วันต่อมา
09:30น.
ตึกรับรองของผู้บริหาร มหาลัยซาโต้ม่ะ
ต้นฝน ซาโยโกะจัง...
พรึบ
“อื้ออออ เมื่อยยยยย! ”ฉันบิดตัวไปมาด้วยความเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไปหมดก่อนจะค่อยๆลืมตามองไปรอบๆห้อง ก็พบกับสถานที่แปลกตา
“อยู่ที่ไหนอีกเนี่ย? ”ฉันยันตัวลุกขึ้นนั่งพลางมองไปรอบๆห้องนอนโทนเดียวกับห้องที่อีตาบ้าซาโนะปล่อยฉันทิ้งไว้คนเดียวแต่ข้าวของเครื่องใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ถูกตกแต่งมองดูแตกต่างออกไปจากห้องเมื่อวาน
แอ๊ดดดด
“ตื่นแล้วเหรอคะคุณหนู^_^”เสียงไพเราะเอ่ยทักทายฉันขึ้น ฉันจึงหันไปมองคนมาใหม่ก็พบกับผู้หญิงแต่งชุดสีขาวสะอาดตาเหมือนพวกแม่บ้าน
“แม่บ้านอย่างงั้นเหรอ? ”ฉันพึมพำถามตัวเองและเริ่มกระตุกรอยยิ้มที่มุมปาก
“ค่ะ ตื่นเพราะหนูหิว หิ๊ววววมากๆๆเลยค่ะ”
“หิวจนปวดท้องแล้ว”ฉันแกล้งแสดงละครอาการปวดท้องเหมือนปวดหนักมาเพราะหิวข้าว แม่บ้านก็มีสีหน้าที่ตื่นใ
“งั้นรอสักแปปนะคะเดี๋ยว ดิฉันจะไปยกอาหารมาให้คุณหนู”แม่บ้านตอบมาอย่างไร้เดียงสา ฉันจึงแกล้งทำสีหน้าสุดซึ้งใจให้เธอและทำสีหน้าให้เธอเห็นใจฉัน
“ขอบคุณนะคะ หนูหิวจนปวดท้องไปหมดแล้วค่ะ เหมือนจะเป็ลมด้วยค่ะ”ฉันเพิ่มสกิลตอแหลมากขึ้นไปอีกเพื่อให้ป้าแม่บ้านสนใจและใจอ่อนจนคิดว่าฉันเป็จริงๆอย่างที่ปากฉันพูดไม่ได้แกล้งเหมือนที่ตัวฉันรู้อิอิ โอกาสในการหนีครั้งนี้ของฉันมากขึ้นไปอีก และครั้งนี้ต้องสำเร็จแน่นอนฉันมั่นใจ
“ค่ะๆเดี๋ยว ดิฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ! ”เธอบอกฉันด้วยสีหน้าเป็ห่วงและร้อนรนใจ ฉันก็ยิ่งเบะปากเพิ่มขึ้นไปอีกทำสีหน้าเศร้าสร้อย เธอก็รีบร้อนรนวิ่งออกจากห้องนอนขนาดใหญ่นี่ออกไป ฉันกระตุกรอยยิ้มมุมปากขึ้นและรีบมองหาสิ่งที่จะพาฉันออกไปจากที่นี้และสายตาของฉันก็ไปผสานเข้ากับกระเป๋าหนังสีดำสนิทสะอาดตาใบหน้าวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอน
พรึบ
“กระเป๋าตังอีตาบ้าซาโนะแน่ๆ”ฉันพูดขึ้นพลางเปิดดูเงินในกระเป๋าก็พบกับเงินของประเทศญี่ปุ่นที่มีอยู่หลายล้านเยน ฉันจะได้กลับบ้าแล้ว^_^
