ั้แ่วันนั้นที่เถียนซู่เจิงแต่งตัวออกไปพบปะผู้คนในหมู่บ้าน ภาพจำของสตรีอัปลักษณ์ของนางก็หายไป แม้แต่แม่เฒ่าจางที่ไม่ค่อยพอใจในตัวบุตรสาวผู้นี้นักก็หันมาพูดคุยกับนางมากขึ้น ทุกคนในครอบครัวเริ่มให้ความใส่ใจนางและพูดคุยเื่การออกเรือนของเถียนซู่เจิงอย่างจริงจัง
“ท่านย่า อาเล็กเป็สมาชิกคนหนึ่งของบ้านเรา ถ้าจะให้นางแต่งออกไปตระกูลอื่น ท่านต้องดูว่าพวกเขาเป็อย่างไร ข้าหมายถึงหลังบ้านบุรุษที่จะมาขอท่านอาเล็กแต่งงาน”
แม่เฒ่าจางพยักหน้าเห็นด้วย
“ข้าก็คิดเช่นเดียวกับหลันเอ๋อ หากนางแต่งออกไปแล้วถูกครอบครัวสามีรังแก ตระกูลเถียนได้เสียหน้าแย่”
เถียนสวี่หลันหันมาขยิบตาให้อาเล็กที่นั่งเงียบมาตลอดโดยมิได้ออกความคิดเห็นใด หลายวันมานี้มีแม่สื่อเข้าออกเรือนตระกูลเถียนย้ำจนธรณีแทบสึก แต่ก็ยังไม่สามารถเลือกคนที่จะมาแต่งงานกับเถียนซู่เจิงได้
“่นี้ท่านย่ากำลังยุ่งอยู่กับการพิจารณาคนที่กำลังจะมาเป็อาเขยเล็กของข้า เช่นนั้นเราเข้าไปในอำเภอเพื่อเที่ยวเล่นสักหน่อยดีหรือไม่ ข้าอยากได้กระดาษมาเพื่อคัดตัวอักษรและจะได้ซื้อชุดใหม่ให้ท่านด้วย”
เถียนสวี่หลันเอ่ยกับอาเล็กระหว่างที่กำลังพับเสื้อผ้าเก็บ ั้แ่ที่นางกลับมามีชีวิตอีกครั้งเถียนสวี่หลันก็ทำทุกอย่างด้วยตนเอง เช่นการทำความสะอาดห้องหรือซักชุดของนาง
บางครั้งนางยังช่วยเถียนซู่เจิงตักน้ำทำอาหารหรือแม้แต่ให้อาหารไก่ในเล้า ทั้งที่เมื่อก่อนนางเคยดูถูกว่างานพวกนี้เป็งานชั้นต่ำ และตัวนางเองก็ไม่ชอบกลิ่นของมูลไก่จึงไม่เคยไปเหยียบหลังเรือนเลยสักครั้ง
ในคราแรกแม่เฒ่าจางเองก็คัดค้านไม่ให้นางทำงานพวกนี้ เพราะกลัวว่าหลานสาวคนดีจะเหน็ดเหนื่อย แต่มีหรือที่นางจะสามารถห้ามคนหัวรั้นเช่นเถียนสวี่หลันได้
สิ่งที่นางทำในตอนนี้ถือว่าเป็แค่เื่เล็กน้อยเท่านั้น ในชีวิตก่อนตอนที่นางถูกหลอกให้ประทับลายนิ้วมือในหนังสือสัญญาทาส นางถูกบังคับให้ทำงานทุกอย่างในจวนที่นางเคยดูถูก แม้กระทั่งงานที่ต่ำที่สุดอย่างการทิ้งอาจมนางก็เคยทำมาแล้ว เพื่อแลกกับอาหารเล็กน้อยเพื่อประทังชีวิต
“หลันเอ๋อหากออกไปตอนนี้ เราสองคนอาจจะคลาดกันกับซวนเอ๋อก็ได้นะ ข้าคิดว่าใกล้ถึงเวลาที่เขาจะเลิกจากสำนักศึกษาที่หมู่บ้านข้างๆ แล้ว”
