หลังจากแสงวสันตฤดูผ่านไป เซียวจ่างเฟิงแต่งตัวแล้วจากไป องค์หญิงใหญ่นอนอยู่บนเตียงพลางเท้าคางมองแผ่นหลังเขาจากไป ในที่สุดสายตารักใคร่ก็ถูกแทนที่ด้วยความเหยียดหยาม
หากไม่ใช่เพราะเขายังมีประโยชน์ นางก็ไม่คิดจะมีอะไรกับเขาอีก ถึงอย่างไรเขาก็สี่สิบแล้ว กำลังวังชาไม่เหมือนกับบุรุษหนุ่ม มีความรู้สึกใจอยาก ทว่าร่างกายไม่อำนวยอะไรทำนองนั้น
ก็เหมือนกับการวางแผนของเขาที่ไม่มีความเฉียบคมแบบวัยหนุ่มอีก ทว่าเน้นไปที่ความระมัดระวังมากกว่า
เขาต้องระวังขึ้นบ้างเพราะตอนนี้ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกแล้ว เขามีภรรยาเป็โขยง มีบุตรธิดาห้อมล้อมและแบกความรับผิดชอบอันหนักอึ้งจึงไม่ได้คิดถึงนางเพียงคนเดียวอีกต่อไป
เขาไม่ให้นางทำอันใดเลยนอกจากหยั่งเชิง เท่ากับว่าให้นางเป็ลูกแกะรอวันถูกเชือดอย่างนั้นหรือ?
แต่ไหนแต่ไรมาซ่งอีเสวี่ยไม่เคยเป็เช่นนั้น!
ในเมื่อไทเฮาทรงห่วงใยบุตรชายของนางถึงเพียงนี้ หากตำแหน่งฮ่องเต้ของซ่งอี้เฉินถูกแย่งมา ไม่รู้นางจะคิดอย่างไร?
มันต้องน่าสนใจมากแน่นอน!
ในเมื่อตอนนี้เดินมาถึงตำแหน่งนี้แล้ว นางจึงต้องระมัดระวัง ยามจำเป็ต้องชิงลงมือก่อน
เป็คนหนุ่มสาวดีไม่น้อย เหมือนกับจวินอู๋เสียตัวประกันราชวงศ์ใต้ หากนางให้การสนับสนุน คิดดูแล้วคงเป็บุคคลที่ยอดเยี่ยม
ถึงเวลาที่ต้องตามตัวเขามาแล้ว
องค์หญิงใหญ่คิดเช่นนี้พลางรู้สึกเร่าร้อน่ล่างขึ้นมาอีกครั้ง นางะโเสียงดัง “ผู้ใดอยู่ด้านนอกบ้าง?”
องครักษ์คนหนึ่งเดินเข้ามาทันที เมื่อเห็นองค์หญิงใหญ่ร่างกายเปลือยเปล่าจึงรีบก้มหน้าลง “กระหม่อมอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงใหญ่ตรัสอย่างเกียจคร้าน “ถอดชุดเกราะเ้าเข้ามาปกป้องข้าเถิด”
องครักษ์ผงะและมองนางอย่างใ จากนั้นก็เห็นนางหมุนกายกลับมา เผยให้เห็นเนื้อเนียนขาวดั่งหิมะ แววตาเขาจึงพร่าเลือน ก่อนจะได้ยินนางตรัสเบาๆ “มาเถิด” สองเท้าเดินเข้าไปใกล้โดยไม่รู้ตัว
ประตูห้องปิดลง จากนั้นครู่หนึ่งก็มีเสียงลมหายใจอันเร่าร้อนกระสันซ่านดังจากด้านในห้องอีกครั้ง
......