พรึบ
แกร๊ก
“โชคดีอะไรของอีต้นฝนขนาดนี้ว่ะเนี่ย”ฉันยิ้มกริ่มเมื่อป้าแม่บ้านลืมล็อคประตูเหมือนเช่นทุกครั้ง ฉันไม่รอช้ารีบวิ่งออกไปจากห้องนี้ผ่านบรรดาประตูห้องต่างๆไปเรื่อยๆจนกระทั่งไปถึงบันได
พรึบ
“เกือบ! ”ฉันสบถออกมาเบาๆและรีบพาร่างฉันไปแอบหลบมุมตรงหัวบันไดเพื่อไม่ให้ชายชุดดำสองคนเห็น ดูเหมือนพวกเขาจะเป็คนคอยเฝ้าคนเข้าออกสินะ ถ้าฉันจะแอบอยู่แบบนี้ ชาตินี้คงไม่ได้ออกไปจากที่นี้ เพราะฉะนั้น
“หึ ได้เวลายืดเส้นยืดสายแล้ว^_^”ฉันพูดขึ้นและลุกขึ้นยืนบิดตัวไปมา โยกคอไปทางซ้ายทางขวาจนกระดูกลั่น หักข้อมือนิดนึงเพื่อคลายเส้นและเตรียมความพร้อมในการต่อสู้ครั้งนี้แต่เอ๊ะ! แขนฉันหักอยู่หนิ ว่าแล้วทำไมรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ
“ย้าาาาาาา”ฉันแหกปากร้องลั่นเพื่อเรียกภาระกำลังภายในและวิ่งพุ่งลงบันไดไปยังชายชุดดำสองคนนั้น เมื่อได้จังหวะชายชุดดำทั้งสองคนก็พากันหันมามองฉันด้วยความใ ฉันไม่รอช้าเมื่อเกือบจะถึงบันไดขั้นสุดท้ายฉันก็ดีดตัวขึ้นใช้เท้าถีบไปที่ยอดอกของชายชุดดำสองคนนั้นอย่างจัง
ตุ๊บ ตุ๊บ
“โอ้ยยย!! ”
“เอือก!! ”เสียงร้องโอดโอยของชายชุดดำที่ไม่ทันตั้งตัวในจังหวะที่โดนเท้าของฉันถีบเข้าไปที่หน้าอกอย่างจังๆเซถอยหลังไปทรุดตัวล้มทั้งยืนด้วยความเจ็บ
“คนละตีน^_^”ฉันยืนยิ้มชื่นชมกับผลงานตัวเองและไม่รอช้าเมื่อสายตาของฉันหันไปสบเข้ากับกล้องวงจรปิด
“ชิบอ๊ายแหละ!! ”ฉันพูดพร้อมกับรีบวิ่งออกมาจากที่ตรงนั้นอย่างไว ฉันวิ่งลงบันไดมาเรื่อยๆจนมาถึงชั้นล่างได้สำเร็จ
“เฮ้อออ! ”ฉันยืนหอบหายใจเหนื่อยถี่อยู่ที่บันไดขั้นสุดท้าย เกือบตาย!
“ทางสะดวก”ฉันมองไปรอบๆก็ไม่เห็นชายชุดดำที่คิดว่าน่าจะเฝ้าอยู่เต็มที่นี้สักคน
“มันแปลกๆรึเปล่า? ”ฉันพูดกับตัวเองและค่อยๆย่างขาเดินไปตามทางห้องโถงขนาดใหญ่เรื่อยๆอย่างระมัดระวัง กลัวอีตาซาโนะมาเห็นมีหวังถ้าเขาจับได้ ฉันโดนขังลืมแน่ๆ
ตึกๆๆๆ
“วู้ๆๆๆ นึกว่าจะฉลาด^_^”ฉันยิ้มกว้างเมื่อพาร่างของตัวเองออกมาพ้นตึกขนาดใหญ่ที่หรูหราอลังการได้แล้ว แต่เอ๊ะ นี่มันมหาลัยไม่ใช่เหรอ?
