บรรยากาศภายในห้องทดลองของกู่เทียนยังคงเต็มไปด้วยความตึงเครียด แต่ท่ามกลางบรรยากาศที่หนักอึ้งนั้น กู่เทียนกลับยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่หนักแน่น
"ถึงเื่นี้มันจะเป็วิกฤติ แต่มันอาจเป็โอกาสสำหรับเราเช่นกันนะครับ"
เมื่อทั้งสามคนได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างขึ้นราวกับถูกกระตุ้นบางอย่าง ใช่แล้ว พวกเขามัวแต่คิดถึงอันตรายที่จะมาถึงจนลืมไปว่าในทุกวิกฤติมักมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ
ทันใดนั้น กู่หลงก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ "มีแผนแล้วสินะ"
กู่เทียนยิ้มก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “อย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ หายนะนี้น่าจะเกิดขึ้นในอีกสองปีข้างหน้าเป็อย่างเร็วที่สุดหากไม่มีปัจจัยอื่นๆ มาเกี่ยวข้อง ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำคือเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเองและกองกำลังของเราให้มากที่สุด”
กู่เทียนพูดต่อ“แม้ว่าผมจะมีหอการค้าดวงดาวอยู่แล้ว แต่มันยังไม่เพียงพอ เพราะจากข่าววงในที่ผมได้รับมา พวกรัฐบาลกลางและสิบตระกูลใหญ่ก็น่าจะรู้ถึงหายนะที่กำลังจะมาถึงเช่นกัน ผู้นำระดับสูงของพวกเขาเริ่มทำตัวลึกลับและเก็บตัวมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นแสดงให้เห็นว่าพวกเขากำลังเตรียมการบางอย่างเช่นกัน”
กู่เทียนยังคงอธิบายต่อไป “ดังนั้นสิ่งที่ผม้าให้พวกเราเริ่มทำั้แ่ตอนนี้คือเปลี่ยนเงินฟอก ก่อนหน้านี้ไห้เป็ทรัพยากรให้มากที่สุด เนื่องจากว่าเมื่อหายนะเกิดขึ้น เงินก็จะกลายเป็เพียงเศษกระดาษไร้ค่า มันจะดีกว่าถ้าเราเก็บของที่มีมูลค่าในตัวของมันเองไว้ล่วงหน้า”
“เื่นี้ผมจะฝากให้คุณแม่ดูแลนะครับ”
กวงเยว่พยักหน้าตอบรับทันทีโดยไม่ลังเล เธอรู้ว่ากู่เทียนมองการณ์ไกล และเธอก็มีประสบการณ์เื่นี้อยู่พอสมควร
จากนั้น กู่เทียนก็หันไปหากู่หลงพร้อมหยิบการ์ดสีดำออกมาวางลงตรงหน้าพ่อของเขา
“ส่วนคุณพ่อ ผมอยากให้คุณพ่อเข้าควบคุมโรงเรียนต่างๆ เพื่อสรรหาเด็กที่มีพร์และความสามารถเข้ามาอยู่ภายใต้กองกำลังของเรา เราไม่สามารถพึ่งพาผู้คนจากภายนอกได้ตลอดไป เราต้องสร้างกองกำลังของตัวเองขึ้นมา และกองกำลังที่แข็งแกร่งต้องเริ่มจากรากฐานที่ดี”
กู่เทียนหยิบการ์ดบางอย่างออกมาพร้อมยื่นให้กู่หลง “นี่คือการ์ดที่ข้างในมีเครดิตจำนวนมหาศาล ผม้าให้คุณพ่อตั้งมหาวิทยาลัยฝึกสอนผู้ควบคุมสัตว์ร้ายที่เป็ของเราเอง พร้อมกับเสริมสร้างโครงสร้างภายในเมืองต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะสามารถควบคุมทรัพยากรและบุคลากรได้อย่างเต็มที่”
กู่โม่ที่นั่งฟังเงียบๆ มาตลอด ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น "ไว้ใจได้เลย"