เื่ครอบครัวอาลักษณ์อู๋แหกคุกผ่านไปไม่กี่วัน ในตำหนักก็มีข่าวอู๋เจาหรงเสียชีวิตอย่างกะทันหัน
เหยียนอู๋อวี้นึกถึงคำสัญญาที่ตนเองพูดกับนางในวันนั้นด้วยความรู้สึกซับซ้อนเล็กน้อย
จะว่าไปแล้วนางก็ถูกคนหลอกใช้เช่นกัน ทว่ากลับเป็ชนวนของเื่ทั้งหมด ไทเฮาย่อมไม่เก็บนางไว้แน่
นางอายุไม่ถึงยี่สิบเป็่วัยบุปผากำลังเบ่งบาน ในตำหนักได้สูญเสียดอกไม้งามมากเกินไป สำหรับนางกำนัลแล้วนี่เป็เพียงแค่ข่าวหนึ่งเท่านั้น เรือนหลิวชุ่ยไม่ต้องมีคนรับใช้อีกต่อไป นางกำนัลและขันทีในนั้น บ้างก็ถูกฆ่า บ้างก็ถูกส่งตัวออกไป หลังจากเื่นี้ผ่านไปก็ได้ทิ้งคำเตือนไว้ให้อยู่บ้าง ทว่าบนใบหน้ากลับไม่มีร่องรอยอันใดเลย
หลังจากเหตุการณ์นี้เหยียนอู๋อวี้จึงได้รู้ว่านางประเมินกำลังของตนเองสูงไป เดิมทีนาง้าให้จวินอู๋เสียช่วยไปตรวจสอบ ทว่ากลับไม่คิดเลยว่าจะตามหาเขาไม่พบ
เป่าขลุ่ยไปหลายครั้ง ทว่าไม่เห็นเงาคนเลย ขณะนี้เหยียนอู๋อวี้ได้เข้าใจความรู้สึกที่เขารออวิ๋นอู๋เหยียนไม่ไหวในตอนนั้นแล้ว
นางต้องสร้างอำนาจตนเองไว้นอกตำหนักบ้างแล้ว มิฉะนั้นครั้งต่อไปก็จะเป็เช่นนี้อีก ในยามอันตรายก็จะถูกกระทำหมดสิ้น ทำได้เพียงปล่อยให้ผู้อื่นฆ่าแกง
เหยียนอู๋อวี้เดินพลางถือขลุ่ยเลาเล็กอย่างเหม่อลอย จากนั้นนางก็ใช้แขนเสื้อบังแล้วแอบเป่าอีกสองครั้ง ทว่าก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เช่นเดิม
นางกำนัลกับขันทีเดินถือกระถางดอกไม้ผ่านมาเป็ครั้งคราว วันประสูติซ่งอี้เฉินใกล้เข้ามาแล้ว หัวหน้าขันทีที่ดูแลสวนได้จัดเตรียมดอกไม้ที่ใช้ในงานวันประสูติไว้แล้ว หลังจากคำนับเสร็จก็ไม่ได้พูดอันใดอีก
เหยียนอู๋อวี้ไม่อยากถ่วงเวลาพวกเขาจึงเลี้ยวไปยังสถานที่ห่างไกลออกไป นางมาถึงศาลาเล็กหลังนั้นโดยไม่รู้ตัว ในศาลามีบุรุษชุดเขียวยืนอยู่
เหยียนอู๋อวี้จำแผ่นหลังนั่นได้ในปราดเดียวจึงสั่งให้ป้าโฉ่วยืนเฝ้าไว้ ส่วนตนเองเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วกล่าวว่า “องค์ชายจวิน บังเอิญจริง ๆ”
จวินอู๋เสียหันมาด้วยรอยยิ้มที่น่ารื่นรมย์ยิ่งกว่าทิวทัศน์ริมแม่น้ำ
เหยียนอู๋อวี้นึกถึงท่าทีเคร่งขรึมที่เขามีต่อเหยียนรั่วฟาง และคิดในใจว่าความคิดบุรุษคาดเดาได้ยากไม่ต่างจากสตรี ครอบครัวนางพยายามหาทางเอาใจเขา ทว่าก็ยังไม่ได้รับรอยยิ้มที่จริงใจ ทิวทัศน์ริมแม่น้ำ ยังไม่ได้ทำอันใด ทว่ากลับทำให้เขาเผยรอยยิ้มออกมาได้
“ไม่ได้บังเอิญ ข้ากำลังรอท่านอยู่ที่นี่” จวินอู๋เสียพูด “ท่านเรียกข้ามิใช่หรือ?”
เหยียนอู๋อวี้เผลอมองขลุ่ยในมือด้วยสีหน้าประหลาดใจ “เ้าได้ยินจริงหรือ?”
“ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ ครั้งก่อน ๆ ที่ท่านตามหาข้า ข้าก็รู้” จวินอู๋เสียพูดอย่างอบอุ่น
เหยียนอู๋อวี้เหมือนจะนึกบางอย่างได้ นางเอ่ยถามด้วยสีหน้าอึมครึม “ในเมื่อเป็เช่นนี้ เหตุใดไม่ออกมา?”
“ข้าจัดการเื่ที่ท่านไหว้วานข้าหมดแล้ว” จวินอู๋เสียพูดเสียงเบา
“สายไปแล้ว” เหยียนอู๋อวี้กล่าวเสียงเรียบ “ท่านจัดการที่เหลือไปแล้ว มาพูดกับข้ามีความหมายอันใดอีก”
“ครอบครัวอาลักษณ์อู๋ออกจากเมืองหลวงเมื่อคืน อู๋เจาหรงก็หนีไปแล้วเช่นกัน คนที่ตายอยู่ในตำหนักนางเป็สตรีที่คล้ายคลึงกับนาง “จวินอู๋เสียอธิบายอย่างอดทน “สตรีนางนั้นตายแล้ว ในร่างกายมีพิษจึงไม่ถูกคนค้นพบ”
“ท่านเสี่ยงเกินไปแล้ว!” เหยียนอู๋อวี้เผยสีหน้าโกรธเกรี้ยวออกมาในที่สุด “ท่านน่าจะรู้ว่าเื่นี้อันตรายมากเพียงใด!”