“ฉันยังไม่ได้กลับบ้านเหรอเนี่ย? ”ฉันพยายามนึกประมวลเส้นทางที่ฉันนั่งรถมาเมื่อวานและสายตาของฉันก็เปร่งประกายลุกวาวขึ้นเมื่อนึกเส้นทางไปยังตัวเมืองของประเทศนี้ได้ โชคดีที่เกิดมาฉลาด^_^ ฉันเดินไปตามทางเรื่อยๆก็ไปพบเข้ากับประตูขนาดใหญ่หนึ่งบานเพื่อเปิดให้รถยนต์เข้าออกไปแต่ตอนนี้มันปิดอยู่ และยังมีประตูบานเล็กอีกหนึ่งบานที่เปิดอยู่
“โชคดีจริงๆสงสัย วันนี้คงจะเป็วันสุดท้ายที่ฉันจะได้อยู่ที่นี้สินะ^_^”ฉันพูดขึ้นพลางโยกศรีษะไปมาเหมือนเด็กๆที่เวลาดีใจที่ได้ไปเที่ยว ฉันไม่รอช้ารีบเดินออกประตูไปและเดินไปตามทางฟุตบาทเรื่อยๆจนไปพบเข้ากับร่างหนาของใครสักคนที่ยืนพิงต้นไม้ขนาดใหญ่อยู่ คนใต้ต้นไม้นั้นไม่ใช่คนที่ฉันคิดรึเปล่า
“สนุกพอรึยังครับ คุณหนูซาโยโกะจัง? ”เสียงกระแหนะกระแหนของคนใต้ต้นไม้เอ่ยขึ้นพลางค่อยๆเงยหน้าและเขาก็ค่อยๆถอดแว่นตากันแดดสีดำออก อีตาซาโนะหนิ
“คุณรู้ได้ยังไงอ่ะ? ”ฉันถามเขาไปอย่างหงุดหงิดใจและเดินกระทืบเท้าเข้าไปหาเขาอย่างไว เขาก็กระตุกรอยยิ้มมุมปากและเลิกคิ้วข้างหนึ่งมองมาที่ฉันอย่างกวนๆ
“ผมน่ะ ทันเล่ห์เหลี่ยมของคุณทุกอย่างแหละ ว่าแต่คุณจะหนีไปไหนผมจะได้ไปส่ง”เขาเอ่ยขึ้น คำพูดของเขาทำให้ฉันเบิกตาโตขึ้นด้วยความใ มองหน้าเขาอย่างสงสัยเพราะไม่อยากเชื่อคำพูดของเขา
“คุณพูดจริงๆเหรอ? ”
“อืม ผมจะหลอกคุณทำไม เพราะผมก็ไม่อยากจะดูแลคุณสักเท่าไหร่หรอก”เขาบอกฉันด้วยนำ้เสียงและสีหน้าที่พูดจริงๆแบบที่เขาบอกฉัน ฉันยิ้มกว้างขึ้น
“ฉันอยากกลับบ้าน ฉันอยากไปหาแม่ ฉันอยากกลับประเทศไทย”ฉันบอกเขาไปพลางทำสีหน้าเศร้าสร้อยเพราะฉันคิดถึงบ้านของฉันจริงๆ ที่นี้ไม่ใช่บ้านฉัน
“ได้ เอาตามที่คุณขอและจะมีแค่เราที่รู้เื่นี้แค่สองคน”
“ได้ไม่มีปัญหา^_^”ฉันยิ้มให้เขา เขาก็มองหน้าฉันอยู่พักหนึ่งและฉันก็เลยจ้องหน้าเขากลับไปด้วยความสงสัย แววตาของเขาจดจ้องมาที่ใบหน้าของฉันโดยไม่ได้กระพริบตาเลยสักนิด
“คุณเป็อะไรรึเปล่าคะ? ”ฉันเอ่ยถามเขาไปอย่างสงสัย และดูเหมือนเขาจะไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันถามเขาน่ะ
“คุณซาโนะคะ!! ”คราวนี้ฉันยกมือขึ้นไปโบกไหวไปมาตหน้าเขาและเรียกเขาให้เสียงดังกว่าเดิม และดูเหมือนเขาจะได้สติแล้วนะ
