ในใจพวกเขาต่าง้าแก้แค้นแทนนายน้อย
แม้แต่เฉินโช่วผู้นำตระกูลเฉินวัยเก้าสิบปีก็ถูกปลุกให้ตื่น
"เฉินฝู! ใครกันที่กล้าก่อกวนในวันมงคลของตระกูลเฉินเรา ถึงขั้นกล้าหักแขนแก!"
เฉินโช่วใช้ไม้เท้ารูปหัวัค้ำยันตัว ขณะถามเฉินฝูที่นอนร้องโอดครวญกลิ้งไปมาบนพื้นด้วยความเดือดดาล
"ปู่ทวด! ท่านต้องช่วยผม! ไอ้เด็กถูกทิ้ง...ไอ้เด็กถูกทิ้ง เฉินเฟิง... มันกลับมาแล้ว!"
เฉินฝูพยุงตัวขึ้นจากพื้นด้วยความยากลำบาก และเข้าไปกอดขาเฉินโช่วด้วยแขนข้างเดียว ก่อนร้องไห้ขอความช่วยเหลือ
ทันใดนั้นเอง เฉินเฟิงกระโจนขึ้นไปอยู่เหนือศีรษะสมาชิกตระกูลเฉินสิบเมตร เขาเข้ามาทันได้ยินเสียงครวญครางขอความช่วยเหลือของเฉินฝูพอดี
แต่ก่อนเฉินเฟิงจะทันได้เปิดตัวกับสมาชิกตระกูลว่า เขากลับมาแล้ว เขาก็ถูกจ้าวเสี่ยวเยว่ หญิงสาวที่มีเสียงสูงแหลมแซงหน้า เธอะโด้วยน้ำเสียงโเี้
"ถูกแล้ว เวลาผ่านไปสิบเก้าปี ศิษย์น้องฉัน เฉินเฟิง กลับมาทวงคืนความยุติธรรมจากตระกูลเฉินที่ทอดทิ้งเขา"
เมื่อสมาชิกตระกูลเฉินได้ยินเสียงแหลมสูงของจ้าวเสี่ยวเยว่ที่ดังก้องไปทั่วคฤหาสน์ พวกเขาต่างเงยหน้าขึ้นหมายตามหาเ้าของเสียงนั้น
ในที่สุดพวกเขาก็เห็นเฉินเฟิงและสองสาวงามบินร่อนลงมาจากข้างบนราวเทพเซียนและเทพธิดา
"ศิษย์น้อง?!"
สีหน้าเฉินโช่วเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น เพราะััได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่จากตัวจ้าวเสี่ยวเยว่ผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง
"ใช่! ผมมีพี่สาวร่วมสำนักมากมาย และผมก็เป็ศิษย์น้องคนเล็กสุด"
เฉินเฟิงหัวเราะกับตัวเองในใจ แล้วค่อยๆ ก้าวลงจากนภา
"คุณคือเสี่ยวเฟิงจริงๆ หรือ?"
เฉินโช่วในวัยเก้าสิบปี ถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นเฉินเฟิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา
เขานึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อแปดสิบปีก่อน
แปดสิบปีก่อน เฉินโช่วอายุเพียงสิบขวบได้ติดตามพ่อของเขา หรือเฉินฉางชิงเข้าร่วมสำนักหมัดธรรมชาติ
หลังจากนั้นไม่นาน เฉินฉางชิงกลายเป็ประมุขสำนักหมัดธรรมชาติ แต่เหนือประมุขยังมีพี่ชายผู้มีความาุโกว่าอีกหนึ่งคน ชายผู้นั้นคือพี่ชายแท้ๆ ของเฉินฉางชิง นามว่า เฉินเฟิง
ถ้าเฉินเฟิงคนนั้นยังมีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้ เขาจะมีอายุหนึ่งร้อยยี่สิบปี
ในเมื่อเฉินโช่วเห็นใบหน้าของลุงเฉินเฟิง เขาคิดไปแล้วด้วยซ้ำว่า อีกฝ่ายเสมือนเทพเซียนจำแลงกายลงมาจากสรวง์
เฉินโช่วเปรียบเทียบใบหน้าของลุงเฉินเฟิงกับเฉินเฟิงรุ่นเหลนในตอนนี้ แล้วพบว่าพวกเขามีหน้าตาคล้ายคลึงกันมาก
"ใช่ ผมคือเฉินเฟิง อดีตผู้สืบทอดที่ถูกตระกูลเฉินของพวกคุณวินิจฉัยว่าเป็โรคชีพจรเก้าหยาง จะมีชีวิตอยู่ไม่พ้นเก้าขวบและถูกทอดทิ้งไม่ไยดี"
เฉินเฟิงกัดฟันแน่นสบตาชายชราวัยเจ็ดสิบปีคนหนึ่งในฝูงชนนามเฉินขวง
ในอดีต เฉินเฟิงถูกปู่เลี้ยงคนนี้ขับไล่จากตระกูลเฉินด้วยตัวเอง
เพราะเฉินขวงเข้ารับตำแหน่งผู้นำตระกูลในเวลานั้น ส่วนปู่ทวดเฉินโช่วกำลังปิดด่านฝึกตนและตัดขาดจากโลกภายนอกทั้งสิ้น
มิฉะนั้น ตราบใดที่เฉินโช่วยังอยู่ เพียงชื่อ "หรงอ้าว" เพียงอย่างเดียว เฉินเฟิงไม่มีทางถูกขับไล่จากตระกูลเฉินแน่ ต่อให้เขาจะตายวันตายพรุ่งจากโรคร้ายเลย ก็ไม่มีทาง!