เถียนสวี่หลันครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเสนอความคิด
“เช่นนั้นเราก็ไปอำเภอพร้อมกันทั้งสามคนก็ได้นี่เ้าคะ ไปเถอะ เราไปรอซวนเอ๋อที่หน้าหมู่บ้าน”
เถียนสวี่หลันคล้องแขนอาเล็กเดินออกจากเรือนไป สตรีทั้งสองเดินผ่านต้นไม้ร้อยปีทำให้แม่บ้านที่ว่างงานะโถามพวกนาง
"สองอาหลานพวกเ้ากำลังจะไปไหนหรือ"
เถียนสวี่หลันหันไปยิ้มให้สตรีวัยกลางคนที่กำลังปักชุนเสื้อผ้า
“เราสองคนกำลังจะไปรอน้องชายของข้าที่หน้าหมู่บ้านเ้าค่ะ”
พวกนางไม่คิดไม่ฝันว่าเด็กสาวสกุลเถียนที่ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในหมู่บ้านจะะโตอบกลับมา ยิ่งตอนที่นางยิ้มยิ่งทำให้ใบที่หน้างดงามของเถียนสวี่หลันเจิดจ้าเหมือนดวงตะวันยามเช้า
“ข้าฝันไปหรือไม่”
สตรีวัยกลางคนหันไปถามสหายของตนที่นั่งอยู่ด้วยกัน
“นางงดงามมากเหลือเกิน ข้าไม่รู้ว่าแผ่นดินนี้จะยังมีบุรุษใดที่คู่ควรกับนางอยู่อีกหรือไม่”
สตรีผู้นั้นเอ่ยออกมาคล้ายกำลังละเมอ
“ข้าเองก็อยู่มาสี่สิบกว่าปีไม่เคยเห็นสตรีใดที่งดงามเช่นนี้มาก่อน”
ถึงแม้เื่ที่เถียนซู่เจิงมีการเปลี่ยนแปลงจะเป็หัวข้อสนทนาของผู้คนในหมู่บ้านตลอดหลายวันมานี้ แต่เื่ที่นิสัยของเถียนสวี่หลันเปลี่ยนไปก็เป็อีกหนึ่งเื่ ที่พวกเขาหยิบยกขึ้นมาพูดถึงบ่อยครั้ง
“อาเล็กมานั่งหลบแดดตรงนี้”
เถียนสวี่หลันกวักมือเรียกเถียนซู่เจิงให้มานั่งข้างตน ในระหว่างที่ทั้งสองนั่งรอน้องชายของนางอยู่ในศาลาหน้าหมู่บ้าน เถียนสวี่หลันได้ถามอาเล็กของนางขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ
“อาเล็ก ท่านอ่านหนังสือได้หรือไม่”
เถียนซู่เจิงพยักหน้าช้าๆ อย่างไม่ค่อยมั่นใจเท่าใดนัก นางรู้ว่าหลายวันมานี้หลานสาวมุ่งมั่นอยู่กับการอ่านหนังสือและคัดตัวอักษร ทั้งที่นางไม่เคยสนใจมาก่อนเลย
“ข้าก็พออ่านได้เล็กน้อย ข้าเคยเห็นซวนเอ๋อท่องตำราอยู่บ่อยๆ เลยจดจำได้บ้าง อีกทั้ง....”
เถียนซู่เจิงไม่กล้าเอ่ยต่อ นางกลัวว่าหลานสาวของนางจะเกิดโทสะขึ้น และเข้าใจผิดเื่ของนาง
“อะไรหรือเหตุใดท่านไม่พูดต่อเล่า”
เถียนซู่เจิงมีท่าทีลังเลเล็กน้อย
“ข้าเคยเรียนมาจากเว่ยเจ๋อิด้วยนิดหน่อย”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้