“ฮ่ะ! เรียกผมทำไม? ”เขาทำสีหน้าเลิกลั่กถามฉันกลับมาด้วยความใ
“ก็คุณเอาแต่จ้องหน้าฉัน! ”ฉันโวยใส่เขากลับไป เขาก็ทำสีหน้าใวอกแวกและรีบหยิบแว่นกันแดดของตัวเองขึ้นมาสวม
“ไปได้แล้ว”เขาบอกฉันและรีบหันหลังให้ฉัน ฉันก็มองเขาด้วยความสงสัย
“อะไรของเขาว่ะ? ”ฉันยกมือขึ้นมาเกาหัวตัวเองและรีบเดินตามร่างสูงโปร่งที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีนำ้เงินผับแขนขึ้นไปถึงข้อศอกและสวมกางเกงยีนส์สีดำรองเท้าหนังสีดำเงาทำให้รูปร่างของเขาเปล่งออร่าความหล่อเพิ่ทขึ้นไปอีก เพราะเขาขาวมากและผิวเนียนมากอ่ะขอบอก
“รอฉันด้วยสิคุณ จะรีบเดินไปไหน!! ”ฉันะโเรียกเขาให้เดินรอฉัน เพราะระหว่างที่ฉันแอบชื่นชมเขาอยู่ในใจอีตาบ้าซาโนะก็รีบจ้ำเดินเร็วขึ้นเหมือนจะหนีฉันอย่างงั้นแหละ
“ก็คุณมัวชักช้าเอง! ”เขาะโตอบฉันกลับมาแต่ไม่ได้หันมาหาฉัน ฉันก็จิ๊ปากใส่แผ่นหลังกว้างๆของเขาอย่างนึกหมั่นไส้และรีบวิ่งไปให้ทันเขาที่เดินไปถึงรถสปอร์ตป้ายแดงคันสีนำ้เงินเงาวับตัวใหม่ล่าสุดที่จอดอยู่ตรงฟุตบาท เขาเดินขึ้นรถไปโดยไม่ได้รอให้ฉันวิ่งไปถึงก่อน ฉันเมื่อวิ่งไปถึงก็เปิดประตูรถและขึ้นไปนั่งอย่างไวเพราะกลัวอีตานี่เปลี่ยนใจขึ้นมา ไม่พาฉันหนี
“ไปไหน? ”เขาถามฉันโดยที่ยังไม่ยอมหันมามองหน้าฉัน ฉันก็มองไปที่เขาและหยิบสายเบลล์มาคาดเพื่อความปลอยภัยไปด้วย
“ไปสนามบิน ฉันจะกลับบ้าน! ”
“มีพาสปอร์ตรึไง? ”
“ไม่มี คุณเป็มาเฟียนี่คงไม่ใช่เื่ยากที่คุณจะทำ”
“แต่ผมไม่ทำ”เขาหันมาหาฉัน ฉันก็มองหน้าเขาและจ้องตาเขาผ่านแว่นดำ อะไรเดี๋ยวก็จะช่วย เดี๋ยวก็ไม่ช่วย
“เพราะถ้าผมทำพาสปอร์ตให้คุณมีหวัง ท่านมิซานกับคุณพ่อของผมเล่นงานผมแน่และก็รู้ด้วยว่าผมพาคุณหนี! ”เอ่อก็จริงอย่างที่อีตานี่พูด
“แล้วจะทำยังไงอ่ะ? ”ฉันย่นจมูกถามเขาและหันกลับมาใช้ความคิดว่าจะเอายังไงต่อ
“ไปทางเรือ เรือสินค้าของผมจะออกคืนนี้ ผมจะบอกคุณพ่อของคุณและของผมว่า ผมไปดูงานที่ท่าเรือและเผอิญพาคุณไปด้วย ในระหว่างที่ผมกำลังตรวจงานคุณก็แอบหนีลงเรือไปซ่อนตัวเพื่อรอเวลาเรือออกเพื่อไปกับเรือ”