เฉินขวงเป็อย่างที่ชื่อตั้งไว้ เป็คนหยิ่งยโส แม้จะเคยชื่นชมพร์ด้านศิลปะการต่อสู้ของเฉินเฟิงเพียงใด แต่เมื่อเขาพบว่าเฉินเฟิง หลานบุญธรรมที่เฉินโช่วรักมากเป็พิเศษคนนี้เป็โรคชีพจรเก้าหยางและมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งปี เขาจึงฉวยโอกาสที่เฉินโช่วปิดด่านฝึกตน ขับไล่เฉินเฟิงวัยแปดขวบออกจากตระกูลเฉินอย่างไร้ความปรานี ปล่อยให้มันไปหาที่ตายข้างนอกด้วยตนเอง
แล้วเฉินขวงก็รีบแต่งตั้งหลานชายของเขาอย่างเฉินฝูขึ้นเป็นายน้อยคนใหม่แห่งตระกูลเฉิน
"เสี่ยวเฟิง... ดีใจจริงๆ ที่ลูกยังไม่ตาย... และลูก ก็โตแล้ว..."
ท่ามกลางสมาชิกตระกูลเฉิน หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังยืนร่ำไห้ เธอพยายามเข้าไปใกล้ๆ เพื่อดูเฉินเฟิงให้ชัด
แต่เธอกลับถูก เฉินหลง สามีของเธอรั้งตัวไว้ก่อน
"แม่..."
ทันทีที่เฉินเฟิงเห็นผู้หญิงคนนี้ น้ำตาของเขาก็ไหลริน
คนเพียงคนเดียวที่มีค่าพอให้เฉินเฟิงนึกถึงตระกูลเฉินคือ หลินชิง แม่ผู้ให้กำเนิด แม่ผู้เลี้ยงดูเขา
ยิ่งไปกว่านั้น เฉินเฟิงยังรู้แล้วว่า แม้เขาจะเป็ลูกชายของหลินชิง แต่เขาหาได้มีความสัมพันธ์ทางสายเืกับคนอย่างเฉินหลง
ในอดีตนั้น เมื่อปู่เลี้ยงเฉินขวงและเฉินหลง้าขับไล่เด็กน้อยวัยแปดขวบเฉินเฟิงออกจากตระกูล
มีเพียงแม่ของเขาที่พยายามปกป้องอย่างสุดกำลัง แต่น่าเสียดายที่พยายามให้ตายอย่างไร แขนก็มิอาจแข็งแรงเทียมขา [1]
เธอมิอาจเปลี่ยนแปลงชะตากรรมที่รัดเกี่ยวเฉินเฟิงไว้ได้ เพราะแม้ตัวเธอเองก็ถูกกักบริเวณ
ตระกูลเฉินเป็ตระกูลทรงอำนาจ แต่กลับไร้สิ้นซึ่งมนุษยธรรม
ถ้าเป็ไปได้ เฉินเฟิงก็ไม่้ากลับมาเหยียบที่บ้านหลังนี้อีก แต่ความเกลียดชังในอดีต ความเกลียดชังที่เขาถูกตระกูลเฉินทอดทิ้งครั้นเยาว์วัย เขา้าชำระแค้นนั้น
มิฉะนั้น เขาคงสลัดความคิดฟุ้งซ่านนี้ และสืบทอดตำแหน่ง 'เซียนแพทย์เทวะ' ไม่ได้!