ความขุ่นเคืองนี้แฝงด้วยความห่วงใยและความจริงใจอยู่ในที หัวใจจวินอู๋เสียอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย “ไม่ต้องเป็กังวล”
จากนั้นเขาก็เล่าเื่วันนั้นให้นางฟังหนึ่งรอบ
คืนนั้นซ่งอี้หานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียเห็นสีหน้าประหลาดใจไม่มั่นคงของซ่งอี้หาน จึงรู้ทันทีว่าคืนนี้เป็การเดินทางที่คุ้มค่าแน่นอน
แม้จุดนี้ของซ่งอี้หานจะแค่พริบตาเดียว และรวดเร็วจนแทบจะทำให้คิดว่าเป็ภาพลวงตา ทว่าจวินอู๋เสียก็ยังจับความแปลกประหลาดนี้ได้ ดังนั้นเมื่อเขานิ่งขรึมอีกครั้ง จวินอู๋เสียก็มีคำตอบทุกอย่างในใจแล้ว
“ไม่ทราบว่าเหตุใดองค์ชายจวินถึงมาเยี่ยมเยียนยามดึกเช่นนี้ ไม่ทราบมีเื่อันใดหรือ?” ซ่งอี้หานเก็บความประหลาดใจเอาไว้แล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนตามปกติ
เขาได้รับรหัสลับจากอาลักษณ์อู๋จึงตัดสินใจไปพบซ่งอี้หาน แม้ตอนนี้อาลักษณ์อู๋จะยังอยู่ในคุก ทว่าจิ้งจอกเฒ่าผู้นั้นกำลังเตรียมแผนสำรองอยู่แน่นอน เขายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะยื่นมือไปช่วยลากเขาออกมาหรือไม่ ทว่าก็ยังตัดสินใจว่าจะดูไพ่ตายของอาลักษณ์อู๋สักหน่อย กลับไม่คิดเลยว่าจะเป็จวินอู๋เสีย
บังเอิญหรือ? ในใจซ่งอี้หานมีความสงสัย ทว่าตัดสินใจทำเป็ไม่รู้เื่
จวินอู๋เสียมองแผนการเขาออกนานแล้วจึงตอบกลับอย่างไม่รีบร้อน “ได้รับคำขอจากสหายเก่าผู้หนึ่งให้มาเจรจาต่อรองกับองค์ชาย”
ซ่งอี้หานหัวใจเต้นระรัว ทว่าแสร้งทำเป็ไม่รู้ “ต่อรองหรือ? ข้าไม่ใช่พ่อค้าจะเจรจาต่อรองได้อย่างไร?”
“ความลับในมืออาลักษณ์อู๋น่าจะพอมีราคาอยู่บ้าง” จวินอู๋เสียไม่ได้โกรธเคืองเช่นกัน เขาพูดแช่มช้าพลางมองสีหน้าอีกคนเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ จากนั้นก็ค่อยๆ บอกรหัสลับที่ได้มาจากเหยียนอู๋อวี้ “พุทราสามลูกหน้าประตู ตกหนึ่งลูก กินหนึ่งลูก ยังแขวนอยู่อีกหนึ่งลูก” ในที่สุดซ่งอี้หานก็ถอดหน้ากากออก สีหน้าเขายังคงอ่อนโยน เพียงแค่ในระหว่างนั้นมีความระมัดระวังยิ่งขึ้น “ไม่ทราบว่าองค์ชายจวิน้าเจรจาอย่างไร?”
จวินอู๋เสียกล่าวพลางแย้มยิ้ม “อาลักษณ์อู๋ยังอยู่ในคุก ทว่าสิ่งของของเขาอยู่ในมือข้า ตอนนี้องค์หญิงใหญ่ยังไม่ได้ลงมือปกป้องเขา ไทเฮาก็อยากให้เขาตาย อาลักษณ์อู๋กุมความลับบางอย่างไว้ในมือ เขามีแค่คำขอเดียวคือรอดชีวิต ไม่ใช่แค่เขาแต่รวมถึงภรรยากับลูกๆ ด้วย”
“ไทเฮา้าฆ่า องค์หญิงก็้าฆ่าเช่นกัน ข้าปกป้องคนเช่นนี้ไม่ได้” ซ่งอี้หานตอบอย่างไม่ลังเล
จวินอู๋เสียไม่ได้เคร่งเครียด เขายังคงพูดพลางแย้มยิ้ม “ท่านอ๋องไม่ต้องกังวล ในเมื่อมาเจรจาต่อรอง ในมืออาลักษณ์อู๋ย่อมเป็ไพ่ตายแน่นอน”
ซ่งอี้หานยืดตัวตรงโดยไม่รู้ตัวและจับจ้องจวินอู๋เสียด้วยสีหน้าเ็า อีกคนบอกว่ามาเจรจาต่อรอง เกรงว่าไพ่ตายจะเป็ไพ่ตายไว้ข่มขู่เขาแล้ว