“ความคิดดี งั้นเอาแบบที่คุณว่า ไปส่งฉันที่ท่าเรือของคุณเลย^_^”ฉันยกแขนขึ้นมากอดอกและยิ้มด้วยความอิ่มเอมใจในการจะได้กลับบ้านของฉันในครั้งนี้
“คุณไม่อยากอยู่ที่นี้ขนาดนั้นเลย? ”อยู่ดีๆเขาก็เอ่ยถามฉันในระหว่างทางที่เขาขับรถกำลังจะพาฉันไปที่ท่าเรือของเขา ฉันก็หันกลับไปมองหน้าเขา
“ใช่ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี้ เพราะฉันไม่ชอบที่นี้ ไม่ชอบพ่อและก็ไม่ชอบคุณด้วย”ฉันตอบเขาไปด้วยนำ้เสียงจริงจังและเเน่วแน่ เพราะฉันไม่มีวันเปลี่ยนใจ! ซาโนะเงียบไปเมื่อเขาได้ยินคำตอบของฉัน ฉันก็ยิ่งสงสัยเขาเข้าไปอีก วันนี้ดูเขาแปลกๆไปน่ะ ก่อนหน้านี้ก็ดูแลฉันและไม่ยอมให้ฉันหนี แต่วันนี้กลับมาพาฉันหนีซะงั้น ผู้ชายนี่เดาใจยากจริงๆ เชื่อใจไม่ได้!
เอี๊ยดดดดดดด
“อะไรน่ะ!! ”ฉันร้องออกมาด้วยความใเมื่อซาโนะเหยียบเบรกรถกระทันหัน เขาเองก็ใไม่แพ้ฉัน
“คุณรอผมอยู่ในนี้อย่าลงไป! ”เขาหันมาทำนำ้เสียงสั่งฉันด้วยความร้อนรนใจ เขารีบปลดสายเบลท์ ฉันก็พยักหน้ารับคำสั่งเขา ฉันเองก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าจะเชื่อฟังเขาไปทำไมแต่เพราะสายตาที่สื่อว่าเป็ห่วงของเขามันทำให้ใจของฉันเต้นโครมครามขึ้นมาอย่างดื้อๆ เ้าหัวใจบ้า!
พรึบ
ซาโนะเปิดประตูและลงจากรถไปดูร่างชายชราที่นอนจมกองเืขวางทางอยู่ทำให้รถของเราผ่านไปไม่ได้ เขาเดินไปก้มดูและจับตัวชายชราคนนั้นเพื่อดูว่าเขายังมีชีวิตอยู่รึเปล่าและในจังหวะนั้นก็มีชายชุดดำร่างใหญ่เดินถือไม้หน้าสามเข้าไปหาซาโนะจากทางด้านหลังและใช้จังหวะที่ซาโนะกำลังทำการช่วยเหลือชายชราคนนั้นกำลังจะฟาดไม้หน้าสามลงไปบนแผ่นหลังของเขา
“ระวัง!!!! ”ฉันะโออกมาด้วยความใะเพื่อช่วยบอกซาโนะให้ระวังตัว และเขาก็เหมือนจะรู้หันหลังกลับไปคว้าไม้หน้าสามที่กำลังจะฟาดลงไปที่แผ่นหลังของเขาได้ทันเวลาพอดี เขาบิดข้อมือชายคนนั้นให้ปล่อยไม้และเขาก็ทำสำเร็จข้างนอกเกิดการต่อสู้กัน ตอนแรกก็ทีแค่ซาโนะกับชายชุดดำตัวใหญ่คนนั้นเพียงสองคนแต่ตอนนี้มีเพิ่มมาอีกเกือบสิบคน
“ไอ้พวกมารผจญ!!! ”ฉันกำหมัดแน่นแววตาเบอกโตแข็งกร้าวด้วยความโกรธ ถ้าไม่ติดพวกมันทั้งฉันต้นฝนคงจะได้ไปถึงท่าเรือของอีตาซาโนะเพื่อรอเวลาเรือออกและได้กลับบ้านสักที แต่ดูตอนนี้สิ!!!!!!