กวงเยว่ที่ยืนอยู่ข้างๆ มองบนเล็กน้อยเป็เชิงหยอกล้อ แต่ในใจของเธอกลับรู้ดีว่าสามีของเธอสามารถจัดลำดับความสำคัญของเื่นี้ได้ แม้ว่าเขาจะดูเหมือนเป็คนที่ติ๊งต๊องไปบ้าง แต่เมื่อถึงเวลาสำคัญ เขาก็สามารถเป็ที่พึ่งพาได้
สุดท้าย กู่เทียนหันไปหากู่โม่ ก่อนจะหยิบแหวนสีทองที่ดูสวยงามออกมาแล้วยื่นให้ปู่ของเขา
“ส่วนคุณปู่ ผมอยากให้คุณปู่เดินทางไปยังเมืองต่างๆ เพื่อทำการหาผู้ที่มีพร์และสามารถฝึกฝนให้ภักดีต่อเราได้ โดยในแหวนวงนี้จะมีสัญญาเืหลายหมื่นฉบับ พร้อมกับหินประเมินพร์แหวนนี้จะส่งสัญญาไปยังจิตใจของคุณปู่ มันจะวิเคราะห์พร์ของพวกเขาให้คุณปู่เห็นทันที แต่มันอาจไม่สามารถแสดงข้อมูลของบางคนได้ เพราะฐานข้อมูลของพร์ที่ผมมีมาจากข้อมูลที่รัฐบาลกลางเก็บเกี่ยวไว้ และบางพร์อาจจะไม่ถูกบันถึกไว้”
กู่เทียนเงียบไปสักพักก่อนที่จะพูดขึ้น “การตัดสินใจว่าจะนำคนเ่าั้เข้าเป็ส่วนหนึ่งของหน่วยลับของตระกูลกู่ หรือให้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของเราก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคุณปู่และหากมีโอกาสพบเจออาณาเขตลับ วัตถุดิบ หรือสมบัติบางอย่าง ผมอยากให้คุณปู่เก็บมันมาด้วย เราต้องรวบรวมทุกอย่างที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ก่อนที่หายนะจะมาถึง”
กู่โม่พยักหน้ารับคำด้วยความเข้าใจ สายตาของเขาสะท้อนถึงความภาคภูมิใจที่มีต่อหลานชายของเขามาก
บรรยากาศภายในห้องทดลองที่เคยตึงเครียด เริ่มเปลี่ยนเป็ความหนักแน่นและแน่วแน่ ทุกคนต่างเข้าใจว่าพวกเขาไม่ได้มีเวลามากนัก ทุกวินาทีที่เสียไปอาจหมายถึงความแตกต่างระหว่างการอยู่รอดหรือความพินาศ
หลังจากที่ทุกคนเตรียมตัวแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง กู่เทียนก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความจริงจัง "ทุกคนช่วยตามผมมาสักครู่"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น กู่หลง กวงเยว่ และกู่โม่ต่างหันมามองหน้ากันเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าและเดินตามกู่เทียนไปโดยไม่ถามอะไรเพิ่มเติม กู่เทียนพาทั้งสามคนเดินผ่านทางเดินลึกเข้าไปในพื้นที่ที่แทบไม่มีใครเคยเข้าถึงมาก่อน ที่แห่งนี้ถูกล็อกไว้อย่างแ่า มีการป้องกันหลายชั้น แม้แต่พลังิญญายังแทบจะเล็ดลอดเข้าออกไม่ได้
เมื่อเดินผ่านประตูเหล็กหนาหลายบาน กู่หลงที่เดินตามมาถึงก็พูดขึ้นด้วยความใ "เหล็กนี้มัน... เหล็กแห่งความมืด ระดับ SSS งั้นเหรอ?"
กวงเยว่และกู่โม่ที่ตอนแรกไม่ได้สังเกตก็หันไปมองอย่างรวดเร็ว ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง
"เหล็กแห่งความมืดงั้นเหรอ? ไอ้เหล็กที่แม้แต่ผู้ควบคุมสัตว์ร้ายระดับมหากาพย์ก็ยังยากที่จะทำลายมันเนี่ยนะ?" กวงเยว่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เหลือเชื่อ
กู่โม่เองก็เอามือแตะประตูเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า "ใช่แน่นอน ขนาดในพวกรัฐบาลกลางยังมีอยู่น้อยเลย แล้วเ้าหลานตัวแสบเอามาจากไหนกัน?"
