควานหาต่างหูคู่งามที่จะเข้ากับชุดสูทสีขาวสะอาดตาที่เสื้อด้านในเป็สีเขียวใบไม้ โทนใหม่ที่เพิ่งสอยมาหมาดๆ และแม้จะดูหรูหราเป็ทางการ แต่ก็ขัดกับสไตล์เดิมของเธออยู่ไม่น้อย
โดยปกติ มะลิแต่งตัวง่ายๆ สบายๆ เสื้อยืดคอกลม กางเกงยีนส์ หรือไม่ก็กระโปรงฟูฟ่องลายน่ารักกับเสื้อลายดอกไม้เล็กๆ สดใสตามสไตล์สาวมัณฑนากรที่มีหัวใจเป็ศิลปิน
แต่วันนี้ไม่ใช่วันปกติ วันนี้เธอต้องไปพบนัดสำคัญ ลูกค้ารายแรกของบริษัท ที่มีโอกาสจะกลายเป็รายใหญ่ในอนาคต
ดังนั้น... ภาพลักษณ์จึงต้องมาเป็อันดับหนึ่ง
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เธอก็รีบรวบกระดาษแบบร่างสามสี่ม้วนเข้าด้วยกัน อุ้มประคองไว้ในอ้อมแขน ขณะอีกมือหนึ่งคว้ากระเป๋าสะพายขึ้นบ่า แล้วออกจากห้องอย่างทุลักทุเล
เสื้อผ้าเรียบหรู แต่ท่าทางตอนออกจากห้อง... เหมือนตัวการ์ตูนมากกว่าผู้บริหาร
ประตูลิฟต์กำลังจะปิดสนิทอยู่แล้ว แต่จู่ๆ มือหนาก็ยื่นเข้ามากันไว้ ทำให้เซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหว แล้วเปิดประตูออกอีกครั้ง
มะลิเงยหน้าขึ้นมองคนที่เพิ่งจะเข้ามาในลิฟต์ แล้วดวงตาก็เบิกโพลงทันทีเมื่อเห็นหน้าอีกฝ่าย
...ไอ้เด็กนั่น!
"Hi... Auntie." เสียงทักทายอย่างยียวนดังขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มเ้าเล่ห์ประจำตัว ที่ยิ่งเห็นก็ยิ่งชวนให้ของขึ้น
เขาสวมชุดนักศึกษาที่พอดีตัวจนน่าหมั่นไส้ ดูดีเสียจนแม้แต่เงายังดูหล่อ แต่นี่ไม่ใช่เวลามานั่งวิเคราะห์ความหล่อของคนตรงหน้า!
มะลิเชิดหน้าขึ้นสูง ไม่ชายตามอง เหมือนอีกฝ่ายเป็แค่ลมผ่าน
"เมื่อวานป้าเตะผมซะไส้แทบหลุดเลยนะครับ... รู้ตัวไหม?" เสียงพูดเรื่อยเปื่อย เหมือนจะหยอกล้อ แต่มีแววประชดเจืออยู่
"..." หญิงสาวยังคงเชิดหน้าสูง ไม่ตอบ ไม่สบตา ไม่แม้แต่จะกะพริบตาใส่เขาด้วยซ้ำ
"โอ้โห หอบของซะขนาดนี้ เดี๋ยวก็เข่าทรุดนะครับป้า... มาๆ ผมช่วยถือเอง" พูดพลางก้าวเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว มือเตรียมจะคว้ากระดาษแบบร่างในมือเธอ
"หยุดเลย! อย่ามายุ่งกับของของฉันนะ!" มะลิรีบกอดม้วนแปลนแน่นขึ้นทันที ดวงตาเบิกกว้างด้วยความระแวง
แบบร่างพวกนี้คือหัวใจของงานวันนี้ หากเสียหายแม้แต่นิดเดียว ทุกอย่างพังหมด!
"หวงซะด้วย..." เขายิ้มมุมปาก ท่าทางเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ ซึ่งแน่นอน... ไม่ใช่เื่ดีแน่ๆ
"หยุดเลยนะ! หยุดความคิดเพี้ยนๆ ของนายเดี๋ยวนี้!" เธอตะคอกกลับ น้ำเสียงดุ
ดูจากท่าทางของเขาแล้ว... ถ้าเธอเผลอเมื่อไหร่ เขาได้แกล้งอะไรเธอแน่!
ติ้ง!
เสียงลิฟต์เปิดประตูดังขึ้นราวกับช่วยชีวิต มะลิรีบสาวเท้าก้าวออกจากลิฟต์ทันที ไม่รอช้าแม้แต่วินาทีเดียว
ปล่อยให้เ้าหนุ่มเ้าเล่ห์ยืนยิ้มอยู่ข้างหลังโดยไม่ให้ความสนใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้