เฉินหลงจ้องมองเฉินเฟิงที่กำลังยืนน้ำตาคลอเบ้า แล้วความคิดบิดเบี้ยวเื่ถูกสวมหมวกเขียวในใจพลันปะทุขึ้น
"หลินชิง ตอนนี้เธอคือลูกสะใภ้ตระกูลเฉิน! หัดรู้จักสถานะของตัวเองบ้าง ไอ้มารหัวขนเฉินเฟิงไม่ใช่คนตระกูลเฉิน!"
เมื่อเฉินหลงเห็นภรรยาของเขาร้องไห้ และดิ้นรนขัดขืนอย่างรุนแรง เขาจึงบันดาลโทสะตบหน้าเธออย่างรุนแรง
"เพี๊ยะ!"
เพราะเฉินเฟิงอยู่ห่างจากหลินชิงมากเกินไป เขาจึงเข้าไปช่วยไม่ทัน
หลังจากตบหลินชิงแล้ว เฉินหลงก็ยังคงมีท่าทีมองยัวะเฉินเฟิงอย่างดูถูก
ั์ตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความปรามาสสะใจ เขาพูดจาดูถูกเฉินเฟิงอย่างเปิดเผย
"ไอ้ลูกเต่าหัวหด ทำเป็เดินจากบนฟ้า เก่งมากไม่ใช่เหรอ? แม่แกโดนตีต่อหน้าต่อตา ทำไมไม่เข้ามาหยุดฉัน?!"
แม่ถูกพ่อเลี้ยงตีต่อหน้าต่อตา ซ้ำยังถูกพ่อเลี้ยงดูถูกเหยียดหยาม
ดวงตาของเฉินเฟิงโหมกระหน่ำไปด้วยโทสะ
แต่เขายังต้องอดทนอยู่ เพราะยังไม่ถึงเวลา!
เฉินขวงซึ่งเป็คนแรกที่ออกคำสั่งไล่เขาออกจากตระกูลเมื่อครั้งนั้น ยังไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ
จริงๆ แล้ว เฉินขวงเองก็ไม่ถูกใจหลินชิงอยู่ไม่น้อย ลูกสะใภ้ที่แต่งเข้าตระกูลเฉินพร้อมกับลูกติด เขารู้สึกราวกับถูกเธอทำให้เสื่อมเสีย
มาตอนนี้เมื่อเขาเห็นเฉินเฟิงไม่ลงมือทำอะไรเลย แม้จะเห็นแม่แท้ๆ ของตนถูกเฉินหลงตบอย่างแรง ทำให้เฉินขวงเข้าใจไปเองว่าเฉินเฟิงเกรงกลัวพลังอันยิ่งใหญ่ของตระกูลเฉิน แม้จะมีสองศิษย์พี่อันทรงพลังหนุนหลังอยู่ก็ตาม
ดังนั้นเฉินขวงจึง้าระบายความแค้นที่หลานชายแท้ๆ ของเขาถูกทำร้ายใส่หลินชิง
มันหัวเราะท้าทาย
"เฉินเฟิง มีความสามารถเหลือเกินนะ ถึงขนาดใช้ขาเพียงข้างเดียวทำร้ายหลานชายแท้ๆ ของฉัน แม่แกถูกตบตีต่อหน้า ยังยืนเฉยอยู่นั่น! อุตส่าห์รักษาชีวิตน้อยๆ ไว้ได้ แทนที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบๆ กลับมาเหยียบตระกูลเฉินทำไมกัน? หรือว่า้าแก้แค้น คิดว่าเด็กน้อยสามคนอย่างพวกแกจะทำอะไรได้?!"
เมื่อถึงจุดนี้ เฉินเฟิงอดรนทนไม่ไหวอีกแล้ว ในเมื่อทนไม่ไหว ก็ไม่จำเป็ต้องทนอีกต่อไป
เฉินเฟิงกวาดมองสมาชิกตระกูลเฉินกว่าหนึ่งร้อยคนที่ล้อมรอบพวกเขาทั้งสาม
เมื่อพบว่าพวกมันต่างก็มองเขากลับด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความดูถูก เฉกเช่นเดียวกับเมื่อสิบเก้าปีก่อน ในที่สุดเขาก็ะโอย่างบ้าคลั่ง
"เฉินขวง! เฉินหลง! สิบเก้าปีผ่านไป หลังจากที่พวกแกพ่อลูกไล่ฉันออกจากตระกูล…”
เชิงอรรถ
[1] แขนมิอาจเเข็งแรงเทียมขา เป็สำนวนหมายถึง คนอ่อนแอพยายามอย่างไรก็สู้คนมีอำนาจมากกว่าไม่ได้