ทั้งสามคนมองไปที่ทางเดินทอดยาวที่รายล้อมไปด้วยกำแพงเหล็กแห่งความมืด และประตูที่ถูกสร้างจากแร่สุดหายากนี้โดยเฉพาะ แต่ก่อนที่พวกเขาจะซักถามอะไรเพิ่มเติม กู่เทียนก็รีบเปลี่ยนเื่พูดคุยทันที
"ทุกคนเข้ามาในห้องกันก่อนดีกว่าครับ"
กวงเยว่ยังคงอดสงสัยไม่ได้ ก่อนจะถามขึ้น "ห้องนี้ใช้เงินไปเท่าไหร่กันแน่?"
แต่กู่หลงกลับโบกมือก่อนจะเอื้อมมือไปจับข้อมือภรรยาของเขาแล้วลากเธอเข้าไปข้างในโดยไม่ปล่อยให้เธอถามอะไรเพิ่มเติม
"รีบเข้าไปเถอะ บางทีการไม่รู้เื่นี้อาจทำให้น้อยหลับสบายกว่านะ"
กู่โม่เองก็ไม่ได้ซักถามอะไรต่อ เขาเดินตามเข้าไปอย่างเงียบๆ และเมื่อเข้ามาภายในห้อง ทุกคนก็ตกตะลึงกับภาพที่เห็น
กลางห้องนั้นมีเตียงพิเศษที่ถูกล้อมรอบไปด้วยอุปกรณ์ช่วยชีวิตมากมาย แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดกลับเป็หินสีแดงห้าก้อนที่วางอยู่บนเตียงเ่าั้ มันดูเป็หินธรรมดา แต่มีลวดลายสีแดงเข้มที่ให้ความรู้สึกแปลกประหลาด นอกจากนี้ด้านหลังของหินเ่าั้ยังมีต้นไม้ต้นหนึ่งที่แผ่พลังอ่อนๆ ออกมา
กวงเยว่เป็คนแรกที่เอ่ยปาก "ต้นสนพันปีอย่างงั้นเหรอ?"
กู่โม่มองไปที่ต้นไม้แล้วพูดต่อ "ต้นสนพันปี สมบัติประเภทการรักษาที่หายาก แค่ให้คนใกล้ตายไปนอนอยู่ข้างๆ ต้นไม้ต้นนี้ มันก็จะฟื้นฟูจนกลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่ใช่แค่อาการบาดเจ็ฐเท่านั้นแต่ไม่ว่าจะเป็โรคอะไรก็ตาม มันก็จะรักษาจนหายขาดเลย นี่มันควรจะสูญพันธ์ุไปแล้วสิ หลานไปหามันมาจากไหนกัน?"
กู่เทียนหัวเราะเบาๆ แต่ไม่ได้ตอบอะไร ก่อนจะเดินไปที่มุมห้องและหยิบกระเป๋าใบหนึ่งขึ้นมา เขาเปิดกระเป๋าออก เผยให้เห็นกลีบดอกไม้บางอย่างสามใบ
กู่เทียนหยิบกลีบดอกไม้เ่าั้ขึ้นมาแล้วพูดขึ้น "นี่คือใบไม้แห่งจิติญญา คุณสมบัติของมันคือการป้องกันการค้นหาิญญาหรือสืบค้นจิตใจ มันจะคงอยู่ไปตลอดกาลหากไม่มีใครทำลายมัน ส่วนวิธีใช้... กลืนมันเข้าไปเลยครับ"
ทั้งสามคนมองหน้ากัน ก่อนที่พวกเขาจะรับกลีบดอกไม้มาคนละใบโดยไม่ลังเล
"ั้แ่เกิดมาฉันไม่เคยรู้จักกลีบดอกไม้ประเภทนี้เลย" กู่โม่พึมพำเบาๆ แต่ก็กลืนมันเข้าไปทันทีเช่นเดียวกับกวงเยว่และกู่หลง
ทันทีที่ใบไม้แห่งจิติญญาถูกกลืนเข้าไป พลังิญญาอ่อนๆ ก็เริ่มหมุนเวียนรอบตัวพวกเขา มันแผ่พลังที่สงบนิ่งแต่ลึกซึ้งไปทั่วร่างกาย ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ สงบลง